วันที่ 13 กรกฎาคม 2554 02:00
'มานิตย์'ลั่นเสนอแน่ประชามติแก้รธน.50'เหวง'ติงแก้ปากท้องก่อน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
อดีตผู้พิพากษา ลั่นชงยกร่างประชามติแก้รธน.50 เข้าพรรคพท. โวมติรับเขียนฉับ5นาทีเสร็จ อ้างสะกัดถูกยุบพรรค "เหวง"ติงรอแก้ปัญหาปากท้องก่อน
นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย และอดีตผู้พิพากษา กล่าวถึงกรณีเสนอให้มีการยกร่างประชามติจะเลือกใช้รัฐธรรมนูญ 2550 หรือรัฐธรรมนูญ 2540 โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมพรรคเพื่อไทยเพื่อขอมติจากที่ประชุมก่อน ถ้าเสียงข้างมากเห็นด้วยในการยกร่างประชามติ ก็เขียนได้ทันที ไม่ถึง 5 นาทีเสร็จแล้ว ขอเพียงที่ประชุมมีมติออกมาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในการยกร่างจัดทำประชามติและการดำเนินการนั้นใช้เวลาไม่นานเหมือนการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) เพราะนั่นเป็นการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ครั้งนี้เป็นการให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศ เจ้าของอำนาจอธิปไตยได้ตัดสินชี้ขาดว่าจะเลือกใช้รัฐธรรมนูญฉบับไหน
"ถ้าหากไม่รีบดำเนินการแก้ไข ในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็อาจจะโดนยุบอีก ถึงตอนนี้จะทำอย่างไร ถ้าไม่จัดการเขา เขาก็ต้องจัดการเราแน่ เพราะองค์กรที่เกิดจากรัฐธรรมนูญปี 50 นั้นยังอยู่กันครบ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง และถ้าหากพรรคเพื่อไทยถูกยุบไปก่อน ก็คงไม่มีโอกาสไปแก้ปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจ อยากถามว่าเมื่อรัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกฯ มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย แล้วทำไมต้องบริหารภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 ที่มาจากเผด็จการ”
นายมานิตย์ กล่าวอีกว่า ถ้าพรรคมีการเสนอทำประชามติ อาจถูกกระแสต่อต้าน ดังนั้นอยากจะเชิญให้ฝ่ายต้านมาออกทีวีพูดกัน อย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้(13 ก.ค.) เวลา 13.00 น. ได้รับเชิญให้ไปบรรยายเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญให้บรรดานักการเมืองบ้าน 111 ฟังที่มูลนิธิไทยรักไทย
ด้าน น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. ว่าที่ส.ส.บัญชีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีแนวทางของนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ โดยแสดงความเห็นแย้งว่า เมื่อเราได้เสียงข้างมาเข้ามาแล้วจะต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนและปัญหาเศรษฐกิจก่อน ตามที่ประกาศนโยบายเร่งด่วนไว้ เมื่อปากท้องประชาชนดี เศรษฐกิจดีขึ้น ค่อยมาหยิบเรื่อรแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งก็มีแนวทางอยู่แล้วในการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาและจะต้องจัดทำประชามติถามประชาชนจะเอารัฐธรรมนูญฉบับไหน
ทั้งนี้ เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ต้องใช้เวลาและต้องดูจังหวะให้เหมาะสม หากจะต้องแก้ไขจริงก็ต้องรอหลังเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว ไม่ใช่เป็นรัฐบาลแล้วจะต้องรีบแก้ไขทันที อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีแนวคิดในการดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว
"สถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ พรรคเพื่อไทยชนะได้เสียงข้างมากเข้ามา คงไม่มีการยุบพรรคอีก เรื่องอื่นอย่าเพิ่งหยิบขึ้นมาตอนนี้" แกนนำนปช. กล่าว
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/policy/20110713/399968/มานิตย์ลั่นเสนอแน่ประชามติแก้รธน.50เหวงติงแก้ปากท้องก่อน.html
--------------------------------------------------------------
สิ่งที่ อ.มานิตย์ เสนอนั้นไม่ผิด แต่ช่วงจังหวะเวลาผิด
ณ เวลานี้ แค่จะตั้งรัฐบาลยังไม่แน่อาจโดนปล้นอำนาจได้
เมื่อโดนสอยเป็นร้อยซึ่งคงมีคน พท. หลายสิบคน
เผลอๆ เกินครึ่ง ทำให้เสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภาแล้ว
จะโดนปล้นตำแหน่งนายกอยู่ไม่กี่วัน
กับขยันมาดันเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ปวดหัวเพิ่ม
แบบนี้ถือว่าทำไม่ถูกต้องตามกาลเทศะ
โดยเฉพาะเรื่องแก้ไขรัฐธรมนูญ
เคยมีการผลักดันอย่างแข่งขันในรัฐบาลสมัคร
ถึงขนาดเฉลิม อ้างว่าพรรคหาเสียงไว้
ว่าจะเข้ามาแก้ สุดท้ายยังต้องถอย
ตามไปอ่านดูได้ที่เรื่องนี้
<<< ย้อนรอยความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 ครั้งที่ 1 >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2010/03/blog-post_3076.html
จะเห็นว่าไม่ง่ายหรอกที่จะแก้ ขนาดรัฐบาลสมัครฟลูทีมแข็งๆ
ทั้งนายกชื่อสมัคร รมว.มหาดไทยชื่อเฉลิม โฆษกชื่อณัฐวุฒิ
แถมยังมีรายการความจริงวันนี้ทางสื่อทีวี
เรียกว่าแข็งกว่าช่วงเวลานี้มากมาย
และรัฐบาลนี้ที่ยังไม่รู้ว่ายิ่งลักษณ์จะได้เป็นนายกหรือไม่เลย
หรือ พท. จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ด้วยซ้ำ
การมาเสนอในช่วงที่ยังตั้งรัฐบาลไม่ได้
เผลอๆ อาจเป็น ปชป. ได้เป็นรัฐบาล จับตาดูก็แล้วกัน
มาร์คออกอาการมั่นใจจะรีเทิร์นอีกครั้งแล้ว
ยังมาเสนอนั่นนี่เพื่อให้เขานำไปอ้างก่อม็อบก่อหวอด
ครบองค์ประกอบม็อบเสื้อเหลือง
ที่รวม นักจงรัก นักรักชาติ และนักต้านแปรรูป เข้าด้วยกัน
และถึงแม้จะมีการเล่นละครยังไงอาจตบตาคนอื่นได้
แต่ถึงวันนี้ผมว่าตบตาผมไม่ได้อ่ะ หูตาสว่างหมดแล้ว
ไม่ว่าพวกเขาพวกเรายกเว้นมุกใหม่ซิงๆ จริงๆ
อาจยอมให้ตบตาได้ครั้งเดียว และที่ผมเคยเขียนไว้
เรื่องตาสว่างทั้งแผ่นดินนี่มันหมายรวมถึงตาสว่างทั้งพวกเดียวกัน
และพวกฝ่ายตรงข้ามด้วยน่ะจะบอกให้
ที่บอกว่านี่เป็นตัวอย่างการเสนอนโยบายแบบข้าราชการ
ซึ่งไม่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนโดยตรงเหมือนนักการเมือง
ที่ต้องรับผิดโดยตำแหน่งและทางการเมืองที่จะต้องไปเลือกตั้งในอนาคต
ยังรวมไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาลว่าจะสามารถประคับประคองกันไป
ได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่อีกด้วย
เมื่อวานบอกว่าให้ระวังสิ่งที่ข้าราชการเสนอ
เพราะส่วนใหญ่เป็นพวกเขาทั้งนั้น
โดยเฉพาะสมาคม และบอร์ดรัฐวิสาหกิจต่างๆ ในตอนนี้
แต่วันนี้เพิ่มอีกเรื่องคืออาจเป็นข้าราชการ
ที่ชอบเสนออะไรมาดุ่ยๆ ลักษณะนี้คือไม่สนใจอะไร
รัฐบาลอยู่ได้ไม่ได้ก็ไม่เกี่ยวกับเขา ก็หลับหูหลับตาเสนอนั่นนี่มา
ถ้าเห็นว่าดีก็ดูจังหวะในการนำมาทำด้วย
เพราะบางเรื่องทำในจังหวะไม่เหมาะสม
คนที่ทำอาจโดนถีบตกเก้าอี้ก็ได้
และทำให้เสียโอกาสที่จะมีโอกาสได้ทำให้สำเร็จต่อไปด้วย
ดังนั้นต้องระวังให้ดี อย่างที่บอกว่า
ถ้าเล่นการเมืองไม่เป็น ระวังจะโดนการเมืองเล่น
ในเมื่อส่วนใหญ่เลือกแนว ผมรอได้ แล้วพากันมาแนวเลือกตั้ง
จะรออีกปีสองปีน่าจะรอได้น่ะ แต่ไม่ห้ามในการเคลื่อนไหวภาคประชาชนน่ะ
ทำไปเหอะ ยิ่งมีคนหนุนมากๆ โอกาสรัฐบาลกล้าทำเร็วขึ้นก็มีเยอะ
แต่ถ้าคนร่วมด้วยยังน้อยอยู่ ก็คงต้องรอจังหวะด้วย
ไม่ใช่ว่ามาเป็นรัฐบาลแล้วทำอะไรได้เลยไปหมดทุกเรื่อง
แม้แต่เรื่องที่เขาหาเสียงโครงการใหญ่ๆ ใช้เงินเยอะๆ
ยังอาจต้องรอเวลาด้วยไม่ใช่ทำได้ทันทีที่เข้ามาเป็นได้หมดทุกเรื่อง
ถ้าเราเอามันกันก็เห็นผลรัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย แล้วนิ
ไม่ลองของแปลกใหม่กันบ้างหรือ ถ้าเน้นแนวเดิมก็เห็นตอนจบอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องรอให้จบ ก็ลุยเลยได้น่ะเราว่า
อีกเรื่องเห็นคนชอบพูดเรื่องลุยไปเลยทำไปเลย
ไม่ต้องสนใจพวกอื่นหรือกระแสสังคมอะไร
เรามีเสื้อแดงเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กอะไร
ว่างๆ ไปเยี่ยมแถวเรือนจำดูบ้างก็ดีน่ะ
จะได้รู้ว่าผนังทองแดงกำแพงเหล็กที่ว่า
เอานักสู้ที่กล้าสู้อยู่แนวหน้าเป็นถึงแกนนำออกมาไม่ได้
ส่วนที่ออกมาได้ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ผู้มีอำนาจมากกว่า
ว่าอยากให้ออกมาไหมหรือมีงานกันมาหรือเปล่ามากกว่า
มันไม่มีมาตรฐานและผนังทองแดงกำแพงเหล็ก
ก็ยังไม่ถูกฝึกให้มาพร้อมลุยพร้อมแตกหักกันหมดจำนวนมากๆ
ก็พูดกันไป ไม่ดูความเป็นจริงกันบ้างเลย เฮ้อ กลุ้มใจ
ไอ้เราอุตส่าห์แนะนำให้ทำม็อบพร้อมลุย ก็ไม่มีใครเอา
บอกว่ามาเลือกตั้งกันดีกว่า ทำม็อบแบบเดิมดีแล้ว
ขยายมวลชน อะไรก็ว่ากันไป พอเราเดินตามมาได้ครึ่งทาง
ชนะแล้วกำลังช่วยปกป้องชัยชนะไม่ให้ถูกปล้นไป
มาอยากนั่นอยากนี่ไม่ได้งองแง ออกสื่อกดดันต่างๆ นาๆ
คิดว่าคนอื่นไม่รู้ทัน เห็นแล้วเอือมจริงๆ
เข้าทางฝ่ายตรงข้ามอีกเพราะเขาต้องการให้พวกอยากเป็นอกหัก
จะได้ไม่ช่วยหนุนหลังยิ่งลักษณ์ยามที่โดนปล้นตำแหน่ง
หรือ พท. โดนปล้นอำนาจไป ซึ่งมันแก้ง่ายนิดเดียวที่จะหยุดเรื่องนี้
ก็แค่ทำใจเป็น ส.ส. ก็ดีแล้วในช่วงนี้
หลายคนชาตินี้ยังไม่รู้จะมีโอกาสได้เป็นหรือเปล่า
ถ้าพรรค พท. ไม่ช่วยด้วยวิธีให้มาลงปาร์ตี้ลิสต์บ้าง
ลงในชื่อพรรคบ้าง ยังจะอยากนั่นอยากนี่เข้าทางพวกปั่นหัวอีก
แต่ก็ดีจะได้ตาสว่างกันเรื่อยๆ ดูกันต่อไปเหอะ
อีกอย่างสโลแกนหาเสียงทั้ง แก้ไขไม่แก้แค้น อะไร
ไม่รวมสารพัดที่หาเสียงไว้ ถ้าทำตรงกันข้าม
คนที่เสียคนคนแรกคือยิ่งลักษณ์ ตามมาด้วยพรรค พท.
เพราะเป็นนโยบายพรรค ไม่ใช่นโยบายยิ่งลักษณ์คนเดียว
ตามมาด้วยกองเชียร์รวมทั้งเสื้อแดงที่หนุนพรรคนี้
จะเสียคนเอาว่าเป็นพวกขี้จุ๊ ตอแหล พูดอย่างทำอีกอย่างสารพัด
จะเสียหายทางการเมืองมากมาย
แทนที่จะลองไปแนวที่เขาวางไว้
ยังไงมันก็หาเรื่องล้มอยู่แล้ว
แต่ถ้าเล่นบทนางเอกโดนแกล้ง
ยังไงมันก็ดีกว่าเป็นนางร้ายโดนรังแกน่ะผมว่า
และถ้ายังตั้งไข่ไม่ได้ ทั้งนโยบายก็ดี ทั้งการกระทำก็ดี
อย่าเพิ่งหาเหาให้พรรคมากๆ ได้ไหม
ในเมื่อสิ่งที่ต้องรับมือปกติยังเยอะแบบนี้
แถมอีก 3 เดือนพวกนั้นเขาก็หาทางเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
พร้อมระดมม็อบมาอีกแน่ๆ ถ้าจุดติดแบบชอบธรรม
คือไปทำให้เกิดกระแสจนได้ ที่พูดนี่ถ้ารอดการสกัดกั้น
ช่วงตั้งรัฐบาลช่วงนี้ไปได้ก่อนด้วยน่ะ
ลำดับความสำคัญก่อนหลังกันเป็นหรือเปล่า
เอือมจริงๆ ไม่งั้นก็เลิกไม่ต้องเป็นมันรัฐบาลปวดหัว
ให้มันปล้นไปแล้วไปลุยอย่างเดิม
แล้ววันหลังไม่ต้องมาชวนเลือกตั้งอีกน่ะ
เพราะชาวบ้านบางส่วนเขาคงรู้ทันแล้วว่า
อยากเลือกไปทำไมกัน แทนที่จะรอให้พ้นสามเดือน
ช่วยยันพวกนั้นก่อน ยันได้ก็อาจมีโอกาสอยู่ข้ามปีหรือหลายปีได้
กับต้องมาลุ้นวันต่อวัน ร่อนไปร่อนมา
เข้าทำเนียบไม่ได้ แบบไหนมันดีกว่ากัน
ถ้าคิดได้ การกระทำมันจะแสดงให้เห็นเองว่าคิดได้จริงไหม
โดย มาหาอะไร
FfF