บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


21 กรกฎาคม 2553

<<< ถ้าแค่ถือป้ายแล้วถูกจับ ก็คงอยู่ด้วยกันลำบากแล้วประเทศนี้ >>>

3 นร.-นศ.เชียงราย รายงานตัวหมายฝ่าฝืน "พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ" ด้านกรรมการสิทธิฯ ชี้เด็กก็มีส
Tue, 2010-07-20 21:49

ตำรวจเชียงรายออกหมายเรียกนักเรียน และนักศึกษา กรณีถือป้าย "ผมเห็นคนตายที่ราชประสงค์" วิพากษ์วิจารณ์การเมือง ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ปัดกลั่นแกล้ง ด้านกรรมการสิทธิฯ ส่งทีมเก็บข้อมูล ชี้แค่ยืนถือป้าย ย่อมมีสิทธิแสดงออก นัดสอบอีกครั้งวันศุกร์ที่ 23 ก.ค. นี้

วันนี้ (20 ก.ค.53) เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.นักเรียนและนักศึกษา เชียงราย จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายกิตติพงษ์ นาคเกศ อายุ 24 ปี นายนิติเมธพนฎ์ เมืองมูลกุลดี อายุ 23 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และนายกอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งเขตเทศบาลเชียงราย ได้เดินทางเข้าแสดงตนต่อพนักงานสอบสวน ที่ สภ.เมืองเชียงราย จากที่ถูกหมายเรียกในข้อหา "ชุมนุมหรือมั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปหรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ทั้งนี้ ภายในเขตพื้นที่ที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบประกาศกำหนด, ร่วมกันเสนอข่าว, ทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งพิมพ์หรือสิ่งอื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัวหรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดใน สถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของ ประชาชน" ตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ยังบังคับใช้ในพื้นที่

[ภาพ: 
gq706.jpg]

[ภาพ: 
5cd11.jpg]

[ภาพ: 
tna17.jpg]

ที่มาภาพ: กระดาน สนทนากลุ่มสื่อประชาชน

การออกหมายเรียกดังกล่าว สืบเนื่องจากจากกลุ่มนักเรียนและนักศึกษาจำนวน 5 คน ได้ร่วมกันทำกิจกรรมโดยการไปถือป้ายแสดงข้อความต่างๆ ที่บริเวณตลาดสดเทศบาล 1 หอนาฬิกา และทางขึ้นศาลากลางจังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยกิจกรรมดังกล่าวแสดงความไม่เห็นด้วยกับการคงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และกรณีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ บริเวณแยกราชประสงค์เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2535 โดยป้ายระบุข้อความ อาทิ ผมเห็นคนตายที่ราชประสงค์, นายกครับอย่าเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นะครับไม่งั้นรัฐบาลจะพัง, พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต้องคงไว้เพื่อไม่ให้ความจริงปรากฏ ฯลฯ

อย่างไรก็ตามยังมีนักศึกษาอีกจำนวน 2 คนจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ที่อยู่ในกลุ่มที่ไปชุมนุมดังกล่าวไม่ได้มาแสดงตน ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวน จึงยังไม่มีการออกหมายเรียก นอกจากนี้ พ.ต.ท.บัญญัติ ทำทอง รักษาราชการแทนในตำแหน่งรอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงราย ได้มีการออกหมายเรียกไปยังนายธนิต บุญญนสนีเกษม จากกลุ่มพลังมวลชนเชียงรายซึ่งเคลื่อนไหวในพื้นที่ จ.เชียงราย มาโดยตลอด ให้ไปทำการสอบปากคำที่ สภ.เมืองเชียงราย ในข้อหาเดียวกันนี้ด้วย เนื่องจากมีคนพบว่านายธนิต อยู่ในบริเวณที่กลุ่มนักเรียนนักศึกษาดำเนินกิจกรรมดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสอบปากคำกลุ่มนักเรียนและนักศึกษาครั้งนี้ คณะทำงานในคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง นำโดย น.ส.เกศริน เตียวตระกูล พร้อมนำเจ้าหน้าที่ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การดำเนินคดีด้วย

น.ส.เกศริน กล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ว่า ทางคณะมีหน้าที่ไปดูแลผู้ที่ถูกดำเนินคดีอันเกิดจากเหตุการณ์เดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมาที่เรือนจำกลาง จ.เชียงใหม่ และเรือนจำกลาง จ.เชียงราย โดยที่ จ.เชียงราย พบว่ามีผู้ถูกคุมขังเอาไว้ประมาณ 10 คน แต่บังเอิญมาพบกรณีคดีของเยาวชนถือป้ายในครั้งนี้จึงได้เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งเห็นว่าการถือป้ายลักษณะดังกล่าวถือเป็นสิทธิเสรีภาพในการคิดของพวกเขา เด็กเพียงแค่ 16 ปีก็มีความคิดได้เช่นกัน ดังนั้นจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนำเสนอต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อไป

นอกจากนั้น น.ส.เกศรินได้เข้าไปพูดคุยกับเด็กและเยาวชนกลุ่มดังกล่าวว่า การชุมนุมโดยถือป้ายในลักษณะดังกล่าวไม่ถือเป็นการกระทำที่ผิด และกฎหมายที่ห้ามการกระทำดังกล่าวเป็นกฎหมายพิเศษที่คล้ายกฎอัยการศึกซึ่ง น่าจะยกเลิกไปได้แล้ว

"ถ้าเขาบอกว่าเรามาชุมนุมกันเกิน 5 คน ก็บอกว่าเราไม่ได้นัดหมายไปชุมนุมกันเพียงแต่พูดคุยกันทาง face book จากนั้นต่างคนต่างก็ถือป้ายไปพบกันโดยบังเอิญเท่านั้น เราไปทีละคนไม่ได้ไปชุมนุมจึงไม่ผิด และข้อความที่ระบุในป้ายก็ไม่ได้ไปกระทบสิทธิใครนอกจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ไม่ถึงกับต้องดำเนินคดีก็ได้ และเนื่องจากอยู่ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เราจึงสามารถปฏิเสธหรือดื้อแพ่งต่อกฎหมายนี้ได้" น.ส.เกศริน กล่าวแนะนำกลุ่มนักเรียนนักศึกษา

ด้าน พ.ต.ท.บัญญัติ กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเห็นว่าเป็นการกระทำความผิดเพราะพื้นที่ยังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จึงสืบสวนพบว่าผู้ชุมนุมเป็นนักศึกษาจาก 2 มหาวิทยาลัยและ 1 โรงเรียน จึงทำการสืบสวนจนพบทั้ง 3 คน มีการติดต่อนัดแนะไปชุมนุมถือป้ายทางอินเตอร์เน็ตด้วย face book ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงนายธนิต บุญญสนีเกษม ด้วยจึงถูกดำเนินคดีไปพร้อมกัน ทั้งนี้ตำรวจยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้งใครแต่เป็นไปตามกฎหมายและข้อหานี้ก็ มีโทษสูงสุดคือจำคุก 2 ปีและปรับไม่เกิน 20,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.เกศริน พยายามจะซักถาม พ.ต.ท.บัญญัติ ว่าข้อความที่ระบุในป้ายไม่ถือว่าน่ากลัวแต่อย่างใดซึ่งทาง พ.ต.ท.บัญญัติ ชี้แจงว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตีความซึ่งต้องมีการตีความกันต่อไป เพราะยังต้องมีการสอบปากคำพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้องด้วยว่าเมื่อพวกเขาเห็น ป้ายต่างๆ ดังกล่าวแล้วรู้สึกเช่นไร จากนั้นทาง พ.ต.ท.บัญญัติ ได้เรียกสอบปากคำผู้ต้องหาเป็นรายบุคคล

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และทางเจ้าหน้าที่ได้นัดหมายทำการสอบสวนอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 23 ก.ค. นี้ โดยจะมีทนายจากคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมาร่วมรับฟังการสอบสวนด้วย

[ภาพ: 35210137005506322963121.jpg]
ภาพถ่ายขณะทำ กิจกรรมเมื่อวันที่ 16 ก.ค.53 ที่ มา: uddthailand's Photos - กิจกรรมนศ.เชียงราย

ที่มา: เรียบเรียงจาก ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ไทย รัฐออนไลน์ และ กระดาน สนทนากลุ่มสื่อประชาชน
นักเรียน ม.5 ที่เชียงราย ถือป้าย "ผมเห็นคนตายที่ราชประสงค์" โดนเรียกรายงานตัว ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

ที่มาประชา ไท
20 กรกฎาคม 2553

Facebook รายงานข่าวนักเรียน-นักศึกษา 5 คน รวมตัวรณรงค์ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดนหมายเรียกในความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ข้อหาชุมนุมห้าคนขึ้นไป กระทำการยุยง ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย

รายงานข้อมูลจากใน Facebook uddthailand และAeaw วะ ฮะ ฮ่า ระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.บัญญัติ ทำทอง รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงราย ได้ออกหมายเรียก เด็กนักเรียน ชั้น ม.5 อายุ 17 ปี และนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย 2 คน นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 2 คน รวมเป็น 5 คน ที่ออกไปรณรงค์ถือป้ายคัดค้านการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

[ภาพ: 37923137005092989671121.jpg]

uddthailand's Photos - กิจกรรมนศ.เชียงราย

ทั้งหมดโดนหมายเรียกในความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ข้อหา “ชุมนุมหรือมั่วสุมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยง ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ทั้งนี้ภายในเขตพื้นที่ที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบ ประกาศกำหนด ร่วมกันเสนอข่าว ทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งพิมพ์หรือสิ่งอื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน” และให้ไปรายงานตัวในวันที่ 20 กรกฎาคม 2553 เวลา 10.00 น.

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ก.ค.53 กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ทั้ง 5 คน ได้รวมตัวทำกิจกรรมให้มีการยกเลิกการประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการใน สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ที่บริเวณหน้าตลาดสดเทศบาล 1 เทศบาลนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย ด้วยการปิดปากด้วยหน้ากากอนามับที่เขียนว่า “พ.ร.ก.” และเดินถือป้ายรณรงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ ในเขตเทศบาลเช่น หอนาฬิกา ศาลลากลางจังหวัด โดยถือป้ายที่มีข้อความ อาทิ “ผมเห็นคนตายที่ราชประสงค์” “พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ คงไว้เพื่อไม่ให้ความจริงปรากฏ” “นายกครับ ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนะ ไม่งั้นรัฐบาลจะพัง” ฯลฯ ก่อนที่จะสลายตัวกันไปอย่างสงบ

หนึ่งในกลุ่มนักศึกษา กล่าวในการทำกิจกรรมวันนั้นว่า การออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เพื่อที่ต้องการแสดงออกว่ากลุ่มนักเรียน นักศึกษาได้มีความสนใจทางด้านการเมือง ซึ่งไม่อยากให้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้เข้ามามีบทบาทในการปกครองเนื่องจากจะถูกมองจากต่างประเทศว่าไม่ใช่ประเทศ ประชาธิปไตย จะกระทำหรือมีการเคลื่อนไหวอะไรก็ไม่ได้ ซึ่งการออกมาในครั้งนี้ก็ได้ทำตามมาตรการ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในการรวมกลุ่มไม่เกิน 10 คนและจะได้มีการรณรงค์อย่างสันติต่อไป

ทั้งนี้ในวันเดียวกันนั้น มีการแจ้งข่าวผ่านทางเว็บบอร์ดประชาไท ระบุว่า หลังจากเสร็จจากการทำกิจกรรม ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนชั้น ม.5 ได้ถูกทางโรงเรียนเชิญเข้าพบ โดยอาจารย์แจ้งว่าที่ให้มาพบเพียงอยากให้ยืนยันว่าได้มีการไปทำกิจกรรมจริง หรือไม่ ไม่ได้ถือเป็นการทำผิด แต่หาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (สพฐ.) มีคำสั่งมาว่าอย่างไร ทางโรงเรียนก็ต้องดำเนินการตามนั้น อีกทั้งในตอนหัวค่ำยังถูกตำรวจเข้าพบที่บ้านและเข้าตรวจสอบข้อมูลใน คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คด้วย

[ภาพ: 
r6c07.jpg]

Posted by editor01 at 7/20/2010 07:31:00 หลังเที่ยง 
http://translate.google.com/translate?hl=en&sl=en&tl=th&u=http://www.internetfreedom.us/forumdisplay.php%3Ffid%3D2%26page%3D1%26sortby%3Dstarted&rurl=translate.google.com&anno=2
--------------------------------------------------------------------

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของเด็กๆ
แต่มันหมายถึงสิทธิเสรีภาพที่ถูกริดรอนกันเห็นๆ
และมีเด็กเหล่านี้ได้พิสูจน์ให้คนไทยและชาวโลกได้ประจักษ์
ว่าจริงๆ แล้วมันมีอยู่ไหมคำว่าเสรีภาพ ณ ตอนนี้
คือคำว่าสมานฉันท์ ปรองดอง อะไรเหล่านี้ จริงๆ แล้วมันมีจริงหรือไม่
หรือเป็นแค่คำโฆษณา หาเสียง หลอกลวงชาวโลกไปวันๆ
ถ้าคนทั่วไป ยอมรับสภาพ ยอมเห็นเด็กๆ เหล่านี้ โดนข่มขู่คุกคาม
อย่าคิดว่าต่อไปคนทั่วไปจะไม่โดนแบบนี้
หรือแม้แต่พวกสื่อมวลชน องค์กรสิทธิมนุษยชนอะไรในระดับโลก
ถ้าไม่ออกมาเคลื่อนไหวกดดันพวกวางอำนาจบาตรใหญ่พวกนี้
ก็ควรเลิกเอาคำว่า "สิทธิมนุษยชน" ไปอ้างอีกต่อไป
โดย มาหาอะไร
FfF