โดย คม ชัด ลึก วัน จันทร์ ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 00:00 น.
รวบหนุ่มใหญ่คา โรงพยาบาลหลังเจ้าทุกข์แจ้งความอ้างตัวเป็นหมอตุ๋นเงินชาวบ้านทั่วประเทศ วงเงินกว่า 500 ล้านบาท อ้างนำไปสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี วงเงินก่อสร้างหนึ่งพันสี่ร้อยล้านล้านบาทผู้เสียหายระบุถูกหลอกตั้งแต่ปี 38
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 17 กุมภาพันธ์ นางจุฬาพร ฤทธาภัย อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/22 แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พร้อมกับพวกอีกกว่า 20 คน ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.สงกรานต์ บุญสุวรรณ ร้อยเวร สภ.เมือง จ.ราชบุรี ให้ดำเนินคดีกับนายเอกรินทร์ คำศรี อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145/10 หมู่ 5 ต.ดอนตะโก อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นแพทย์ และเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน
นาง จุฬาพร กล่าวว่า เมื่อประมาณปี 2538 ได้รู้จักกับนายเอกรินทร์ และถูกนายเอกรินทร์ชักชวนให้นำเงินมาร่วมลงทุนโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลที่ จ.เพชรบุรี ชื่อ ชะอำเมโมเรียล โดยมีแหล่งเงินทุนจากต่างเป็นองค์กรการกุศลและสาธารณประโยชน์ และจะมอบเงินให้กับหน่วยงานหรือบุคคลเพื่อสาธารณะโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
นาย เอกรินทร อ้างอีกว่า ไม่มีเงินเพียงพอในการที่จะติดต่อประสานงานในโครงการดังกล่าว จึงขอให้นางจุฬาพรช่วยระดมทุนให้ โดยนางจุฬาพรก็ช่วยหาสมาชิกที่อยากมาร่วมลงทุนได้กว่า 20 คน และเมื่อได้เงินมาก็จะโอนเข้าบัญชีของนายเอกรินทร และเมื่อดำเนินการสำเร็จจะได้เงินจากโครงการดังกล่าวประมาณ 1,439,000,000,000 ล้านล้านบาท ( หนึ่งพันสี่ร้อยสามสิบเก้าล้านล้านบาท) ซึ่งจะแบ่งเงินก้อนนี้เป็น 4 ส่วน 3 ส่วนแรกนั้นจะเป็นค่าก่อสร้างโรงพยาบาลและดำเนินการเกี่ยวกับโรงพยาบาล ทั้งหมด รวมทั้งสนับสนุนเรื่องชนกลุ่มน้อย อีก 1 ส่วนจะแบ่งกับผู้ที่ช่วยระดมทุนตามสัดส่วนที่ลงทุน ซึ่งเป็นเหมือนเงินที่ได้มาเปล่า คนที่ลงทุน 1 แสนบาทจะได้เงินคืนกลับมาประมาณ 10 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 30 วัน
นาง จุฬาพร กล่าวอีกว่า แต่ในช่วงของการดำเนินการนั้นนายเอกรินทร์ ก็พยายามที่จะอ้างว่าเงินดังกล่าวนั้นได้เข้ามาในประเทศไทยแล้ว แต่ติดขัดในด้านการทำธุรกรรมกับกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร พร้อมทั้งต้องจ่ายให้ทางเจ้าหน้าที่อีกหลายทอดเพื่อให้เบิกเงินออกมาได้ สะดวก และขอเรียกเก็บกับผู้ระดมทุน โดยให้โอนเข้าบัญชี ธนาคารแห่งหนึ่ง ตนและเพื่อนๆ กว่า 20 คน หลงเชื่อและโอนเข้าบัญชีไปให้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง รวมเงินที่โอนกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งตนได้พยายามที่จะสอบถามถึงเงินดังกล่าวมาตลอด
จนกระทั่งเวลา ล่วงเลยมาถึงวันที่ 25 มกราคม 2551 นายเอกรินทร์ได้มาบอกว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีให้กับผู้เข้าร่วมลงทุนทุกราย แล้ว แต่เมื่อไปตรวจสอบที่ธนาคารก็พบว่าไม่มีเงินโอนเข้ามาแต่อย่างใด และติดต่อนายเอกรินทร์ไม่ได้อีกเลย จึงเชื่อว่าจะถูกนายเอกรินทร์หลอกลวง จึงได้พากันเข้าแจ้งความดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงของจ.ราชบุรี กล่าวด้วยว่า ตนนั้นก็ถูกหลอกให้ระดมทุนด้วยและเท่าที่สอบถามเพื่อนๆนักธุรกิจด้วยกันและ เพื่อนข้าราชการระดับสูงหลายคนก็โดนเหมือนกันเพราะมีการบอกต่อกันมา ซึ่งในกลุ่มของพวกตนนั้นวงเงินประมาณ 43 ล้านบาท ที่ได้โอนไปให้นายเอกรินทร์ ซึ่งสิ่งที่ทำให้หลงเชื่อ ก็คือเรื่องของเอกสารทางการเงินที่มีการนำมาให้ดูกันเป็นทอดๆ น่าเชื่อถือมาก เพราะมีจำนวนเงิน1,439,000,000,000 ล้านล้านบาท ( หนึ่งพันสี่ร้อยสามสิบเก้าล้านล้านบาท) เข้ามาทางธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารต่างชาติแห่งหนึ่ง ตามที่มีการนำเอกสารมากล่าวอ้างจริง และ 2 สถานบันการเงินนั้นเชื่อถือได้ จึงทำให้หลงเชื่อ จึงได้ร่วมลงทุนโดยโอนเงินให้นายเอกรินทร์ไปหลายครั้ง รวมกว่า 14 ล้านบาท
ระยะ หลังมานี้เมื่อสอบถามไปทางนายเอกรินทร์ก็บ่ายเบี่ยงเรื่องเงินที่จะเป็นค่า ตอบแทน และบอกว่าให้รอสักระยะเพราะติดขัดในเรื่องของการเซ็นต์เบิกจ่ายเงินออกมา สุดท้ายตนตัดสินใจนำเอกสารทางการเงินไปตรวจสอบที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเป็นเอกสารปลอม ทำให้รู้ว่าถูกนายเอกรินทร์หลอก จึงได้โทรศัพท์แจ้งไปยังเพื่อนๆหลายคนที่ร่วมลงทุนด้วยเพื่อบอกว่าความจริง ซึ่งบางคนก็เชื่อ แต่บางคนนั้นยังปักใจเชื่อว่าจะได้รับเงินตอบแทนจากนายเอกรินทร์จริงเพราะ เอกสารต่างๆ ที่มีการนำมากล่าวอ้างนั้นน่าเชื่อถือ และหลายคนก็หมดไปเยอะทำให้ทำใจไม่ได้ถ้ารู้ว่าถูกหลอก
ส่วนคนที่ มีชื่อเสียงก็อายไม่กล้าที่จะออกมาแจ้งความเพราะเกรงว่าจะถูกคนอื่นมองว่า โง่และเห็นแก่ได้ แต่ตนนั้นกลัวว่าคนอื่นจะถูกหลอกเหมือนตนกับพรรคพวกอีกจึงได้รวมตัวกันมา แจ้งความดังกล่าว ซึ่งใน จ.ราชบุรี นั้นทราบมาว่ามีมากกว่า 20 รายที่ถูกหลอก ส่วนในต่างจังหวัดก็ยังมีอีกมาก รวมจำนวนเงินกว่า 500 ล้านที่ได้โอนไปให้นายเอกรินทร์ และตัวเงินที่มีการกล่าวอ้างจากนายเอกรินทร์นั้นถ้ามีเข้ามาจริงก็จะมากกว่า งบประมาณของรัฐบาลไทยรวม 60 ปี
ร.ต.ท.สงกรานต์ บุญสุวรรณ ร้อยเวรเจ้าของคดี กล่าวว่า หลังจากสอบผู้เสียหายที่มาแจ้งความแล้ว กว่า 20 ราย พบว่านายเอกรินทร์มีพฤติกรรมฉ้อโกงประชาชนจริง จึงได้ขออำนาจศาลออกหมายจับนายเอกรินทร์ ซึ่งกำลังทำบายพารต์หัวใจอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี จึงได้ให้ตำรวจไปควบคุมตัวไว้ จนกว่านายเอกรินทร์จะหายจากอาการป่วย และนำตัวมาสอบสวนได้
นอกจากนี้ ได้ขอให้ผู้ที่ถูกนายเอกรินทร์หลอกลวงในลักษณะนี้มาแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สภ.เมืองราชบุรีด้วย
อย่างไร ก็ตามสำหรับนายเอกรินทร์ นั้น ทราบว่ามีบ้านพักหลายหลัง โดยแต่ละหลังมาราคาไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เฉพาะที่ จ.ราชบุรี มีอยู่จำนวน 2 หลัง รวมไปถึงรถรุ่นใหม่ อีกจำนวนหลายคัน
ขณะนี้ทางตำรวจกำลัง ตรวจสอบเงินที่ถูกโอนเข้าบัญชีของนายเอกรินทร์ ถูกย้ายไปอยู่บัญชีใดบ้าง รวมไปถึงการตรวจสอบทรัพย์สินอย่างอื่น ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริงทางตำรวจจะแจ้งความคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ส่วนกรณีการยึดทรัพย์นั้นจะต้องดูตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
http://news.sanook.com/social/social_249705.php
---------------------------------------------
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.