บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


04 พฤษภาคม 2555

<<< วิพากษ์ ปัญหาเศรษฐกิจไทยปี 2555 >>>

ปัญหาเศรษฐกิจไม่ดีของไทยในปี 2555
เกิดจากปัญหาเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูงขึ้น
ความเชื่อมั่นในการลงทุนในบางธุรกิจตกต่ำลง
และตลาดรากหญ้ากำลังแย่
ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ
ทั้งผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก
ทั้งจากการกำหนดนโยบายของรัฐบาล
และทั้งจากพ่อค้าแม่ค้าทำตัวเองด้วย

ผมขอสรุปคร่าวๆ ดังนี้
1. น้ำมันแพง
2. ค่าแรงขึ้น
3. ตื่นกลัวน้ำท่วมใหญ่อีก
4. อากาศร้อนพีคสุดๆ
5. ถูกฉุดด้วยเศรษฐกิจโลก
6. โชคไม่ดีการเมืองไทยยังไม่นิ่ง
7. ชิงทำเมกกะโปรเจ็คเร็วไป
8. ไม่คำนึงถึงกลไกตลาด
9. ขาดการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า

1. น้ำมันแพง
ปัญหานี้ทำให้กระทบค่าครองชีพโดยตรง
ซึ่งทำให้สินค้าราคาแพงขึ้น
มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาตามน้ำก็มี
ชาวบ้านต้องสูญเสียเงินไปกับค่าน้ำมันมากขึ้น
จนทำให้การจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคน้อยลง
ทำให้เงินทองที่จะหมุนเวียนในตลาดการค้าขาย
ก็ไปหมุนเวียนในธุรกิจน้ำมันแทน
ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลด้วย
ที่ต้องเสียไปกับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซ
ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศน้อยลง
นี่คือปัญหาหลักไม่ใช่เฉพาะเศรษฐกิจไทย
หลายๆ ประเทศทั่วโลกก็กำลังเผชิญอยู่

วิธีแก้ปัญหา
กรณีน้ำมันราคาแพงในไทยนั้น
สามารถบรรเทาได้ด้วยการจัดการโครงสร้างราคาน้ำมัน
โดยลดการเก็บเงินเพิ่มจากราคาน้ำมัน
เพื่อนำไปชดเชยให้กับราคาแก๊ส
ซึ่งต้องแก้ที่ราคาแก๊สให้ได้
โดยส่วนที่ผลิตในประเทศต้องไม่อิงตามราคาตลาดโลก
ขายให้เฉพาะภาคครัวเรือน อุตสาหกรรม
ยังเหลือพอใช้ในภาคขนส่งเล็กน้อย
ขายให้เฉพาะรถขนส่ง 6 ล้อขึ้นไปและแท็กซี่
ราคาต้องไม่ไปขึ้นตามราคาน้ำมัน
หรือราคาแก๊สในตลาดโลก
เพราะต้นทุนผลิตในไทยมันไม่ได้เพิ่มขึ้น
เป็นการสวมรอยขึ้นราคาดีๆ นี่เอง
ส่วนแก๊สทั้ง LPG และ NGV ของรถทั่วไปให้ลอยตัว
และนำเข้าจากต่างประเทศให้คิดราคาตลาดโลก
และไม่บวกภาษีมากเกินไป รวมทั้งที่บวกในราคาน้ำมันด้วย
เพื่อประคองไปก่อนช่วงระยะ 2-3 ปีนี้
ซึ่งต้องควบคุมและแยกสีแก๊สของภาคขนส่ง
ให้แตกต่างจากภาคครัวเรือน
และกำหนดโทษสูงสุด เช่น ปรับสูงๆ หรือปิดกิจการ
ทั้งปั๊ม ทั้งบริษัทผลิตแก๊ส เพื่อไม่ให้ซิกแซก
นำแก๊สราคาถูกมาขายแพง

2. ค่าแรงขึ้น
การขึ้นค่าแรงเป็นเรื่องดี
แต่ต้องดูสภาพเศรษฐกิจโดยรวม
ทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย
แต่ที่ขึ้นล่าสุดเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ
เป็นเรื่องการทำตามที่หาเสียง
โดยไม่ได้คำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน
หรือด้านเศรษฐศาสตร์อะไรทั้งนั้น

วิธีแก้ปัญหา
เพื่อช่วยกิจการขนาดเล็กประเภทเหมาจ่าย
หรือกิจการรากหญ้าริมทาง เช่นร้านก๋วยเตี๋ยว
ที่เขาไม่สามารถรับภาระค่าแรงลูกจ้างวันละ 300 บาทได้
ควรแยกค่าแรงสำหรับกิจการขนาดเล็กเหล่านี้ด้วย
เพื่อให้เขาจ้างแรงงานต่างชาติได้ถูกกฏหมาย
หรือแรงงานเด็กที่อาจช่วยพ่อแม่หาเงินหรือส่งเสียตนเองเรียน
เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
ไม่ใช่แรงงานเด็กที่ถูกทารุณบังคับกดขี่
หรือปล่อยให้อดๆ อยากๆ
โดยทำงานทั้งวันอย่างหนัก
แต่กรณีที่ให้ผ่อนปรนนี้ ทำำไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน
ลักษณะรับจ๊อบพิเศษช่วงไม่ได้เรียนหรือปิดเทอม

3. ตื่นกลัวน้ำท่วมใหญ่อีก
น้ำท่วมใหญ่คราวที่แล้วทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างแรง
หลายพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมสูง
กำลังเกิดปัญหาคนไม่กล้าซื้อบ้านอยู่ย่านนั้น
คนที่อยู่ก็ประกาศขายเตรียมย้ายไปอยู่ที่อื่น
การคิดที่อยากจะสร้างบ้านในพื้นที่ดังกล่าวก็เหมือนกัน
เริ่มมีอาการลังเล เรียกว่ากระทบความเชื่อมั่นอย่างแรง

วิธีแก้ปัญหา
5 ปีหลังจากนี้ ถ้าไม่มีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่อีก
ความเชื่อมั่นอาจจะกลับมาโดยธรรมชาติ
เพราะคิดว่านานๆ เกิดที อาจมีการลืมเลือนอดีตเรื่องนี้
สรุปต้องใช้เวลาเยียวยา
การไปเร่งกระตุ้นให้เกิดความเชื่อมั่นในช่วงนี้
ก็เหมือนกับไปรื้อฟื้อความทรงจำที่ไม่ดีนั่นเอง
นอกจากจะกระทบภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างแรงแล้ว
ยังกระทบไปถึงภาคประกันภัยด้วย
จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมภาคก่อสร้าง
ถึงมีการเลิกกิจการอยู่ในระดับสูงในช่วงนี้

4. อากาศร้อนพีคสุดๆ
หลายคนอาจคิดว่าอากาศไปเกี่ยวอะไรกับเศรษฐกิจ
ผมว่าเกี่ยวอย่างแรง เช่น อากาศร้อนๆ แบบนี้
ทำให้หลายธุรกิจหลายกิจการค้าขายได้น้อยลง
เพราะคนขี้เกียจออกไปซื้อของ
หรือไปกินที่ร้านในบรรยากาศร้อนๆ แบบนี้
โดยเฉพาะร้านริมทางจะได้ผลกระทบโดยตรง
และมันจะเป็นลูกโซ่ส่งไปถึงตลาดค้าปลีกตลาดค้าส่งด้วย
เพราะร้านพวกนี้มีอยู่จำนวนมาก

จากประสบการณ์ที่เป็นลูกแม่ค้าเก่า
เคยขายผักขายก๋วยเีตี๋ยวมาก่อน
บอกได้เลยว่าขาประจำที่ทำให้ค้าขายดีหรือไม่
ก็คือร้านริมทางพวกนี้แหล่ะ
ถ้าวันไหนสั่งเยอะก็ขายดี
วันไหนสั่งน้อยของก็เหลือทิ้ง
มันกระทบเป็นลูกโซ่

นอกจากนี้อากาศร้อนๆ ยังทำให้คนไม่อยากกินอาหารประเภทร้อนๆ
เช่นก๋วยเตี๋ยว หรือรสเผ็ดๆ หรือแม้แต่ทุเรียนที่ทำให้ร้อนในได้
จึงทำให้กระทบกับราคาสินค้าเกษตรหลายตัวทั้งผักทั้งผลไม้

วิธีแก้ปัญหา
คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไล่ติดแอร์ตามริมทาง
หรือลดอากาศร้อนเพราะมันไม่ใช่ร้อนแดด
แต่เป็นร้อนอบอ้าว อยู่ในที่ร่มยังร้อนระอุเหงื่อท่วมตัว
คงต้องอาศัยเวลาให้คลายร้อน
ให้น้อยกว่าระดับใกล้ 40 องศา แบบปัจจุบันนี้
คงกลับมาเข้าที่เหมือนเดิมสำหรับกรณีนี้

5. ถูกฉุดด้วยเศรษฐกิจโลก
อันนี้ก็กระทบแทบทั้งโลกโดยเฉพาะประเทศที่พึ่งการส่งออก
เมื่อต่างประเทศที่มีกำลังซื้อทั้งแถบยุโรปและอเมริกา
ประสบปัญหาเศรษฐกิจย่อมส่งผลกระทบถึงการซื้อขายสินค้าด้วย 
เมื่อส่งออกได้น้อยลงทั้งด้านอุตสาหกรรมหรือด้านเกษตรกรรม
ก็จะทำให้เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามมาในด้านแรงงาน
ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตรที่เสี่ยงต่อการตกงานมากขึ้น 
ซึ่งก็คือตัวฉุดเศรษฐกิจในประเทศดีๆ นี่เอง

วิธีแก้ปัญหา
ต้องพึ่งการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
เพื่อทดแทนผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก 
อันที่จริงการที่ประเทศที่มีค่าเงินแข็งค่ากว่าไทย
ประสบปัญหาเศรษฐกิจย่อมกระทบคนในประเทศนั้นๆ 
ถ้าสามารถสร้างเกสท์เฮ้าส์ราคาถูกในพื้นที่จำนวนมาก 
เพื่อดึงดูดการอพยพของคนในประเทศที่กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจ
ก็จะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศได้เพิ่มขึ้น
จากการใช้จ่ายเงินของต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในไทย
ซึ่งจะทำให้คนมีงานทำจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นด้วย

6. โชคไม่ดีการเมืองไทยยังไม่นิ่ง
การเมืองไม่นิ่งแทนที่จะเอาเวลาไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 
ก็อาจเจอปัญหาสกัดแข้งสกัดขากันตลอดเวลา 
แถมทำให้ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนไม่เต็มที่ 
หรือแม้แต่การท่องเที่ยวก็อาจได้รับผลกระทบ
ถ้าการเมืองแรงขึ้นมาอีก

วิธีแก้ปัญหา 
ถ้าเป็นการเมืองลักษณะจ้องล้มล้างกันแล้ว 
ความพยายามปรองดองใดๆ ย่อมไร้ผล แค่ซื้อเวลาไปวันๆ เท่านั้น 
การจะทำให้การเมืองนิ่งคงต้องสู้กันจนกว่าฝ่ายใดกำชัยชนะเด็ดขาด 
ไม่เช่นนั้นก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ 
ซึ่งในโลกปัจจุบันนี้ ฝ่ายที่ชนะเด็ดขาดแล้วอยู่ได้ต่อไป
คือฝ่ายประชาธิปไตยไม่ใช่ฝ่ายเผด็จการ 
ก็อยู่ที่วิธีการ หรือสถานการณ์ว่าจะสู้กันต่อยังไง
ดังนั้นประเด็นนี้คงทำใจอีกยาวสำหรับประเทศนี้ 
คงต้องปรับตัวให้พออยู่ไปได้ในสถานการณ์การเปลี่ยนผ่าน
ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงในวันหนึ่ง

7. ชิงทำเมกกะโปรเจ็คเร็วไป
เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันมีการก่อหนี้จำนวนมาก
และเศรษฐกิจโดยรวมก็ยังไม่ดีการจัดเก็บภาษีก็ได้ไม่เต็มที่ 
การเร่งทำเม็กกะโปรเจ็คส์ช่วงนี้ ยังไงก็ต้องมีการรีดภาษีมาใช้เพิ่ม 
แทนที่จะประคองช่วยธุรกิจต่างๆ ให้พ้นวิกฤตเศรษฐกิจโลกไปให้ได้ก่อน
ก็อาจจะไปทำให้เขาเจ๊งเร็วขึ้นจากการถูกรีดภาษี
และภาวะเศรษฐกิจมันไม่เอื้อต่อการลงทุนขนาดใหญ่ 
แต่เริ่มวางแผนจะทำได้อันที่จริงอีก 2 ปีค่อยทำยังทัน
เพื่อจะได้ใช้เงินทุ่มไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ให้เงินหมุนเวียนในประเทศมากที่สุด ดีกว่าไปทำโครงการใหญ่ๆ 
ที่เงินไหลออกนอกประเทศซะมากกว่าเพราะต้องนำเข้าเยอะ 
แต่ทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้านก่อสร้างก็ได้
แต่ไม่ควรเยอะ เช่น ทีเดียว 10 สาย อาจแค่สายสองสาย
ดูงบประมาณด้วย ไม่ใช่ว่าเอกชนเขาจะลงทุนหมด 
บางอย่างรัฐก็ต้องออกเงินด้วย 
จะได้ไม่เป็นภาระในการรีดภาษีประชาชน
ในสภาวะที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีแบบนี้

 8. ไม่คำนึงถึงกลไกตลาด
อันนี้เป็นปัญหาของพ่อค้าแม่ค้า 
ที่ฉวยโอกาสเห็นมีการขึ้นค่าแรง หรือน้ำมันราคาแพง 
ก็ขึ้นราคาสินค้าที่ตนเองขายตามน้ำผสมโรง 
พอคนเริ่มเห็นว่าของแพงมากขึ้นก็เริ่มระวังการใช้จ่าย
ก็เลยตัดสินค้าที่ไม่จำเป็นหรือซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยน้อยลง 
ลดการกินอาหารแพงๆ หรือไม่จำเป็นต้องกิน 
เปลี่ยนวิถีชีิวิตกันเพิ่มขึ้น ก็ส่งผลต่อยอดขายของพ่อค้าแม่ค้าเอง 
ที่จะขายของได้น้อยลง แล้วก็มาบ่นว่าขายของไม่ได้ เศรษฐกิจไม่ดี 
แต่ไม่ได้ดูว่าตนเองก็เป็นตัวการที่ช่วยทำให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจไม่ดีด้วย

วิธีแก้ปัญหา
ถ้าเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการใช้จ่ายหรือคนขายน้อยรายสุมหัวกันขึ้นราคา
ก็จำเป็นที่รัฐต้องเข้าไปดูแลแทรกแซงทำให้กลไกตลาดทำงานได้ดี 
ส่วนพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปก็คงต้องอธิบายให้เข้าใจ 
ไม่เชื่อก็ต้องปล่อยให้เจ๊งกันไปตามสภาพ 
ในเมื่อค้าขายไม่เป็นเล่นจะขึ้นราคาไม่ดูตาม้าตาเรือ
ก็ต้องรับผลที่ทำไปด้วย

เมื่อวานผมอยู่บ้าน เห็นมีพ่อค้าขับรถเครื่องพ่วงสินค้ามาขาย
ใส่ถุงหูหิ้วถุงละ 10 บาท ทุกอย่าง มีทั้งขนมจีนน้ำยาและผัก 
2 ถุงกินอิ่มแปล้ ไหนจะข้าวโพด 2 ฝัก 10 บาท 
ไข่้ข้าว 2 ลูก 10 บาท เป็นต้น 
คุณภาพก็อาจไม่ถึงกับเกรดดีปริมาณก็น้อยลง 
เช่นข้าวโพดฝักเล็กกว่าที่ขาย 20 บาท 
หรือไข่ลูกเล็กกว่าที่ขาย 3 ใบ 20 บาท 
แต่รวมๆ ก็ถือว่าทำให้ค่าครองชีพแถวบ้านผมไม่สูงไปด้วย 
แต่เดี๋ยวนี้ก๋วยเตี๋ยวชามละ 30 บาทแล้ว 
แต่ผลไม้ถุงก็ยัง 10 บาท รวมๆ ก็ไม่ได้ขึ้นราคา 
เพราะกลไกตลาดทำงานอย่างเต็มที่
คือถ้าแพงชาวบ้านไม่ซื้อก็ต้องเลิกขาย
ไม่มีอะไรจะทำก็เลยกำหนดราคาเหมาะสมกับสินค้า 
ที่อาจคัดสินค้าราคาไม่แพงมาขาย 
ทั้งๆ ที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นมาก
แต่เขาก็ปรับตัวเพื่อให้ขายได้ 
นี่คือตัวอย่างของกลไกตลาดง่ายๆ

9. ขาดการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า
ข้อสุดท้ายนี้ จะว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ดีก็ได้
ทั้งปีนี้ปีหน้าปีไหนๆ ก็ใช้ได้ผลดี 
การกระตุ้นให้รากหญ้ามีการจับจ่ายใช้สอย
จากการที่มีเงินใช้ มีสินค้าราคาไม่แพงมาให้จับจ่าย 
ก็จะทำให้เพลินกับการใช้จ่ายซื้อขายได้มากขึ้น 
อารมณ์ในการจับจ่ายขึ้นอยู่กับราคาสินค้าด้วย
เช่นราคาสินค้าพวก 20 บาททุกอย่าง 
ผมเองยังชอบไปซื้อ คุณภาพอาจไม่ดีอะไรมาก
แต่ถูกดีเลือกไปเลือกมาหมดเป็นพันบาทหรือหลายร้อยแทบทุกที
ถ้ามีของแปลกๆ ให้เลือกซื้อเยอะๆ 
มันเผลอลืมตัวเห็นของถูกหยิบใหญ่ 
แต่ถ้าของแพงจะหยิบจับแล้วปล่อยไม่ค่อยได้ซื้อ

เวลาไปเที่ยวต่างประเทศที่ค่าครองชีพถูกอย่างพม่า 
ผมจะมีความรู้สึกว่าเหมือนมาฝึกเป็นเศรษฐี 
30 บาท บ้านเราเท่ากับ 1,000 จ๊าตโดยประมาณ 
ผมควักมาจ่ายอะไรผมไม่เคยมองเลยว่า
หยิบแบงค์อะไรขึ้นมา ก็แบงค์ใหญ่สุดของเขาแค่ 30 บาท 
ทำบุญที่ละพันจ๊าต 20 กว่าที่บนเจดีย์ชเวดากองก็ทำมาแล้วเพลินดี 
จ่ายค่าฝากรองเท้าก็เป็นพันจ๊าต 
ทั้งๆ ที่เงินพันจ๊าตเอาไปซื้อของกับแม่ค้าริมทาง
ของราคา 100 จ๊าต แม่ค้ายังบ่นว่าแบงค์ใหญ่ไม่มีเงินทอนเลย
เหมือนฝรั่งมาเที่ยวไทย 30 ดอลลาห์เท่ากับ พันบาทเรานั่นแหล่ะ
อารมณ์ประมาณนั้นเลย ดังนั้นควรดึงต่างชาติพวกนี้
ให้มาหลบพิษเศรษฐกิจ พักอยู่ในประเทศไทยสักระยะ 
อย่าไปชาร์จราคาเขามากเขาอยู่ทีหลายๆ เดือน 
เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วขึ้นด้วย 
เพราะช่วยมาบริโภคแข่งกับคนไทย
ยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีท่ามกลางคนไทย
ไม่ค่อยอยากบริโภคอะไรเท่าไหร่ในช่วงนี้
แต่ความรู้สึกเวลาไปประเทศค่าเงินแพงกว่าไทยเช่นไปจีน 
แม้ราคาสินค้าหลายอย่างบ้านเขาราคาถูก
แต่ด้วยค่าเงินบ้านเราถูกกว่าแลกทีมีความรู้สึกจนลง 
จะซื้ออะไรคิดแล้วคิดอีก นี่เป็นจิตวิทยาการบริโภคอย่างหนึ่ง

------------------------------------------------
โดย มาหาอะไร
FfF