11 กรกฎาคม 2554

<<< ความไม่เป็นธรรมในมาเลเซีย >>>

ประชาชนมาเลย์ประท้วงใหญ่จี้ปฏิรูปการเมือง ตร.ยิงแก๊สน้ำตา "อันวาร์" เจ็บ
วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฏาคม 2011 เวลา 00:55 น. เขียนโดย ทีมข่าวอิศรา

ตำรวจ มาเลเซียยิงแก๊สน้ำตา-ฉีดน้ำใส่กลุ่มผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนที่ออกมาเรียกร้อง ให้รัฐบาลปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้งทั่วไปปีหน้า ผู้ประท้วงถูกจับกุมราว 1,600 คน รวมถึง 2 แกนนำ ขณะที่ "อันวาร์ อิบราฮิม" ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากแก๊สน้ำตา

ชาวมาเลเซียจำนวนหลายหมื่นคนออกมาประท้วงหลายจุดในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศ เมื่อวันเสาร์ที่ 9 ก.ค.เพื่อกดดันให้ นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แก้ไขกฎหมายเลือกตั้งให้มีความยุติธรรมและโปร่งใสมากขึ้น ก่อนถึงการเลือกตั้งทั่วไปที่คาดว่าจะจัดขึ้นกลางปีหน้า

การชุมนุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้การนำของ “กลุ่มเบอร์ซี” และได้รับการสนับสนุนจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม อดีตรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่กลายมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน โดยแกนนำคาดหวังว่าการชุมนุมครั้งนี้จะเป็นการชุมนุมทางการเมืองครั้งใหญ่ ที่สุดนับแต่ นายอันวาร์ ถูกปลดจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2541

อย่างไรก็ตาม การชุมนุมดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของตำรวจที่ห้ามจัดการชุมนุม และดำเนินการปิดพื้นที่บางส่วนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ 8 ก.ค.โดยเตือนว่าการชุมนุมจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย ขณะที่รัฐบาลประกาศว่าการชุมนุมเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และกล่าวหาแกนนำผู้ชุมนุมว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และวางแผนล้มล้างรัฐบาล

การชุมนุมประท้วงกลายเป็นสถานการณ์รุนแรงเมื่อตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำ เข้าใส่ผู้ประท้วง ขณะที่ผู้ประท้วงใช้ขวดน้ำปาใส่ตำรวจเป็นการตอบโต้

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า มีผู้ประท้วงถูกจับกุมไปแล้วประมาณ 1,600 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายค้าน ตลอดจน นางแอมบิกา ศรีนิวาสัน แกนนำกลุ่มเบอร์ซี และนางมาเรีย ชิน อับดุลลาห์ ประธานกลุ่มสิทธิมนุษยชนเอ็มพาเวอร์ โดยนางอับดุลลาห์ถูกนำตัวขึ้นรถตำรวจไปยังสถานที่ที่ไม่เปิดเผย ขณะที่นางศรีนิวาสันถูกนำตัวไปยังสถานีตำรวจท้องที่

ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตำรวจปราบจลาจลใช้กระบองตีผู้ประท้วงบางคนแล้วลากไปขึ้นรถตำรวจ โดยบางคนมีเลือดไหล แต่ตำรวจยังไม่ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับผู้บาดเจ็บ ขณะที่นายราซัคยืนยันว่า การประท้วงครั้งนี้เป็นการประท้วงของคนกลุ่มน้อยเท่านั้น ชาวมาเลเซียส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนรัฐบาลของเขา

นายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซียซึ่งเข้าร่วมการชุมนุมด้วย ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวีเมื่อเวลาประมาณ 16.45 น.วันที่ 9 ก.ค.ว่า เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการโดนแก๊สน้ำตาและหกล้มระหว่างที่เขาและผู้ ชุมนุมกลุ่มหนึ่งเดินขบวนอย่างสงบออกจากโรงแรมฮิลตัน มุ่งหน้าไปยังสนามกีฬาเมอร์เดกา จุดที่วางแผนว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นและยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่

นายอันวาร์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมคือต้องการให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอิสระ อยากให้รัฐบาลเอาจริงกับการปราบปรามการโกงการเลือกตั้ง และเปิดโอกาสให้นักการเมืองฝ่ายค้านมีโอกาสออกสื่อของรัฐบ้าง แต่ว่าจนถึงขณะนี้รัฐบาลยังปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว และไม่เคารพกระบวนการประชาธิปไตย

นายอันวาร์ กล่าวด้วยว่า กลุ่มเบอร์ซียื่นเรื่องไปยังสมเด็จพระราชาธิบดี ผู้ปกครองสูงสุดของมาเลเซียแล้ว และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพระองค์ได้พบกับแกนนำผู้ชุมนุม และตรัสว่าไม่อยากให้มีการชุมนุมบนท้องถนน แต่ให้จัดการชุมนุมในสนามกีฬาแทน แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธการชุมนุมที่สนามกีฬา

การประท้วงครั้งนี้ กลุ่มเบอร์ซีเรียกร้องให้ชาวมาเลเซียในต่างแดนจัดการเดินขบวนและชุมนุมใน ประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย กัมพูชา ญี่ปุ่น สหรัฐ ไต้หวัน และเกาหลีใต้ โดยที่เกาหลีใต้มีชาวมาเลเซียประมาณ 30 คนออกมาร่วมชุมนุมบริเวณสี่แยกกวางฮวามุน ใจกลางกรุงโซล เพื่อสนับสนุนการประท้วงในประเทศบ้านเกิด โดยร้องตะโกนว่า พวกเขาต้องการการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมทั้งหมด

กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งสวมเสื้อยืดสีเหลือง ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและแรงงานที่อาศัยในกรุงโซล พวกเขาชูแผ่นป้ายและผลัดกันขึ้นกล่าวเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเลือกตั้งใน มาเลเซีย ทั้งยังประณามการปราบปรามการชุมนุมประท้วงของรัฐบาลมาเลเซียด้วย

ส่วนที่ฮ่องกงมีชาวมาเลเซียประมาณ 80 คน สวมเสื้อสีเหลืองเดินขบวนสนับสนุนการประท้วง พร้อมตะโกนคำขวัญ และพากันไปยื่นหนังสือต่อสถานกงสุลมาเลเซียในฮ่องกง

นายแบรนดอน ตัน โฆษกของกลุ่มผู้ประท้วง กล่าวว่า ชาวมาเลเซียในฮ่องกงสนับสนุนข้อเรียกร้องกลุ่มเบอร์ซี สำหรับการเลือกตั้งที่มีเสรีและเป็นธรรม ขณะเดียวกัน เขาขอประณามความรุนแรงของตำรวจมาเลเซีย และแสดงความรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งต่อการจับกุมผู้คนจำนวนมาก

นายไซฟุดดิน อิสมาเอล เลขาธิการพรรคเกออาดีลัน พรรคฝ่ายค้านมาเลเซียของนายอันวาร์ ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวีในช่วงค่ำวันเดียวกันว่า การชุมนุมในกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้ยุติลงแล้ว แต่กลุ่มเบอร์ซีแกนนำการชุมนุมอาจพิจารณาแนวทางกดดันรัฐบาลต่อไป และตำรวจได้ปล่อยตัว นางสาวนูรูล อิซซา อันวาร์ ลูกสาวของนายอันวาร์แล้ว

ส่วนแถลงการณ์ของตำรวจมาเลเซียระบุว่า มีการควบคุมตัวผู้ชุมนุมมากกว่า 1,600 คนใน "ปฏิบัติการลบล้างกลุ่มเบอร์ซี" ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน และผู้ชุมนุมบางส่วนได้รับการปล่อยตัวแล้วเช่นกัน

+++

ขอบคุณ : เนื้อหาข่าวจากทีมข่าวต่างประเทศ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และภาพจากเว็บไซต์ malaysiakini http://www.malaysiakini.com/news/169399

http://www.isranews.org/south-news/Other-news/item/2757-มาเลย์ประท้วงใหญ่จี้ปฏิรูปการเมือง-ตร-ยิงแก๊สน้ำตา-อันวาร์-เจ็บ.html

----------------------------------------------------------

ถ้าเป็นไปตามที่นายอันวาร์กล่าวตามนี้

"นายอันวาร์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมคือต้องการให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอิสระ อยากให้รัฐบาลเอาจริงกับการปราบปรามการโกงการเลือกตั้ง และเปิดโอกาสให้นักการเมืองฝ่ายค้านมีโอกาสออกสื่อของรัฐบ้าง แต่ว่าจนถึงขณะนี้รัฐบาลยังปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว และไม่เคารพกระบวนการประชาธิปไตย"

แล้วรัฐบาลไม่ทำตามพร้อมปราบปรามผู้ชุมนุม
ผมว่ามันก็ส่อให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมในมาเลเซียขณะนี้อย่างชัดเจน
เพราะการเรียกร้องให้แก้กฏหมายให้เป็นธรรมก่อนการเลือกตั้ง
มันก็ชอบธรรมน่ะ จะให้เลือกตั้งภายใต้กฏหมายไม่เป็นธรรม
ชนะมาทำอะไรไม่ได้ จะแก้ก็โดนคัดค้านจากฝ่ายผู้มีอำนาจเก่า
เหมือนอย่างประเทศไทยในปัจจุบัน
ที่อยากจะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยขึ้น
ก็โดนคัดค้านยกเว้นแก้ได้เฉพาะทำให้พรรคพวกตนเองได้เปรียบ
แล้วเลือกตั้งมาชาวบ้านส่วนหนึ่งเขาจะยอมรับผลเลือกตั้งหรือครับ
และประเทศไหนถ้าประชาชนเขาเรียกร้องให้ยุบสภา ก็ยุบไปเหอะ
อย่าดื้อร้นเลย เพราะการชิงความได้เปรียบอะไรชนะมาเขาไม่ยอมรับ
ก็บริหารประเทศลำบาก เกิดรอยร้าวในประเทศ
และสุดท้ายอาจเกิดสงครามกลางเมืองจนถึงขั้นแยกประเทศได้ในที่สุด
ถ้ายังดันทุรังทำเพื่อใคร เพื่อพรรคพวกตนเอง
แต่ไม่ใช่ว่ายอมออกไปเล่นนอกสภา
แล้วเขาจะยุบพรรคเพื่อให้มีโอกาสเลือกตั้งกันใหม่
แล้วกลัวเลือกตั้งแพ้ บอกสภาผิดอะไรถึงต้องยุบสภา
ถ้าสภาไม่ผิด ก็ไปเล่นในสภาสิ
ถ้าออกมาเล่นนอกสภาแสดงว่าสภาชุดนั้นมันต้องมีอะไรผิดปกติ
ก็ยุบสภาล้างไพ่กันใหม่ แล้วไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันใหม่
และเพื่อให้ผลเลือกตั้งแก้ปัญหาวิกฤตได้
ก็ควรแก้กติกาให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ก่อนการเลือกตั้ง
ไม่ใช่ชิงไหวชิงพริบเอาชนะคะคาน
อยากเอาชนะอย่างเดียวไม่สนใจว่าหลังเลือกตั้ง
ปัญหามันจะจบหรือไม่ ไม่สนใจ
แบบที่หลายๆ ประเทศทำกันอยู่ รวมทั้งไทยแลนด์ด้วย
มันมีประโยชน์อะไรกับประเทศชาติหรือ

โดย มาหาอะไร

FfF