บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


05 เมษายน 2555

<<< คำทำนายการเมือง ของโหรหรือหมอดูชื่อดังในไทย >>>

ตีแผ่คนเชื่อดวง นักการเมืองเจ๊งเพราะหมอดู!?
โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 6 มิถุนายน 2552 08:20 น.


       * ทุกวันนี้โหร-หมอดู กลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์การเมืองไทย
       * ขณะที่นักการเมือง-บิ๊กข้าราชการ หลายคนต่างก็ลุ่มหลงและเชื่อสิ่งที่หมอดูทายทัก
       * บางคนใช้เป็นอุทธาหรณ์สอนใจ แต่บางคนก็เพ้อฝัน แต่ที่ร้ายยิ่งกว่าคือกระทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองยิ่งใหญ่ดั่งคำทำนาย
       * โดยลืมสัจจะธรรมที่ว่า “คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต”
      
       สำหรับสังคมไทยนั้นจะพบว่าแทบทุกกลุ่มคนในสังคม ทุกระดับชั้น แทบไม่เคยมีใครที่ไม่เคยสัมผัสกับหมอดู หรือการทำนายทายทักกันมาก่อน วัตถุประสงค์ของการดูหมอของแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกันไป นิสิตนักศึกษา ย่อมอยากรู้ว่าตัวเองจะสอบผ่านหรือไม่ คนหนุ่มสาว อยากรู้ถึงอนาคตในหน้าที่การเงิน และความรัก ขณะที่พ่อค้า-นักธุรกิจทั้งหลายต้องให้ความสนใจไปที่ความร่ำรวย ผลกำไรขาดทุนที่จะเกิดขึ้น ส่วนคนการเมืองก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ให้ความสนใจในการดูหมอ สำรวจโชคชะตา จนไปถึงการแก้เคล็ด สะเดาะเคราะห์เพื่อเปิดทางให้ชีวิตทางการเมืองของตนเองราบรื่นและรุ่งโรจน์ ไม่แพ้คนในวงการอื่นเช่นกัน
      
       นักการเมืองชาวฮ่องกง กิลเบิร์ต เหลียง เลือกที่จะเชื่อคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย ที่บอกให้เขาเผาธนบัตรใบละ 1,000 ดอลลาร์ฮ่องกง จำนวน 15 ใบเป็นประจำทุกคืนโดยให้ทำติดต่อกันนาน1 ปีเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องติดคุกจากคดีซื้อเสียง แต่กิลเบิร์ตเลือกที่จะเผาธนบัตรใบละ 100 ดอลลาร์ฮ่องกง คิดเป็นเงินบาทไทยมูลค่า 500 บาท นานถึง1ปี ก็กลับไม่ได้ทำให้เขารอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด การกระทำของกิลเบิร์ต อาจสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของนักการเมืองคนหนึ่งที่ยินดีทำทุกทางเพื่อ ให้ตัวเองหลุดพ้นจากปัญหา โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง
      
       เมื่อหันกลับมามองนักการเมืองในบ้านเราก็จะพบว่า มีหลายต่อหลายคนที่เลือกใช้ความเชื่อทางโหราศาสตร์มาเป็นเครื่องมือในการ ทำงานการเมือง ตลอดจนบ่อยครั้งที่นำมาโยงใยกับการตัดสินใจที่มีผลต่อส่วนรวม บ้างอยู่ในสถานะส.ส. ,สว. บางคนเป็นรัฐมนตรีและบางคนอยู่ในฐานะผู้นำรัฐบาล ผู้นำพรรคการเมืองที่ยิ่งใหญ่
      
       'เจ้าพ่อดาวเทียม'
       คลั่ง 'หมอดู'
       
       กล่าวได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัวคือนักการเมืองที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องราวของโชคลาง การทำนายทายทักมากที่สุดคนหนึ่ง แม้หลายคนจะบอกว่าเป็นภาพที่ขัดแย้งกับภาพลักษณ์การเป็น 'เจ้าพ่อดาวเทียม'ของเขาอย่างสิ้นเชิงก็ตาม แต่หากมองย้อนกลับไปขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ตั้งแต่ปี 2544 จนถึง2549 นั้นจะพบว่าเขาเป็นผู้นำประเทศที่มีหมอดูเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมากที่สุด และอาจเรียกได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อในศาสตร์แทบทุกแขนงที่สามารถทำให้เขาวางใจต่ออนาคตทางการเมืองของเขา ได้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ อดีตภริยา จะมีชื่อเป็นลูกศิษย์ลูกหาของอาจารย์หลายสำนัก ทั้งหมอดูอีที ในประเทศพม่า , พระครูวิจิตรสุทธาราม เจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
      
       นอกจากนี้ยังเคยส่งลูกน้องไปร่วมงานทำพิธีบูชาราหู ที่วัดศรีษะทอง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เพื่อต่ออายุให้กับตัวเองมาแล้ว แต่กลับมีข่าวหลุดรอดออกมาเสียก่อน ขณะที่คุณหญิงพจมาน เองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องราวของการแก้เคล็ด แก้ฮวงจุ้ย และดูดวงไม่ต่างกัน โดยเฉพาะในยามที่พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ และถูกปัญหาทางการเมืองรุมเร้า มีการตอบโต้ปะทะกับสื่อและฝ่ายตรงข้ามชนิดรายวัน ก็มีข่าวว่า คุณหญิงพจมาน ได้แนะนำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้วิธีหลบเลี่ยงการให้สัมภาษณ์แทน เพราะเชื่อว่าเป็นจังหวะที่ดาวพุธทำมุมกับดวงชะตาของพ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เกิด 'วาจาเป็นพิษ'
      
       ขณะที่คุณหญิงพจมาน เองนั้นได้รับหน้าที่บริหารจัดการงาน 'เบื้องหลัง'เพื่อช่วยเสริมส่งบารมีให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ก้าวหน้าในทางการเมืองทุกวิถีทาง ทั้งการปรับแก้ ฮวงจุ้ยทั้งที่บ้านพักจันทร์ส่องล้า และที่ทำการพรรคไทยรักไทย เพื่อขจัดปัดเป่าโชคร้ายจึงมักเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง โดยพบว่าที่ทำการพรรคไทยรักไทย ได้มีการเชิญซินแซให้แก้ไขฮวงจุ้ย รวมไปถึงได้มีการให้ย้ายที่ทำการพรรคถึง 3 ครั้งจากเดิมซึ่งอยู่ที่ถ.ราชวิถี ย้ายไปยังอาคารชินวัตร 3 ถ.วิภาวดี-รังสิต ซึ่งแกนนำหลายคนในพรรคเชื่อว่าเป็นจุดที่มีฮวงจุ้ยดีที่สุด เพราะทำให้พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว
      
       อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้ว แม้หลายคนจะเชื่อว่าอาคารดังกล่าวเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดแล้ว แต่ในที่สุดพรรคไทยรักไทยไม่อาจรอดพ้นไปจากคดียุบพรรค ที่เกิดขึ้นซ้ำถึงสองครั้งสองคราว จากนั้นคุณหญิงพจมาน ได้สั่งให้ย้ายที่ทำการพรรคไปยังตึกไอเอฟซีที ต่อมาพรรคพลังประชาชนได้ถูกยุบพรรคอีกครั้ง จนในปัจจุบันพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรครุ่นที่ 3 ได้ใช้อาคารบีบีดี บิลดิง ซอยจินดาถวิล ถนนพระรามที่ 4 แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เป็นฐานที่มั่นพร้อมทั้งนำช้างหินแกะสลักคู่ ขนาดความสูง 1 เมตร มาวางบริเวณหน้าที่ทำการพรรคเพื่อเสริมฮวงจุ้ย
      
       แม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นผู้นำรัฐบาล ที่ได้ว่ามีบารมีและอำนาจในการกำกับควบคุมงานในฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติมาก ที่สุดคนหนึ่งก็ตาม แต่ตลอดระยะเวลาที่นั่งบริหารงานนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องประสบกับกรณีปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น การตรวจสอบจากฝ่ายค้านและกลุ่มการเมืองนอกสภาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และความโปร่งใสจากนโยบาย-มาตรการบริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สื่อมวลชนเองก็เกาะติดเขาอย่างหนัก ภายในพรรคไทยรักไทยเองก็เต็มไปด้วยรอยร้าวที่มาจากการแย่งชิงอำนาจของกลุ่ม ก๊วนการเมืองภายในจนเกิดการระส่ำระสาย ดังนั้นจะพบว่าบ่อยครั้งที่พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องอาศัยการแก้เคล็ด การสะเดาะห์เคราะห์ด้วยวิธีการต่างๆควบคู่ไปกับการใช้อำนาจบัญชาการ และประกอบกับการที่ได้ 'เนวิน ชิดชอบ' ซึ่งในเวลานั้นเปรียบเสมือนมือขวา คนข้างกายของพ.ต.ท.ทักษิณ จนทำให้หลายคนในพรรคพากันยกให้เนวิน เป็น 'ที่ปรึกษาด้านไสยศาสตร์'
      
       'คุณเนวิน เป็นคนที่สนใจและเชื่อเรื่องราวของหมอดู การทำนายโชคชะตามากที่สุดคนหนึ่ง เมื่อมาเจอกับคุณทักษิณ ซึ่งมีความเชื่อในแนวทางเดียวกัน ทั้งคู่จึงเรียกว่าเข้ากันได้เป็นอย่างดี
      
       ตอนที่ไปทัวร์นกขมิ้น ที่อ.อาจสามารถ จ.อุดรธานี นั้น ด้านหนึ่งคือการเดินสายหาเสียงกับรากหญ้า โดยมีคุณเนวิน เป็นคนจัดวางโปรแกรมทั้งหมด รวมไปถึงวางโปรแกรมว่าจะให้คุณทักษิณ ไปรอดท้องช้างเพื่อสะเดาะเคราะห์ รวมทั้งการเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆนั้น เพื่อเป็นการแก้เคล็ดในยามที่ดวงไม่ดี จึงต้องย้ายที่อยู่'
      
       ส.ส.พรรคเพื่อไทย เปิดเผย พร้อมทั้งยอมรับว่าโดยธรรมชาติของส.ส.หรือนักการเมืองแทบทุกคนในสภาฯ ที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับชาวบ้านก็มักจะสนใจเรื่องของการทำนายทายทักเป็นทุน เดิม เมื่อถึงคราวเลือกตั้งก็ย่อมอยากรู้ว่าจะชนะเลือกตั้งหรือไม่ ขณะที่ส่วนใหญ่ก็อยากรู้ว่าในอนาคตจะได้มีโอกาสเป็นรัฐมนตรีหรือเปล่า สำหรับพ.ต.ท.ทักษิณ นั้นถือเป็นลูกศิษย์รายสำคัญที่วัดถ้ำค้างคาว จ.ลพบุรี เนื่องจากเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวได้เคยทำนายดวงชะตาของพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่เมื่อครั้งเจอพิษคดีซุกหุ้นในปี 2544 ว่าจะหลุดพ้นอย่างแน่นอน และภายหลังถูกยึดอำนาจในปี 2549 ยังได้ทำนายว่าที่สุดแล้วพ.ต.ท.ทักษิณ จะได้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งแน่นอน
      
       ' เท่าที่ทราบคุณทักษิณ และครอบครัว จะให้ความนับถือคำทำนายวัดนี้อยู่มาก ซึ่งล่าสุดพระท่านได้ทำนายว่าอีกไม่นานคุณทักษิณ จะได้กลับประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยจะมีคนไปรับ มีประชาชนที่อดยาก ยากจนจะออกมาเรียกร้องให้คุณทักษิณ กลับมา ซึ่งท่านทำนายก่อนที่จะมีคนเสื้อแดง เสื้อเหลืองด้วยซ้ำ แหล่งข่าวระบุ
      
       'เนวิน'ผู้เชื่อศาสตร์ทุกแขนง
      
       นอกจากอดีตนายกฯทักษิณ แล้ว ยังมี เนวิน ชิดชอบ ที่ถือเป็นนักการเมืองอีกคนหนึ่งที่นิยม และเชื่อในศาสตร์แห่งโหรแทบทุกแขนงทั้งไทย 'เขมรและฮวงจุ้ย หากมีผู้รู้คนใดแนะนำให้เนวิน แก้เคล็ดด้วยทางใดทางหนึ่ง แน่นอนว่าเขาย่อมดำเนินการตาม ไม่ว่าจะเป็นการปรับเสริมที่อยู่อาศัย หรือการเดินทางไปแสวงบุญในต่างแดนเป็นประจำแทบทุกปี
      
       ' ในห้องพระของคุณเนวิน จะมีทั้งพระไทยและพระแบบเขมร การปรับแต่งห้องทำงานด้านหลังของบ้าน คุณเนวิน เคยบอกว่าเขาจงใจที่จะไม่ทำให้บ้านเสร็จสมบูรณ์ จะเหลือบางส่วนเอาไว้ ซึ่งใครไปเห็นก็มักจะถาม คุณเนวิน บอกว่าเป็นเรื่องของเคล็ด เรื่องของฮวงจุ้ย เพราะชีวิตคนเราไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด ต้องมีอะไรที่ขาดๆเกินๆ เอาไว้บ้าง'
      
       แหล่งข่าวใกล้ชิดเนวิน ชิดชอบ กล่าวว่า ในแต่ละปีเนวิน จะเดินทางไปปฏิบัติธรรม นุ่งขาวห่มขาว ที่พุทธคยา ในประเทศอินเดีย ครั้งละ 10 วันเพื่อเป็นการสร้างบุญเสริมบารมีให้กับตัวเองเป็นประจำ ทั้งนี้ยังไม่เคยเห็นว่าเนวิน จะนำเรื่องของโชคลางมาใช้ในการตัดสินใจหรือเดินเกม นอกเหนือไปจากการคิดคำนวณความได้เปรียบ เสียเปรียบและชัยชนะทางการเมืองในแต่ละครั้ง
      
       'บิ๊กทหาร'
       ตบเท้าเข้าหา 'หมอวารินทร์'
      
       ความเชื่อถือในคำทำนายของหมอดู ซินแซ รวมไปถึงพระวัดดังจะมีต่อบรรดานักการเมืองเท่านั้น แต่ในแวดวงข้าราชการ ระดับสูงแทบทุกหน่วยงานต่างพากันให้การยอมรับและแวะเวียนฝากตัวเข้าไปเป็น ศิษย์สำนักดังกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะเมื่อพูดถึง 'โหรวารินทร์' หรือวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าสำนักสุขิโต ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถูกสื่อยกให้เป็น 'โหรคมช.'
      
       เนื่องจากเมื่อครั้งที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ,พล.อ.วินัย ภัทธิยะกุล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม กระทรวงกลาโหม และพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผู้บัญชาการทหารอากาศ ขณะนั้นในฐานะ 'คีย์แมน' หลักยึดอำนาจจากพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 19 กันยา 2549 ได้เคยแวะเวียนไปพบกับหมอวารินทร์ จากนั้นต่อมาเมื่อการปฏิวัติยึดอำนาจสำเร็จลงหมอวารินทร์ ได้กลายเป็นหมอดู ที่ออกมาทำนายความเป็นไปของบ้านเมืองและอนาคตทางการเมืองของพล.อ.สนธิ บ่อยครั้ง
      
       ขณะเดียวกันยังพบว่าหมอวารินทร์ ยังมีลูกศิษย์คนดังอีกหลายต่อหลายคน รวมถึงคุณหญิงพจมาน ทั้งนี้เคยมีข่าวว่าทั้งพล.อ.สนธิ และคุณหญิงพจมาน มีกำหนดการที่จะเดินทางไปพบกันที่สำนักสุขิโต หลังจากที่พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดอำนาจและหนีไปอยู่ต่างประเทศ จนทำให้มีการตั้งข้อสังเกตกันว่าหมอวารินทร์ จะช่วยเป็น 'กาวใจ'ให้กับคนทั้งสอง เพราะต่างเป็นอาจารย์ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่าย
      
       'สมศักดิ์-บิ๊กจิ๋ว-สุวัจน์'
       ติดโผศิษย์หมอดูดัง
      
       หากหมอวารินทร์ คือหมอดูชื่อดังที่มีบิ๊กทหารและนักการเมืองเข้าไปใช้บริการมากคนหนึ่งใน เมืองไทยแล้ว 'หมอดูอีที' หมอดูหญิงชาวพม่า ซึ่งใช้วิธีตรวจดวงชะตาด้วยการเข้าฌาน มีลูกศิษย์มากหน้าหลายตา ทั้งในพม่าและต่างประเทศที่ได้ยินชื่อเสียงต่างเข้าคิวขอเข้ารับการทำนายกัน อย่างคับคั่ง แม้ว่าค่าดูดวงจะแพงลิบลิ่วถึงหลักแสนก็ตาม ทั้งผู้นำพม่า อย่างพลเอกอาวุโสตาน ฉ่วย ผู้นำสูงสุดของรัฐบาลทหารพม่า และนักธุรกิจต่างพากันยินยอมแก้เคล็ดทันที หากหมอดูอีทีให้คำแนะนำ เนื่องจากคำทำนายของหมอดูรายนี้ว่ากันว่ามีความแม่นยำอย่างมาก ทั้งเหตุการณ์ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในพม่า รวมถึงการที่ผู้นำพม่าตัดสินใจให้ย้ายเมืองหลวงจากร่างกุ้ง ไปเป็นเมืองเนปิดอร์แทน ในปี 2548
      
       และจากชื่อเสียงที่ลือลั่นของหมอดูอีที ชาวพม่านี่เองที่กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้นักการเมืองจากประเทศไทยพากัน แวะเวียนไปพบ ซึ่งมีทั้ง คุณหญิงพจมาน , พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเคยมีข่าวว่าทั้งคู่ให้หมอดูอีทีทำพิธีผูกชะตา มาแล้ว นอกจากนี้ยังว่ากันว่า ในรายชื่อนักการเมืองที่เคยไปให้หมอดูรายนี้ตรวจชะตานั้นยังมี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ,สมศักดิ์ เทพสุทิน , เสนาะ เทียนทอง, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นต้น
      
       พล.ต.ศรชัย มนตริวัตร นายทหารใกล้ชิดกับพล.อ.ชวลิต เปิดเผยว่า การดูหมอเพื่อให้ทำนายทายทักนั้นเป็นเรื่องทางจิตวิทยาสำหรับคนทั่วไปตาม ปกติ หลายคนดูเพื่อความสบายใจ หรือหาทางออกให้กับตัวเอง ส่วนพล.อ.ชวลิต นั้นเชื่อว่าไม่ใช่คนที่งมงาย แต่หากมีลูกน้อง ที่เป็นนักการเมืองหรือนายทหาร แนะนำให้ไปดู ก็อาจไปบ้าง แต่ไม่ถึงกับเชื่อและทำตามทุกอย่าง
      
       อย่างไรก็ตามในรายของสมศักดิ์ เทพสุทิน นั้น คนใกล้ชิดยืนยันว่าสมศักดิ์ ไม่ใช่นักการเมืองที่งมงายกับเรื่องของโชคชะตาและคำทำนาย จนถึงขนาดที่จะนำมาใช้ในการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งทางการเมืองอย่าง แน่นอน
      
       เสริมบารมี
       'พระแม่ธรณี' คุ้ม 'ปชป.'
      
       อีกพรรคการเมืองหนึ่งที่ถือเป็นพรรคใหญ่อันดับสองรองจากพรรคเพื่อไทย อย่างประชาธิปัตย์ ที่ดูเหมือนว่าบรรดาแกนนำของพรรคหลายคนไม่นิยมการตรวจทำนายดวงชะตา หรือแก้เคล็ดใดๆทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรค ,สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและเลขาธิการพรรค ตลอดจน ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาของพรรค ต่างไม่พบว่ามีรายชื่อเป็นลูกศิษย์หมอดูสำนักดังรายใด นอกเหนือไปจากการปรับฮวงจุ้ยสัญลักษณ์สำคัญของพรรคคือ 'พระแม่ธรณีบีบมวยผม' โดยมี 'อเนก ทับสุวรรณ' อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับหน้าที่หลักในพิธีการแต่ละครั้ง
      
       ในการปรับฮวงจุ้ยที่พระแม่ธรณีบีบมวยผมนั้น มักดำเนินการในช่วงเวลาสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอนาคตและแกนนำหลักของพรรคแทบ ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่พรรคต้องเผชิญหน้ากับคดียุบพรรคในปี 2550 , การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2550 รวมทั้งการเปลี่ยนสีสไบให้เป็นสีทอง ครั้งล่าสุดในวันเกิดพรรคเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา พระแม่ธรณีบีบมวยผมคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรคที่สมาชิกทุกคนต่างให้ความ เคารพนับถืออย่างมาก รวมไปถึงมารดาของ นายกฯอภิสิทธิ์ เองก็เคยเข้ามาสักการะด้วยตัวเองที่พรรค นอกจากนี้ในการระดมทุนของพรรคก่อนการเลือกตั้งใน2550 พรรคยังได้จัดทำเหรียญพระแม่ธรณีฯ เป็นที่ระลึกแจกในงาน
      
       'สมาชิกพรรคส่วนใหญ่ เท่าที่ทราบจะมีแต่เซียนพระ ไม่ค่อยได้ยินว่าใครชอบไปดูหมอขนาดคุณทักษิณ ส่วนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนต้องเคารพต้องพระแม่ธรณีบีบมวยผม ในส่วนของคุณอภิสิทธิ์ นั้นไม่เคยได้ยินว่าเชื่อถือเรื่องดวงดาว แต่สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์ มักนำมาอ้างอิงหรือนำมาตัดสินใจในเรื่องงาน มักขึ้นอยู่กับข้อมูล และสถิติ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมากกว่า
      
       ส่วนคุณชวน นั้นค่อนข้างชัดเจนว่าไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ วัดที่หัวหน้าชวน แวะเวียนไปประจำคือวัดชลประทาน ฯ จ.นนทบุรี และที่สวนโมกข์ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เท่านั้น'
      
       แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวพร้อมทั้งระบุว่าสำหรับตัวสุเทพ เองนั้นไม่นิยมดูหมอหรือเชื่อโชคลาง เนื่องจากสุเทพ เชื่อในแนวทางเดียวกับชวน คือสายสวนโมกข์ ของท่านพุทธทาสภิกขุ
      
       'เติ้ง'แก้เคล็ด'
       ยังไม่รอด 'ยุบพรรค'
      
       ขณะที่นักการเมืองชื่อดังเจ้าของพรรคชาติไทยพัฒนา ตัวจริงเสียงจริงอย่างบรรหาร ศิลปอาชา ก็ไม่ปรากฏชื่อว่าเป็นลูกศิษย์สำนักหมอดูชื่อดังรายใด แต่อดีตส.ส.ของพรรคชาติไทยยอมรับว่าที่ผ่านมาพรรคชาติไทย เคยมีการปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยอยู่บ้าง เพื่อเสริมบารมีให้กับพรรค
      
       'ที่ผ่านมาเคยมีแนวคิดว่าจะทุบตึกด้านหน้าของพรรคออกไป เพื่อต้องการให้ตัวพรรคดูโล่ง และเป็นสง่า แต่ปรากฏว่ามีซินแซทักว่า ไม่ควรไปทุบทิ้งเพราะเป็นตึกเก่าที่มีมาก่อน ในที่สุดตึกเก่าดังกล่าวก็ถูกนำมาปรับเป็นร้านขายกาแฟ อยู่ด้านหน้าของพรรค' อดีตส.ส.พรรคชาติไทย กล่าว
      
       ทั้งนี้ยังพบว่าที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เคยมีการปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยพรรค เลขที่ 1 ถนนพิชัย มาแล้ว ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งยุบพรรคชาติไทย ในปี2550 โดยบรรหาร ได้สั่งให้ ตกแต่งต้นไม้ในพรรคให้สวยงาม และเปิดทางให้แสงสว่างเข้าพรรคมากขึ้น รวมทั้งยังให้ใช้ประตูด้านหน้าที่เคยปิด มาเป็นทางเข้า-ออกของตัวอาคาร แทนประตูเดิมที่เคยใช้ด้านข้างของตัวอาคาร แต่ในที่สุดพรรคชาติไทยไม่อาจรอดพ้นจากคดียุบพรรคไปได้ เพราะในวันที่ ได้ถูกคำพิพากษาให้ต้องยุบพรรคพร้อมกับพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรคพลังประชาชน เมื่อวันที่ 2ธ.ค.2551
      
       เรื่องราวของความเชื่อในคำทำนาย และศาสตร์แห่งโหรนั้นย่อมถือเป็นเรื่องปกติวิสัยสำหรับคนทั่วไป ว่ากันว่าคนที่นิยมดูหมอให้ตรวจโชคชะตานั้นมีเพียง 2 กลุ่มคือคนที่มีทุกข์ และคนที่ไม่ทุกข์แต่อยากรู้ความเป็นไปล่วงหน้า แต่สำหรับนักการเมือง รัฐมนตรี ตลอดจนผู้นำประเทศในฐานะที่เป็นกลุ่มคนซึ่งมีผลต่อการบริหารและพัฒนาประเทศ นำอนาคตของบ้านเมืองไปยึดโยงผูกติดกับคำทำนายของหมอดู เกจิอาจารย์แทนการตัดสินใจภายใต้ข้อมูลที่ถูกต้อง และโปร่งใสเมื่อใดย่อมเป็นเรื่องที่น่าหวาดวิตกอย่างแน่นอน
      
       จากเหตุการณ์วิกฤตต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง และอดีตผู้นำในแต่ละยุคที่ผ่านมานั้นจะเห็นได้ว่าหลายคนพยายามที่จะปรับแก้ ฮวงจุ้ย ต่อชะตา เสริมดวงด้วยวิธีการต่างๆนานา แต่กลับไม่สามารถรอดพ้นจากกฎแห่งการกระทำของตนเองไปได้
      
       และสำหรับใครบางคน นอกจากจะไม่ยอมรับผลจากการกระทำผิดของตนเองแล้ว ยังเชื่อและหวังอย่างไม่สิ้นสุดถึงชัยชนะว่าจะต้องเกิดขึ้นตามคำทำนายของ หมอดู จึงไม่ยอมหยุดยั้งการทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเหล่า โดยที่หลงลืมไปว่าเป็นหมอดูคนเดิมที่เคยทำนายผิดพลาดมาแล้วก็ตาม!
      
       *************
      
       สะกดรอย 10หมอดูการเมือง
       แม่น-ไม่แม่น!
      
       พิสูจน์ 10 หมอดูการเมือง ใครแม่น-ไม่แม่น! 'ภานุวัฒน์ พันธุ์วิชาตกุล' ทำนายดวง 'อภิสิทธิ์' รุ่งปี 52-53 ส่วนหมออีทีชาวพม่าเจ๋งด้านทำนายด้วยญาณไม่พลาด 'หมอวารินทร์'ชู อนุพงษ์ดวงขึ้นนายกฯ 'หมอนิด-กิจจา' หมอดูที่คนตามหามากสุดด้วยวลี 'ทักษิณ! ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่' 'ภิญโญ'ทักแม้วมีปัญหาสุขภาพ ขณะที่'โสรัจจะ-เก่งกาจ' ยันหิมะตกไทยแน่ปลายปีนี้ พร้อมทายเสื้อแดงเสื่อมหลัง 14 ก.พ. ด้านหมอลักษณ์ ปี52 ธงหักกระจุย ขณะที่ 'โหรส.ว.'ระบุทักษิณไม่หยุด-ถึงตาย!
      
       'มือ 1 ศาสตร์ฮวงจุ้ยไทย'
       ภานุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล
      
       ทำนายเมื่อ : กุมภาพันธ์ 2548 ก่อนเลือกตั้งในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 ได้ทำนายว่าดวงพ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มเข้าเคราะห์ตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งปี 2548 ยังอยู่ในเคราะห์ต่อเนื่อง และจนถึงปี 2550 พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องเผชิญกับปัญหาหนักมากชนิดที่อาจจะคุมเกมไม่อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณ ควรระวังทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนและครอบครัวให้มาก
      
       * ในช่วงทีทำนายกระแสความนิยม พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีอยู่สูง และมีแนวโน้มได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 แบบนอนมา ไม่มีใครคาดคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกทำการปฏิวัติรัฐประหารโดย คมช.เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 อีกทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ถูกตั้งข้อหาทุจริต โดยมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความเสียหายแก่รัฐ หรือคตส.ขึ้นมาตรวจสอบพ.ต.ท.ทักษิณ และอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณไปกว่า 5 หมื่นล้านบาท
      
       ทำนายเมื่อ : พฤษภาคม 2551 ทำนาย สมัคร สุนทรเวช ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่าดวงกำลังอยู่ในช่วงเคราะห์ทั้งสุขภาพกายและใจ และการงานที่ทำอยู่ มีปัญหาประเดประดังจนวันที่ 23 กันยายน 2551 ถึงจะพ้นเคราะห์และปลอดโปร่งขึ้น
      
       * 9 กันยายน 2551 สมัครถูกเด้งจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี จากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญในคดีจัดรายการชิมไปบ่นไป และหลังจากนั้นถึงมีข่าวว่าสมัครเป็นโรคมะเร็งร้ายและต้องเดินทางไปรักษาตัว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
      
       ทำนายเมื่อ : ต้นเดือนตุลาคม 2551 ว่ารัฐบาลสมชายหมดอายุ และก่อนวันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ถ้ารัฐบาลหรือนายกฯ ไม่ลาออกจะมีการยุบสภาหรือรัฐประหาร
      
       * 2 ธันวาคม 2551 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ส่งผลให้สมชาย วงศ์สวัสดิ์ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
      
       ทำนายเมื่อ : พฤศจิกายน 2550 ทำนายดวงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่า จะอยู่ในคราวเคราะห์ในปี 2550-2551 และจะรุ่งเรืองสุดๆปี 2552-2553
      
       * อภิสิทธิ์ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีวันที่ 17 ธันวาคม 2551 จนถึงปัจจุบัน
      
       ทำนายเมื่อ : พฤศจิกายน 2550 ทำนายในสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ ว่าไม่ควรจัดเลือกตั้งในปี 2550 เพราะจะมีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
      
       * มีการจัดเลือกตั้งในเดือนธันวาคม 2550 และหลังจากนั้นไม่มีเหตุการณ์ปฏิวัติเกิดขึ้น
      
       'หิมะจะตกในประเทศไทย'
       โสรัจจะ นวลอยู่
      
       ทำนายเมื่อ : ปลายปี 2550 ทำนายว่าในปี 2551 เป็นปีหนูไฟนรก จะเกิดเหตุวุ่นวายในประเทศ ทั้งจากภัยการเมืองและภัยธรรมชาติ โดยภัยการเมือง และเศรษฐกิจ ขณะที่ไทยเองจะประสบปัญหาความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านโดยเฉพาะเขมร และพม่า ช่วงปลายเดือนมิถุนายน
      
       * 8 กรกฎาคม 2551 องค์การยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งได้กลายเป็นชนวนความขัดแย้งและเกิดการปะทะระหว่างไทย-เขมร
      
       ทำนายเมื่อ : ปลายปี 2550 ทำนายว่าเดือนกรกฎาคม 2551 จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในไทย และจะมีคนเสียชีวิตมหาศาล รวมทั้งจะเกิดอุบัติภัยทางทะเลและเครื่องบินมากกว่าปีไหนๆ อีกทั้งในเดือนธันวาคม 2551 จะเกิดหิมะตกในเมืองไทยด้วย
      
       * เหตุการณ์ธรรมชาติเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามคำทำนาย
      
       ทำนายเมื่อ : ธันวาคม 2551 ทำนายว่าปี 2552 จะเป็นปี วัวบ้า! จะเกิดความวุ่นวายไปทั่ว บ้านเมืองจะยุ่งยากทั้งภายในและภายนอกประเทศ จะมีปัญหาเพื่อนบ้าน เขมร พม่า ลาว
      
       * ปัญหาความขัดแย้งของเขมรกับไทย ยังคงยืดเยื้ออยู่ในกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ในขณะเดียวกันเหตุความขัดแย้งใหม่เกิดขึ้น เมื่อพม่าไม่พอใจไทยในท่าทีไม่เห็นด้วยของไทย กรณีการสอบสวนนางอองซานซูจี
      
       ทำนายเมื่อ : ธันวาคม 2551 ว่าปี 2552 นี้จะเป็นปีแห่งวินาศกรรม อาเพศ และมหันตภัยธรรมชาติรุนแรง โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร จะเกิดการแตกแยกเคียดแค้น ปิดร้านค้ายึดเป็นที่มั่น ยิงต่อสู้กัน และผู้มีอำนาจหรือคนสำคัญจะหมดอำนาจวาสนา ลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ
      
       * เดือนเมษายน เกิดเหตุการณ์ชุมนุมคนเสื้อแดง และมีความรุนแรงถึงขั้นปะทะกันระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับกลุ่มชาวบ้านที่มี การยิงกันจนมีผู้เสียชีวิต
      
       ทำนายเมื่อ : ธันวาคม 2551 ว่า ปลายปี 2552 ประเทศไทยจะมีหิมะตกหนักที่สุด ภาคใต้จะจมสู่ทะเลตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา โดยค่อยๆทรุดตัวลง และภาคใต้จะเกิดสึนามิครั้งใหญ่อีกครั้ง อีกทั้งปลายปีนี้ สิ่งที่ต้องระวังคือสงครามที่จะยืดเยื้อถึงปี 2553 และอาจเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3
      
       * ต้องติดตามเพื่อดูผลคำทำนายปลายปีนี้
      
       'ญาณพิเศษไม่เคยพลาด'
       หมออีทีชาวพม่า
      
       คำทำนายเมื่อ : ทำนายก่อนจะมีการเลือกตั้งในปี 2544 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะตั้งพรรคใหม่สำเร็จ จะชนะ และเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่ฟ้าไม่ปรานี ต้องจรลีไปต่างถิ่นต่างแดน อีกทั้งดวงถึงขั้นชะตาขาด แนะนำให้แก้เคล็ดเสริมดวง โดยทำพิธีสะเดาะเคราะห์ เพื่อต่อดวงชะตาที่กำลังจะขาดให้กลับคืน มา เริ่มจากท่องมนต์บทสวด แล้วเดินวนรอบเจดีย์ชเวดากองไปทางซ้าย 3 รอบ ขวา 3 รอบ จากนั้นก็ต้องไปทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ชุดใหญ่ในถิ่นที่ทุรกันดาร
      
       * ประมาณเดือนสิงหาคม 2547 พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปทัวร์นกขมิ้นภาคอีสานและภาคใต้,เดือนสิงหาคม 2549 จัดทัวร์นกขมิ้นอีกครั้งไปภาคอีสานและภาคเหนือ ว่ากันว่าการทัวร์นกขมิ้นนี้คือการแก้เคล็ดจากคำทำนายของหมอดูชาวพม่าคนนี้ อนึ่งภายหลังจากการเลือกตั้งสำเร็จในปี 2544 และไม่มีวี่แววความนิยมลดลง พ.ต.ท.ทักษิณกลับถูกกลุ่มคนเสื้อเหลืองเข้าต่อต้าน และถูกปฏิวัติรัฐประหารวันที่ 19 ก.ย. 2549 จนไม่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้
      
       คำทำนาย : ในช่วงเดือน ก.พ. 2534 ได้ทำนายให้ คนระดับนายพลที่จะทำรัฐประหารรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัน ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยหมออีทีทำนายว่าให้ทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง และห้ามให้เท้าแตะพื้นก่อนกระทำการใหญ่สำเร็จ โดยนายพลกลุ่มนั้นเดินทางกลับประเทศไทยโดยไม่ยอมให้เท้าแตะพื้น ทุกคนจะเดินบนพรมแดงตลอด ขึ้นรถและเครื่องบิน
      
       * พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ทำรัฐประหารสำเร็จในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534
      
       'โหรคมช.'เจ้าของสำนักสุขิโต
       วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ
      
       ทำนายเมื่อ : ต้นเดือนเม.ย.2551รัฐบาลนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ทำนายดวงชะตาของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ว่า ดวงพุ่งขึ้นสูงจนมีโอกาสถึงขั้นได้เป็น 'นายกรัฐมนตรี'
      
       * มีการตั้งสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีแทน เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2551 ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดายังคงดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.อยู่กระทั่งปัจจุบัน
      
       ทำนายเมื่อ : ต้นเดือนเม.ย.2551ช่วงรัฐบาลนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ทำนายว่าจะเกิดความแตกแยกระหว่างสมัคร กับ พ.ต.ท.ทักษิณ จากกรรมและผลบุญที่เคยทำร่วมกันมาได้หมดลง และสมัครจะอยู่ได้ไม่เกินปี 2551 เนื่องจากตัวสมัคร ไม่มีบุญมากพอ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจากบุญของคนอื่น
      
       * เกิดปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชาชน มีการแย่งชิงอำนาจกันเองระหว่างกลุ่มแก๊งค์ออฟโฟร์ของเนวิน ชิดชอบ กับกลุ่มของเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จนทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งสัญญาณข้ามประเทศ ไม่ให้ส.ส.ในพรรคยกมือโหวตให้สมัคร กลับมาเป็นนายกฯรอบสอง ในวันที่ 9 กันยายน 2551
      
       ดังระเบิดด้วยวลี 'ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่'
       'หมอนิด' กิจจา ทวีกุลกิจ
      
       ทำนายเมื่อ : ปี 2547 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะอยู่ไม่ครบวาระ ในสมัยที่สอง และที่สำคัญยังเตือนให้อดีตนายกฯทักษิณ ระวังตัวเพราะ 'ไม่มีแผ่นดินจะอยู่' รวมถึงจะต้อง 'ขึ้นศาล'
      
       * เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และพ.ต.ท.ทักษิณต้องระเหเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศจนทุกวันนี้ ขณะที่โดนสอบสวนในคดีทุจริตมากมาย
      
       ทำนายเมื่อ : เมษายน 2550 ทำนายว่ามีโอกาสปฏิวัติซ้ำในช่วงเดือนพฤษภาคม กันยายน และตุลาคม 2550,อภิสิทธิ์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแต่อยู่ไม่ครบเทอมและพลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ทบ.แทนพลเอกสนธิ บุญยกลิน
      
       * หลังปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ไม่มีปฏิวัติซ้ำ ,อภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริง และพลเอกสพรั่งไม่ได้ตำแหน่ง ผบ.ทบ.
      
       ทำนายเมื่อ : ก่อนปี 2551 ว่า ใครมาเป็นนายกฯในปี 2551 จะทั้ง 'เฮง'และ 'ซวย' จากปัญหาเศรษฐกิจ
      
       * 17 ธันวาคม 2551 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะก้าวขึ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างไม่มีใครคาดมาก่อน ขณะเดียวกันเป็นช่วงปีที่วิกฤตเศรษฐกิจโลกรุนแรงที่สุด
      
       ทำนายเมื่อ : 29 พฤษภาคม 2550 ว่า รัฐมนตรี 'ส.' จะตายก่อนขึ้นศาลในคดีทุจริต CTX
      
       * สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นักการเมืองผู้อยู่เบื้องหลังคดี CTX ยังมีชีวิตอยู่จนปัจจุบัน
      
       'ทักษิณ' ดวงหย่าร้าง
       ภิญโญ พงศ์เจริญ 'นายกส.โหรนานาชาติ'
      
       ทำนายเมื่อ : 21 มีนาคม 2549 ว่า วันที่ 27 มีนาคม ' 4 เมษายน 2549 จะเกิดความวุ่นวายภายในประเทศถึงขั้นเกิดจลาจล แต่เมื่อล่วงเลยไปถึงปลายปี 2549 ดวงเมืองจะเริ่มดีขึ้น และดีขึ้นอีกเมื่อเข้าสู่ปี 2550
      
       * ไม่ได้เกิดจลาจลในช่วงนั้น แต่ประเทศชาติมีความวุ่นวาย 19 กันยายน 2549 เกิดรัฐประหาร และปลายปี 2550 มีการจัดเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง
      
       ทำนายเมื่อ : 1 มกราคม 2552 ทำนายดวง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าราหูทับพฤหัสบดีที่เป็นเจ้าเรือนคู่ครอง จึงมีการหย่าร้าง ส่วนเรื่องการเมืองยังไม่จบ ถูกขุดคุ้ยอีกมาก และอาจมีปัญหาสุขภาพ ขณะที่มีโจรร้ายคอยเอาทรัพย์สิน เดือนกันยายน 2552 จะดีขึ้น แต่หากจะกลับเมืองไทยควรรออีก 4 ปี
      
       * พ.ต.ท.ทักษิณหย่ากับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 แล้ว ขณะที่ช่วงนั้นมีกระแสข่าวลือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระยะ 3 ซึ่งนพดล ปัทมะ คนใกล้ชิดได้ออกมาปฏิเสธ
      
       'ยี้ห้อย'ดวง เป็นใหญ่ในแผ่นดน
       เก่งกาจ จงใจพระ ประธานสถาบันโหราศาสตร์เก่งกาจพยากรณ์
      
       ทำนายเมื่อ: 11 พฤษภาคม 2552 ว่าหลังวันที่ 14 พฤษภาคม 2552 รัฐบาลจะถูกกดดันหลายด้าน และจะเจอปัญหาทั้งปัญหาการเมืองและปัญหาทางการเงิน โดยการเงินจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย
      
       * กลุ่มเพื่อนเนวินมีการชงเรื่องรถเมล์ 4 พันคันเข้าครม.หลายคน
       รั้ง และรัฐบาลประชาธิปัตย์ถูกจับตามองมากที่สุดว่าจะแก้ปัญหาความไม่โปร่งใส เรื่องผลประโยชน์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลได้อย่างไร ขณะที่ประชาธิปัตย์เองถูกโจมตีเรื่องเพดานการกู้เงินต่างชาติ
      
       ทำนายเมื่อ : 23 เมษายน 2552 ทำนายดวง เนวิน ชิดชอบ ว่าเป็นดวงพิเศษ คือเป็นดวงนำพลมีโอกาสเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่มีศัตรูมากเกิดทุกข์เข็นเพราะญาติพี่น้อง และระวังบาดเจ็บจากอุบัติเหตุช่วงอายุ 52 และ 59 ปี อีกทั้งชีวิตมักมีอุปสรรค มักถูกผู้ใหญ่ลงโทษ และถูกกดเวลาเป็นใหญ่
      
       * เนวินเป็นตัวแปรทางการเมืองสำคัญต่อการดำรงอยู่ของรัฐบาลประชาธิปัตย์อย่างมากในปัจจุบัน
      
       ทำนายเมื่อ : 13 มีนาคม 2552 ทำนายข่าวการกลับเข้าประเทศไทยปลายปี 2552 ของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ไม่ดี เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณจะมีอุบัติเหตุถึงขั้นเลือดตกยางออกจากความขัดแย้ง การเดินทางมีอุปสรรค สุขภาพเสื่อม จะเกิดเหตุร้ายกับบริวารและลูกเมีย และจะถูกจับจากคดีความต่างๆ ส่วนดวงเมืองช่วง ตุลาคม-ธันวาคม 2552 บ้านเมืองมีเกณฑ์วุ่นวายครั้งใหญ่ เนื่องจากมีดาวใหญ่ย้ายราศีอีก 3 ดวง
      
       * สถานการณ์การเมืองร้อนแรงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมช่วงสงกรานต์ส่งผลด้านลบ ต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะทำให้กลับประเทศไทยได้ยากขึ้น อีกทั้งหลายฝ่ายเชื่อว่าหากพ.ต.ท.ทักษิณกลับไทยจะเป็นชนวนความขัดแย้งรุนแรง ระหว่างผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในไทย ขณะที่ 22 มีนาคม 2552 เยาวลักษณ์ ชินวัตร พี่สาวคนโต พ.ต.ท.ทักษิณ เสียชีวิต
      
       ทำนายเมื่อ : 2 ตุลาคม 2551 ว่าประเทศไทยจะมีหิมะตก และประเทศในทวีปเอเชียจะเกิดความมั่งคั่งสมบูรณ์ มีการค้นพบแหล่งแร่ทองคำ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติมากขึ้น
      
       * รอการพิสูจน์ว่าจะเกิดปรากฎการณ์ตามคำทำนายหรือไม่
      
       ทำนายเมื่อ : 4 มกราคม 2552 ว่าอภิสิทธิ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ครบเทอม และเป็นนายกฯอย่างมากแค่ 6 เดือน อีกทั้ง ดวง พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.จะเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงจะเริ่มเสื่อมหลังวันที่ 14 กุมภาพันธ์และต้องเปลี่ยนไปใช้สีอื่น
      
       * หลังการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลของกลุ่มคนเสื้อแดงและมีการปะทะกันกับชาว บ้านชุมชนต่างๆ ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงถูกเกลียดจากชาวบ้าน และภายหลังแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้ประกาศห้ามใส่เสื้อแดงเข้าชุมนุมที่ท้อง สนามหลวงเนื่องจากกลัวจะเกิดอันตราย ส่วนอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะนี้บริหารประเทศมาแล้ว 5 เดือนกว่า ส่วนพล.อ อนุพงษ์ จะได้ตำแหน่งตามคำทำนายหรือไม่ต้องเฝ้าติดตาม
      
       'พัชรวาท'อยู่ได้เพราะการเมืองหนุน
       พ.ต.อ.อรรถวิโรจน์ 'โหรรสช.'
      
       ทำนายเมื่อ : ช่วงปลายปี 2550 ว่า ภายหลังการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ประเทศชาติจะยังคงมีความวุ่นวายแตกแยก เนื่องจากมีเงินจากต่างประเทศเข้ามาทำลายความมั่นคง รวมถึงมีกลุ่มคนแสวงหาประโยชน์จากเงินดังกล่าว
      
       * กลุ่มคนเสื้อแดงยังมีการชุมนุมต่อเนื่องหลายครั้ง และมีข่าวว่า แก๊งค์ 3 เกลอรับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเคลื่อนไหวล้มการประชุมอาเซียนซัมมิทและทำลายการท่องเที่ยวจากม็อบคน เสื้อแดงในวันที่ 14 เมษายน 2552 ด้วย
      
       ทำนายเมื่อ : ในช่วงปี 2552จะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น
      
       * จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าจะมีการปฏิวัติ
      
       ทำนายเมื่อ : ปลายปี 2550 ทำนายว่าการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
      
       * ประชาธิปัตย์ยังได้คะแนนเสียงแพ้พลังประชาชน โดยได้คะแนนที่ 162 คะแนน ส่วนพลังประชาชนนำโด่งอยู่ที่ 256 ภายหลังพลังประชาชนถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค และกลุ่มเนวินได้หันมาจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์จึงทำให้ประชาธิปัตย์ได้ จัดตั้งรัฐบาล
      
       ทำนายเมื่อ : ปลายปี 2550 ว่าพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์ สุวรรณ ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีอุปสรรคมากมาย และต้องอาศัยการเมืองที่นิ่ง จึงจะอยู่ครบวาระ
      
       * พล.ต.อ.พัชรวาท ต้องเผชิญมรสุมมากมาย แต่สุดท้ายก็รอดมาได้เพราะการเมืองนิ่งเมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ทบ.ขึ้นสู่ตำแหน่งรมว.กลาโหม
      
       'ธงหัก'หลายรอบปี 52
       หมอลักษณ์ เรขานิเทศ
      
       ทำนายเมื่อ : 29 กันยายน 2551 ฟันธงว่า ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในศึกเลือกตั้งกทม.วันที่ 5 ตุลาคม 2551
      
       * ผลการเลือกตั้งอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้เป็นผู้ว่ากทม.
      
       ทำนายเมื่อ : 6 ธ.ค.2550 ก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2550 ฟันธงว่า สมัคร สุนทรเวชจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีและจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประมาณ 1 ปีครึ่งเท่านั้น
      
       * พลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง และสมัคร สุนทรเวชได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีวันที่ 29 มกราคม 2551 โดย 9 กันยายน 2551 สมัครถูกคำสั่งศาลตัดสินว่าผิดในคดีรายการชิมไปบ่นไป
      
       ทำนายเมื่อ : 12 เมษายน 2552 บนเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล หมอลักษณ์ได้ฟันธงว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หมดบุญเหมือนกรุงศรีอยุธยาแตกและเมื่อมีการสลายผู้ชุมนุมในวันที่ 15 เมษายน นี้ ก็จะมีเหตุการณ์นองเลือดจนนำไปสู่การยุบสภาในวันที่ 20 เมษายน 2552
      
       * ธงหักกระจุย เมื่อไม่มีเหตุการณ์นองเลือดรุนแรงและไม่มีการยุบสภาเกิดขึ้น นอกจากคนเสื้อแดงจะพ่ายแพ้หมดรูป หมอลักษณ์ก็สูญเสียความเชื่อถือในฐานะหมอดูอาชีพไปไม่น้อย
      
       ทักษิณไม่หยุด-ดวงถึงตาย!
       บุญเลิศ ไพรินทร์ 'โหรส.ว.'
      
       ทำนายเมื่อ : 31 กรกฏาคม 2551 ทำนายว่า วันที่ 21 มิถุนายน-9 สิงหาคม 2551 จะเกิดเหตุการณ์ขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นยุบสภาในรัฐบาลสมชาย
      
       * รัฐบาลสมชายไม่ได้ยุบสภา แต่เจอพิษการเมืองถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน ส่งผลให้พ้นตำแหน่งนายกฯในวันที่ 2 ธันวาคม 2551
      
       ทำนายเมื่อ : 11 เมษายน 2552 ว่า เมื่อพ้นจาก 14 เมษายน เข้าวันที่ 15 เมษายนในวันเถลิงศก 'ขึ้นศก' ปีใหม่ไทย รัฐบาลอภิสิทธิ์ จะหมดเคราะห์ และจะโด่งดังไปทั่วโลก ดวงกรุงเทพมหานครจะสว่างไสว ขณะที่ดาวเสาร์และบริวารจะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณเสียหายในทุกทางและไม่เกิด ประโยชน์ในการชุมนุม ที่สำคัญหากไม่หยุดอาจถึงตาย
      
       * อภิสิทธิ์ได้รับการชื่นชมจากต่างชาติกรณีสลายการชุมนุมโดยไม่เสียเลือดเนื้อ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯจึงถูกสื่อต่างชาติที่ใช้เป็นเกราะป้องกันและสร้างข่าวโจมตีถึงจุด อ่อนในการชุมนุมว่าทำเพี่อใครกันแน่จนเสียรังวัดไปพอสมควร
      
       ************
      
       พลังลึกลับช่องว่างแห่ง 'โหร'
       'เพ่งจิต-ญาณ' ฉีกตำราเดินตามดวงดาว
      
       ฟันธงศาสตร์แห่ง 'โหร' มีตำราเดียวทั่วโลก-ยึดดวงดาวเป็นสำคัญ แต่เว้นช่องว่างสำหรับพลังลึกลับ 'เพ่งจิต-ญาณ' ที่ทำนายอนาคตได้แม่นเหมือนกัน ย้ำ จริยธรรม-คุณธรรมต้องกำกับจิตใจของหมอดู พร้อมชี้ชัดๆอุบัติเหตุการเมือง-รุนแรงในเดือนต.ค.ถึงขั้นยุบสภา-ลาออก ยืนยัน 'มาร์ค' รีเทิร์นนายกฯรอบสอง..!
      
       คงไม่มีใครปฏิเสธว่าหมอดู นักโหราศาสตร์ นักพยากรณ์ หรือชื่ออื่นๆก็สุดแล้วแต่ใครจะเรียก อยู่คู่กับสังคมไทยและสังคมโลกมายาวนานพอๆกับสังคมมนุษย์ได้เกิดขึ้นบนโลกใบ นี้ และคงไม่มีใครเถียงอีกเช่นกันว่าหมอดูแม่นๆ ใครๆก็อยากจะวิ่งเข้าหาเพื่อตรวจเคราะห์ ตรวจโชคลาภ หรือแม้แต่แก้กรรมเก่า เพราะคำทำนายของอนาคตอาจจะทำให้คนๆหนึ่งเปลี่ยนแปลงตัวเอง และพร้อมรับมือสถานการณ์ในอนาคต
      
       วันนี้ 'ผู้จัดการ 360 องศารายสัปดาห์' จะพาไปหาความจริง ที่ว่า 'หมอดู' หรือ 'โหร'ใช่ว่าใครจะสามารถมาเป็นได้ง่ายๆ หรือแค่อ่านหนังสือพิมพ์หนึ่งเล่มก็ยกตนเป็น 'หมอดู'สามารถวิเคราะห์อนาคตการเมืองได้อย่างนั้นเขาเรียกว่า 'หมอเดา' ใช่หรือไม่..!!!
      
       'ภิญโญ พงษ์เจริญ' นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติกล่าวว่าหมอดูหรือนักโหราศาสตร์ไม่ใช่ว่าใครจะ มาเป็นได้ง่ายๆ เพราะต้องศึกษาวิชาการของโหราศาสตร์อย่างจริงและอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ได้ซึ่งสามารถแบ่งหลักๆได้ 2 แขนงคือ 1.ดูชะตาบ้านเมือง 2. ดูส่วนบุคคล และต้องอาศัยประสบการณ์ของหมอดูคนนั้นๆด้วยว่ามีประสบการณ์มากี่ปีแล้ว เพราะหมอดูแต่ละคนไม่สามารถกระทำหรือทำนายสิ่งเดียวกันได้เช่นหมอดูที่ศึกษา ดูชะตาบ้านเมืองก็ต้องทำนายทายทักได้ว่าในรอบปีรอบเดือนนี้บ้านเมืองจะเจอ กับสิ่งไหนบ้าง ควรรับมือวิกฤตอย่างไร ทำนายเพื่อให้เกิดประโยชน์แบ่งเบาจากที่หนักหรือร้ายให้เบาลงเพื่อหาทาง แก้ไข ขณะที่หมอดูเรื่องส่วนบุคคลเขาต้องความรับผิดชอบเฉพาะต่อบุคคลที่เขาดูให้ เท่านั้น
      
       'เป็นไปไม่ได้ที่หมอดูที่ศึกษาบางเรื่องจะสามารถวิเคราะห์ได้ทั้ง เรื่องบ้านเมืองและส่วนตัว หมอดูแต่ละคนจะเก่งเฉพาะด้านเท่านั้นแต่ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันหมอดูที่ทำนาย ได้หมดเลยทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องแบบไหน แบบนี้เขาเรียกว่านักพยากรณ์หรือหมอเดาไม่ใช่หมอดู เพราะไม่มีหลักการวิชาการมารองรับ'
      
       ส่วนหมอดูที่จะดูแม่นยำหรือไม่แม่นมันต้องมีพื้นฐานอะไรบ้างนายก สมาคมโหราศาสตร์ฯอธิบายว่าหลักการคือต้องดูดวงดาวเป็นหลัก และประสบการณ์ของหมอดูเพราะดวงดาวไม่เคยโกหกหากอิงตามดวงดาวจะไม่มีทาง ผิดพลาดเพราะในตำราของต่างประเทศก็อิงดวงดาวเหมือนๆกันทั้งนั้น อีกอย่างที่มีส่วนช่วยคือประสบการณ์ของหมอดูสามารถบอกได้ในช่วงนี้เพราะดาว ดวงนี้ทำมุมกับดวงนี้จะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งส่วนมากจะเป็นไปตามนั้น
      
       อย่างไรก็ตามต้องเว้นช่องว่างในศาสตร์อันนี้ไว้สำหรับหมอดูหลายๆคน ที่ไม่มีตำรา ไม่มีวิชาการมารองรับ แต่ความสามารถที่ได้มาเปิดจาก 'เพ่งจิต' หรือ 'ญาณ' อันแก่กกล้าว่ากันว่าแม่นยำยิ่งนัก เช่น 'อีที'หมอดูช่อดังแห่งพม่า หรือ'โหรคมช' หรือ 'หมอวารินทร์' เจ้าสำนักสุขิโต แห่งเมืองเชียงใหม่เพราะการดูหมอจาก'เพ่งจิต' หรือ 'ญาณ' ไม่มีในตำราโหราศาสตร์ไม่มีวิชาการรองรับ แต่ความแม่นยำเกิดจากความสามารถเฉพาะตัว ที่บางท่านต้องฝึกปฏิบัติธรรมเพิ่มบารมี และมีวัตรปฏิบัติที่ไม่หวือหวาน่าศรัทธา ความแม่นยำเกิดจากจิตใจที่นิ่งสงบแล้วสามารถมองเห็นอนาคตข้างหน้าได้ นี่คือความสามารถเฉพาะตัวที่หมอบางคนเท่านั้นที่ทำได้
      
       'สิ่งที่กำกับหมอดูนอกจากต้องมีจรรยาบรรณของตัวเองแล้วยังต้องมี คุณธรรมและจริยธรรมเข้าไปกำกับในความรับผิดชอบที่ได้ทำนายออกไปด้วย ซึ่งหมอสมัยนี้เริ่มไม่คำนึงถึงกันแล้ว'
      
       อาจารย์ภิญโญยังได้ทำนายอนาคตการเมืองไทยจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2552 ว่าในเดือน ก.ค.วันที่ 22 จะเกิดสุริยุปราคาและดาวจันทร์จะเคลื่อนเข้าสู่ดาวจันทร์หมายถึงประชาชนซึ่ง ในวันที่ดังกล่าวประชาชนจะโศกเศร้าจะมีผู้หญิงชั้นสูงในสังคมเสียชีวิต และดาวจันทร์คือภพที่ 4 หมายถึงฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล ซึ่งจะเกิดความวุ่นวายอันสามารถนำไปสู้การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้
      
       นอกจากนี้ตามดวงของรัฐบาลชุดนี้จะอยู่บริหารประเทศไม่เกิน 10 เดือนพอย่างเข้าเดือนตุลาคมความวุ่นวายจะกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้จะเกิดความรุนแรงอันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญถึง ขั้นยุบสภา ลาออก และนำไปสู้การเลือกตั้งใหม่
      
       'หากยุบสภาหรือลาออกและมีการเลือกตั้งใหม่ ตามดวงดาวท่านนายกฯอภิสิทธิ์ยังจะกลับมาเป็นนายกฯเช่นเดิมและพรรคร่วมจะ บริหารงานง่ายขึ้นกว่านี้'
      
       นายกสมาคมโหรฯยังฝากไปยังหมอดูรายวัน-รายเดือนว่า เห็นมาเหมือนกันสำหรับหมอดูประเภทอ่านหนังสือพิมพ์แล้วนำมาทำนายการเมือง อย่างนี้ไม่ใช่หมอดู ซึ่งแบบนี้สังคมต้องจับตาและพิพากษาเองว่าความน่าเชื่อถือของเขาจะเหลือมาก น้อยแค่ไหนซึ่งอยากฝากไปยังหมอดูทุกท่านว่าต้องมีจริยธรรมและคุณธรรมในการดู หมอ หรือทำนายอะไรออกไปเกี่ยวกับบ้านเมืองโดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้ รับเป็นสำคัญ
      
       ***********
      
       อาชีพหมอดูเฟื่อง
       คนไทยจ่ายค่าดูปีละ 3 พันล้าน!
      
       ยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ดทำให้อาชีพ 'หมอดู'เฟื่อง นายกสมาคมโหรฯ เผยเหตุเพราะเป็นอาชีพที่ลงทุนต่ำแต่หาเงินง่าย ' รายได้ดี ระบุเรียนเพียง 3 เดือนจบแล้วสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2-3 หมื่นบาท ขณะเดียวกันคนไทยเสียค่าดูหมอปีละกว่า 3 พันล้านบาท
      
       'คุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาด้านการงาน ' การเงิน ' ความรัก ใช่หรือไม่?ถ้าใช่!ที่นี่มีคำตอบ โทรมาหาเราสิคะ ที่ 1900-1900.....' นั่นคือข้อความหนึ่งในล้านๆข้อความของการเชิญชวนให้คนที่กำลังมีปัญหาข้าง ต้นโทรไปปรึกษา 'หมอดู' เพื่อหาทางออกให้กับชีวิต จะเชื่อหรือไม่ว่าปัจจุบันนี้อาชีพ 'หมอดู'ได้กลายเป็นอาชีพที่หลายๆคนใฝ่ฝันเพราะเป็นอาชีพที่ลงทุนน้อย หาเงินง่ายแต่รายได้ดีหรือเชื่อ
      
       อาชีพ 'หมอดู'สร้างรายได้อื้อ
      
       อาจารย์ธนกร สินเกษม นายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ระบุ ว่าปัจจุบันสมาคมฯได้เปิดอบรมวิชาโหรราศาสตร์มาแล้วถึง 33 รุ่นในแต่ละรุ่นมีผู้เข้าสมัครเรียนไม่ต่ำกว่าห้องละ 50 คนและมีแนวโน้มว่าจำนวนผู้เรียนในแต่ละคอร์สจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
      
       จากสถิติดังกล่าวทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าคนไทยให้ความสำคัญต่ออาชีพ หมอดูมากขึ้นซึ่งน่าจะมาจากเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก นอกจากนี้อาชีพหมอดูยังเป็นอาชีพที่ใช้ระยะเวลาการเรียนรู้เพียงสั้นๆแต่ เมื่อจบแล้วสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ทันที
      
       'โหราศาสตร์จะเรียนเป็นคอร์สระยะสั้นๆ ตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือนและ 1 ปี ตามลำดับซึ่งคนที่มาเรียนจะมีพื้นฐานการเป็นหมอดูเพียงเล็กน้อยและมาเรียน เพิ่มเติมเมื่อจบแล้วได้ใบประกาศก็สามารถออกไปทำมาหากินได้แบบสบายๆ'
      
       ในการเรียนหมอดูจะแตกต่างกันไปเพราะวิชาโหราศาสตร์มีมากมายหลายแขนง ถึง 153 วิชา แต่ที่นิยมเรียนกันมากที่สุดคือ โหราศาสตร์ไทย เลข 7 ตัว(มีหลายแบบให้เลือก) ลายมือ โหงวเฮ้ง โหราศาสตร์ยูเรเนียน ไพ่ยิปซีและไพ่ป๊อก ซึ่งใครที่คิดจะประกอบอาชีพนี้ให้รู้หลักวิชาเพียง 2-3 หลักสูตรก็สามารถหาทำมาหากินได้ทันที
      
       สำหรับค่าเรียนในแต่ละคอร์สจะมีตั้งแต่หลักร้อยบาท(ครูผู้สอนจะสอน ตัวต่อตัวและพอใจเรียกรับค่าสอน)ไปจนถึงหลักหมื่นบาท โดยสมาคมโหรฯซึ่งเปิดหลักสูตรการสอนโหราศาสตร์ไทย ไพ่ยิปซี และคัมภีร์มหาสัตตเลข จะกำหนดค่าเรียนที่ 4,500 บาทต่อคนต่อวิชาต่อระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว หากผู้เรียนสอบผ่านก็จะได้รับใบประกาศไปประกอบอาชีพได้ทันที จากการสอบถามลูกศิษย์ที่จบไปแล้วจะเลือกประกอบอาชีพนี้ด้วย 3 วิธีคือหาที่พยากรณ์ส่วนตัว หาที่พยากรณ์โดยการแบ่งกับคนอื่นและเปิดเช่าหมายเลขโทรศัพท์ 1900-1900
      
       'จะติดตามดูลูกศิษย์และสอบถามความเป็นอยู่เสมอๆทำให้รู้ว่าเมื่อเขา เรียนจบจากเราส่วนใหญ่ที่ตัดสินใจเลือกเป็นหมอดูมีรายได้อยู่ในขั้นต่ำคือ เฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นบาท บางคนเมื่อมีความชำนาญแล้วทำนายแม่นยำรายได้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นหลักแสนบาทต่อ เดือนก็มี'อาจารย์ธนกรกล่าว
      
       คนไทยเสียเงิน
       ค่าดูหมอปีละ 3,000 ล้าน
      
       อาจารย์ธนกร อธิบายอีกว่าอาชีพหมอดูนั้นถือเป็นอาชีพพิเศษที่มีพัฒนาการน่าสนใจเพราะใน อดีตอาชีพนี้จะถูก 'ดูถูกดูแคลน'มากเพราะภาพของหมอดูที่ไปปูเสื่อใกล้ๆกับขอทานตามต้นไม้ หรือตามตลาดทำให้มีภาพพจน์ไม่น่าเชื่อถือ แต่ปัจจุบันอาชีพนี้ปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่หมดทำให้คนสนใจมาประกอบอาชีพนี้ มากขึ้น
      
       'ปี 2549 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ทำการวิจัยอาชีพหมอดูซึ่งช่วงนั้นกำลังเฟื่องฟูพบว่า คนกรุงเทพฯเสียค่าดูหมอถึงปีละ 2,500 ล้านบาท ส่วนคนต่างจังหวัดจ่ายค่าดูปีละ 500 ล้านบาท ดังนั้นตลาดนี้มีมูลค่าถึง 3 พันล้าน จากจำนวนหมอดู 25,000 คน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากทีเดียว'
      
       นายกสมาคมโหรฯย้ำว่า หลังปี 2549 ยังไม่มีสถาบันไหนทำการวิจัยเรื่องนี้ออกมาแต่โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าค่าใช้ จ่ายของคนไทยที่เสียไปกับการไปหาหมอดูน่าจะเพิ่มขึ้นซึ่งสามารถดูจากยอดผู้ เข้ามาเรียนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นแสดงว่ามีผู้ออกไปประกอบอาชีพนี้ เพิ่มขึ้น
      
       ค่าเรียนถูกแต่รายได้งาม
      
       ด้าน อาจารย์เจษฎา คำไหล ประธานที่ปรึกษาชมรมอาศรมเจษฎาจารย์ หนึ่งในนักพยากรณ์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย บอกว่า การเรียนโหราศาสตร์นั้นจะไม่มีการกำหนดค่าเล่าเรียนแบบตายตัวเพราะบางคนที่ ครูอาจารย์ถูกใจ หรือรู้จักก็จะสอนให้ฟรี แต่บางคนที่เขาต้องการจะให้สอนเป็นพิเศษนอกเหนือจากคอร์สปกติก็จะคิดค่า เรียนมากกว่าปกติ แต่สำหรับอาจารย์แล้วจะคิดค่าเรียนเพียงเดือนละ 600 บาทในทุกๆแขนงวิชาที่เปิดสอน
      
       สำหรับอาศรมเจษฎาจารย์เปิดสอนโหราศาสตร์มานานกว่า 20 ปีและไม่เคยเก็บค่าเล่าเรียนมากกว่าเดือนละ 600 บาทเพราะเชื่อกันว่าวิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาเฉพาะที่ผู้เรียนจะต้องอาศัยความ สามารถเฉพาะตัวเข้ามาประยุกต์ใช้ ไม่ใช่ว่าใครที่มาเรียนแล้วจะไปดูหมอได้ทั้งหมด
      
       ที่สำคัญต้องยอมรับว่า อาชีพหมอดูกลายเป็นธุรกิจที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องไม่ว่าจะอยู่ในช่วงภาวะ เศรษฐกิจรุ่งเรืองหรือซบเซา คนไทยส่วนหนึ่งต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่บีบคั้น ทำให้เกิดอาการเครียด ภาวการณ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนพยายามหาทางออกที่ดีกว่าให้กับชีวิตและจิตใจของ ตนเอง โดยที่ปรึกษาที่เป็นทางเลือกหนึ่งของคนไทยจำนวนไม่น้อย คือ หมอดู ดังนั้นอาชีพนี้จึงกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งคนจำนวนมากที่ต้องการสร้าง รายได้มากแต่เสียค่าใช้จ่ายน้อย
      
       'คนที่ต้องการจะประกอบอาชีพหมอดูสาเหตุหลักเพราะลงทุนน้อยแต่รายได้ งาม เป็นอาชีพอิสระ และสามารถประกอบอาชีพต่อไปเรื่อยๆโดยไม่กำหนดการเกษียณอายุแต่หมอดูที่ดีพึง ระวังการทำนายทายทักให้ดีและให้ถือว่าตัวเองนั้นเป็นจิตแพทย์จะได้ช่วยเหลือ ผู้ที่เขาเดือดร้อนมาให้สบายใจ'อ.เจษฎากล่าวในที่สุด

http://www.manager.co.th/mgrweekly/viewnews.aspx?newsID=9520000062609

--------------------------------------------------

<<< คำทำนายการเมือง ของโหรหรือหมอดูชื่อดังในไทย >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2012/04/blog-post_05.html

    • Maha Arai ไปเจอมาเลยนำมาเก็บไว้ที่เว็บมาหาอะไรหลายวันแล้ว เพื่อไว้อ้างอิงสถิติ หมอดูหรือโหรที่มักออกมาทำนาย ส่วนใหญ่จะรู้วงใน เช่นรู้ว่าจะทำรัฐประหารก็รีบออกมาทำนายยังงั้นยังงี้มันก็แม่นอ่ะซิ แต่พอไปทายเรื่องอื่นก็ไม่ถูกเพราะไม่รู้ล่วงหน้าแบบมีคนมากระซิบบอกก่อน ตามไปดูได้เลยใครเป็นใคร เผื่อไว้เป็นสถิติวันหลัง ออกมาทำนายจะได้เอาเลขอะไรหารได้ถูกก่อนจะเชื่อ

    • Maha Arai ส่วนใหญ่เท่าที่เห็น มักไม่ใช้ดวงจริงๆ ปกติเห็นชอบนำข่าวที่รู้ล่วงหน้า แล้วพยายามทายให้มันเข้าทางนั้นแหล่ะ อีกอย่างตั้งแต่ฝึกดูดวงและเก็บสถิติมาเยอะๆ เริ่มรู้สึกว่ายิ่งเยอะยิ่งยากแก่การฟันธง เพราะถ้ามีแค่คนสองคนหรือไม่กี่คนอาจฟันธงตามตำราเก่าๆ ที่มีคนเก็บสถิติมาก่อนได้ง่ายๆ แต่พอเก็บเองเยอะๆ จะรู้ว่า บางทีมันก็มีบางคนที่ตรงบางคนก็ไม่ตรง แค่ไม่ตรงคนเดียวก็ถือว่าเสี่ยงต่อการหน้าแหกได้เหมือนกัน

    • Maha Arai สรุปยิ่งมีสถิติเยอะๆ จะยิ่งไม่ค่อยกล้าฟันธงมากขึ้นเพราะจะรู้ทันทีว่ามีโอกาสพลาดสูง ยกเว้นฟันธงเฉพาะวงการเช่น ดารานักร้อง ก็ดารานักร้องไป การเมืองก็การเมืองไป เพราะคนที่สนใจเรื่องไหน เขาจะศึกษาติดตามสถานการณ์ เช่น บางคนไม่สนใจเรื่องดารานักร้องเดินชนกันยังไม่รู้จักเลย กับคนที่สนใจและชอบค้นหาประวัติ ถ้าดูดวงเป็นเหมือนกัน พวกที่สนใจดารามีแววจะถูกมากกว่า แต่ไม่ทุกเรื่อง ทุกคน อย่างที่บอกบางคนทายยังไงก็ตรงแต่บางคนทายยังไงก็ไม่ตรง อาจเป็นเพราะวันเดือนปีไม่จริงหรือว่าเป็นสถิติที่ไม่ได้เก็บจากอดีตในตำราเลยไม่มีแล้วบังเอิญมาเจอกรณีนี้เข้าให้ ก็เลยฟันธงพลาด อย่างการเมืองพวกที่ไม่ได้สนใจการเมืองจริงจังมาฟันธง ผมว่าโอกาสพลาดมีสูงเพราะว่าเขาอาจจะนั่งคำนวนดวงอย่างเดียวจริงจังก็ได้ แต่ลืมนึกถึงความเป็นจริง และไม่สามารถคำนวนดวงทุกคนที่เกี่ยวข้องได้ พวกนี้อาจดี แต่อีกพวกดีกว่าหรือมีอะไรสอดแทรกที่เคยทำได้แต่พอจะทำอีกก็อาจไม่ง่าย เรื่องพวกนี้ต้องใช้จินตนาการเข้าประกอบ ดูดวงเพียวๆ บางทีก็ไม่ได้ ยกเ้ว้นดูเอาแนวทาง 50% ก็ยังดีอะไรแบบนั้น

    • Maha Arai แต่ก่อนตอนศึกษาดูดวงใหม่ๆ ซึ่งเริ่มเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง เห็นดวงคนตาย แล้วเอามาเทียบอีกคนเราก็ว่าน่าจะตายเหมือนกันแน่ๆ เพราะดวงเหมือนกันเด๊ะเลย แต่บางทีไปเจอกรณีคนอื่นมันก็เหมือนกันนี่แหล่ะแต่แค่เจ็บป่วยหรือแค่ดวงไม่ดี จึงยังหารูปแบบว่าแบบนั้นแบบนี้ตายจริงๆ ยังหาไม่เจอในตอนนี้ ยิ่งมีสถิติเยอะๆ จะยิ่งรู้ว่ามันไม่เป็นรูปแบบตายตัว ต้องดูอายุ อัตราการเสี่ยง โรคที่เจ็บป่วย สถานการณ์ และดวงประกอบ ดวงเพียวๆ อาจไม่ถูกได้ ก็อย่างที่บอก ถ้าเคยไปเจอกรณีคนอื่นตกแบบเดียวกันแล้วไม่ตายเหมือนคนที่เคยตกรูปแบบอย่างว่าแล้วตาย ก็จะเริ่มงงแล้วหล่ะ เรื่องอื่นๆ ก็จะคล้ายๆ กัน ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมบางคนตรงบางคนก็ไม่ตรง ก็เพราะสถิติตำราเก่าๆ อาจเก็บมาไม่ครอบคลุมคนทุกรูปแบบและผมเชื่อว่าถึงวันหนึ่งถ้าเก็บจนครอบคลุมหมดก็ยิ่งทำนายยากขึ้นเพราะจะเกิดกรณีสถิติมากมายไม่รู้จะเอาอันไหนมาใช้ เฮ้อ จึงไม่ต้องแปลกใจทำไมมีรายการหน้าแหก ลองมาศึกษาเองแล้วจะเข้าใจ แต่บทจะแม่นก็แม่นน่ะ ประหลาดเหมือนกัน

    • ดารา ไม่ใช่ดารา เกิดพร้อมกันทั่วโลก ที่วินาทีเดียวกันยังมีเลย ไม่เห็นตายพร้อมกัน จะได้แจ้งตายล่วงหน้าได้
http://www.facebook.com/maha.arai

--------------------------------------------------

จวกยับ!หมอกฤษณ์มั่วทายโอบามาแพ้เลือกตั้ง
08 พฤศจิกายน 2555 เวลา 09:53 น. |

ชาวเน็ตจวกยับ หมอกฤษณ์ทำนายมั่ว โอบามา แพ้เลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2

วันนี้ (8 พย.)เครือข่ายสังคมออนไลน์เผยแพร่คลิปบทสัมภาษณ์หมอดูดัง กฤษณ์ คอนเฟิร์ม ที่เคยไปร่วมรายการ วู้ดดี้ เกิดมาคุย โดยในเทปหมอกฤษณ์อ้างว่า วิชาปริเฉทเจ็ดดาราของตนนั้นมีความแม่นยำมากกว่า 90 % ซึ่งในเทปดังกล่าวหมอกฤษณ์ประกาศคอนเฟิร์มว่า นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีผิวสีของประเทศสหรัฐอเมริกาจะพ่ายแพ้การเลือกตั้งชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ในปี 2555 แต่ผลการเลือกตั้งล่าสุดที่ออกมานั้น ปรากฏว่าตรงกันข้ามกับที่หมอกฤษณ์ทำนายไว้ จนมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความสามารถของหมอกฤษณ์กันอย่างมาก ทั้งนี้ สมาชิกเฟซบุ๊กบางคนยังทำภาพล้อเลียนการทำนายผิดพลาดครั้งมโหฬารของ กฤษณ์ คอนเฟิร์ม โดยมีคนกดไลค์เป็นจำนวนมากด้วย

http://www.posttoday.com/บันเทิง/บันเทิงไทย/186866/จวกยับ-หมอกฤษณ์มั่วทายโอบามาแพ้เลือกตั้ง  

--------------------------------------------------
โดย มาหาอะไร
FfF