จากคำตัดสินคร่าวๆ ของศาลโลก
ที่ให้ทหารทั้ง 2 ประเทศถอนตัวออกจากพื้นที่ขัดแย้ง
แต่ห้ามไทยขัดขวางการพัฒนาของฝ่ายกัมพูชา
รวมไปถึงพลเรือนกัมพูชาที่ยังได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ขัดแย้งต่อไป
ลักษณะแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเหมายึดเมืองปักกิ่ง
คล้ายกับกลยุทธ์ที่เราเล่าไว้ที่เรื่องนี้
<<< ความแตกต่างของการรบ ในสงครามที่เทียนจิน และ เป่ยผิง >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/11/blog-post_25.html
เหมาไม่ต้องการบุกเมืองปักกิ่งปัจจุบัน
เพราะมีโบราณสถานจำนวนมาก
จึงใช้แผนเจรจากับแม่ทัพใหญ่
ที่คุมทัพในเมืองปักกิ่งทำข้อตกลง 18 ข้อ
มีข้อหนึ่งคือให้กองทัพทั้งสองฝ่ายออกนอกเมืองปักกิ่ง
ซึ่งส่วนใหญ่ทหารเหมายังไม่ได้เข้าเมืองปักกิ่ง
มีแต่ทหารฝ่ายเจียง ไคเช็ก ที่รักษาเมืองอยู่
เงื่อนไขข้อนี้ก็คือการยอมแพ้
ของฝ่ายทหารที่รักษาเมืองปักกิ่งดีๆ นี่เอง
พอกองทัพฝ่ายเจียงที่ยอมจำนนออกจากเมือง
กองทัพเหมาก็เข้าไปแทนที่ ยึดเมืองได้ไม่ยาก
ส่วนกรณีเขาพระวิหาร
แม้คำสั่งจะทำให้ดูเหมือนพื้นที่ทับซ้อนเป็นของกัมพูชา
เพราะห้ามไทยขัดขวางการพัฒนาพื้นที่ของกัมพูชา
แปลไทยเป็นไทยก็คือห้ามไปยุ่งดินแดนกัมพูชา
เพียงแต่ยังไม่ฟันธงยกดินแดนชัดๆ เท่านั้นเอง
ปัญหาที่ตามมาก็คือ
เมื่อศาลโลกไม่ตัดสินชัดๆ มีเพียงแต่ให้ถอนทหารทั้ง 2 ฝ่าย
แล้วพวกเหล่าทหารก็บอกว่าให้รัฐบาลตัดสินใจ
รัฐบาลปัจจุบันคือรัฐบาลอภิสิทธิ์
ซึ่งต้องรักษาการจนได้รัฐบาลใหม่ก็อีกเป็นเดือน
แต่ถ้ามีการแบนยิ่งลักษณ์
สงสัยจะอีกยาวงานนี้คงได้ฉะกันอีกรอบ
รัฐบาลอภิสิทธิ์วันนี้ได้ข่าวเรียกประชุมสภาความมั่นคง
ถ้าผลออกมาโยนให้รัฐบาลใหม่ตัดสินใจ
ก็ฟันธงได้เลยว่าจะให้รัฐบาลใหม่เป็นแพะบูชายัญ
การที่ทหารบอกว่าให้รัฐบาลสั่งถึงจะถอนออกได้
ก็เท่ากับโยนเผือกร้อนมาให้
เนื่องจากยังมีนักรักชาติแบบหน้ามืดตามัว
ไม่สนใจข้อเท็จจริงอะไร อยากเอาชนะอย่างเดียว
ก็ออกมาขู่สำทับว่าถ้ารัฐบาลใหม่ให้ถอนทหาร
ตามคำสั่งศาลโลกก็จะก่อม็อบทันที
แบบนี้มองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากต้องการให้รัฐบาลใหม่
ซึ่่งไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วยเป็นแพะบูชายัญ
โดยปลุกกระแสคลั่งชาติ มาโจมตี
เช่นว่าศาลโลกไม่มีสิทธิไม่มีอำนาจมาตัดสินเรื่องนี้
ไทยไม่จำเป็นต้องฟัง ซึ่งมีการปลุกกระแสลักษณะนี้
จนมีคนหลงเชื่อแล้วจำนวนมากรวมไปถึงพวกเสื้อเขียว
ดังนั้นถ้าเกิดรัฐบาลใหม่พาซื่อ
สั่งถอนทหารตามคำสั่งศาลโลก
ก็จะถูกโจมตีทันทีว่าเป็นพวกทำให้เสียดินแดน
ทั้งที่จริงมันเสียมายึดตั้งแต่หลายรัฐบาลก่อนแล้ว
จนฝ่ายกัมพูชาขนชาวบ้านมาอาศัยอยู่จำนวนมากแล้ว
และศาลโลกก็ตัดสินกลายๆ ออกมาแล้ว
แต่คนมันจะไม่ฟังก็อาจทำให้โดนเอาคำว่าขายชาต
มาแปะที่หน้าผากโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปด้วย
อันที่จริงก่อนศาลโลกตัดสิน
หรือก่อนมีข่าวว่าศาลโลกจะตัดสินเรื่องนี้
ถ้าเป็นผมแก้ปัญหา
ผมจะถอนกำลังออกมาก่อน
เพื่อหวังผลไปสู้ในศาลโลก
โดยมันต้องมีแผนการณ์
ไม่ใช่นึกอยากถอนก็ถอน
แต่ถ้ามีคำสั่งศาลโลกมาแบบนี้
ประกอบกับมีการจ้องหาแพะบูชายัญ
ผมแนะนำว่าทำอย่างที่พวกนั้นทำตอนนี้
คือปองดอง คือดองมันทุกเรื่อง
กรณีนี้ถ้าเป็นผมตัดสินใจ
ผมจะประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนไปเลยว่า
จะไม่เปิดฉากยิงฝ่ายเขมร
ถ้าเกิดมีแสดงว่าเป็นฝีมือพวกมือที่มองไม่เห็นสั่ง
กันตัวเองไว้ก่อน และพยายามอธิบายต่อโลกว่า
สั่งทหารไทยไม่ได้ เพราะย้ายยังไม่ค่อยได้
จะตั้ง รมต.กลาโหม ยังต้องทำตามสั่งพวกนั้น
จะไปสั่งอะไรได้ ให้เขารับรู้สถานการณ์ภายในไทยเวลานี้ด้วย
ว่ามันไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ
และประกาศให้ชัดเจนเรื่องถอนทหาร
จะทำตามคำแนะนำ ของสภาความมั่นคง
เพราะถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของประเทศ
ถ้าไม่แนะนำอะไรมาก็น่ายุบทิ้งน่ะเราว่า
เพราะมีก็เหมือนไม่มี ก็ไม่รู้จะมีไปทำไม
ทีกับเสื้อแดงหล่ะก็ เห็นประชุมได้เรื่องทุกที
ถ้าสภาความมั่นคงแนะนำให้ถอนก็ถอน
ไม่ให้ถอนก็ไม่ประกาศอะไร
รายงานศาลโลกไปตามนั้นว่า
สภาความมั่นคงไม่ให้ถอน
ถ้ารัฐบาลไปถอนจะได้รับการโจมตีว่าขายชาติ
ทำให้เสียดินแดน กลายเป็นเรื่องการเมืองในประเทศ
ซึ่งต้องบอกอธิบายเรื่องแบบนี้
และแผนแบบนี้ให้คนทั้งประเทศได้รับรู้ด้วย
ไม่ใชทำงุบงิบเงียบๆ เพราะจะกลายแพะได้ง่ายๆ
แถมยังกดดันศาลโลกด้วยว่า อย่าแทงกั๊ก
ประกาศให้ชัดตัดสินไปเลยว่าเป็นของประเทศใด
ถ้าตัดสินก็จะทำตามนั้น ถ้าแทงกั๊กแบบนี้
ถึงรัฐบาลไทยจะไม่อยากแทงกั๊กด้วย
แต่จำเป็นต้องทำเพราะไม่เช่นนั้น
จะกลายเป็นแพะบูชายัญสังเวยความล้มเหลว
ผลงานของพวกผู้มีอำนาจที่หาเรื่องทำจนพลาด
และเสียดินแดนได้ในที่สุด
เดี๋ยวศาลโลกเขารำคาญเขาก็ประกาศชัดๆ ออกมาเอง
ส่วนทหารไทยไม่ถอนจะอยู่แถวนั้นก็ทำไป
แต่ถ้าก่อเรื่องเมื่อไหร่แสดงว่าทำไปโดยพละการ
เป็นแผนการณ์หาเหาให้รัฐบาล
จะได้วัดใจศาลโลกด้วยว่ามีอำนาจจริงหรือไม่
ให้พวกที่ถูกปลุกระดมมาว่า
ศาลโลกไม่มีอำนาจอะไรได้ดูเป็นตัวอย่างด้วย
โดย มาหาอะไร
FfF