บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


22 กุมภาพันธ์ 2555

<<< สรุปบทเรียนที่ทำให้แพ้ซ้ำซาก >>>

แม้ช่วงนี้อาจยังดูเหมือนไม่แพ้ แต่ก็เคยแพ้มา 3 หน
นายกที่ฝ่ายเสื้อแดงส่วนใหญ่สนับสนุน
มีอันต้องถูกฝ่ายตรงข้ามปล้นอำนาจบ้าง ถีบตกเก้าอี้บ้าง
ไม่รวมความไม่เป็นธรรมต่างๆ
รวมไปจนถึงรัฐธรรมนูญที่สืบทอดอำนาจเผด็จการในปัจจุบัน
วันนี้ขอสรุปบทเรียนที่ทำให้แพ้ซ้ำซาก
เผื่อคนรุ่นหลังจะได้นำไปแก้ไขปรับปรุงต่อไป

1. ไม่กล้าสู้
ข้อแรกเลยคือไม่กล้าสู้
คนที่ไม่สู้ ไม่กล้าสู้ ไม่ว่าเรื่องงานหรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่
ทำนายล่วงหน้าได้เลยว่าไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องนั้นๆ แน่นอน
ถ้ากล้าสู้อาจมีล้มเหลวบ้าง แต่สุดท้ายสักวันยังมีโอกาสชนะ
แต่ไม่กล้าสู้ก็จะไม่กล้าอยู่ยังงั้นแหล่ะ
และถ้าเริ่มไม่กล้าสู้แล้ว บทเรียนข้ออื่นๆ อีกกี่ร้อยกี่พันข้อ
ก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเพราะมันจบลงตรงไม่กล้าสู้แล้ว
มันก็ส่งผลให้ไม่สามารถแก้ไขบทเรียนต่างๆ อะไรต่อไปได้เลย
เพราะมันต้องใช้ความกล้าสู้เท่านั้นถึงจะทำการแก้ไขได้
ถ้าไม่คิดจะสู้ ประเทศไหนเขาจะมาหนุน
คนต่างประเทศจะหนุนก็ต่อเมื่อคนในประเทศพร้อมลุย
สู้กันจนบานปลายแล้วเท่านั้น ถ้างอมืองอเท้าก็ไม่มีใครหนุน
ถ้าสู้ไม่เลิกยืดเยื้อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเขาก็ต้องเลือกข้างหนุน
ยิ่งถ้าสู้เพื่อประชาธิปไตยจะได้ใจคนประเทศมหาอำนาจ
รัฐบาลประเทศมหาอำนาจจะไปหนุนฝ่ายเผด็จการ
ก็จะเจอมวลชนประเทศของเขาต่อต้านเอาได้ง่ายๆ

2. ไม่รู้เกมการเมือง
เท่าที่เห็นไม่ค่อยทันเกมทั้งในและต่างประเทศเลย
จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็น โดนวางยาเรื่องเข้า ครม. บ่อยๆ
อย่างล่าสุดเรื่อง พรก. นี่ก็เหมือนกัน
ถ้ารู้ว่ามีโอกาสเสี่ยง แล้วคนที่ตัดสินความเสี่ยง
ส่วนใหญ่เป็นพรรคพวกศัตรูคู่อาฆาต
ที่พร้อมล้มทุกเมื่อก็ไม่ควรไปเสี่ยง
ไม่รวมไปถึงมติ ครม. ที่เจอการสอดไส้
เพื่อเพิ่มอำนาจฝ่ายเผด็จการลดอำนาจฝ่ายต่อต้าน
ก็เห็นหลับหูหลับตาผ่านๆ มาก็หลายเรื่อง
อนาคตก็จะมีให้เห็นอีกไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้
รัฐบาลหน้าที่พวกเสื้อแดงเชียร์ก็มีสิทธิ์โดนเหมือนเดิม

3. ไม่ทำเรื่องที่ควรทำ
เรื่องที่ควรทำ เช่น ส่งเสริมเสรีภาพ
ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เข้าไปเยอะๆ
เพื่อสร้างชื่อเสียง สร้างบารมีให้กับตนเอง
แถมยังได้ใจคนในประเทศประชาธิปไตยต่างๆ อีกด้วย
โดยเฉพาะประเทศที่เจริญแล้ว
อย่างน้อยก็ทำให้มีพรรคพวก

ช่วยกดดันในต่างแดนมากขึ้น
ไม่ใช่ไปส่งเสริมคนหนุนเผด็จการยังงี้

แทนที่เขาจะสงสารเวลาโดนรังแก โดนปล้นอำนาจ
เขาอาจจะสมน้ำหน้าให้ ก็ส่งเสริมเผด็จการไม่ใช่หรือ
ก็โดนเผด็จการเล่นงาน
จะมาโวยวายอะไร อะไรประมาณนั้น

แทนที่จะคิดให้รอบคอบก่อนทำแต่ละอย่าง
ว่าจะได้มวลชนเพิ่มหรือเสียมวลชนทั้งในและต่างแดนไหม
ที่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้ก็เพราะว่า
ช่วงเวลานี้ เรากำลังอยู่ในช่วงสงครามการเมือง
จะเอามันเอาสะใจไปวันๆ ไม่ได้

4. ไม่จดจำอดีต
โดนหลอกลวงมายังไงก็ยังโดนด้วยมุกเดิมๆ
ถ้าโดนมุกใหม่จะไม่ว่าเลย
เพราะถือว่าฝ่ายตรงข้ามมีการพัฒนาขึ้น

แต่ที่เห็นมุกเดิมๆ ทั้งนั้นแค่เปลี่ยนตัวแสดงและฉากเท่านั้น
แถมบางเรื่องแก๊งส์เดิมคนเดิม ยังเชื่อใจหลงกลเขาอีก
เข้าตำราเจ็บไม่จำ แถมยังใช้ยุทธวิธีที่ใช้ต่อสู้กับเขาแบบเดิมๆ
ทั้งๆ ที่เป็นวิธีที่เคยแพ้มาแล้วหลายครั้งอีกด้วย

5. ไม่ขีดเส้นกติกาใหม่

คือไม่กล้าพอที่จะผลักดันกติกาใหม่
ที่อย่างน้อยก็ต้องผลักดันเรื่องเสรีภาพให้มากขึ้น
หรือเน้นเรื่องสิทธิมนุษยชนมากขึ้น

ซึ่งการแก้กติกาใหม่ ความจริงมันแก้ง่ายมาก ถ้าสู้จนชนะแล้ว
อยากแก้ให้เป็นประชาธิปไตยยังไงก็ได้ แต่ถ้าคิดตื้นๆ ว่า
จะไม่กล้าสู้แต่เลือกตั้งชนะจะมาแก้ แค่คิดก็ไม่ถูกต้องแล้ว
คนที่มีอำนาจเขาก็ต้องหวงอำนาจเขาก็ต้องปกป้องทุกวิถีทาง
ไม่มีทางได้กติกาใหม่ที่ดีแน่ๆ
อย่างดีก็คือต้องแก้ตามใจฝ่ายตรงข้าม
หรือฝ่ายตรงข้ามได้ประโยชน์เท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ได้กติกาใหม่
แถมกระบวนการที่ผลักให้ไปแก้ไขโดยเสรี เหมือนจะดี
แต่อย่างที่บอกถ้าพวกมีอำนาจเขาไม่ให้แก้
พวก สสร. ที่เลือกตั้งมาใครกล้าหือกล้าไปแก้อะไรหรือ
อย่างดีก็เหล้าเก่าในขวดใหม่เปลี่ยนแปลงนิดหน่อย
แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ได้เปรียบอยู่ดีเขาถึงยอมให้ผ่านมาใช้ได้
มีหลายกระบวนการที่จะแกล้งตีให้ตกแม้แต่ส่งศาลตีความยังได้
ใครจะทำไมก็ทำมาแล้วทั้งนั้นไม่รวมถึงการก่อมวลชนมาต้าน
ตั้งคณะพรรคพวกของตนเองขึ้นมาชี้นำ
หรือสร้างกระแสต่อต้านมาตราที่พวกเขาเสียเรียบหรือไม่ได้ประโยชน์

6. ไม่ใช้โอกาสเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง
ยามมีโอกาสได้อำนาจมาเป็นรัฐบาลกลับกลัวจะอยู่ในอำนาจไม่นาน
ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้แต่จะตั้ง รมต. ยังต้องตั้งคนที่หงอพวกเขา
หรือพวกเขาเห็นดีเห็นงาม แล้วบางคนมาเป็นแทนที่จะมาช่วยผลักดัน
ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใดๆ เปล่าเลยมาแต่ละคน
นอกจากไม่กล้าเปลี่ยนแปลงไม่พอ
ยังกลับคิดจะกล้ากระชับอำนาจให้ฝ่ายตรงข้ามเข้มแข็งขึ้นอีกด้วย
แต่สุดท้ายถึงช่วยกระชับอำนาจให้พวกเขา
ก็ยังเห็นโดนถีบโดนปล้นอำนาจเป็นประจำไม่ใช่หรือ
จะกล้าหรือหงอก็โดนอยู่ดี แต่ถ้าไปช่วยกระชับอำนาจให้พวกเขา
ก็เท่ากับช่วยทำให้การต่อต้านพวกเขาในภายหลัง
ต้องเหนื่อยยากมากขึ้นเท่านั้นเอง

7. ไม่ล้างบางอำนาจเก่า
ฝ่ายตรงข้ามเวลาเขามีอำนาจเขาจะแต่งตั้งพรรคพวกเขา
หรือส่งเสริมพรรคพวกเขา แทรกซึมเข้าไปในทุกวงการ
ทั้งข้าราชการประจำ ข้าราชการการเมือง ไม่รวมถึงบอร์ดต่างๆ
แต่เวลาฝ่ายนี้มีอำนาจ กล้าเฉพาะเปลี่ยนบอร์ดต่างๆ กับข้าราชการการเมือง
ที่เป็นเรื่องปกติของพรรคที่ชนะทำเป็นประจำอยู่แล้ว
แต่ข้าราชการประจำระดับที่มีอำนาจ ไม่กล้าแตะ
เช่น ระดับคุมกองทัพ อาจเป็นเพราะกติกาเขียนกันไว้ด้วย
แต่กติกาก็แก้ไขได้ ถ้ากล้าแก้หรือคิดจะแก้
ไม่ใช่ข้ออ้างเลย นอกจากว่าจะไม่กล้าเท่านั้น
เมื่อไม่กล้าแก้ ก็ไม่สามารถดันพรรคพวกตนเอง
ที่อุตส่าห์เสี่ยงตายช่วยมาเป็นในการช่วยต่อสู้ต่อต้าน
แต่พอวันที่พรรคพวกตนเองชนะ
พวกเขาก็ยังต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจเก่าเหมือนเดิม
แล้วเวลาฝ่ายตรงข้ามชนะพวกอำนาจเก่าก็เพิ่มขึ้น ยศก็สูงขึ้น
แค่หลับตานึกสภาพใครเขาจะมีใจอยากจะมาสู้ด้วยในอนาคต
สู้อยู่เฉยๆ ไม่ดีกว่าหรือ ในเมื่อฝ่ายที่ตนชนะมาก็หงอ
ไม่กล้าล้างบางอำนาจเก่าเขาก็ยังต้องตกอยู่ในสภาพจำยอม
ต้องเป็นลูกน้องพวกอำนาจเก่าไปตลอดกาลพร้อมถูกดองตามเดิม
แทนที่ฝ่ายไหนชนะ พวกนั้นก็ขึ้น ก็จะมีคนกล้ามาหนุนช่วยฝ่ายนี้มากขึ้น

8. ไม่เข้าใจจิตวิทยามวลชน
มวลชนที่ว่านี้รวมทั้งฝ่ายเขาฝ่ายเขา
ฝ่ายเขา ส่วนใหญ่ยังไงก็ไปเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว
เพราะสู้กันมาหลายปีแล้ว
ต่างฝ่ายต่างตกผลึกแล้ว การไปทำอะไร
เพื่อหวังว่าฝ่ายเขาจะมาเป็นพวกเราคงยาก
อย่างดีก็แค่หยุดการออกมาเคลื่อนไหวได้ชั่วคราวเท่านั้น
แต่ฝ่ายเรา กลับพบว่านอกจากจะไม่รู้เขาแล้วรู้เราก็ยังไม่รู้อย่างแท้จริง
ว่าจิตใจมวลชนไปถึงไหนกันแล้ว ความพยายามทำสวนกระแสมวลชน
ก็เท่ากับทำให้เสียมวลชน จากอยากมาสู้ด้วยกลายเป็นเฉยๆ ดีกว่า
หรือบางพวกปากกล้าหน่อยก็ด่าเปิงกันตรงๆ
ส่วนมวลชนที่คิดว่าคุมได้ก็ไม่ฮึกเหิม ไม่มีกำลังใจอะไรเพิ่ม
บางคนอาจเริ่มท้อก็มี สู้แทบตายไปปรองดอง แล้วสุดท้ายถ้าโดนอีก
เขาจะคิดไหมว่าจะสู้ตายดีไหมเดี๋ยวตอนจบก็มาปรองดองกันอีกอะไรแบบนี้
การกำหนดยุทธวิธีไม่ได้คำนึงถึงอนาคต ไม่ได้คำนึงถึงการต่อสู้ระยะยาว
เน้นระยะสั้นไปวันๆ กลยุทธ์จึงผันแปรไปวันๆ ไม่รวมเรื่องหลอกล่อฝ่ายเขา
เนียนจนหลอกฝ่ายเราไปด้วยก็มีให้เห็นเยอะแยะ
ไม่เป็นผลดีต่อการต่อสู้ระยะยาว สู้แบบนี้ยืนระยะยาวๆ
มวลชนที่กล้าสู้จะเริ่มเบื่อแล้วจะเริ่มถอยห่างไปเรื่อยๆ

9. ไม่สร้างคนของตนบ้าง
สังเกตุเวลาตั้งคณะกรรมการอะไรก็ตาม
มักชอบตั้งคนฝ่ายตรงข้ามเข้ามา เหมือนจะดี
แต่ดูผลงานที่ผ่านมา ของแต่ละคณะผลงานไม่ไปไหน
รู้สึกเหมือนมีตัวถ่วงเวลา หรือตัวถ่วงความเจริญร่วมอยู่ด้วยยังงั้นแหล่ะ
อันที่จริงไม่มีใครเขาใช้คนของฝ่ายตรงข้ามมาทำงานหรอก
ถ้าไม่ชัวร์ว่าเขาจะกลับใจมาเป็นพวกเราจริงๆ
เพราะจะโดนวางยา หรือโดนโรคเลื่อนยืดเยื้อ เอาได้ง่ายๆ
ทำให้เสียงานเสียเวลา ผลงานแทนที่จะดีก็ไม่ดี
แทนที่จะเน้นสร้างคนของตนเองขึ้นมาเยอะๆ
พวกไหนรับใช้ฝ่ายตรงข้ามอยู่ไม่ต้องเอาเข้ามาถ่วงเลย
ถ้าพวกนั้นคิดจะต่อต้านหรือแนะนำอะไร
เดี๋ยวก็โวยวายผ่านสื่อให้ได้ยิน

เพื่อหวังดิสเครดิตอยู่แล้ว
ซึ่งสามารถที่จะนำมาแก้ไขปรับปรุงได้ ถ้าเห็นว่าดี

เพราะการผลักคนของเราให้มีเยอะๆ
ก็จะมีพรรคพวกในวงการต่างๆ มากขึ้น

และส่งผลถึงกำลังใจในการต่อสู้ระยะยาวด้วย
อย่าลืมว่า นี่กำลังอยู่ในช่วงสงครามการเมือง ไม่ใช่การเมืองปกติ
ยุทธวิธีปรองดองแล้วเขาทำท่าจะปรองดองด้วย
อาจเป็นแค่ยุทธวิธีทำตัวให้เนียน
แต่ก็ลิ่วตาให้พรรคพวกไล่ต้อนไม่เลิกต่อไป

โดยไม่มีใครสาวไปถึงตัวเขาเหมือนกัน
เมื่อเป็นสงครามการเมืองยุทธวิธีก็ต้องเตรียมความพร้อม
แม้ถึงที่สุด ถ้าจะต้องตั้งกองกำลังพิทักษ์ประชาธิปไตยก็ต้องทำ

10. ไม่เลือกข้างฝ่ายประชาธิปไตย
ชัดๆ เลยกรณีตั้งคนที่มีประวัติที่ยังไม่เคลียร์
กับข้อหาที่ว่าไปหนุนเผด็จการประเทศอื่นมาร่วม ครม.
หรือการเลือกข้างประเทศก็เน้นไปที่รัสเซียกับจีน
กรณีรัสเซียกับจีนไม่มีปัญหาเลือกได้
แต่เวลาเกิดเรื่องเขาไม่มาช่วยจริงจังด้วย
แถมจีนก็มีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่ายตรงข้ามมากกว่าฝ่ายคุณ
แล้วเลือกข้างจีนไป วันหนึ่งเกิดเรื่อง เช่น โดนถีบตกเก้าอี้
จีนเขาจะมาช่วยไหม ดูสามครั้งในอดีตที่โดนเล่นว่าช่วยแค่ไหน
ในขณะที่อเมริกาหรือชาติตะวันตก
อย่างน้อยก็ยังมีประนามหรือบอยคอตก็ยังมี
โดยเฉพาะพวกฝั่งยุโรปนี่ของจริง แต่ก็ยังมีพาวเวอร์น้อยกว่าอเมริกา
ดังนั้นการเลือกข้างอเมริกา ก็คือเลือกข้างประชาธิปไตย
เพราะอเมริกาเขาเป็นพี่เบิ้มประชาธิปไตย
แถมประเทศเขาก็ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อยู่แล้ว
ถ้าสร้างภาพลักษณ์ตนเองเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ได้ใจคนประเทศเขาไม่ต้องกลัวว่ารัฐบาลประเทศเขา
จะกล้าไปหนุนพวกเผด็จการ
เพราะเขาจะโดนมวลชนหรือฝ่ายค้านเขาเล่นงานได้
และการเปลี่ยนแปลง 3 ประเทศในโลกอาหรับล่าสุด
ไม่รวมอีกหลายประเทศทั้งอัฟกานิสถานหรืออิรัก
หรืออีกหลายสิบประเทศปฏิเสธไม่ได้ว่าอเมริกาหนุนหลังอยู่
คราวนี้ก็แค่ดูผลงานในอดีตก็น่าจะรู้ว่า
ควรเลือกข้างประเทศไหน เผื่ออนาคตเวลามีปัญหา
เขาจะได้มาช่วย ช่วยช้าช่วยเร็วเขาก็ต้องช่วยสักวัน
อยู่ที่เราจะช่วยตนเองเต็มที่ สุดฤทธิ์แล้วหรือยังเท่านั้น
ถ้าไม่สู้เช่นโดนรัฐประหารก็หงอ
แถมยอมรับคณะรัฐประหารซะยังงั้นก็มี
ก็อย่าไปหวังว่าประเทศไหนเขาจะมาช่วยเต็มที่
อย่างดีช่วยประนามกับบอตคอตก็เกินพอแล้ว
อย่าไปหลงอดีต วีรกรรมเก่าๆ ของอเมริกา
ช่วงสงครามเย็นก็ช่วงสงครามเย็น ตอนนี้ไม่มีแล้ว
ช่วงสงครามเย็นส่วนใหญ่อเมริกาหนุนหลังพวกเผด็จการ
แทบทุกประเทศที่เสี่ยง เพื่อต่อต้านพวกคอมมิวนิสต์
แต่หลังสงครามเย็น เผด็จการหลายประเทศที่อเมริกาเคยหนุน
ก็โดนล้มเป็นแถวๆ มาแล้ว ไปศึกษาดูได้
และคำว่าอเมริกาหมายถึงรัฐบาลอเมริกา
ซึ่งจะเปลี่ยนนโยบายแล้วแต่ใครมาเป็นประธานาธิบดี
ไม่ได้หมายถึงชาวอเมริกาทุกคนหรือประเทศทั้งประเทศ
ดังนั้นอดีตนโยบายของประธานาธิบดีคนไหนก็ของคนนั้น ไม่เกี่ยวกัน
และช่วงแค่ปีกว่ามานี่ก็เห็นผลงานหลายประเทศแล้วว่า
การพยายามสร้างกระแสเพื่อจงเกลียดจงชังอเมริกาตอนนี้
ก็คือความพยายามช่วยพวกเผด็จการในไทยให้ไม่ต้องกังวลอเมริกา
ว่าจะเข้ามาแทรกแซงเวลาทำรัฐประหารทุกรูปแบบดีๆ นี่เอง
หรือไม่ก็พวกหลงยุคหลงอดีตไม่รู้จักแยกแยะ ไม่ได้ดูปัจจุบัน
การกำหนดยุทธวิธีอาจเข้าทางฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายๆ
ดูกรณีตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของอเมริกา
เช่น เวียตนาม ตอนนั้นรบกับอเมริกาจะเป็นจะตาย
เมื่อไม่นานมานี้จูบปากกันแล้ว
จีนก็เปลี่ยนไปตอนนี้ก็อ้าแขนกอดคอทำธุรกิจกับอเมริกาไปแล้ว
ลืมอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ดั้งเดิมช่วงปฏิวัติใหม่ๆ ไปหมดแล้ว
ไม่รวมถึง อิรักแต่ก่อนอเมริกาหนุนส่งอาวุธสู้กับอิหร่าน
แล้วเป็นไงสถานการณ์เปลี่ยน คนเปลี่ยน นโยบายก็เปลี่ยน

สรุปบทเรียนที่ชอบแพ้ซ้ำซาก ทั้ง 10 ข้อ
เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้นำไปศึกษาเพื่อการต่อสู้ในอนาคต
เพราะรู้สึกจะเริ่มหมดหวังกับการต่อสู้ในยุคนี้เข้าไปทุกที
ถ้าไม่สรุปให้เห็นก็ยังแพ้ซ้ำซากวนเวียนแบบเดิมๆ ไม่สิ้นสุดสักที

1. ไม่กล้าสู้
2. ไม่รู้เกมการเมือง
3. ไม่ทำเรื่องที่ควรทำ
4. ไม่จดจำอดีต
5. ไม่ขีดเส้นกติกาใหม่
6. ไม่ใช้โอกาสเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง
7. ไม่ล้างบางอำนาจเก่า
8. ไม่เข้าใจจิตวิทยามวลชน
9. ไม่สร้างคนของตนบ้าง
10. ไม่เลือกข้างฝ่ายประชาธิปไตย

โดย มาหาอะไร
FfF