เห็นคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐ
โดยเฉพาะคนของกระทรวงสาธารณสุข
รัฐมนตรีไปจนถึงนายมาร์ค
รู้สึกว่าจะไปแนวๆ เดียวกัน
คือไข้หวัดหมู หรือ ที่ไปเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ไข้หวัด 2009
ไม่อันตราย ประชาชนอย่าตื่นตะหนก
ที่ตายก็เพราะมีโรคแทรกซ้อน
อะไรประมาณนั้น
แต่ชาวบ้านเขาเห็นข่าว
ที่ว่าจะซื้อวัคซีนมาฉีดให้เจ้าหน้าที่พยาบาล หมอ
และผู้บริหารต่างๆ
เขาจะเชื่อไหมว่ามันไม่อันตราย
ถ้ามันไม่อันตรายแล้วไปฉีดวัคซีนกันทำไม
เป็นเพราะกลัวตายเหมือนกันใช่หรือเปล่า
ถ้าไม่กลัวก็อย่าฉีด
ถ้าไม่อันตรายก็อย่าฉีด
ใช้ชีวิตให้เหมือนชาวบ้าน เหมือนประชาชนคนทั่วไป
แล้วเขาจะเชื่อคำพูดที่ไปหลอกเขาว่า
มันไม่อันตรายอย่าตื่นตะหนก
แต่นี่เล่นไปหลบในร่ม
แล้วมาบอกให้คนตากแดดฟังว่า
มันไม่ร้อน หรือ หน้าไม่ไหม้แน่นอน
ใครจะไปเชื่อ ในเมื่อคนพูดอยู่ในที่ร่ม
พูดถึงกรณี วัคซีนแก้ไขหวัดหมูนี้
เห็นองค์การอนามัยโลกบอกว่า
ยังกันไม่ได้ถ้าจะกันได้
ต้องเป็นรุ่นที่ผลิตออกมาหลังเดือนกันยายนนี้
แล้วคนที่เสียเงินไปฉีดมาก่อนตอนนี้หล่ะ
หมายความว่ายังไง
ฉีดวัคซีนที่กันไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ให้ชาวบ้านเข้าใจว่ากันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เสี่ยงได้เต็มที่ไม่กลัวติดเชื้อใช่ไหม
แล้วมีมาตรการอะไร
ที่ไปจัดการกับโรงพยาบาลเหล่านั้นไหม
หรือจะปล่อยให้หลอกชาวบ้านไปวันๆ
เมื่อวานที่ทำงานมีข่าวคนติดโรคหวัดนี้
และมีประกาศปิดตึกนั้นตึกนี้อีกหลายตึกตามมา
แต่ตึกที่เราทำงานไม่ปิด
วันนี้มีเพื่อนที่ทำงานเป็นหวัด
ไปหาหมอ หมอให้หยุดงาน 7 วันเพื่อดูอาการ
แถมเริ่มมีเพื่อนๆ ที่ทำงานออกอาการหลายคน
เช่น มีการไอ เป็นต้น
เห็นแล้วคล้ายๆ กับการแก้ปัญหาระดับประเทศ
เกี่ยวกับโรคหวัดหมู (โรคหวัด 2009) ของรัฐบาลนี้
ใช้วิธีการแบบลิงแก้แห
แก้ตรงนั้นเดี๋ยวก็มาโผล่ตรงนี้
เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นแล้วบ้าง
ก็เดินกันทั่วไปหมด
เราว่าถ้าต้องการปิดตึกทำความสะอาด
ก็ควรทำทีเดียวทั้งหมดทุกตึก
ส่วนคนป่วยหรือเริ่มมีอาการทั้งหมด
ก็ต้องตรวจเช็คก่อนเข้าทำงาน
ตั้งจุดตรวจเป็นตึกๆ
แค่ดูว่ามีอาการเป็นหวัดเบื้องต้น
ก็พาไปหาหมอได้เลย
มันอาจดูเอิกเกริกหน่อย
แต่สมควรทำในช่วงเดือนสองเดือนนี้
ที่คาดว่าจะระบาดแรงขึ้น
ยิ่งระดับประเทศ
ต้องมีหน่วยตรวจตรากระจายไปยังจุดต่างๆ
ทั้งที่ บขส. ท่าเรือ หรือ สนามบินต่างๆ
รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าและที่สาธารณะต่างๆ
และที่ทำงานอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
ควรมีเครื่องมือตรวจอุณหภูมิ
ตรวจตราเข้มงวด
เหมือนกับการป้องกันการก่อการร้าย
และให้รักษาคนป่วยฟรีด้วย
เพื่อที่เขาจะได้ไม่แพร่เชื้อ
หรือไม่มีเงินแล้วไม่ยอมมารักษา
ทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อไปเรื่อยๆ ได้
จะมาปิดข่าวหรือทำกันหยองแหยงคงไม่ได้แล้ว
เพราะเท่าที่สังเกตุอาการผู้คน
แค่มีคนไอขึ้นมาตอนนี้
ทุกคนก็ระวังตัวกันหมดแล้ว
เพราะฉะนั้นการออกทีวีประกาศอะไร
ไม่ได้ทำให้เขามั่นใจอะไรขึ้นมา
ยิ่งถ้าอยู่ในหน่วยงาน
หรือโรงเรียนหรือสถานที่มีคนเคยเป็น
ยิ่งไม่เชื่อมั่นใหญ่
และจะเริ่มตื่นกลัวมากขึ้น
อนาคตถ้ารับรู้ข่าวลือกันเองเยอะๆ
จะตื่นตะหนกกันหนักกว่านี้
ยิ่งรัฐพยายามปิดข่าว
และให้ข่าวอาทิตย์ละครั้ง
ก็เป็นการบ่งบอกแล้วว่า
ต้องการแก้ปัญหาแบบปกปิดข่าว
เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตะหนก
เพื่อไม่ให้กระทบกับการท่องเที่ยว
หรือกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวม
ถามหน่อยว่า
ถ้าก่อนถึงวันแถลงข่าว
เกิดมีการระบาดหนัก
ชาวบ้านจะต้องนั่งรอจนถึงวันแถลงข่าว
เพื่อรับรู้ว่าตอนนี้ระบาดไปทั่วแล้วใช่ไหม
วิธีการนี้เป็นสิ่งที่บอกได้ชัดเลยว่า
พยายามปกปิดตัวเลข
กลัวเมคตัวเลขรายวันไม่ได้
ต้องมานั่งเมคเป็นอาทิตย์
มีเวลาตกแต่งตัวเลข
เพราะถ้าไม่ต้องการปกปิด หรือเมคตัวเลข
มีเหตุผลอะไรถึงไม่ยอมแถลงข่าวทุกวัน
เพราะถือเป็นช่วงสภาพสงครามก็ว่าได้
แต่เป็นสงครามกับโรคระบาด
ถ้ามัวแต่ปิดข่าวหมด
ทุกคนก็นึกว่าไม่ระบาดแล้ว
แต่จริงๆ ยังระบาดอย่างกว้างขวาง
และจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในเดือนสองเดือนข้างหน้า
ไปจนถึงหมดหน้าหนาวคราวนี้
กรณีนี้จะต่างจากการแก้เศรษฐกิจ
กรณีนี้เดิมพันด้วยชีวิตคน
ทุกคนย่อมรักชีวิตตัวเองกันทั้งนั้น
ถ้าเป็นคนใหญ่คนโตเป็นและตาย
รับรองได้รัฐบาลนี้เพิ่มระดับปฏิบัติการ
เป็นระดับสูงสุดทันที
แต่พอดีเป็นชาวบ้านตาย
ยี่สิบกว่าศพก็เล็กน้อย
ร้อยกว่าศพก็ยังงั้นยังงั้น
คงต้องรอระดับพันศพ
ถึงเทียบเท่าศพคนใหญ่คนโต
เป็นโรคนี้ตายสักคน
หรือต้องการให้ตรงกับประโยคที่ว่า
"ประชาชนต้องตายก่อน"
และตายเยอะๆ ก่อน
ถึงจะเพิ่มระดับปฏิบัติการ
เข้มงวด แข็งขันและจริงจัง
โดย มาหาอะไร
----------------------------------------------------------------------------
“WHO” ชี้ วัคซีนป้องกัน “หวัด2009” ยังไม่สามารถผลิตได้ตอนนี้
ดร. มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า มีข้อสงสัยว่า ได้มีบางประเทศมีแผนจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่ 2009 ทั้งที่ความเป็นจริง ต้องใช้เวลาอีกนานหลายเดือน กว่าจะผลิตวัคซีนดังกล่าวได้สำเร็จ และที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในอังกฤษได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 ชุดแรกจะมาถึงประเทศอังกฤษในเดือนหน้า
ดร. มาร์กาเร็ต ชาน ยืนยันว่า ยังไม่สามารถผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 ได้ในขณะนี้ ส่วนที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในอังกฤษบอกว่า วัคซีนชุดแรกจะมาถึงในเดือนหน้า อาจไม่ใช่วัคซีนที่ผ่านการพิสูจน์ในเรื่องความปลอดภัย
ขณะ ที่ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยวัคซีนขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 จะจัดหาได้อย่างเร็วที่สุดในเดือนกันยายนนี้
วันที่ 16/7/2009
ที่มา : นสพ. แนวหน้า
http://naewna.com/news.asp?ID=170452
----------------------------------------------------------------------------
นายกฯ แจงวัคซีนต้านหวัด09ฉีดได้ไม่ทั่วถึง
* โดย ไทยรัฐออนไลน์
* 16 กรกฎาคม 2552, 13:48 น.
ระบุเป็นเรื่องยากที่จะฉีดวัคซีนให้กับคนไทยทุกคน ชี้ต้องเอาคนที่มีความเสี่ยงก่อน คือ บุคลาการสาธารณสุข พร้อมแนะคนที่จะไปดูคอนเสิร์ตใส่หน้ากาก
วันนี้ (16 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่ 2009 ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ว่า ในส่วนของอาเซียนได้ประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนไปตั้งแต่ต้นแล้ว มีรูปแบบและแนว ทางที่ทำร่วมกันอยู่ แต่ก็เชื่อว่าในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนนี้ น่าจะมีการนำแนวทางไปแลกเปลี่ยนกันได้
ผู้ สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ดูเหมือนส่งผลกระทบระดับชาติแล้ว เพราะมีการเลื่อนการแข่ง ขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีที่ไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 6-19 ส.ค.โดยอ้างว่าไม่มั้นใจในระบบสาธารณสุขไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของสถานการณ์และดุลพินิจของผู้จัดการแข่งขัน เคยมีคนขอร้องให้รัฐบาลไปห้ามการจัดกิจกรรมด้วยซ้ำ แต่ตนบอกว่าให้เป็นดุลพินิจของแต่ละแห่ง และจริงๆการนำเสนอต่างๆ คงจะทำให้คนได้เห็นภาพรวมมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาคนเห็นตัวเลขแล้วอาจเกิดความตื่นตระหนก แต่เราไม่ได้ประมาท เราต้องไม่ตื่นตระหนก มาตรการทุกอย่างต้องมีความพอดีสมเหตุสมผลกับสถานการณ์
เมื่อ ถามว่า แต่มาตรการขอความร่วมมือ เช่นการจัดคอนเสิร์ต ยังคงจัดกันตามปกติ ไม่ได้ระวังป้องกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางผู้จัดติดต่อกลับมาบอกว่าขายตั๋วไปแล้ว ดังนั้นคนที่ไปต้องรู้ว่ามีความเสี่ยง ถ้าใส่หน้ากากไปได้ยิ่งดี
ต่อ ข้อถามกรณีองค์การอนามัยโลก ออกมาแสดงความเป็นห่วงการใช้วัคซีน โดยเฉพาะวัคซีนปลอม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราจะดู และยืนยันว่าวัคซีนที่จะเอาเข้ามา ต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรองแล้ว เมื่อถามว่า มีการระบุว่า วัคซีนที่จะเข้ามาในเดือนต.ค.นี้ มีการจัดไว้สามส่วน ส่วนหนึ่งจะให้ผู้บริหารประเทศใช้ด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ยินตรงนั้น ที่ได้ยินแน่ๆคือต้องให้ผู้ทำงานด้านสาธารณสุขก่อน ต้องปฏิบัติตามแนวทางที่องค์การอนามัยโลกจะกำหนด ขณะนี้ตนเห็นว่า ยังมีกลุ่มเสี่ยงอีกบางกลุ่ม เช่น ทหารเกณฑ์ ซึ่งองค์การอนามัยโลกกำลังดูอยู่
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะฉีดวัคซีนให้กับคนไทยทุกคน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คง จะเป็นไปได้ยาก เพราะปริมาณไม่พอดังนั้นหลักจริงๆแล้ว ต้องเอาคนที่มีความเสี่ยง ซึ่งมีสองส่วนคือ บุคลาการสาธารณสุข และกลุ่มที่เป็นกลุ่มเสี่ยง แต่ต้องประเมินดูตัวเลขกลุ่มเสี่ยงว่ามีเท่าไหร่ มีโรคประจำตัวชนิดใด เท่าไหร่บ้าง ฉะนั้นเร็วเกินไปที่จะพูดถึงกลุ่มที่สามหรือสี่
http://www.thairath.co.th/content/special/19916
----------------------------------------------------------------------------
หยุดให้ตัวเลขหวัด09แถลงข่าวแค่วันพุธ
* โดย ไทยรัฐออนไลน์
* 15 กรกฎาคม 2552, 16:24 น.
สธ. ปรับระบบการรายงานข้อมูลหยุดให้ตัวเลขแถลงข่าวแค่วันพุธ พร้อมประสานสาธารณสุขจังหวัด หนุนให้ชุมชนแต่ละแห่งจัดทำหน้ากากอนามัยใช้เอง เชื่อโรคนี้จะยังคงอยู่ไปอีกนาน
นาย มานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าววันนี้ (15 ก.ค.) ว่า ได้รับรายงานว่าขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกว่า 10 ราย ผู้เสียชีวิตยืนยันไข้หวัดใหญ่ 2009 เท่าเดิม คือ 24 ราย สำหรับเด็กชายอายุ 7 เดือน จ.เชียงใหม่ ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2552 ยังไม่ได้รับรายงานยืนยันเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
“การให้ตัวเลขครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่สธ.จะแจ้งข้อมูลผู้ป่วย โดยในสัปดาห์หน้าจะเริ่มให้ข้อมูลในวันพุธ เพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง” รม ช.สธ. กล่าว และยืนยันว่าสธ.ไม่มีการปิดบังข้อมูล เพราะไม่สามารถปิดได้อยู่แล้ว ขณะนี้ข้อมูลที่รับทราบ ตัวเลขผู้ป่วยที่แท้จริง และผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนยืนยันของสธ.ต่างกัน เนื่องจากยังมีตัวเลขผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์เชื้อไวรัสอยู่ที่ มหาวิทยาลัยแพทย์และยอดผู้ป่วยจากโรงพยาบาลต่างๆ ก็แจ้งเข้ามาทุกวัน
สำหรับ การตรวจพิสูจน์เชื้อ นายมานิตกล่าวว่า ยังมีความจำเป็นเพื่อดูการแพร่กระจายของโรคในชุมชน และการนำเชื้อมาตรวจการดื้อยา การเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัส
ส่วน หน้ากากอนามัย รมช.สธ. กล่าวว่า ได้ประสานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในแต่ละจังหวัด ในการสนับสนุนให้ชุมชนแต่ละแห่งจัดทำหน้ากากอนามัยใช้เอง ซึ่งหน้ากากอนามัยที่ทำขึ้นเองจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ โดยเป็นการตัดเย็บในรูปแบบเดียวกับที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัดคนไข้เมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว ทั้งนี้หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งที่มีจำเป็นต้องใช้ในการป้องกันโรค เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะยังคงอยู่ไปอีกนาน และต้องรอจนกว่าวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่จะมาถึงประเทศไทย ในเดือนต.ค.นี้
http://www.thairath.co.th/content/special/19727
----------------------------------------------------------------------------
พท.แนะรัฐรับภาระค่ารักษาหวัด09ให้ผู้ป่วยทุกคน
* โดย ไทยรัฐออนไลน์
* 12 กรกฎาคม 2552, 13:40 น.
" พร้อมพงศ์"จี้นายกฯ-สธ.ปราบหวัด2009เร่งดันเป็นวาระแห่งชาติ แนะรัฐบาลรับภาระออกค่ารักษาพยาบาลให้ผู้ป่วยทุกคน เพราะกลายเป็นโรคระบาดไปแล้ว ...
วันนี้ (12ก.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแก้ปัญหาไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของรัฐบาลว่า การแก้ปัญหาของรัฐบาลเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงของโรค เพราะตอนแรกรัฐบาลตั้งโจทย์ผิดระบุว่า ไข้หวัด 2009 ไม่มีความร้ายแรง แต่ขณะนี้มีคนไทยตายไปแล้ว 16 คน มากที่สุดในเอเชีย และเป็นการเสียชีวิตแบบก้าวกระโดด ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการะทรวงสาธารณสุข รีบดำเนินการผลักดันไข้หวัด 2009 เป็นวาระแห่งชาติ โดยให้นายกฯมานั่งหัวโต๊ะเป็นประธานแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพื่อควบคุมสถานการณ์ของโรค ถ้าควบคุมไม่ได้ก็เป็นหายนะ ที่อาจจะต้องมีการปิดโรงเรียน ห้างสรรพสินค้า และสถานที่อื่นๆตามมา
นอก จากนี้ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคนี้ ให้แก่ผู้ป่วยทุกคน เพราะปัจจุบันค่ารักษาตามโรงพยาบาลเอกชน มีราคา 3,500 บาท ถือว่าแพงเกินไป เพราะโรคนี้กลายเป็นโรคระบาดไปแล้ว จึงควรเป็นภาระของรัฐบาลที่ต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ ไม่ใช่ใช้วิธีซื้อเวลาแก้ปัญหาไปวันๆ
http://www.thairath.co.th/content/special/19006
----------------------------------------------------------------------------
นำเชื้อเต็มหวัด09 เพาะในไข่ ถ้าสำเร็จต.ค.ได้ใช้
* โดย ไทยรัฐออนไลน์
* 10 กรกฎาคม 2552, 15:15 น.
อภ. เผยความคืบหน้าการผลิตวัคซีนป้องหวัด09 ด้วยการนำเชื้อเต็มเอเอช1เอ็น1มาเพาะเลี้ยงในไข่แดงจนเชื้อเกิดการแยกตัว เพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าผลผลิตออกมาด้วยดี จะสามารถผลิตวัคซีนได้ในปริมาณ 2.5-2.8 ล้านโดสต่อเดือน ...
ตามที่ประเทศไทยเป็น1ใน6ประเทศที่ ได้รับทุนจากองค์การอนามัยโลก ในการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เอเอช1เอ็น1 ซึ่งหากคิดค้นได้สำเร็จไทยจะมีโอกาสได้ใช้ก่อน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือน ต.ค. หรือ พ.ย.นี้ แต่ถ้าก่อนหน้านั้น มีประเทศอื่นสามารถผลิตได้ก่อน ทางองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้เตรียมเงินไว้เพื่อที่จะซื้อวัคซีนจากต่างประเทศมาใช้ในไทย
ความ คืบหน้าล่าสุดหลังจากที่ไทยได้รับเชื้อเต็มของเอเอช1เอ็น1วันนี้ (10ก.ค.) นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ถ้าผลผลิตออกมาด้วยดี ผลติดเชื้อที่เลี้ยงมีการเติบโตหรือให้จำนวนวัคซีนได้ดี ก็จะสามารถผลิตวัคซีนได้ปริมาณ 2.5-2.8 ล้านโดสต่อเดือน และแม้จะมีสิทธิได้ใช้วัคซีนที่ผลิตได้ แต่ก็มีพันธสัญญาต้องส่งมอบวัคซีนนี้อีกจำนวนหนึ่งให้องค์การอนามัย เพื่อแจกจ่ายให้กับประเทศกำลังพัฒนาที่กำลังเผชิญกับหวัด2009
ทั้ง นี้ ผอ.อภ. กล่าวต่อว่า ทาง อภ. ได้สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนด้วยการทุ่มงบลงทุนจำนวน 1,400 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตวัคซีนขนาดใหญ่ ซึ่งจะแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า ส่วนการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลนั้น ทางโรงงานที่ จ.สระบุรี จะผลิตได้ตั้งแต่ปีละ 2-10 ล้านโดส แต่ถ้าเป็นหวัด2009 จะเป็นการะบุเชื้อตัวนั้นตัวเดียว
นพ.วิทิต กล่าวด้วยว่า เชื้อเป็นที่นำมาผลิตวัคซีนไข้หวัด 2009จะถูกนำมาเพาะเลี้ยงในไข่แดงจนเชื้อเกิดการแยกตัวเพิ่มขึ้น การใช้วัคซีนจะแตกต่างจากวัคซีนป้องกันโรคอื่นๆ ทั่วไป คือต้องฉีดพ่นผ่านช่องจมูกแทนการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ซึ่งผู้ที่ได้รับวัคซีนจะสร้างภูมิคุ้มกันภายใน 1- 2 สัปดาห์ วัคซีนที่ผลิตสมบูรณ์จะถูกส่งมอบต่อให้กระทรวงสาธารณสุข หากเกิดการแพร่ระบาดรุนแรง วัคซีนเหล่านี้จะต้องทำหน้าที่พิทักษ์ชีวิตผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข จากนั้นจะต้องจัดลำดับความสำคัญให้กับผู้ที่จำเป็นจะต้องได้รับวัคซีนอย่าง แท้จริง
http://www.thairath.co.th/content/special/18626
----------------------------------------------------------------------------
แนะจัดบิ๊กคลีนนิ่ง สกัดหวัดลามทั่วประเทศ
* โดย ไทยรัฐออนไลน์
* 10 กรกฎาคม 2552, 12:50 น.
“สุดารัตน์”ออกโรงอัดรัฐบาลไร้น้ำยาแก้ปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009 ปิดรร.กวดวิชาทั้งๆที่โรคระบาดไปถึงไหนแล้ว แนะจัดสัปดาห์รณรงค์ไข้หวัด 2009 ปิดรร.-สถานที่ทำงาน7วัน เหมือนญี่ปุ่น ระบุถ้ายังลูบหน้าปะจมูกอาจต้องปิดประเทศทำให้เสียหายมหาศาล
วันนี้ (10 ก.ค.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าววิจารณ์นโยบายรัฐบาลในการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สาย พันธุ์ใหม่ 2009 ว่า สถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่มีแนวโน้มว่าจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐบาลไม่มีนโย บายที่ชัดเจนว่า จะออกมาตรการป้องกันควบคุมโรคแบบไข้หวัดใหญ่ธรรมดาหรือจะมีนโยบายเป็นวาระ แห่งชาติในลักษณะเดียวกับที่เคยดำเนินการในเรื่องของโรค ซาร์สและไข้หวัดนก ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไร อีกทั้งการระบาดในช่วงแรกๆ เนื่องจากรัฐบาลไม่ชัดเจนทำให้มาตรการในการคัดกรองต่างๆไม่มีประสิทธิภาพ เท่าที่ควร เห็นได้ชัดเจน อย่างเช่น เรื่องการติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนเนอร์ที่จริงๆแล้ว นักวิชาการเองก็ยืนยันว่าไม่ได้ผล แต่รัฐบาลก็ยังดึงดันจะติด สุดท้ายก็เห็นแล้วว่าไม่ได้ช่วยอะไรมาก
อดีตรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า อยากเห็นความชัดเจนของรัฐบาล ไม่ใช่ปล่อยให้ป่วยตายก่อนแล้วค่อยตื่นตัว อย่างเช่น การปิดโรงเรียนกวดวิชา แม้จะเป็นเรื่องที่ดีแต่มาทำตอนนี้สายเกินไปแล้ว เพราะโรคแพร่ระบาดไปถึงไหนๆแล้ว ปิดไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ถ้าจะปิดโรงเรียนกวดวิชา ทำไมไม่ปิดโรงเรียนธรรมดา 7 วัน แล้วทำความสะอาดขนานใหญ่ ทำให้เป็นสัปดาห์รณรงค์สกัดไข้หวัด 2009 แบบบิ๊กคลีนนิ่งไปเลย อย่างที่ญี่ปุ่นหรือประเทศอื่นๆก็ทำกัน ไม่ใช่ออกมาตรการแบบลูบหน้าปะจมูก ที่สำคัญควรพูดความจริงกับประชาชน สร้างค่านิยมให้ประชาชนมีพฤติกรรมป้องกันโรคที่เหมาะสม เชื่อว่าจะลดการติดเชื้อได้
"รัฐบาลยังไม่รู้เลยว่า จะมีมาตรการอย่างไร ที่สำคัญไม่รู้ว่าจะใช้คนสาธารณสุขที่เก่งๆทำงานอย่างไร ข้าราชการที่เก่งหรือรู้ปัญหา รู้ทางแก้ก็ไม่กล้าพูด เพราะนโยบายไม่ชัดเจน คิดว่าสำคัญที่สุด รัฐบาลควรทำ 4 เรื่องหลักๆ คือ สกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรค ,ควบคุมโรค คนป่วยให้อยู่บ้านรวมทั้งคนในบ้านด้วย ให้หยุดเรียน หยุดงาน เพื่อลดการแพร่เชื้อในที่ชุมชน มาตรการการรักษาทำอย่างทันท่วงทีภายใต้มาตรฐานทางวิชาการ จะรักษาอย่างไรให้หรือไม่ให้ยาต้านไวรัส ถ้าให้มีเกณฑ์อย่างไร ต้องบอกประชาชน ไม่ใช่ไปถึงโรงพยาบาลแล้ว คนหนึ่งได้ยาต้านไวรัสอีกคนไม่ได้ แล้วแพทย์ก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องให้ ทำไมไม่ให้ สุดท้ายต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจและระวังตนเอง ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่รีบดำเนินการปล่อยให้ปัญหาบานปลายจนถึงขั้นต้องปิดประเทศ จะเกิดความเสียหายมหาศาลมากกว่านี้"อดีตรมว.สาธารณสุข กล่าว
http://www.thairath.co.th/content/special/18573
----------------------------------------------------------------------------
อภ.เผยบ.ยาต่างชาติผลิตวัคซีนป้องกันหวัด2009 เสร็จก.ย.นี้
อภ.เผยวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ราคาเพียงโดสละ 200 บาท ขณะที่ “พรีม่า”เผยบริษัทยาต่างประเทศเจ๋งผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 เสร็จ ก.ย.นี้ พร้อมใจป้ำร่วมบริจาคให้ฮูแจกจ่ายให้ประเทศต่างๆ 150 ล้านโด๊ส
นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ในวันที่ 11 กรกฎาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมห้องปฏิบัติการอาคารปฏิบัติการควบคุมและประเมินคุณภาพ ทางเภสัชศาสตร์และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร จ.นครปฐมซึ่งเป็นโรงงานต้นแบบนำร่องที่มีการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ครบวงจร เพื่อสร้างความมั่นใจในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งคาดว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) จะตรวจให้การรับรองมาตรการผลิตที่ดี (GMP WHO) ให้กับองค์การเภสัชกรรมเป็นแห่งแรกของประเทศ ทั้งนี้ ในการตกลงความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกทำให้อภ.สามารถผลิตวัคซีนไข้หวัด ใหญ่พันธุ์ใหม่ 2009 แบบฉีดพ่นทางจมูก ในราคา 200 บาทต่อโดส โดยเชื้อเป็นที่จะนำมาผลิตจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในวันที่ 2 ก.ค.นี้ และสามารถผลิตได้สำเร็จในเดือนต.ค.และนำมาใช้ได้ในเดือนมี.ค.นี้
“ขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งติดต่อขอซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัด ใหญ่ตามฤดูกาลกับอภ. เนื่องจากขณะนี้มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้ประชาชนตื่นตัวในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ แม้วัคซีนดังกล่าวจะไม่สามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ข้ามสายพันธุ์ได้ก็ตาม ทั้งนี้วัคซีนดังกล่าวจะต้องมีการสั่งจองล่วงหน้า ซึ่งอภ.ได้ส่งมอบวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่กรมควบคุมโรคสั่งจองกระจายไปยังโรง พยาบาลต่างๆ ในสังกัดหมดแล้ว จึงไม่เหลือวัคซีนอยู่ในสต็อก แต่หากประชาชนมีความนิยมในการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น ในปีหน้าอาจจะมีการสั่งจองวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเพิ่มอีก 5,000-10,000 โดส”นพ.วิทิตกล่าว
ด้าน พญ.กิติมา ยุทธวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์(พรีม่า) เปิดเผยว่า ทราบข่าวจากบริษัทยาต่างประเทศที่เป็นสมาชิกของพรีม่าว่า ในช่วงเดือนก.ย.นี้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 จะผลิตเสร็จ โดยมีบริษัทที่วิจัยสำเร็จและผลิตได้ประมาณ 4-5 แห่ง
"โดยปกติหากมีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ๆ กว่าที่บริษัทยาจะสามารถผลิตวัคซีนได้ก็จะประมาณ 3-6 เดือน ซึ่งในก.ย.นี้บริษัทยาจะสามารถผลิตได้ ทั้งนี้ทราบมาว่าทางบริษัทยาทั้งหมดจะร่วมบริจาควัคซีนดังกล่าวให้กับ องค์การอนามัยโลกนำไปให้กับประชากรในประเทศต่างๆ จำนวน 150 ล้านโด๊ส ส่วนเรื่องราคานั้นไม่ทราบว่าจะมีราคาเท่าใด แต่คิดว่าหากบริษัทจะคิดเรื่องราคา คงจะคิดเรื่องการผลิตอย่างไรให้ผลิตได้จำนวนมากๆแทน"พญ.กิติมา กล่าว
แหล่งข่าวโดย.... ASTV ผู้จัดการออนไลน์
ผู้จัดทำ.... สำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข
[23/มิ.ย/2552]
http://www.moph.go.th/ops/iprg/iprg_new/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=26047
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.