บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


12 พฤษภาคม 2552

<<< อย่าลอกมาทำ อย่าจำมาตอบ โดยไม่คิดให้รอบคอบ >>>

ผมว่าไม่มีทางที่รัฐบาลนี้
จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำได้ดี
ตราบใดยังใช้วิธีไล่ขึ้นภาษีต่างๆ
การขึ้นภาษีเขาใช้เพื่อชะลอเศรษฐกิจ
ควักเงินออกจากกระเป๋าประชาชนโดยไม่เต็มใจ
ประชาชนเหลือเงินในกระเป๋าน้อยลง
ก็ไม่อยากบริโภคสินค้าหรือบริการอะไร
เอาเงินกี่แสนล้านไปกระตุ้นที่ไหน
ถ้าประชาชนไม่อยากจะใช้จ่าย
ไม่มีเงินจะใช้จ่าย
ก็ไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นมา
นอกจากหนี้ที่เพิ่มขึ้น
การถูกรีดเก็บภาษีมีมากขึ้น
การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
ลักษณะเร่งรีดเพื่อขายเอาเงินมาใช้หนี้
และลดหนี้สาธารณะจะเกิดขึ้น

การเร่งก่อหนี้มากๆ ด้วยตัวเลขจำนวนมากๆ
เป็นแค่การแบ่งเค้กระดมกระสุน
เพื่อไปเลือกตั้งเท่านั้นเอง
คนตกงานใน 4-5 ธุรกิจหลัก
ที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้อย่างจัง
ทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
อิเล็คทรอนิคส์ รถยนต์ และส่งออก
ไม่ได้ประโยชน์อะไร
จากการก่อหนี้มาลงทุนครั้งนี้
คนตกงานในอุตสาหกรรมดังกล่าว
ก็ตกงานต่อไป
ขนาดจะก่อหนี้เพิ่ม
อีกตั้งหลายแสนล้านบาทก็ตาม
สู้ตัดงบประมาณทางทหารลง
เหลือแค่แสนเดียวในปีนี้และปีหน้า
จะมีเงินเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติแสนกว่าล้านในสองปี
เท่ากับลดการไปก่อหนี้เพิ่มอีกเป็นแสนล้าน
หรือไม่ต้องมารีดภาษีเพิ่มอีกเป็นแสนล้าน
แล้วเอาไปช่วยคนตกงาน
ไม่ต้องไปทำโครงการแบ่งเค้กกัน
ดีกว่ากู้เพื่อให้ดูมีเงินเยอะที่กู้
แล้วเอาตัวเลขนั้นมาบวกเพื่อให้ GDP สูง
เป็นการแก้ปัญหาแบบปั้นตัวเลขให้ดี
มากกว่าการแก้ปัญหาโดยดูความเป็นจริง
แถมยังลืมคิดถึงตอนใช้หนี้คืนด้วย

ถ้าเป็นพวกมนุษย์เงินเดือน
มีรายได้แน่นอนแบบข้าราชการ
อาจไปก่อหนี้เพิ่มได้ถ้าจำเป็น
และเป็นผลดีด้วยถ้ามีปัญญาก่อหนี้เพิ่ม
และมีเงินพอใช้หลังส่งค่าผ่อน
เพราะจะได้เปรียบเรื่องเงินเฟ้อ
ที่เพิ่มขึ้นมาในอนาคตด้วย
เหมือนกู้มาแสนบาท
ตอนนี้และอนาคตเงินเฟ้อทุกๆ ปีและเยอะขึ้น
เงินแสนบาทจะดูน้อยนิด
แต่ถ้าไม่กู้ตอนนี้สิ่งที่ต้องการจะซื้อ
อาจแพงขึ้นไปแล้วในวันนั้น
ตามภาวะเงินเฟ้อขึ้นไป
แต่ไม่ใช่แห่ทำทั้งประเทศ
ก็จะเกิดภาวะเงินเฟ้อกันหนักขึ้นเร็วไปใหญ่
คืออะไรที่มากไปก็ไม่ดีน้อยไปก็ไม่ดี
เหมือนเป็นโรคหมอให้ยามากินวันละเม็ด
ก็ควรกินวันละเม็ด
ไม่ใช่เดี๋ยววันนี้สองเม็ดพรุ่งนี้ไม่กิน
ลักษณะแบบนี้ไม่ดีเผลอๆ จะแย่หนักกว่าเก่า
ดังนั้นความพอดีคือสิ่งสำคัญ

แต่ถ้าเป็นพวกพ่อค้านักธุรกิจที่มีรายได้ไม่แน่นอน
การไปก่อหนี้มาเพื่อช่วยพยุงธุรกิจ
ไม่ต้องไปคิดเรื่องขยายธุรกิจในยามนี้
ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงสูง
เพราะมีรายได้ไม่แน่นอน
และเศรษฐกิจไม่ดีอาจทำให้รายได้ลดลงไปอีก

รัฐบาลเหมือนพวกพ่อค้ามากกว่าข้าราชการ
เพราะมีรายได้ไม่แน่นอน
ล่าสุดหารายได้ไม่ตรงเป้าเป็นแสนๆ ล้าน
แล้วยังจะคิดไปก่อหนี้เพิ่ม
แล้วถ้าเกิดหาเงินมาหมุนไม่ทัน
ไม่ต้องไปขึ้นภาษีเงินได้
หรือรีดภาษีอย่างอื่นมากมายอีกหรือยังไง
แถมยิ่งรีดภาษีก็ยิ่งทำให้เศรษฐกิจแย่ลงไปอีก
เพราะการรีดภาษีเขาใช้เพื่อชะลอเศรษฐกิจ
ใครมาบอกคุณว่ารีดภาษีคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ไม่ว่าระยะสั้นระยะยาว
ชี้หน้าไปได้เลยพวกหลอกลวง

การจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำมี 2 แนวทาง
1.ลดภาระประชาชน
2.เพิ่มรายได้ให้ประชาชน

ไม่ใช่มาขูดรีดภาษีเพิ่ม
แล้วก็เอามาแจกเพิ่มรายได้ให้ประชาชน
เพราะการจะใช้วิธีเพิ่มรายได้ให้ประชาชน
ไม่ว่าเป็นการทำงบเกินดุล
หรือแจกเงินอะไรก็แล้วแต่
จะต้องไม่ใช้วิธีเพิ่มภาระให้ประชาชน
เพราะมันก็ทำสวนทางกัน
ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
ถ้าไม่มีปัญญาหาเงิน
ก็หัดลดสิ่งที่ไม่จำเป็น
สิ่งที่ต้องซื้อของจากต่างประเทศลง
ลดเรื่องการแบ่งเค้ก
แล้วไปเน้นลดภาระให้ประชาชนแทน
ถ้าประชาชนมีเงินเหลือเพิ่ม
เดี๋ยวเขาจะค่อยๆ เอาออกมาใช้
แล้วเมื่อมีการบริโภคการลงทุนจะตามมาเอง
ไม่ต้องไปช่วยมากด้วยซ้ำ
แต่ถ้าขูดรีดประชาชน
จนเขามีความรู้สึกว่า
ไม่มีอารมณ์อยากบริโภค
หรือมีเงินเหลือน้อยลง
เขาก็ไม่อยากจะไปบริโภคอะไร
ที่นอกเหนือไปจากปัจจัยสี่ ที่จำเป็น
เช่น ไม่ไปเสริมสวย
ไม่ไปดูหนังฟังเพลง
หรือ ไม่อยากแต่งบ้าน เป็นต้น

แล้วการเอาเงินไปทุ่มช่วยฝั่งผู้ผลิตและผู้ให้บริการ
ทุ่มยังไงก็เจ๊งเพราะว่าไม่มีผู้บริโภคหรือมีไม่คุ้มทุน
ดูแล้วไม่รอดแน่นอน
อนาคตจะเดือดร้อนจากผลการกู้มากๆ ในครั้งนี้
ทั้งเรื่องเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจากการอัดฉีดเงินเข้าระบบ
และการหาเงินไปใช้หนี้
ไม่รวมไปถึงเรื่องการแก้ผิดทาง
ก็ฟื้นมาแบบคนอมโรคแล้วเป็นโรคอื่นต่อทันที
เหมือนแก้ปัญหาโรคทรัพย์จาง
แก้จนกลายมาเป็นโรคหนี้สินล้นพ้นตัวอีกโรค
แล้วใช่ว่าเป็นโรคใหม่แล้วโรคเก่าหาย
เดี๋ยวมันก็วนกลับไปเป็นอีก
เพราะโรคหนี้สินล้นพ้นตัว
มันก็คือโรคทรัพย์จางทางอ้อมนั่นเอง

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบเน้นกู้มาเยอะๆ แบบนี้
เขาเรียกว่าแก้ผ้าเอาหน้ารอด
ส่วนใครมารับช่วงเป็นรัฐบาลต่อก็ซวยไป
แล้วไม่ต้องมาบอกว่า
ลอกหลายนโยบายมาจากทักษิณ
ยังจะมาค้านอะไรอีก
เพราะยุคที่สมัยต่างกัน
สภาพเศรษฐกิจต่างกัน
การทำประชานิยมในช่วงเศรษฐกิจดีทำไปเหอะ
แต่ถ้าช่วงเศรษฐกิจไม่ดีไม่มีเงิน
แล้วยังขยันมาทำประชานิยม
มีแต่พังกับพังเท่านั้นเอง
แล้วที่ชอบอ้าง
ประเทศไหนๆ ก็ทำแบบนั้นแบบนี้
แล้วมีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้เหมือนเขาหรือเปล่า
เหมือนเพื่อนคุณเป็นหนี้ 10 ล้าน
คุณก็จะเป็นหนี้ 10 ล้านบ้าง
แล้วมีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้เหมือนเพื่อนคุณไหม
การกู้หนี้ตามสถาบันการเงิน
ยังมีคนช่วยตรวจสอบประวัติ
ว่าเรามีความสามารถในการชำระหนี้คืนไหม
แต่ถ้าเป็นรัฐบาล
ถ้าประชาชนคนในประเทศไม่คัดค้าน
การที่รัฐบาลจะก่อหนี้มากเกินกว่า
ความสามารถในการชำระหนี้ในภายหลัง
ใครจะเป็นคนช่วยตรวจสอบ
ใครจะเป็นคนช่วยยั้บยั้งไม่ให้ก่อหนี้นั้น
นี่คือสิ่งที่ประชาชนต้องลุกขึ้นมา
เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติร่วมกัน

โดย มาหาอะไร