บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


10 กุมภาพันธ์ 2554

<<< รู้แล้วเงียบ เทียบกับ รู้แล้วบอกต่อ >>>

อย่าคิดเพียงแต่มองแกนนำแล้วทำตามที่แกนนำสั่ง
ควรคิดยับยั้งหากตรึกตรองแล้วเห็นว่ายังไม่รอบคอบพอ
อย่ารอให้เกิดผลเสียก่อนค่อยมาคิดแก้ไข
เพราะจะไม่เป็นผลดีต่อการต่อสู้
รู้แล้วเงียบ เทียบกับ รู้แล้วบอกต่อ
อย่างหลังน่าจะมีประโยชน์
ในการร่วมด้วยช่วยกันต่อสู้มากกว่า

ไม่มีใครรู้ทุกเรื่อง และไม่มีใครเก่งทุกเรื่อง
ยิ่งบางเรื่องที่ไม่เคยพบเคยเจอกันมาก่อน
ก็เหมือนกับทุกคนเริ่มศึกษาพร้อมๆ กันนั่นเอง
ในการคิดแก้ไขปัญหาอะไรสักอย่าง
บางคนอาจฟลุ๊คไปอ่านเจอ
หรือมีประสบการณ์ใกล้เคียง
หรือคิดได้โดยบังเอิญ
ถ้าไม่นำมาบอกกล่าว หรือนำมาแชร์กัน
ก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับใครทั้งสิ้น
แถมยังอาจรู้สึกผิดถ้าเกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นจริง
โดยที่รู้แล้วแต่ปิดไว้ไม่บอกต่อให้พรรคพวกรับรู้
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เคยมีในตำราให้ใครได้ศึกษามาก่อน
จึงไม่สามารถวัดความรู้จากใบปริญญาบัตรใดๆ ได้
ต่อให้จบด็อกเตอร์กับคนจบ ป.4 ก็ไม่ต่างกันมาก
ต้องคิดหาวิธีการต่อสู้ในสิ่งที่ตนเอง
ไม่เคยศึกษามาก่อนเหมือนๆ กัน

ดังนั้นความรู้จากทุกคนที่แนะนำมา
จึงมีคุณค่าที่จะนำมาประกอบการตัดสินใจในการสู้ศึก
อย่าคิดว่าเกิดมาเราตามเป็นอย่างเดียว
เกิดมาเราคิดเองไม่เป็น
หรือมีคนเก่งๆ มากมายเขาคงคิดมาดีแล้ว
หลับหูหลับตาทำตามสั่งอย่างเดียว
งานนี้ไม่มีใครเก่งกว่าใคร
เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน แต่คนเจ็บแล้วจำจะได้เปรียบกว่า
คนที่เจ็บแล้วไม่จำ เพราะว่า
จะโดนกระทำซ้ำๆ ซากๆ ด้วยวิธีการเดิมๆ
แค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนตัวละครเท่านั้นเอง
คนที่ยังจำได้ หรือจดบันทึกเอาไว้
จึงอาจดูเหมือนจะเข้าใจอะไรมากกว่า

สรุปว่า ทุกคนควรเป็นแกนนำตนเองให้ได้
และรู้อะไรควรนำมาแชร์หรือแนะนำต่อกันด้วย
เพื่อช่วยให้เกิดความรอบคอบในการต่อสู้ครั้งนี้
รู้แล้วเงียบ เทียบไม่ได้กับ รู้แล้วบอกต่อ
เพราะแบบหลังมีประโยชน์ในการต่อสู้ร่วมกันมากกว่า

โดย มาหาอะไร
FfF