บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


22 เมษายน 2552

<<< โดนรุมกล่าวหาว่าเป็นแดงเทียมที่สนามหลวงเมื่อคืนนี้ >>>

พอดีว่าจะแวะไปเอา CD
ที่มีน้องคนหนึ่งบอกว่า
มีคลิปถ่ายเหตุการณ์แถวดินแดง
เราให้ทั้งเบอร์โทรและ Email
เพื่อให้เขาติดต่อมา
ปรากฏว่าวันนี้ไปเจอเหมือนกัน
แต่ไม่เห็นว่าอะไรหรือเอา CD มาให้
สงสัยโดนหลอกเอาเบอร์โทรไปตรวจประวัติ
ไม่เป็นไรเพราะแจกทั่วไปหมดแล้ว
ผมสู้เพื่อประชาธิปไตยบนดินแบบเปิดเผย
อยากรู้อะไรมาถามได้ขนาดไม่ถามยังเล่าให้ฟังเลย
ไม่ต้องใช้วิธีหลบๆ ซ่อนๆ
วันนี้ไปถึงสภาพต่างจากเมื่อวาน
ที่มาตั้งกระทู้ทำนองนี้

<<< รัฐบาลจำลองภาพยุคมืดให้ประชาชนที่สนใจไปดู >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/04/blog-post_21.html

ปรากฏว่าวันนี้กลับเป็นปกติแล้ว
แต่ไปเจอรถทหารแถวบริเวณที่จอดรถแบบนี้แทน















ป้ายทะเบียนรถ

เอาสติกเกอร์สีดำมาปิดหรือเอาสีดำมาป้ายก็ไม่รู้
มองไม่เห็นเลขทะเบียน
นี่ถ้ายามปกติ
ถ้าตำรวจกล้าจับได้เลยนะเนี้ยะ
ผิดพรบ.จราจร
แถมตัวหนังสือรอบรถก็เอาสีดำไปป้ายไม่ให้เห็น
แต่มีคันสองคันพอเห็นตัวหนังสือแบบนี้
ไม่รู้จะทำลับๆล่อๆ ทำไม















นี่อีกคัน















พอเห็นมีคนมาถ่ายรูป

สักพักก็มาขับไปจอดที่อื่น
ไม่จอดเด่นเป็นสง่ากลางสนามหลวง
ว่าแล้วก็เดินไปแถวเต้นท์ตำรวจ
ก็เจอเสื้อเขียวนับร้อยแบบนี้















แล้วก็มีเดินเฉียดไปเฉียดมาแถวม็อบแบบนี้
แต่หลังๆ นี่ชาวบ้านเขาเลิกโห่แล้ว
อาจมีบางคนอารมณ์ค้าง
ก็ตัดพ้อต่อว่าตามปกติ
คงห้ามไม่ได้
เพราะเขากำลังโกรธแค้น
มาเดินยั่วไปมา
เขาบ่นแบบนี้ก็ถือว่าโอเคแล้วหล่ะ
พอดีถ่ายไม่ชัด
แบบนายแบบของเราเขาเดินเร็ว
แล้วเราถ่ายถึง 3 ครั้ง
เพราะสองครั้งตั้งโหมดผิดถ่ายไม่ติด
มาติดก็แทบจะเดินหายไปแล้ว















วันนี้ก็เหมือนเช่นเคย

เจอใครก็ชวนคุย
พอคุยสักพักก็มีคนมามุงมากขึ้น
บางคนก็ถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ทำยังไง
เช่นมีคนบอกให้ไปหน้ารัฐสภา
ผมก็ห้าม
ไปงานรำลึกที่ดินแดง
ผมก็ห้าม
แล้วผมก็ให้เหตุผลประกอบทำนองว่า
ถ้าไปที่หน้ารัฐสภา
ถ้ามีพวกป่วนไปด้วยแล้วไปป่วน
จนเขาประชุมไม่ได้
ซึ่งเรื่องที่เขาประชุม
เป็นการแฉการสลายการชุมนุม
แล้วถ้าประชุมไม่ได้ใครได้ประโยชน์
แล้วรับปากกันได้ไหมว่าคุมคนได้หมด
ไม่ไปทำเรื่องอะไร
เช่นขว้างระเบิดปิงปองเข้าไป
หรือไปกันห้ามคนนั้นคนนี้เข้าสภา
จนเขาหาสาเหตุยกเลิกการประชุม
ชาวบ้านก็ไม่เห็นการแฉเรื่องสลายม็อบในสภา
ใครได้ประโยชน์
ส่วนเรื่องที่ไปรำลึกที่ดินแดง
ผมก็ว่าอีกปีค่อยไปรำลึกหรือไปทุกปีก็ไม่สาย
แต่ตอนนี้คนที่อยู่ในอารมณ์โกรธแค้น
ประกอบกับแถวนั้นฟุตบาทแคบ
แล้วถ้าคนไปเยอะๆ
มันก็คือไปปิดถนนแถวนั้นดีๆ นี่เอง
ยิ่งถ้ามีคนเสื้อเขียวเดินมายั่วแถวนั้น
คนที่พาไปคิดว่าเอาอยู่หรือ
แล้วจะไม่โดนปราบชาวบ้านเกลียดอีกหรือ
ยิ่งอยู่ในช่วง พรก.ฉุกเฉินแบบนี้
ถูกปราบที่นั่นกับถูกปราบที่สนามหลวง
ความชอบธรรมผิดกัน
ที่สนามหลวงเราไม่ได้ไปยืนบนหัวใคร
ไม่น่ามีใครเดือดร้อน
ยกเว้นพวกทนดูประชาชนจับกลุ่มคุยกันไม่ได้
แต่ยังไงเราก็มีความชอบธรรมในการต่อสู้หลังถูกปราบ
เพราะเขามาหาเรื่องเรามากกว่าแบบนั้นเราไปหาเรื่องเขา
ภาพมันต่างกัน
และเรื่องอื่นๆ
ที่เคยเขียนไว้ในเว็บส่วนตัวที่นี่
maha-arai.blogspot.com
ปรากฏว่าได้เรื่องเลย

ปรากฏว่ามีคนเห็นด้วยเหมือนกัน
และเท่าที่พูดกับหลายกลุ่ม
ก็เห็นว่าดี
เพราะเราสู้บนดินแบบเปิดเผย
ต้องบอกแนวทางให้รับรู้ทั่วกัน
จะได้ไม่หลงกลฝ่ายตรงข้าม
แท็คติคต่างๆ
ก็เขียนเล่าไว้ในบล็อคนั่นแล้ว
ไปค้นดูเอา
อีกอย่างก็เคยเขียนเอาไว้ว่า
คนพูดไม่กล้าทำ คนทำไม่กล้าพูด
ก็ลองไปอ่านดูได้
แต่ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
มาสู้เอ้ยมากินข้าวแล้วพูดเรื่องประชาธิปไตย
ที่สนามหลวงจะต้องไม่ถูกกล่าวหา
เพื่อสร้างความชอบธรรม
ให้รัฐหาเรื่องมาปราบ
ส่วนใครจะไปสู้ใต้ดินอะไรไม่ต้องมาบอกผม
ไม่อยากรับรู้ขี้เกียจไปเป็นพยาน

พอดึกๆ ใกล้เวลากลับแล้ว
ได้เรื่องเลย
คนที่ยืนฟังผมกลุ่มสุดท้าย
เริ่มเหมือนวันนั้นที่ผมเล่าให้ฟัง
พูดปากเปียกปากแฉะตั้งนาน
มาถามว่าผมมาที่นี่ทำไม
ส่วนวันนี้ก็มีหลายคำถามเช่น
ผมเห็นคุณมาที่นี่ 3 วัน
แล้วมาคุยให้คนอื่นฟัง
คุณทำไปเพื่ออะไร
อยากเป็นแกนนำหรือ
บางคนพูดเหมือนกับว่าผมเป็นแดงเทียม
เป็นทหารปลอมตัวมา
แล้วถามว่าคุณทำงานที่ไหน
พอบอกชื่อที่ทำงาน
พวกเสื้อเหลืองนิ เอาเข้าไป
แล้วมาจับผิดเล็กๆ น้อยๆ
ซึ่งทำให้ผมรู้เลยว่าพวกมาจับผิด
ไม่รู้จริง
เช่น ผมพยายามเล่าว่าผมก็เสื้อแดง
วันที่เสื้อแดงไปปิดอนุสาวรีย์
รู้ข่าวผมยังไปดูและนอนค้างคืนที่นั่น
ช่วงเที่ยงคืนกว่าๆ
ได้ยินคนปราศรัยบอกว่า
มีทหารนั่งรถมาแถวๆ ดินแดง
ผมก็วิ่งไปเพื่อไปสังเกตุการณ์
และมีชายฉกรรจ์วิ่งไปแถวนั้น
ปรากฏว่ามาเถียงผมว่า
คืนนั้นไม่มีเหตุการณ์แบบที่ผมว่า
ทำให้ผมรู้เลยว่าจ้องมาดิสเครดิต
ไม่รู้จริง
อีกคนพอผมบอกวันรุ่งขึ้นผมก็ไปพัทยา
ไปถึงเขาเลิกแล้ว
และเจอคนเสื้อดำกลุ่มหนึ่งถือเหล็กแป๊บ
ลุ้นแทบแย่กลัวจะโดนรุม
แล้วพอขบวนเสื้อแดงผ่านมา
ผมก็รีบขับข้ามเลนไปร่วมขบวนด้วย
ปรากฏว่ามีคนพยายามดิสเครดิตผมว่า
มีแต่เสื้อน้ำเงินวันนั้นไม่มีเสื้อดำ
ผมก็ได้ข่าวมีเสื้อน้ำเงิน
แต่นั่นอยู่แถวโรงแรม
แต่จุดที่ผมอยู่มันอยู่ในเมืองหน้าวัด
แถวพัทยาใต้ถ้าจำไม่ผิด
แล้วจะมาเถียงมาดิสเครดิตทำไม
ถ้าสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดไม่จริง
สิ่งที่บอกแนะนำให้ทำ
ไม่มีเหตุผล
ก็เอาเหตุผลมาแย้งสิ
จะมาดิสเครดิตให้ได้ว่าผมเป็นแดงเทียม
พอดีตอนนั้นคนที่รู้จักพอจะยืนยันได้ก็ไม่เห็นแล้ว
ก็เลยแจกเว็บส่วนตัวให้ช่วยไปอ่าน
รู้เลยว่าหลายคนไม่มาเล่นที่พันทิพ
ขนาดบอกว่าชื่อมาหาอะไร ยังไม่รู้จัก
ผมก็ไม่คิดว่าดังอะไร
แต่มันน่าจะผ่านหูผ่านตาบ้างน่ะ
บางคนพอผมบอกสู้มาตั้งแต่ คมช.
ก็มาจับผิด พูดทำนองว่า
ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าคุณ
ผมก็เลยตอบแบบมีอารมณ์ทำนองว่า
เกิดมาผมก็เพิ่งเคยเห็นหน้าคุณวันนี้เหมือนกัน
ลองถ้าผมไปแล้วผมไม่รู้จักคุณ
แสดงว่าคุณก็ไม่ได้ดังอะไร
เหมือนที่ผมก็ไม่ได้ดังอะไร
แล้วจะรู้จักกันได้ยังไง
แต่ถามมาสิ หลายเหตุการณ์
ผมเล่าได้ดีกว่าคุณอีก
เพราะผมไปทั้งคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ
และกลุ่ม19 กันยา
ส่วนกลุ่มนพรุจน์ กับ เจ๊ดา
ผมไม่ได้ตามไปฟัง
คือเบื่อ เจอตัวป่วนในเว็บ
ผมแค่ไม่ตอบโต้ปล่อยผ่านๆ ไปยังได้
แต่ถ้ามารุมพยายามมาดิสเครดิตผมให้ได้ว่า
เป็นแดงเทียม
ผมว่าถ้าแดงจริงต้องไร้สติไม่ฟังเหตุผล
จะว่าผมเป็นแดงเทียมผมก็ยอมรับแล้วหล่ะ

ช่วงนี้เลยขอหยุดไปสนามหลวงสักพัก
กลัวไปแล้วคันปากอยากพูด
แล้วมีคนมาล้อมฟังเยอะๆ
แล้วจะมีคนไม่สบายใจ
นึกว่าอยากเป็นแกนนำ
สมัยก่อนก็เคยเขียนทำนองว่า
ทุกคนต้องฝึกฝนความกล้าและการพูด
เพื่อจะได้ไปแทนที่แกนนำ
หลังแกนนำโดนจับ
เขียนไว้นานแล้ว
ก็เพื่อจะบอกว่า
ต่อให้จับแกนนำ
เดี๋ยวก็มีรุ่นใหม่ๆ มาแทนที่
จับยังไงก็ไม่หมด
แต่เวลาไปร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงแถวไหน
ก็จะพยายามบอกว่า
อย่ามีแกนนำ
ให้ทุกคนเป็นแกนนำ
เพราะเดี๋ยวแกนนำจะเดือดร้อน
ไม่เชื่อไปถามได้เลย
ไปสนามหลวงยังบอกเลยว่า
ทุกคนในนี้เป็นแกนนำ
ไม่มีเวที ไม่มีแกนนำ
ก็ยังมากันได้
แถมพูดกันได้ทุกคน
ที่จับกลุ่มคุยกันก็เหมือนเวทีเวทีหนึ่ง
ให้หัดพูด
อ้อลืมไปก็เหมือนคนจับกลุ่มคุยกันกลุ่มหนึ่งก็แล้วกัน
สภาพตอนนี้ประเทศเราหนักกว่าพม่าอีก
พูดอะไรไม่ได้
ผมยังเล่าให้เขาฟังว่า
ผมเคยแบกเป้ไปพม่าคนเดียว
ตั้งแต่สนามบิน
ผมไม่เห็นทหารพม่าเลย
ตำรวจก็ไม่เห็น
มาเห็นอีกทีเป็นเจ้าหน้าที่คล้ายตำรวจ
อยู่ตามแหล่งท่องเที่ยว
กลัวคนไปทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเขา
ผมไปหลังเขาสลายม็อบในพม่าและมีพระตายด้วย
ที่กล้าไปคนเดียว
ก็เพื่อฝึกว่า
ถ้าที่พม่าไปคนเดียวได้
ที่ไหนในโลกผมก็ต้องไปได้เหมือนกัน

ช่วงนี้ขอทำหน้าที่นักเลงคีย์บอร์ดไปก่อน
ไว้วันไหนอยากไปอีกค่อยไปใหม่
โดยเฉพาะวันไหนได้ข่าวว่าจะไปปราบที่สนามหลวง
เพราะจะไปเก็บหลักฐานเพื่อมาอ้างอิงในภายหลัง
ถ้าไม่มีหลักฐานพูดปากเปล่าว่า
โดนทำร้ายยังไงเขาก็ไม่เชื่อ
ส่วนที่ไปปิดนั่นนี่ช่วงนี้ยังไม่อยากไป
ไปถ่ายก็จะกลายเป็นหลักฐาน
เล่นงานกันเองมากกว่า
ขี้เกียจไปเป็นพยาน
ส่วนที่ไปก็ไปถ่ายรูป
ประเภทไปไล่ตีใครคงไม่ถนัด
ยังใจไม่เหี้ยมพอ
เห็นพวกเสื้อเขียวถูกรุม
ยังเข้าไปห้ามประจำ

สงสัยผมจะมีปัญหาด้านการพูด
พูดเป็นชั่วโมงบางคนยังไม่เข้าใจ
อีกอย่างช่วงนี้น้ำกำลังเชี่ยว
แล้วเราอาจเอาเรือไปขวาง
เพราะพวกฮาร์ดคอร์กำลังมีอารมณ์โกรธแค้น
เที่ยวไปยั้งๆ เขาก็เลยโดนลูกหลง
เอาไว้ให้อารมณ์เย็นๆ ก่อน
ค่อยไปพูดใหม่

โดย มาหาอะไร