ช่วงนี้ท่านอาจได้ยินข่าวมากมาย
เกี่ยวกับการแจกนั่นลดนี่แนวประชานิยมกว่า
ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ทั้งๆ ที่เคยออกมาต่อต้าน
เคยล้อเลียนเดินลงบันได้ที่แต่ละขั้น
เขียนนโยบายประชานิยมของทักษิณไว้
แต่วันนี้พูดได้เลยว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ประชานิยมกว่า
หรือพูดให้เห็นภาพก็ต้องบอกว่าโครตประชานิยม
มีทั้งแจกเงินและเกทับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคเป็นฟรี
เรียนฟรี นั่นนี่ฟรี มากมาย
แถมขึ้นเงินเดือนอีกระลอกหาเสียงล่วงหน้าเต็มที่
วันนี้ผมจะไม่มาวิเคราะห์แต่ละนโยบาย
ว่าใครประชานิยมกว่ากันยังไง
แต่จะมาวิเคราะห์ให้เห็นว่า
ปลายทางของการแข่งกันประชานิยมของพรรคการเมืองไทย
ในอนาคต น่าจะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อพรรคคุณแจกได้ พรรคฉันก็ต้องแจกได้
และสามารถเกทับแจกมากกว่าได้ด้วย
ก็ไม่ต่างอะไรกับการควักกระเป๋า
จ่ายค่านั่นนี่หรือซื้อนั่นนี่ในชีวิตประจำวันของทุกคน
ถ้าเมื่อไหร่เริ่มมือเติบจ่ายมากเกินกว่ารายรับ
ก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาใช้จ่ายเพิ่ม
บางคนไม่มีเครดิตหรือกู้จนไม่เหลือเครดิต
ก็อาจไปทำเรื่องผิดกฏหมายได้เหมือนกัน
แต่สำหรับประเทศแล้ว การมีรายจ่ายมากกว่ารายรับมากๆ
คนเป็นนักการเมืองไม่ค่อยได้รับผลกระทบอะไรอยู่แล้ว
แถมยังจะได้หน้า หรือได้รับความชื่นชอบจากประชาชนบางกลุ่ม
ที่นิยมของแจก ของฟรี ต่างๆ
ส่วนการใช้หนี้เงินที่กู้มาแจก
บริษัทห้างร้านต่างๆ จะโดนรีดภาษีหนักและจะโดนก่อนเพื่อน
แล้วต่อไปประชาชนทุกคนก็จะโดนตามมา
เช่นขึ้นภาษี VAT อันนี้ โดนถ้วนหน้าไม่ว่ายากดีมีจน
แล้วแต่จะกระทบมากกระทบน้อย หรือภาษีอื่นๆ แปลกๆ ที่รัฐจะเรียกเก็บเพิ่ม
แต่รัฐบาลที่ขึ้นภาษีจะเป็นรัฐบาลที่มารับกรรมจากรัฐบาลที่กู้มาแจก
เรียกว่าการลดแลกแจกแถมอะไรนักการเมืองมีแต่ได้กับได้
เพราะไม่ใช่เงินเขาสักบาท แถมได้หน้าเพิ่มอีกต่างหาก
ดังนั้นถ้าอยากรู้ว่าปลายทางของการแข่งกันประชานิยม
ในสงครามช่วงชิงรากหญ้า ซึ่งผู้มีอำนาจอาจคิดว่า
จะสามารถช่วงชิงมาได้และรักษาไว้ได้ตลอดไป
ก็ลองนึกสภาพเวลาบ้านเมืองใกล้ล้มละลายดู
ถ้าคุณต้องช่วงชิงความรักจากใครด้วยการใช้เงินไปซื้อไปแจก
วันไหนคุณไม่มีเงินให้ เขาก็ชิ่งหนีจากไปเหมือนกัน
มันไม่ใช่วิธีที่ได้ความรักอย่างจีรังยั่งยืนอะไรเลย
และถ้าคุณใช้วิธีนี้ได้ พวกอื่นเขาก็ใช้ได้เพราะไม่ใช่เงินเขาเหมือนกัน
เมื่อถึงจุดหนึ่งประเทศนี้ ก็จะคล้ายๆ ประเทศกรีซยามนี้
หรืออีกหลายๆ ประเทศ ที่ดูเหมือนประเทศเจริญ
มีตึกรามบ้านช่องสูงใหญ่มากมาย
มีถนนหนทางรถไฟฟ้าเยอะแยะ
แต่ประเทศกำลังล้มละลายก็มีหลายประเทศให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน
การทำสงครามแย่งชิงมวลชนด้วยโครงการที่ใช้เงินมากๆ
และต้องใช้ตลอดไปไม่สามารถหยุดได้
หยุดวันไหนมวลชนประเภทนี้
ก็อาจหันหลังไปหาพวกที่คิดจะแจกให้ต่อไป
และเมื่อวันหนึ่งประเทศมีหนี้สินมากมาย ใกล้ล้มละลาย
แผ่นดินนี้ย่อมสั่นคลอนไปหมด
ไม่ว่าจะคนจนคนรวยหรือคนมีอำนาจไม่มีอำนาจ
ล้วนต้องได้รับผลกันถ้วนหน้า
โดยเฉพาะพวกคนรวย และพวกที่มีอำนาจ
จะสูญเสียเงินหรืออำนาจมากกว่าเพื่อน
ถ้าเกิดระบบเศรษฐกิจพังขึ้นมา
จะเห็นได้ว่าปลายทางของสงครามประชานิยม
ก็คือทางไปสู่ประเทศล้มละลายนั่นเอง
แต่ถึงจะรู้ก็ทำอะไรไม่ได้มาก
เพราะผู้มีอำนาจก็หวังใช้วิธีนี้เพื่อซื้อใจคน
แบบหลอกๆ หรือแบบชั่วคราว
เพื่อหลอกตัวเองว่ามีคนชอบมากขึ้น
คงต้องทำใจดูการแบ่งกันหม่ำอย่างสนุกสนาน
และการผลาญงบประมาณแบบไม่ยั้ง
เพราะถึงไปตรวจสอบอะไรพวกนั้นก็รอดหมด
เนื่องจากเป็นพวกเส้นใหญ่นั่นเอง
มันเหมือนเป็นความหวังสุดท้ายของพวกเขาแล้ว
ถ้าทุ่มขนาดนี้แล้วผลการเลือกตั้งยังไม่อาจชนะเด็ดขาด
ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
แต่เรื่องชนะเลือกตั้งก็อาจชนะได้
เพราะมีเล่ห์เหลี่ยมสารพัดมากมาย
ถึงไม่ชนะเป็นพรรคที่ได้เสียงมากสุด
ก็อาจมาปล้นชัยกันตอนเลือกนายกได้ทั้งนั้น
รวมถึงการซื้อตัว ส.ส. ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้งอีก
เพื่อหวังให้ขั้วอำนาจเดิม ได้กลับมาเป็นรัฐบาลให้ได้
ซึ่งผมก็คิดว่าคงได้กลับมาเป็นอีกด้วยสารพัดเล่ห์กลอย่างที่ว่ามา
เพราะหนนี้ผู้มีอำนาจเขาจะทุ่มแบบแพ้ไม่ได้
แต่จริงๆ แล้ว ถ้ายังเล่นกันแนวๆ นี้
สุดท้ายก็ต้องแพ้สูญสิ้นอำนาจอยู่ดี
เมื่อถึงวันที่ประเทศล้มละลาย
โดย มาหาอะไร
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.