บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


02 ธันวาคม 2553

<<< สองมาตรฐาน เรื่อง ข้าราชการทำผิดวินัยกลับได้ดิบได้ดี >>>

วันศุกร์, มกราคม 29, 2010

ประมวลเหตุการณ์คนเชียงใหม่ไล่สมคิด



โดย คนเมือง
29 มกราคม 2553

เป็น อีกครั้งแล้วที่ต้องพูดถึงนายตำรวจคนๆ นี้ หลายคนอาจขี้เกียจอ่าน พอๆ กับที่เบื่อ (หน้า) นายตำรวจคนนี้ สิ่งที่จะได้อธิบายต่อไปก็เพื่อชี้ให้เห็นถึงความ “ชอบธรรม” (ไม่ใช่ “ชอบทำ” รัฐประหารแบบที่ทหาร “ชอบทำ”) ในการขับไล่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภาค 5 และจำเลยคดีอุ้มฆ่านักธุรกิจซาอุฯ ของแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่

ซึ่ง คราวนี้ก็ใช่ว่าจะมีกลุ่มรักเชียงใหม่'51 เจ้าเก่าขาประจำเท่านั้น หากแต่ยังมีอีกหลายกลุ่มทั้งจากต่างอำเภอและต่างจังหวัดพากันเข้าร่วม

ผู้ คนเป็นพันๆ มารวมตัวเพื่อไล่คนๆ เดียวเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจเสียกระไร นี่คงเป็นครั้งแรกเลยกระมังที่คนเจียงใหม่ซึ่งถูกย่ำยีกดขี่มานานในประวัติ ศาสตร์ พร้อมใจลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับการปกครองแบบรวมศูนย์ที่ยกอำนาจให้ข้าราชการใน เมืองกรุงเป็นคนกำหนดทิศทางของแต่ละท้องถิ่น

เช่นตั้งแต่มีภาค 5 มายังไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่ “คนเมือง” (แต๊ๆ) จะก้าวขึ้นมาเป็น ผบช. ตำแหน่งที่สมคิดทนนั่งอยู่จนถึงวันนี้ได้ หากมาจากคนข้างบนก็ย่อมรับใช้คนข้างบน การอำนวยความสะดวกให้คนอย่างสนธิ ลิ้มทองกุลเดินทางมาเหยียบราชธานีของแผ่นดินล้านนาได้อย่างสบายใจเฉิบเมื่อปลายปีที่แล้วใช้ยืนยันความจริงข้อนี้ได้เป็นอย่างดี

เหตุผลสำคัญที่เชื้อเชิญให้คนมากันไล่ท่านมากมายขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็เนื่องจากคำพูดของตัวท่านเอง

“...ถ้าสิ่งไหนผมทำไม่ดีนะครับ ท่านไล่ผม แล้วผมจะเดินออกจากภาคห้าไปเลย...”
ท่าน เคยกล่าวไว้เช่นนี้จริงๆ แกนนำเชียงใหม่'51 เค้าบันทึกเอาไว้แล้วเมื่อคราวท่านแสร้งทำดีตีหน้าเศร้าไปเยือนพวกเค้าถึง สถานีที่โรงแรมแกรนวโรรสไงครับ เพิ่งไม่นานมานี้เอง ท่านลืมได้ลงเชียวหรือ และที่เค้าเอามาเปิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหน้าภาค 5 หล่ะ ท่านไม่ได้ยินบ้างเลยเหรอครับ ท่านหูตึง หรือว่าเครื่องเสียงของกลุ่ม 51 ยังไม่ดังพอ?

ยิ่งเสียกว่านั้นท่านเองก็ยังถือเป็นขุนพลเสื้อเหลือง คนสำคัญที่มีส่วนอย่างยิ่งยวดในการทำลายระบอบประชาธิปไตย และยุบพรรคการเมืองพลังประชาชน เป็นผลให้เสียง (ข้างมาก) ของประชาชนไม่มีความหมายใดๆ แน่นอนที่สุดที่มากันมากหลายก็เพราะรับพฤติกรรมของท่านในส่วนนี้ไม่ได้นั่น เอง

รวมทั้งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตำรวจภาค 5 ส่วนใหญ่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง (บ้างถึงขั้นเข้าร่วมชุมนุมซะเอง บ้างช่วยบริจาคเงิน ข้าวกล่อง น้ำดื่ม ฯลฯ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับไล่ท่านด้วยแล้ว แกนนำเขารู้แม้กระทั่งว่าท่านจะเริ่มประชุมแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ รอง ผบก.-สารวัตร ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 (ครั้งใหญ่ครั้งแรกนับแต่ ปชป. ได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล) ตอนกี่โมง ท่านเลื่อนเป็นเวลาไหนเขาก็รู้ทัน เขาจึงมาชุมนุมกันและถึงพยายามจะเข้าไปในภาค 5 ให้ได้ในช่วงบ่ายของวันที่ 25 มกราคม 2553 (ที่ปรากฏเป็นภาพข่าวเณรถูกตำรวจหิ้วปีกนั่นแหละ) ไงครับ

ลอง ตรองดูให้ดีว่ารอบๆ ตัวท่านยังเหลือคนห่วงท่านจริงๆ (ไม่ใช่ห่วงตำแหน่งหรือความก้าวหน้าในอาชีพการงานของตัวเอง) สักกี่คน แม้นหลังจากเกิดเหตุกระทบกระทั่งกับกลุ่มคนเสื้อแดงแล้ว ท่านก็ยังเดินหน้าที่จะประชุมให้ได้ในช่วงค่ำวันนั้นเอง และก็ทราบจากคนแถวๆ นั้นด้วยว่าที่ประชุมมีมติให้ผ่านโผไปก่อน โดยที่หลายๆ สิบตำแหน่งยังไม่นิ่งเลยด้วยซ้ำ

ขณะที่ตัวโผนี้เองก็อาจจะเป็นปัญหา ในอนาคตได้ หากมีนายตำรวจผู้เสียหายร้องไปยังศาลปกครองว่าคำสั่งนี้มิชอบด้วยกฎหมาย ประเด็นพิจารณาของศาลอยู่ที่ว่าท่าน (พล.ต.ท.สมคิด) มีอำนาจที่จะลงนามในคำสั่งนี้หรือไม่? ซึ่งตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 95 ระบุว่า
“ข้าราชการตำรวจผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้ง กรรมการสอบสวน หรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาหรือถูกฟ้องคดีอาญา เว้นแต่เป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ผู้มีอำนาจตามมาตรา 72 หรือผู้บังคับบัญชาอื่นตามที่กำหนดในระเบียบ ก.ตร. (กรณีนี้ได้แก่ ผบ.ตร.) มีอำนาจสั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน...”

โดย รายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ปรากฏอยู่ใน กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 3 กำหนดขยายความไว้ เป็นต้นว่า

1) เป็นผู้ถูกฟ้องคดีอาญาในเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ หรือเกี่ยวกับความประพฤติหรือพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ และผู้ที่ถูกฟ้องนั้นพนักงานอัยการมิได้รับเป็นทนายแก้ต่างให้ และถ้าให้ผู้นั้นคงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดการเสียหายแก่ราชการ หรือ

(2) มีพฤติการณ์ที่แสดงว่าถ้าคงอยู่ในหน้าที่ราชการจะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนพิจารณาหรือจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้น ฯลฯ

และ นี่เองที่เป็น 1 ใน 2 ข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงที่มีต่อเขา คือต้องการให้ พล.ต.ท.สมคิด พิจารณาตัวเองด้วยการหยุด (หน้าด้านนน) ปฏิบัติหน้าที่ทันที โดยไม่ต้องรอคำสั่งของ ผบ.ตร.

ส่วนอีกข้อก็คือ ขอให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจที่ได้ (ฝืนกระแสประชาชน) ประชุมกันไปเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2553 (คำสั่งตำรวจภูธรภาค 5 ที่ 18 / 2553 เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ดู http://www.police5.go.th/site/notic/viewnotic.php?notic_id=101) ซึ่งลึกๆ ข่าววงในว่ามาเซ็นกันจริงๆ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (28 ม.ค. 53) นี่เอง

โดยมีข่าวลือเล็ดลอดออกมาว่าโผนี้เด็กนักการเมือง ทั้ง ปชป. (แม่เลี้ยงติ๊ก) และ ภท. (เนวิน) น้อยหน้าเด็กนาย (สมคิด) มากโข โดย พ.ต.อ.ที่มีชื่อขึ้นต้นด้วยตัว ท ซึ่งสมคิดดึงมาช่วยราชการที่สำนักงานของเขา ถือเป็นผู้กุมอำนาจตัวจริง (ถึงขนาดระดับ รอง ผบช. ยังต้องหวั่นเกรง) ซึ่งแกเองก็ได้ขึ้นเป็นถึง รอง ผบก.จว.ชม. และว่ากันว่าโรงพัก 4 มุมเมืองเจียงใหม่ ล้วนแล้วแต่ตกเป็นของเพื่อนร่วมรุ่นนายตำรวจ ท.ทหารคนนี้ทั้งสิ้น ยังมิพักเอ่ยถึงสารวัตรหญิงคนใกล้ชิดที่ก้าวขึ้นเป็นรอง ผกก. อย่างง่ายดาย (แต่แว่วๆ มาว่าสมคิดยืนยันหนักแน่นว่าโผนี้ภายใต้การนำของเขายึดหลักความสามารถเกือบ 100 %)

การชุมนุมใหญ่บริเวณหน้าตำรวจภูธรภาค 5 (บนสองฟากฝั่งถนน) ที่เกิดขึ้นในช่วงเย็นจนถึงเกือบเวลาเที่ยงคืนเมื่อวานนี้ (ซึ่งก่อนหน้านั้นเพียง 1 วัน ตร.ดอยสะเก็ดก็เพิ่งจะออกหมายจับแกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่’51 กรณีปิดล้อมบ้านเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง) ผู้เข้าร่วมชุมนุมเมื่อคืนนี้ ประมาณด้วยสายตาน่าจะอยู่ที่ราวๆ 1,000 คน (กว่า 70 % เป็นผู้หญิง จากที่ถามๆ ได้ความว่าหลายคนมาไกลมาก เช่น คุณป้าคุณยายที่มาจาก อ.ฝาง เป็นต้น)

แต่แค่นี้ก็ได้ทำให้รถติดยาวเหยียด เพราะคนล้นจนต้องมายืนฟังกันอยู่บนถนน ช่องทางจราจรสองฝั่งรวมกันจาก 6 เลนเหลือสัญจรไป-มาได้เพียง 2 เลน ขณะที่แทบไม่พบตำรวจจราจรมายืนอำนวยความสะดวกในการจราจรแถวนั้นเลย คงมีแต่คนเสื้อแดงคอยทำหน้าที่ดังกล่าวให้แทน ทราบภายหลังว่าเป็นความตั้งใจของนายที่คงอยากเห็นสังคมรุมด่าคนเสื้อแดงที่ ออกมาสร้างปัญหาครั้งแล้วครั้งเล่า และจากปากคำของแกนนำเสื้อแดงเองก็ประกาศชัดว่าจะไม่ให้มีการชุมนุมจนเลยเถิด ถึงขั้นปิดถนนเด็ดขาด เนื่องจากเคยถูกดำเนินคดีในข้อหากีดขวางทางจราจรมาแล้วหลายครั้ง

ขณะ เดียวกันหลายวันมานี้ตำรวจภาค 5 ในทุกๆ ฝ่ายก็กลับต้องมาเหนื่อยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าเวรเพื่อปกป้อง ศักดิ์ศรี (ที่แทบไม่เหลือแล้ว) ของผู้บังคับบัญชาสูงสุดที่ตกเป็นจำเลยในคดีอาญาอุกฉกรรจ์ กว่าจะได้กลับบ้านหาลูกหาเมียก็ปาไปตีหนึ่งเข้าแล้ว หนำซ้ำยังสั่งการให้มีประชุมประเมินสถานการณ์ทุกๆ 2 ชั่วโมงอีกต่างหาก และได้ขอความร่วมมือให้ตำรวจทุกหน่วยช่วยกันบันทึกภาพ (ไม่ว่าจะเป็นภาพเคลื่อนไหวหรือภาพนิ่ง) ความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงทุกฝีก้าว อ้างว่าเพื่อจะได้นำไปใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีในฐานปิดกั้นเสรีภาพต่อไป ขณะที่นายของพวกเขากำลังนอน (หลบ) อยู่ที่มุมไหนกับใครก็ไม่รู้อย่างสบายใจเฉิบ นี่คงเป็นหนึ่งในคุณลักษณะนิสัยของอำมาตย์ที่ชอบเอาแก่ใจตนเองกระมัง

อยาก ฝากถึงตำรวจที่ยังรู้สึกไม่ดีต่อคนเชียงใหม่เสื้อแดงว่าอย่าได้รังเกียจพวก เราเลย 19 กันยาฯ ทำให้มีพวกเราในวันนี้ ต้นตอของปัญหานี้อยู่ตรงไหน ทำไมเขาและเธอถึงต้องแสดงออกอย่างรุนแรงเช่นนั้น ท่านทราบดี สมคิดฯ ก็เป็นหนึ่งในผลผลิตของปัญหานั้นที่คนเสื้อแดงเรียกมันว่า “อำมาตยาธิปไตย” นั่นเอง

ข่าวล่าสุดยืนยันออกมาจากข้างในว่าวันนี้ (29 ม.ค. 2553) แกยังมาทำงานตามปกติ แต่ที่พิเศษกว่าทุกวัน ก็คือ วันนี้ที่ประตูด้านหน้ามีเวที (ขนาดเล็ก) และโลงศพ (ที่คนเสื้อแดงซื้อถวายให้แก) มาตั้งขวางอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่แกเห็นก็มีคำสั่งให้รื้อและให้เอาไปเก็บไว้ที่ สภ.แม่ปิง จากนั้นแกก็ได้เข้าประชุมหลายๆ คณะภายในภาค 5 นั่นเอง

แหล่งข่าวรายงานว่าในการประชุม (คณะหนึ่ง) วันนี้ แกย้ำว่า
“ผมไม่ใช่เป็นคนหน้าด้าน แต่ที่ผมยังอยู่ เพราะผู้บังคับบัญชายังไม่ได้สั่งให้ผมไป”
ฤาจะไม่มีสัจจะในหมู่คนดี (+มีคุณธรรม) อย่างคุณ

ถ้า ผู้อ่านอยู่ใกล้ท่านสามารถเดินทางไปให้กำลังใจนายสมคิดได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าไม่สามารถเข้าร่วมได้ ก็ยังมีช่องทางให้ท่านร่วมให้กำลังใจนายตำรวจไม่มีสัจจะคนนี้ได้ทาง http://www.police5.go.th/site/boardtxt/webboard.php
Share on Facebook

--------------------------------------------------

FfF