จากหลักฐานบทความนี้
<<< หลักฐานแสดง ค่า FT กับ ราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าเริ่มสวนทางกัน >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_08.html
พบว่าการเปลี่ยนแปลงของค่าเชื้อเพลิง
ไม่สัมพันธ์กับค่า Ft ที่คิดออกมาได้
ทำให้คิดได้ว่า
ค่า Ft ที่ว่าน่าจะย่อมาจาก ค่า Free think
คือค่าคิดกันมั่วๆ หรือไพเราะหน่อยก็ค่าคิดกันแบบอิสระเสรี
ไม่ได้ยึดราคาค่าเชื้อเพลิงอย่างที่นิยามเอาไว้
เพราะตามหลักแล้ว ค่า Ft เป็นค่าที่เพิ่มเข้ามา
เพื่อไม่ให้การไฟฟ้าขาดทุนกำไร
เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น
แสดงเป็นสูตรง่ายๆ ดังนี้
ค่าไฟฟ้าสมัยก่อน = ต้นทุนการดำเนินการ + ต้นทุนในการผลิต + กำไร
ค่าไฟฟ้าสมัยใหม่ = ต้นทุนการดำเนินการ + ต้นทุนในการผลิต + กำไร + ค่าFt
โดยค่า Ft ที่เพิ่มขึ้นมา
ได้ชี้แจงและนิยามไว้หลังสุดว่า
"เป็นค่าการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้า
ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของการไฟฟ้า"
หมายความว่าการเพิ่มค่า Ft ก็เพื่อไม่ให้การไฟฟ้าขาดทุนกำไร
จากราคาค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น
ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเพื่อเพิ่มกำไรให้กับการไฟฟ้า
ดังนั้นค่า Ft ควรคิดโดยคำนึงถึงหลักการที่ว่าให้มาก
ว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นมาหรือคิดขึ้นมาเพื่อจะหากำไรกับประชาชน
แต่คิดเพื่อให้การไฟฟ้าไม่ขาดทุนกำไรมากนัก
ถึงมีบ้างก็ควรยอมเพราะถ้าเป็นการคิดค่าไฟสมัยก่อน
ไม่มีค่า Ft ต้นทุนราคาค่าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น
ก็ไม่ได้ปรับราคาเพิ่มตาม
สมัยก่อนนั้นถ้าต้นทุนราคาค่าเชื้อเพลิงเพิ่ม
ก็จะขาดทุนกำไรเพิ่มทันที
ดังนั้นต้องย้ำอีกครั้งว่า
ค่า Ft ไม่ได้มีเพื่อหากำไรเพิ่ม
และค่า Ft คิดจากราคาเชื้อเพลิง
ที่เพิ่มหรือลดตามความเป็นจริง
แบบมีมาตรฐานเดียว
มีหลักเกณฑ์อ้างอิงได้
โดยต้องอิงกับราคาเชื้อเพลิงในตลาดโลกด้วย
ไม่ได้คิดกันตามอำเภอใจ
หรืออ้อยเข้าปากช้างแล้วเลยตามเลย
ถ้าคิดตามอำเภอใจมีกำไรก็เฉย
ถ้าเป็นแบบนั้น ค่า Ft ที่ว่าก็คือค่า Free think นั่นเอง
โดย มาหาอะไร
