บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


24 กรกฎาคม 2557

<<< ตอบ 6 ข้อกล่าวหาหลักๆ กับ 6 ข้อรำพึงรำพัน ของปปช. กรณีชี้มูลความผิดว่ายิ่งลักษณ์ละเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอะไร >>>


ตอบ 6 ข้อกล่าวหาหลักๆ กับ 6 ข้อรำพึงรำพัน ของปปช. กรณีชี้มูลความผิดว่ายิ่งลักษณ์ละเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอะไร เป็นคำชี้แจงฉบับมาหาอะไร โดยอ้างอิงบางส่วนจากฉบับยิ่งลักษณ์ชี้แจงมาผสมด้วยดังนี้
  • Maha Arai 6 ข้อกล่าวหาหลักๆ

    1. กำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกสูงกว่าราคาตลาด ก่อให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาด ก่อให้เกิดภาระรายจ่ายของรัฐ ทั้งการอุดหนุนเกษตรกร การสีแปรสภาพ ขนส่ง

    มาหาอะไร : โครงการอุดหนุนสินค้าเกษตรทุกชนิด ไม่ว่าการพยุงราคายางพารา มันสำปะหลัง ผลไม้ต่างๆ ล้วนแล้วแต่บิดเบือนกลไกตลาดแทบทั้งสิ้น และส่วนใหญ่รัฐบาลยอมขาดทุนแทบทั้งหมดเช่นรับภาระค่าใช้จ่ายรวมไปถึงการให้ งบประมาณแบบฟรีๆ ไปอุดหนุนแล้วไม่ได้คืนสักบาทก็มี

    ยิ่งลักษณ์ : โครงการช่วยเหลือเกษตรกรไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ฯลฯ. รัฐต้องมีงบประมาณช่วยเหลือเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ การประกันราคาข้าวของรัฐบาลก่อนก็ใช้งบประมาณหมื่นๆ ล้านต่อปีเช่นกัน เงินช่วยเหลือดังกล่าวหลายๆฝ่ายเรียกว่า ขาดทุน โครงการช่วยเหลือดังกล่าวทำให้เกษตรกร ทำการเกษตรได้คุ้มทุน สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้ในระยะยาว และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รายได้ที่ชาวนาได้รับเพิ่มขึ้นทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ดีขึ้นกว่า ๑ แสนล้านบาท หรือ ๑% ของ GDP
  • Maha Arai 2. เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน ทั้งการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การสวมสิทธิ์ โกงความชื้น โกงตาชั่ง เวียนเทียนข้าว ลักลอบนำข้าวไปขายต่างประเทศ

    มาหาอะไร : เกษตรกรทุจริต โรงสีทุจริต เจ้าหน้าที่ทุจริต ต้องมีหลักฐานแล้วคดีสิ้นสุดศาลตัดสินว่าทำผิดจริงโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์มี ส่วนสมรู้ร่วมคิดกับกระทำความผิดดังกล่าวด้วย ถึงจะโยงมากล่าวหาดำเนินคดีกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ ไม่เช่นนั่นจะเป็นการกล่าวหาปรักปรำลอยๆ
    ที่สำคัญมีหลักฐานว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดที่ตรวจพบด้วย

    ยิ่งลักษณ์ : ได้มีการตรวจสอบ จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำผิดแล้วประมาณ ๓๐๐ คดี อีกทั้งยังมีการแต่งตั้งคณะกรรมสอบสวน ไต่สวน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ถูกกกล่าวหากรณีต่างๆอีกด้วย
  • Maha Arai 3. ใช้อิทธิพลทางการเมืองช่วยพวกพ้อง เกิดระบบนายหน้าค้าข้าว ไม่เปิดประมูลข้าวอย่างเปิดเผย ทำให้รัฐบาลขาดทุนเป็นจำนวนมาก

    มาหาอะไร : ทุกโครงการอาจมีคนหาช่องทางทุจริต โดยเฉพาะการทุจริตโดยเป็นนายหน้าอะไรซึ่งทางปปช.ไม่ได้ระบุหลักฐานว่าเป็นใครกรณีใด แต่กรณีทั่วไปทางรัฐก็ไม่ได้ละเลยในการเอาผิด มีสายด่วนรับแจ้งร้องเรียนและดำเนินการกับผู้กระทำผิดดังกล่าวเช่นกรณีนี้
    http://www.thairath.co.th/content/299672

    ส่วนข้อหาไม่เปิดประมูลข้าวอย่างเปิดเผยโดยปกติก็มีข่าวประมูลเปิดเผยผ่านตลาด เกษตรล่วงหน้าหรือ เอเฟต มีบางกรณีที่ขายแบบรัฐต่อรัฐที่มีข่าวให้เอกชน7-8 รายได้ข้าวไปขายอะไร แต่ไม่ใช่ทุกกรณีและปปช. ไม่ระบุว่ากรณีไหนที่บอกว่าประมูลไม่เปิดเผยและยิ่งลักษณ์มีความผิดกรณีดัง กล่าวเพราะอะไร
    "เอกชน 18 รายยื่นประมูลข้าวผ่าน'เอเฟต' ข้าวขาวซื้อเกลี้ยง (16 พ.ค. 57)
    ประมูลข้าวในสต๊อกผ่าน "เอเฟต" มีผู้ประมูล 18 ราย ข้าวขาวเสนอซื้อทั้งหมด 139,799 ตัน ส่วนหอมมะลิซื้อเพียง 4,000 ตัน "ยรรยง" ยันไม่ได้ฉุดราคาข้าวร่วง ชี้เป็นเพราะผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ... (อ่านรายละเอียด) ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
    ยรรยงคาดระบายข้าวผ่าน AFET ได้ตามเป้า 1 ล้านตัน ภายใน มิ.ย.57 (24 เม.ย. 57)
    กรมการค้าภายในได้เปิดให้ยื่นซองเสนอราคาส่วนต่าง(ค่าเบสิส) จากราคาล่วงหน้าในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(AFET) สำหรับข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 10 ปริมาณ 212,000 ตัน แบ่งเป็น ข้าวขาว 5% ปีการผลิต 55/56 แล ปี 56/57 ปริมาณ 162,000 ตัน และข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปีการผลิต 56/57 อีกกว่า 50,000 ตัน ... (อ่านรายละเอียด)
    ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)"
  • Maha Arai 4. มีปัญหาข้าวเสื่อมสภาพ ข้าวหายจากโกดัง

    มาหาอะไร : กรณีข้าวหาย มีหลักฐานการสร้างสถานการณ์โดยมีคดีหนึ่งที่ทหาร 2 นายไปขนข้าวออกจากโกดังเพื่อสร้างสถานการณ์ทำให้ข้าวหาย นำมาใช้กล่าวหาดิสเครดิตโครงการรับจำนำข้าว
    http://m.sanook.com/m/news_detail/latest/1630401/
     

    ส่วนกรณีข้าวหาย 3 ล้านตันอะไร ทางอคส. ชี้แจงว่าไม่ได้หายตามข่าวนี้
    - นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ของกระทรวงพาณิชย์ ระบุข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลหายไปเกือบ 3 ล้านตันว่า ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบทบทวนปริมาณสต๊อกข้าวสารของรัฐบาล เพื่อยืนยันความโปร่งใสในการทำงานอีกครั้งว่า ข้าวสารของรัฐบาลไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ส่งมอบล่าช้าเท่านั้น โดยคณะทำงานดังกล่าว ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของ อคส. ที่ดูแลรับผิดชอบคลังสินค้าโดยตรง ซึ่งจะต้องรายงานผลสรุปเสนอต่อ นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ทราบต่อไป
    “อคส. ได้เคยทำหนังสือชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการปิดบัญชีไปแล้วเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา อาจจะเป็นความเข้าใจผิดจากการลงบัญชีข้าวคลาดเคลื่อนในแต่ละวัน เพราะอยู่ระหว่างการสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร และส่งมอบเข้าโกดังกลาง เนื่องจากโครงการรับจำนำมีข้าวเปลือกจำนวนมาก จึงต้องมีการรอคิวสีแปร ไม่ได้หายไปไหน ผมเคยชี้แจงไปหลายครั้งแล้ว เป็นก้อนเดียวกัน แต่อยู่ๆ ก็เป็นปัญหาขึ้นมาอีก"
    http://www.thairath.co.th/content/425550

    ยิ่งลักษณ์ : ในเรื่องข้าวเสื่อมสภาพ และข้าวหายนั้น หน่วยงานที่ควบคุมดูแลสต็อกข้าว คือ อคส.และ อตก. ได้ทำสัญญาต่างๆ กับเจ้าของคลังสินค้า ผู้ตรวจคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) และบริษัทประกันภัย ให้รับผิดชอบค่าเสียหาย หากเกิดกรณีข้าวสูญหายและการเสื่อมสภาพข้าวที่ผิดปกติจากธรรมชาติ ดังนั้น การกล่าวอ้างเรื่องรัฐมีความเสียหายจากกรณีข้าวหายหรือข้าวเสื่อมสภาพ จึงไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา


    m.sanook.com
    ทหารพระธรรมนูญ นำตัวสิบตรีหญิง และพลทหาร มอบตัวคดีข้าวหาย 9 หมื่นกระสอบ ใช้หลักทรัพย์คนละ 1.5 แสนบาทประกันตัว
  • Maha Arai 5. ชาวนานับล้านครอบครัวไม่ได้รับเงินในโครงการรับจำนำข้าว จนมีเกษตรกรหลายรายฆ่าตัวตาย

    มาหาอะไร : มีขบวนการขัดขวางการจ่ายเงินให้ชาวนา ทั้งก่อม็อบป่วนปิดธนาคาร แห่ถอนเงิน เพื่อขวางไม่ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์กู้เงินไปจ่ายค่ารับจำนำข้าวได้สำเร็จ
    http://www.thairath.co.th/content/404283

    รวมไปถึงนำม็อบไปล้มการประมูลข้าว เพื่อจะได้นำเงินมาจ่ายให้ชาวนาไม่ได้ เรียกว่าป่วนทุกรูปแบบ

    http://www.posttoday.com/.../กปปส-นำมวลชนตัดไฟพาณิชย์ล้มป...

    แต่หลังรัฐประหารพวกที่เคยป่วนหยุดป่วนคสช.สามารถกู้ได้สำเร็จจากสถาบันการเงิน เดียวกับที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะขอกู้แล้วโดนป่วนจนกู้ไม่ไดุ้

    http://news.mthai.com/hot-news/335295.html

    ยิ่งลักษณ์ : ข้อวินิจฉัยเรื่องเหตุที่ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวนับล้านครอบครัวที่ยังไม่ได้รับเงินตามกำหนด และทำให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายนั้นเป็นที่ประจักษ์ว่า สภาพทางการเมืองที่ประสบในขณะนั้นอยู่ในสภาพบีบบังคับมิให้กลไกของรัฐหรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สถาบันทางการเงินไม่สามารถจ่ายเงินได้ตามปกติที่พึงจะต้องปฏิบัติต่อกันนับ แต่ได้เริ่มโครงการ และนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ได้ดำเนินมาตรการหลายมาตรการ เพื่อนำเงินมาจ่ายให้กับชาวนาแต่กลับถูกสกัดกั้นดังที่เห็นเป็นประจักษ์ แต่ปรากฏในกาลต่อมาว่าในภายหลังที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ สิ้นสุดลง มาตรการที่นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ได้ดำเนินการไว้ในหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในโครงการ สถาบันการเงินเดิมที่เคยปฏิเสธก็กลับมาจ่ายเงินให้กับชาวนาได้ตามปกติและ เห็นชอบในการนำสภาพคล่องของธนาคารมาสำรองจ่ายให้อีกด้วย


    www.thairath.co.th
    ยุติให้ธกส.ยืมแล้ว 5พันล้านส่อชะงัก! ม็อบปาขวดไล่โต้งรัฐบาลเจอรุมสกรัมอ่วม-ปมปล่... ดูเพิ่มเติม
  • Maha Arai 6. ยิ่งลักษณ์รับทราบจากการปิดบัญชี และทราบว่าทุจริตทุกขั้นตอน แต่กลับยืนยันดำเนินการต่อไปทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นไปเรื่อยๆ การรับจำนำทุกเมล็ด และวงเงินรับจำนำเสี่ยงให้เกิดความเสียหาย

    ยิ่งลักษณ์ : รายงานปิดบัญชีที่ ป.ป.ช. อ้างถึงทั้ง ๒ ครั้ง ซึ่งได้การขาดทุนดังกล่าวรวมค่าใช้จ่ายต่างๆไว้แล้ว ซึ่งคณะกรรมการ กขช. ประกอบด้วยหน่วยงานราชการหลายหน่วยงานได้โต้แย้งว่า ข้าวที่ระบุว่าหายจำนวนประมาณ ๓ ล้านตัน ควรต้องลงในบัญชีเพราะหน่วยงานรับผิดชอบได้ยืนยันว่าไม่ได้หายไป อยู่ในขั้นตอนสีแปร และหากมีข้าวหายจริงก็มีหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบการสูญหายนั้น รัฐไม่ได้เสียหายใดๆ และมีข้อโต้แย้งที่สำคัญอีกคือ การคำนวณมูลค่าสต็อกข้าวที่เหลือ และสูตรการคำนวณการเสื่อมสภาพ ข้อโต้แย้งดังกล่าวทำให้ผลการขาดทุนลดลงเหลือเพียงปีละ ๑ แสนล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณไม่มากกว่าโครงการรับจำนำข้าวมากนัก ทั้งๆ ที่โครงการรับจำนำข้าวกำหนดราคาจำนำข้าวและจำนวนข้าวที่ได้รับจำนำมากกว่า
    เรื่อง การขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากนั้น เป็นข้อวินิจฉัยที่มีข้อโต้แย้งยังไม่ไต่สวนให้สิ้นกระแสความ และยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าหน่วยงานรัฐด้วยกันเองก็ยังมีการคิดคำนวณผลการขาด ทุนดั่งว่านั้น แตกต่างกันระหว่างรายงานผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลกับหน่วย งานรัฐด้วยกัน แต่เมื่อผู้ถูกกล่าวหาจะได้นำเสนอพยานหลักฐาน เพื่อหักล้างในเรื่องนี้ก็กลับถูกตัดพยานบุคคลดังกล่าวมา อีกทั้งองค์คณะผู้ไต่สวนเองก็ไม่มีข้อหักล้างฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาเช่นกันว่า การจ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าวสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาได้จริง และผลจากการจ่ายเงินเป็นผลโดยตรงให้ GDP ของประเทศมีอัตราสูงขึ้นอย่างสามารถที่จะตรวจสอบได้ ประกอบกับปัจจุบันนี้ก็ยังมีหน่วยงานหลายหน่วยงานให้ข่าวเป็นที่ประจักษ์ว่า ผลจากการจ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าวเกิดผลดีโดยตรง และโดยอ้อมหลายประการตามที่ผู้ถูกกล่าวหาได้นำเสนอพยานบุคคล และพยานหลักฐานถึงผลดีในโครงการรับจำนำข้าว แต่พยานหลักฐานที่เป็นคุณดังกล่าวกลับถูกปฏิเสธที่จะรับฟังจากองค์คณะผู้ไต่ สวนโดยสิ้นเชิง ที่เป็นเช่นนี้เพราะกรรมการ ป.ป.ช. เองก็ได้ตั้งข้อรังเกียจต่อโครงการรับจำนำข้าว นับแต่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่ต้น
  • Maha Arai 6 ข้อรำพึงรำพัน
    + รัฐบาลทำลายระบบการค้าข้าวเสรี
    มาหาอะไร : ธุรกิจการเกษตรของไทยหลายชนิดมีระบบโควต้า มีระบบแทรกแซงพยุงราคาพืชผลทางการเกษตรต่างๆ จากภาครัฐ ดังนั้นไม่เฉพาะเรื่องข้าวที่ไม่ใช่ระบบการค้าเสรีอย่างแท้จริง

    + รัฐบาลกลายเป็นผู้ค้าข้าวรายใหญ่
    มาหาอะไร : มีกิจการจำนวนไม่น้อยที่รัฐเป็นผู้ค้ารายใหญ่ในธุรกิจนั้นๆ เช่นการบินไทย กฟผ. จะมีผู้ค้าข้าวรายใหญ่จะเป็นไรไป

    + โรงสีหาข้าวได้ไม่เพียงพอ
    มาหาอะไร : ถ้าโรงสีให้ราคาใกล้เคียงกับที่รัฐกว้านซื้อ ชาวบ้านก็คงไปขายให้โรงสีมากกว่าเสียเวลาไปจำนำให้รัฐบาล

    + โรงสีที่ชนะการค้าข้าวจะได้เปรียบ
    มาหาอะไร : เรื่องธุรกิจปกติ

    + ข้าวไทยแพงกว่าคู่แข่งต่างประเทศ
    มาหาอะไร : ชาวนาหลายล้านคนได้ประโยชน์

    + เป็นความเสียหายที่เกิดความเสียหายที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศ
    มาหาอะไร : การยึดอำนาจ ทำให้ประเทศเสียหายร้ายแรงมากกว่า สูญเสียผลประโยชน์ของประเทศแบบประเมินค่าไม่ได้
  • Maha Arai สรุป ปปช. เน้นกล่าวหาลอยๆ ดิสเครดิตให้ดูว่าโครงการมีปัญหาจะเล่นงานยิ่งลักษณ์คนเดียวเพื่อหวังผลการ เมืองเช่นทำให้ลงเลือกตั้งงวดหน้าไม่ได้เพราะลงได้ก็ชนะอีกเลยกล่าวหาเยอะๆ ฟังจากอีกพวกเยอะกว่าคนชี้แจงความจริงมีคำชี้แจงของยิ่งลักษณ์และทนายหรือ คณะทำงานตอบยิบทุกประเด็นจนปปช.ที่นัดประชุมกันวันนี้จะหาช่องตียิ่งลักษณ์ ยังไงต่อไม่ได้เลยเล่นมุกเรียกค่าเสียหาย5แสนล้าน ปรส. 8 แสนล้านเงียบกริบ งบไทยเข้มแข็งแดกกันแทบทุกโครงการงบนับล้านๆบาทเงียบกริบ ไม่รวมซื้ออาวุธแล้วใช้ไม่ได้ไม่กล้าเอ่ยถึงอย่าว่าแต่จะเรียกร้องค่าเสีย หายอะไร ที่สำคัญข้าวในสต็อคประมาณ 16 ล้านตันยังไงก็ขายได้เกินแสนล้านและยอดเสียหาย สามปีตอนจบอาจเหลือเฉลี่ยปีละไม่ถึงแสนล้านก็ได้แต่เพิ่ม gdp ปีละแสนกว่าล้าน ชาวนาหลายล้านมีเงินใช้เศรษฐกิจดีขึ้นยังไงก็ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้น่ะเราว่า
  • Maha Arai พอดีเราตอบแบบเน้นกระชับและโต้กลับด้วย ส่วนกรณียิ่งลักษณ์ตอบแบบเต็มๆก็มีเดี๋ยวลงเผื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติม

-----------------------------------------------------

 “ยิ่งลักษณ์” มั่นใจในความบริสุทธิ์ ชี้มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีอาญา โครงการรับจำนำข้าวเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ปกติ กล่าวหาเลื่อนลอย ขาดพยานหลักฐาน ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม เลือกปฏิบัติ เร่งรีบ รวบรัด ชี้มูลความผิดโดยขาดความเที่ยงธรรม ชาวนาหมดโอกาสยกระดับคุณภาพชีวิตและมุ่งคุ้มครองพ่อค้าข้าวผู้ส่งออกที่เสียประโยชน์


ในวันนี้ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ อดีตนายกรัฐมนตรีเห็นว่าจากกรณีที่มีการแถลงข่าวของศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวของรัฐบาลมีมติว่านางสาวยิ่งลักษณ์ฯ อดีตนายกรัฐมนตรีมีมูลความผิด และให้ส่งรายงานและเอกสารพร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๗๐ นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ เห็นว่า 

๑. การดำเนินการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีนี้เป็นกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นไปตามหลัก นิติธรรมสากล ไม่เป็นไปตามคำชี้แจงของ ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ ที่ได้แถลง เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ขอยืนยันว่ากระบวนการดำเนินคดีของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีมติ ๗ : ๐ เสียง ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม เลือกปฏิบัติ และขาดความเที่ยงธรรม กล่าวคือ ยังยืนยันว่าการดำเนินคดีเป็นไปด้วยความเร่งรีบ รวบรัดอย่างเป็นพิเศษต่างจากการดำเนินคดีอื่นๆ ที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยกันถูกกล่าวหาทั้งก่อนหน้าคดีนี้จำนวนหลาย คดีอย่างขาดความชอบธรรม ไม่มีการตั้งอนุกรรมการขึ้นไต่สวนเหมือนคดีอื่นๆ และไม่เคยได้รับคำตอบใดๆ จากคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยเฉพาะระยะเวลาที่ดำเนินคดีกับนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ นับแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งคณะกรรมการไต่สวน เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗ ใช้เวลา ๒๑ วัน ในการแจ้งข้อกล่าวหา และใช้เวลาเพียง ๑๔๐ วัน นับแต่วันรับทราบข้อกล่าวหา มีการเร่งรีบมีมติชี้มูลความผิดในคดีอาญาต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ทั้งที่ในช่วงการไต่สวนดังกล่าวมีข้อโต้แย้งมากมายทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายจากนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ผู้ถูกกล่าวหาในการนำเสนอพยานบุคคล และพยานหลักฐานเพื่อหักล้างข้อกล่าวหาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.หลายครั้งหลายคราวนับแต่ถูกกล่าวหา

ซึ่งเป็นจำนวนพยานไม่มากหากเทียบกับเรื่องที่ถูกกล่าวหา เนื่องจากมีผู้ปฏิบัติและหน่วยงานที่รับผิดชอบจำนวนมาก กับมีข้อโต้แย้งมากมายจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำให้การไต่สวนที่ผ่านมาองค์คณะผู้ไต่สวนได้ตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม โดยการตัดพยานหลักฐานที่จะเข้าสู้สำนวนหมดไปกับการโต้แย้งมากมายจากองค์คณะ ผู้ไต่สวน แต่ผู้ที่เสียหายคือนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ถูกตัดโอกาสในการต่อสู้คดีจนถึงวันชี้มูลความผิดอาญาต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ฯ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีอย่างเร่งรีบ โดยไม่เคยปรากฏมาก่อนหน้านี้ว่ากรรมการ ป.ป.ช. ได้เคยปฏิบัติหน้าที่ในการไต่สวนคดีอาญาอื่นๆ ต่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่นเดียวกับนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ แต่อย่างใด การหยิบยกข้ออ้างตามข้อกฎหมายว่า จำเป็นต้องไต่สวนโดยเร็วการปฏิบัติหน้าที่จึงชอบด้วยกฎหมายนั้น การไต่สวนโดยเร็วดั่งว่านั้น ไม่มีข้อเท็จจริงว่าได้เคยปฏิบัติต่อคดีอื่นๆ ที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่นเดียวกับนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ถูกกล่าวหาซ้ำร้ายยังปรากฏเป็นข่าวที่โฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สังคมทั่วไปทราบเช่นเดียวกับคดีนี้ว่า คดีอื่นๆ มีการเริ่มสอบสวนเมื่อใด และจะสิ้นสุดลงในเวลาใดเช่นเดียวกับคดีนี้ นอกจากนี้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ฯ ผู้ถูกกล่าวหาได้ขอความเป็นธรรมต่อองค์คณะผู้ไต่สวนถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ครั้งที่สองเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๗ และครั้งที่สามเมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๗ นอกจากนี้มีองค์คณะผู้ไต่สวนโดยเฉพาะ ศาสตราจารย์พิเศษ วิชาฯ ได้ถูกคัดค้าน และขอความเป็นธรรม โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ถึง ๓ ครั้ง ต่อองค์คณะผู้ไต่สวนในครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ครั้งที่สองเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๗ และครั้งที่สามเมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๗ ขอให้องค์คณะผู้ไต่สวนทั้งหมดเปลี่ยนตัวศาสตราจารย์พิเศษวิชา ฯ ที่กระทำตัวเป็นปฏิปักษ์หลายประการต่อผู้ถูกกล่าวหา โดยละเมิดสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของผู้ถูกกล่าวหา โดยชี้นำสังคมว่านางสาวยิ่งลักษณ์ฯ เป็นผู้กระทำความผิดตลอดมา บุคคลดังกล่าวพูดจาเหน็บแนม กระแนะกระแหน ถากถาง ดูถูก เย้ยหยัน ดูหมิ่น ผู้ถูกกล่าวหาต่างๆ นานา โดยปราศจากพยานหลักฐาน รวมทั้งผู้ถูกกล่าวหาเรียกร้องให้บุคคลดังกล่าวถอนตัวจากการเป็นองค์คณะผู้ ร่วมไต่สวน แต่หาได้รับการสนองตอบเพื่ออำนวยความยุติธรรม แก่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ องค์คณะผู้ไต่สวนรายอื่นกับปล่อยให้บุคคลดังกล่าวยังคงทำหน้าที่อยู่ต่อมาจน ถึงปัจจุบัน หากเทียบกับมาตรฐานทางจริยธรรมของกรรมการ ป.ป.ช. รายพลตำรวจโท สถาพร หลาวทอง ที่มีข้อเท็จจริงเพียงว่าสมัยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ เคยตรวจสอบโกดังข้าวเท่านั้นก็ถอนตัวจากการเป็นองค์คณะผู้ไต่สวนในคดีนี้เสียแล้ว การเลือกที่จะรับฟังพยานหลักฐานที่เป็นโทษและเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ถูกกล่าวหาทาง การเมือง อาทิเช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายวรงค์ เดชกิจวิกรม ไม่รับฟังและไต่สวนพยานหลักฐานในส่วนที่เป็นคุณโดยเฉพาะพยานบุคคลหลายราย ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นในคดีที่ถูกกล่าวหาโดยสิ้นเชิง อันเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม และผู้ถูกกล่าวหากลับถูกให้ร้าย โดยไม่เป็นธรรมว่ามีพฤติการณ์ประวิงคดี ทั้งที่ผู้ถูกกล่าวหาเพียงแต่ต้องการแสวงหาความยุติธรรม โดยการนำเสนอพยานหลักฐานเพื่อต่อสู้คดีเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากกรณีโครงการประกันราคาข้าวที่ ป.ป.ช.ไม่ได้เร่งรีบแต่กลับละเลยไม่ดำเนินการ ซ้ำยังให้ข่าวว่าเอกสารหายเนื่องจากเกิดเหตุอุทกภัยถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ คำถามจึงมีว่าประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๖๓/๒๕๕๗ เรื่อง นโยบายเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมของรัฐ ให้มีบรรทัดฐานที่ชัดเจนในการดำเนินคดีตามประเภทคดีที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ โดย ที่ประกาศดังกล่าวมีจุดประสงค์ให้องค์กรในกระบวนการยุติธรรมทั้งปวง รวมทั้ง ป.ป.ช. ในการบังคับใช้กฎหมาย อันจะนำไปสู่ความขัดแย้ง และความแตกแยกในสังคม โดยต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม และไม่มีการเลือกปฏิบัติ ได้รับการปฏิบัติสนองตอบเป็นอย่างดีแล้วหรือไม่

๒. ประเด็นที่กล่าวหาว่านางสาวยิ่งลักษณ์ฯ กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวของรัฐบาล ๒.๑ ในเรื่องนี้เห็นว่าการหยิบยกข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๑๒๓/๑ มากล่าวหานางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ว่ามีมูลกระทำความผิดตามข้อกฎหมายข้างต้นในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เป็นการกล่าวหาในลักษณะ “หว่านแหกล่าวหา” เลื่อนลอยปราศจากหลักฐาน ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ และไต่สวนให้เสร็จสิ้นกระแสความในแต่ละเรื่อง และแต่ละประเด็นไม่ว่าจะเป็นประเด็นตามข้ออ้างว่ามีการทุจริตในทุกขั้นตอน นั้น มีพฤติการณ์ที่เป็นการทุจริตอย่างไร ทุจริตที่ไหน เจ้าหน้าที่รัฐคนใดหรือหน่วยงานใด และเอกชนรายใดที่เข้าร่วมโครงการ หรือแม้แต่ชาวนาเกษตรกร รายใด ตำบลใด อำเภอใด และจังหวัดใดที่มีพฤติการณ์ที่มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกร โดยการสวมสิทธิเกษตรกร โกงความชื้น โกงตราชั่ง นำข้าวมาเวียนเข้าโครงการ การลักลอบนำข้าวออกจากคลัง โดยยืนยันในเรื่องคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช. คลาดเคลื่อนในประเด็น ดังต่อไปนี้

๒.๑.๑ เรื่องการขาดทุนของโครงการ ได้ให้การและมีพยานบุคคลและเอกสารหลักฐานแสดงว่าโครงการมีความจำเป็นและมี ประโยชน์ต่อชาวนา และเศรษฐกิจของประเทศชาติ มากกว่าการขาดทุนที่กล่าวอ้างดังนี้ ๒.๑.๑.๑ ได้มีการชี้แจงว่าโครงการช่วยเหลือเกษตรกรไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ฯลฯ. รัฐต้องมีงบประมาณช่วยเหลือเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ การประกันราคาข้าวของรัฐบาลก่อนก็ใช้งบประมาณหมื่นๆ ล้านต่อปีเช่นกัน เงินช่วยเหลือดังกล่าวหลายๆฝ่ายเรียกว่า ขาดทุน

๒.๑.๑.๒ โครงการช่วยเหลือดังกล่าวทำให้เกษตรกร ทำการเกษตรได้คุ้มทุน สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้ในระยะยาว และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

๒.๑.๑.๓ รายได้ที่ชาวนาได้รับเพิ่มขึ้นทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ดีขึ้นกว่า ๑ แสนล้านบาท หรือ ๑% ของ GDP

๒.๑.๑.๓ รายงานปิดบัญชีที่ ป.ป.ช. อ้างถึงทั้ง ๒ ครั้ง ซึ่งได้การขาดทุนดังกล่าวรวมค่าใช้จ่ายต่างๆไว้แล้ว ซึ่งคณะกรรมการ กขช. ประกอบด้วยหน่วยงานราชการหลายหน่วยงานได้โต้แย้งว่า ข้าวที่ระบุว่าหายจำนวนประมาณ ๓ ล้านตัน ควรต้องลงในบัญชีเพราะหน่วยงานรับผิดชอบได้ยืนยันว่าไม่ได้หายไป อยู่ในขั้นตอนสีแปร และหากมีข้าวหายจริงก็มีหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบการสูญหายนั้น รัฐไม่ได้เสียหายใดๆ และมีข้อโต้แย้งที่สำคัญอีกคือ การคำนวณมูลค่าสต็อกข้าวที่เหลือ และสูตรการคำนวณการเสื่อมสภาพ ข้อโต้แย้งดังกล่าวทำให้ผลการขาดทุนลดลงเหลือเพียงปีละ ๑ แสนล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณไม่มากกว่าโครงการรับจำนำข้าวมากนัก ทั้งๆ ที่โครงการรับจำนำข้าวกำหนดราคาจำนำข้าวและจำนวนข้าวที่ได้รับจำนำมากกว่า ๒.๑.๑.๔ คำชี้แจงและข้อโต้แย้งดังกล่าว ป.ป.ช.ยังไม่ได้ไต่สวนให้สิ้นกระแสความและได้ตัดพยานของผู้กล่าวหา ซึ่งนับว่าไม่ถูกต้องและเป็นธรรมตามระบบนิติธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา

๒.๑.๒ ส่วนในเรื่องข้าวเสื่อมสภาพ และข้าวหายนั้น หน่วยงานที่ควบคุมดูแลสต็อกข้าว คือ อคส.และ อตก. ได้ทำสัญญาต่างๆ กับเจ้าของคลังสินค้า ผู้ตรวจคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) และบริษัทประกันภัย ให้รับผิดชอบค่าเสียหาย หากเกิดกรณีข้าวสูญหายและการเสื่อมสภาพข้าวที่ผิดปกติจากธรรมชาติ ดังนั้น การกล่าวอ้างเรื่องรัฐมีความเสียหายจากกรณีข้าวหายหรือข้าวเสื่อมสภาพ จึงไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา

๒.๑.๓ เรื่องการปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน ขอชี้แจง ดังนี้

๒.๑.๓.๑ โครงการรับจำนำข้าว เป็นโครงการที่มีที่มาที่ไปและระบบการบริหารงานตั้งแต่ระดับล่างสุด คือ การฟังเสียงประชาชนจากการหาเสียงเลือกตั้ง มาเป็นนโยบายของรัฐบาล จนกระทั่งแถลงนโยบายในรัฐสภา และในการบริหารมีคณะกรรมการชุดต่างๆตั้งแต่คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการ กขช. คณะอนุกรรมการข้าวคณะต่างๆทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจนถึงระดับ จังหวัด อำเภอ ตำบล และมีส่วนร่วมจากประชาชน เพื่อทำให้ระบบการทำงานโปร่งใส และป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น

๒.๑.๓.๒ ขั้นตอนการทำงานและระบบงานต่างๆได้นำขั้นตอนการทำงานของรัฐบาลก่อนๆ ทั้งโครงการประกันราคาข้าว และจำนำข้าวมาพิจารณาปรับปรุงให้ดีขึ้น และทันสมัย เพื่อความโปร่งใสและป้องกันการทุจริต

๒.๑.๓.๓ ได้มีการตรวจสอบ จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำผิดแล้วประมาณ ๓๐๐ คดี อีกทั้งยังมีการแต่งตั้งคณะกรรมสอบสวน ไต่สวน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ถูกกกล่าวหากรณีต่างๆอีกด้วย

๒.๑.๓.๔ ข้อกล่าวหาทุจริตที่ ป.ป.ช.อ้างถึงนั้น ยังไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน มีเพียงคำกล่าวหา ยังไม่ได้ไต่สวนให้สิ้นคดีความ และ ป.ป.ช. ได้ระงับการไต่สวนพยานของผู้ถูกกล่าวหาด้วย อีกทั้งในชั้นตรวจพยานหลักฐาน เอกสารที่ตรวจครั้งแรก ๔๙ แผ่น และครั้งที่สอง ๒๘๐ แผ่น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ไม่มีพยานหลักฐานที่จะให้ตรวจตามข้อกล่าวหา ข้อกล่าวหาดั่งว่ากับปราศจากพยานหลักฐานว่าเกิดขึ้น ณ ที่ใด เป็นการปฏิบัติในทางตรงกันข้าม โดยไม่รอข้อเท็จจริงว่าในปัจจุบันนี้เอง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้สั่งการและตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่าเกิดปัญหาตามข้อกล่าวหาขององค์คณะผู้ ไต่สวนจริงหรือไม่ เพราะขณะนี้เองก็ยังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องความเสียหาย และความรับผิดจากการตรวจสอบของคณะกรรมการที่ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่งตั้งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะถือได้ว่าการไต่สวนขององค์คณะผู้ไต่สวนคดีนี้เสร็จ สิ้นกระแสความได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ความก็ปรากฏต่อสังคมว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. เองก็ได้ส่งเจ้าหน้า ป.ป.ช. ที่ไปร่วมสังเกตการณ์กับคณะกรรมการผู้ตรวจสอบดังกล่าวข้างต้นกลับเลือกที่จะ รับฟังพยานหลักฐานที่เป็นโทษต่อผู้ถูกกล่าวหาได้แก่รายงานผลการปิดบัญชี โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เมื่อ วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ และ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ซึ่งมีระยะเวลาเนินนานมาแล้ว และรายงานดังกล่าวมีข้อโต้แย้งมากมาย จากหน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบ และข้อโต้แย้งจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ฯ หลายประเด็นในการจะนำพยานบุคคลเข้าหักล้างรายงานผลการปิดบัญชี โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล แต่ถูกตัดพยานเสียดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น

๒.๒ กรณีเรื่องการระบายข้าว
เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันที่องค์คณะผู้ไต่สวนได้ปฏิบัติตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น และเป็นกรณีที่ไม่ได้กล่าวหาโดยตรงต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด และยังไม่ได้มีข้อยุติในคดีที่มีการกล่าวหาเรื่องระบายข้าวว่าจะมีข้อยุติเป็น อย่างไร จึงถือได้ว่ากรณีเรื่องการระบายข้าวเป็นเรื่องนอกข้อกล่าวหาที่มีต่อนางสาว ยิ่งลักษณ์ฯ และตลอดมาศาสตราจารย์พิเศษ วิชาฯ เองก็ได้แถลงข่าวเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมว่าคดีระบายข้าวมิได้เกี่ยวข้องกับ นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ผู้ถูกกล่าวหา ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ผู้ถูกกล่าวหามิได้ต่อสู้คดีนี้หรือมีโอกาสนำเสนอพยานหลักฐาน เพื่อหักล้างข้อกล่าวหาในเรื่องการระบายข้าวแต่อย่างใด อีกทั้งข้อกล่าวหามากมายที่มีต่อเรื่องระบายข้าว ในเรื่องที่องค์คณะผู้ไต่สวนมีวินิจฉัย อาทิเช่น เรื่องข้าวเสื่อมคุณภาพก็ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ว่า หลักเกณฑ์การคิดคำนวณข้าวเสื่อมคุณภาพมีวิธีการคิดคำนวณอย่างไร และก่อนหน้านี้องค์คณะผู้ไต่สวนเองก็รับว่าหลักเกณฑ์ในการคิดคำนวณข้าว เสื่อมคุณภาพยังไม่มีหลักเกณฑ์ในทางปฏิบัติที่แน่นอน ซ้ำร้ายเมื่อผู้ถูกกล่าวหาจะนำพยานบุคคลเข้ามาชี้แจงก็กลับไม่ให้โอกาสที่จะ นำพยานบุคคลเข้าชี้แจง อ้างว่าไม่เกี่ยวกับประเด็นที่กล่าวหา สำหรับการขายข้าวขาดทุนเองก็ยังไม่ปรากฏว่าได้ขายข้าวที่มีอยู่ในสต็อกเป็น การเสร็จสิ้นแล้ว เพราะข้าวที่มีอยู่ในสต็อกล้วนมีมูลค่าที่จะต้องนำมาหักทอนทางบัญชี และยังไม่มีการขายให้เสร็จสิ้นจึงยังไม่มีข้อยุติทางตัวเลขแต่อย่างใด ส่วนข้ออ้างการขายข้าวขาดทุนโดยใช้หลักเกณฑ์ส่วนต่างของราคาระหว่างราคารับ จำนำข้าวกับราคาท้องตลาด โดยที่ยังไม่มีการขายข้าวจริงจะถือว่าขายข้าวขาดทุนได้อย่างไร ส่วนข้าวสูญหายจากโกดังเองก็ยังมีข้อยุติว่ายังมีการตรวจสอบไม่เสร็จสิ้น และองค์คณะผู้ไต่สวนได้ไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณข้าวก็ ได้ข้อเท็จจริงว่าข้าวอยู่ครบจำนวนไม่ได้มีการสูญหาย แม้กระทั่งปัจจุบันมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบจำนวนข้าวแต่ละโกดัง ก็ยังตรวจสอบยังไม่แล้วเสร็จ จึงไม่ทราบได้ว่าข้าวสูญหายมากน้อยเพียงใด และในเรื่องนี้ยังไม่มีข้อเท็จจริงยุติว่ามีข้าวสูญหายในแต่ละจุดมากน้อย เพียงใด และยังมีข้อเท็จจริงที่เป็นข้อยุติว่าผู้รักษาข้าว อาทิเช่น เจ้าของโกดัง เจ้าของไซโล ได้มีสัญญาซึ่งมีสภาพบังคับตามกฎหมายในอันที่จะต้องรับผิดชอบในความเสียหาย ดังกล่าวซึ่งสามารถไล่เบี้ยเอากับผู้รับผิดชอบในฐานะผู้ร่วมโครงการได้ แต่หาได้มีข้อเท็จจริงว่าได้มีการดำเนินการดั่งว่าแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่หน่วยงานของรัฐจะสมคบหรือปล่อยประละเลยให้มีข้าวสูญหายจากโกดัง

เพราะไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นเลยในสถานที่แห่งใดนอกจากนี้ข้อวินิจฉัยใน เรื่องการสีแปรสภาพ การขนส่ง การเก็บรักษา รัฐบาลกลายเป็นผู้ค้าข้าวรายใหญ่ ทำลายระบบการค้าข้าวโดยเสรีโรงสีและผู้ส่งออกนอกโครงการไม่สามารถจัดหาซื้อ ข้าวได้เพียงพอ โรงสีในโครงการและผู้ส่ง ออกที่ชนะการประมูลข้าว จะมีการค้าขายที่มีข้อได้เปรียบโรงสีและผู้ส่งออกนอกโครงการ ตลอดจนราคาข้าวไทยแพงกว่าคู่แข่งในต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยสูญเสียตลาดส่งออกที่สำคัญ การรับจำนาข้าวเปลือกทุกเมล็ด โดยไม่จำกัดพื้นที่ผลิตและวงเงินของการรับจำนำ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายต่อโครงการอย่างยิ่ง จากการนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ ตลอดจนปริมาณรับจำนำสูงเกินกว่าข้อเท็จจริง แต่คุณภาพข้าวต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ข้อวินิจฉัยดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาเองได้นำพยานบุคคล และพยานหลักฐานที่เป็นคุณเข้าหักล้างแล้วแต่องค์คณะผู้ไต่สวนหาได้รับฟัง พยานหลักฐานส่วนที่เป็นคุณไม่ อีกทั้งเลือกที่จะตัดพยานหลักฐานและพยานบุคคลจำนวนหลายราย ที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องขอให้ไต่สวนออกเสีย ทำให้ข้อเท็จจริงที่เป็นคุณไม่ปรากฏในสำนวน สำหรับข้อวินิจฉัยในเรื่องมีการใช้อิทธิพลทางการเมืองช่วยเหลือพวกพ้องให้ได้ข้าว จากโครงการไปจำหน่าย เกิดระบบนายหน้าค้าข้าวไม่เปิดประมูลข้าวอย่างเปิดเผย การทุจริตดังกล่าวได้ก่อให้เกิดภาระรายจ่ายของรัฐ ไม่ปรากฏว่ามีอยู่ในข้อกล่าวหาที่มีต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ เป็นการรับฟังพยานหลักฐานนอกเหนือข้อกล่าวหา และผู้ถูกกล่าวหาไม่อาจล่วงรู้ว่ามีประเด็นดังกล่าวอันจะทำให้มีข้อโต้แย้ง และข้อหักล้างต่อข้อวินิจฉัยดังกล่าวได้

๒.๓ ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ระงับยังยั้งโครงการ โดยยังคงดำเนินโครงการต่อมาจนขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ในเรื่องนี้เห็นว่า ข้ออ้างเรื่องการขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากนั้น เป็นข้อวินิจฉัยที่มีข้อโต้แย้งยังไม่ไต่สวนให้สิ้นกระแสความ และยังปรากฏข้อเท็จจริง ว่าหน่วยงานรัฐด้วยกันเองก็ยังมีการคิดคำนวณผลการขาดทุนดั่งว่านั้น แตกต่างกันระหว่างรายงานผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลกับหน่วย งานรัฐด้วยกัน แต่เมื่อผู้ถูกกล่าวหาจะได้นำเสนอพยานหลักฐาน เพื่อหักล้างในเรื่องนี้ก็กลับถูกตัดพยานบุคคลดังกล่าวมา อีกทั้งองค์คณะผู้ไต่สวนเองก็ไม่มีข้อหักล้างฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาเช่นกันว่า การจ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าวสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาได้จริง และผลจากการจ่ายเงินเป็นผลโดยตรงให้ GDP ของประเทศมีอัตราสูงขึ้นอย่างสามารถที่จะตรวจสอบได้ ประกอบกับปัจจุบันนี้ก็ยังมีหน่วยงานหลายหน่วยงานให้ข่าวเป็นที่ประจักษ์ว่า ผลจากการจ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าวเกิดผลดีโดยตรง และโดยอ้อมหลายประการตามที่ผู้ถูกกล่าวหาได้นำเสนอพยานบุคคล และพยานหลักฐานถึงผลดีในโครงการรับจำนำข้าว แต่พยานหลักฐานที่เป็นคุณดังกล่าวกลับถูกปฏิเสธที่จะรับฟังจากองค์คณะผู้ไต่ สวนโดยสิ้นเชิง ที่เป็นเช่นนี้เพราะกรรมการ ป.ป.ช. เองก็ได้ตั้งข้อรังเกียจต่อโครงการรับจำนำข้าว นับแต่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่ต้น

ข้อวินิจฉัยเรื่องเหตุที่ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวนับล้านครอบครัว ที่ยังไม่ได้รับเงินตามกำหนด และทำให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายนั้นเป็นที่ประจักษ์ว่า สภาพทางการเมืองที่ประสบในขณะนั้นอยู่ในสภาพบีบบังคับมิให้กลไกของรัฐหรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สถาบันทางการเงินไม่สามารถจ่ายเงินได้ตามปกติที่พึงจะต้องปฏิบัติต่อกันนับ แต่ได้เริ่มโครงการ และนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ได้ดำเนินมาตรการหลายมาตรการ เพื่อนำเงินมาจ่ายให้กับชาวนาแต่กลับถูกสกัดกั้นดังที่เห็นเป็นประจักษ์ แต่ปรากฏในกาลต่อมาว่าในภายหลังที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ สิ้นสุดลง มาตรการที่นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ได้ดำเนินการไว้ในหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในโครงการ สถาบันการเงินเดิมที่เคยปฏิเสธก็กลับมาจ่ายเงินให้กับชาวนาได้ตามปกติและ เห็นชอบในการนำสภาพคล่องของธนาคารมาสำรองจ่ายให้อีกด้วย

กรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ต้องถูกกล่าวหาในคดีนี้ ทั้งที่เป็นการดำเนินการในทางนโยบายของฝ่ายบริหาร (Act of government) ที่ควรจะตรวจสอบในระบบรัฐสภา อีกทั้งเป็นการปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี และมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ และมีมติคณะรัฐมนตรีจำนวนมากที่ได้แสดงออกว่านางสาวยิ่งลักษณ์ฯ หาได้ละเลยหรือละเว้น การกำกับ ควบคุม ดูแล แต่อย่างใดไม่ ในทางตรงกันข้ามมีข้อเท็จจริงปรากฏว่านับแต่เริ่มโครงการผู้ถูกกล่าวหาได้ ดำเนินการ และให้นโยบายแก่ผู้ปฏิบัติให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส และให้มีมาตรการป้องกันการทุจริตตลอดมา

-----------------------------------------------------

ธ.ก.ส.พร้อมรับจำนำข้าว จับแก๊งนายหน้าสวมสิทธิ์ชาวนาโกงรัฐ
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ 19 ต.ค. 2555 09:00
 
พาณิชย์ตะลุยจับแก๊งนายหน้ารวมหัวโรงสี สวมสิทธิ์ชาวนา จ.พัทลุง โดยจ้างเกษตรกร ให้ตันละ 1 พันบาทแลกสวมสิทธิ์ ขณะที่ฮอตไลน์ 1569 สายไหม้ ยอดร้องเรียนจำนำข้าวแซงหน้าสินค้าแพง ด้าน ธ.ก.ส.ประกาศเตรียมพร้อมสภาพคล่อง รับโครงการรับจำนำข้าวปี 55/56 ไว้ถึง 500,000 ล้านบาท

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถดำเนินคดีเอาผิดขบวนการนายหน้าสวมสิทธิ์โครงการรับจำนำข้าว เปลือกที่จังหวัดพัทลุงได้แล้ว หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากเกษตรกรผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ว่า มีบุคคลที่มีพฤติกรรมเป็นนายหน้า เข้าไปเชิญชวนและชี้นำให้เกษตรกรนำสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการรับจำนำ และใบรับรองจากเกษตรกรมาขาย โดยจะรับซื้อในราคาตันละ 1,000 บาท

“กรมการค้าภายใน ได้จัดเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจเข้าดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ ตามที่ได้รับการร้องเรียนแล้ว พบว่ามีการสวมสิทธิ์ใบประทวนของเกษตรกรตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 55 จริง โดยนายหน้าในพื้นที่ร่วมกับโรงสีสวมสิทธิ์เกษตรกร เพื่อรับเงินส่วนต่าง ทั้งที่เกษตรกรเหล่านั้นนำผลผลิตไปจำหน่ายศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพัทลุงหมด แล้ว แต่กลับมีข้าวเข้ามาใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 55 ได้อีก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินคดีเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างถึงที่สุด เพราะถือว่าทุจริตและสร้างความเสียหายแก่รัฐ”

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการป้องกันการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเต็ม ที่ และได้สั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเข้มงวด หากเกษตรกร ประชาชน และผู้เกี่ยวข้องที่พบเห็นพฤติกรรมสวมสิทธิ์เกษตรกร สามารถแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือ www.dit.go.th หรือร้องเรียนด้วยตนเอง ที่สำนักงานการค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้มียอดร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 เฉลี่ยวันละ 100 สาย  ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนของเกษตรกร ถึงความล่าช้าการจ่ายเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ไม่สามารถนำใบประทวนไปรับเงินจาก ธ.ก.ส. หลังนำข้าวร่วมโครงการจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 55 และนาปี 55/56 ได้ ซึ่งขณะนี้กรมการค้าภายในได้ส่งเรื่องการร้องเรียนไปยัง ธ.ก.ส.แล้ว

ด้านศาสตราจารย์ นายแพทย์สุทธิพร จิตติ์มิตรภาพ เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เผยว่า ปัจจุบันข้าวไทยมีขีดความสามารถในการส่งออกลดลง ขณะที่ประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม อินเดีย กัมพูชา และพม่า มีศักยภาพในการส่งออกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเวียดนาม และอินเดีย ส่วนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่ทำให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวมากขึ้นนั้น เป็นความท้าทายสำหรับนักวิจัยที่จะคิดค้นตอบโจทย์การพัฒนาที่เหมาะสม ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว

ขณะที่นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เผยว่า ธ.ก.ส.ได้เตรียมความพร้อมด้านสภาพคล่อง สำหรับรองรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในปีการผลิต 55/56 ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยตลอดระยะเวลาโครงการในปีดังกล่าว จะมีสภาพคล่อง 500,000 ล้านบาท จากเป้าหมายการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลที่ 26 ล้านตัน เป็นเม็ดเงิน 405,000 ล้านบาท

“สภาพคล่องดังกล่าวจะมาจาก 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นเงินคืนจากกระทรวงพาณิชย์ที่ได้จากการขายข้าวรอบการจำนำปีที่ ผ่านมาจำนวน 260,000 ล้านบาท ส่วนที่สองเป็นเงินสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.ที่ได้นำไปใช้ในโครงการรับจำนำรอบปีที่ผ่านมาจำนวน 90,000 ล้านบาท และส่วนที่สามเป็นเงินกู้ที่รัฐบาล โดยกระทรวงการคลังจัดสรรให้อีก 150,000 ล้านบาท”

นายลักษณ์กล่าวว่า เดือน ต.ค. กระทรวงพาณิชย์ได้คืนเงินจากการขายข้าวให้แล้ว 42,000 ล้านบาท และ คืนเงินชำระหนี้ที่ ธ.ก.ส.ได้ใช้สภาพคล่องเข้าไปช่วยดำเนินโครงการนี้อีก 49,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันสำนักบริหารหนี้ กระทรวงการคลังจะจัดสรรเงินกู้ให้ก้อนแรก 16,000 ล้านบาท จากที่เสนอไป 50,000 ล้านบาท ทำให้มีสภาพคล่องเพียงพอในระยะแรก.


http://www.thairath.co.th/content/299672

-----------------------------------------------------

สิบตรีหญิง-พลทหารเอี่ยวข้าวหายมอบตัว

INN News
INN News สนับสนุนเนื้อหา

ทหารพระธรรมนูญ นำตัวสิบตรีหญิง และพลทหาร มอบตัวคดีข้าวหาย 9 หมื่นกระสอบ ใช้หลักทรัพย์คนละ 1.5 แสนบาทประกันตัว
สิบตรีหญิง-พลทหารเอี่ยวข้าวหายมอบตัว นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ทหารพระธรรมนูญ นำตัวสิบตรีหญิง และพลทหาร มอบตัวคดีข้าวหาย 9 หมื่นกระสอบ ใช้หลักทรัพย์คนละ 1.5 แสนบาทประกันตัว
ที่ สภ.ปากคลองรังสิต อ.เมือง จ.ปทุมธานี ร.ท.เพชรนกรินทร์ พิมมาศย์ นายทหารพระธรรมนูญฝ่ายกฎหมาย ได้นำตัว พลทหาร เอกชัย โพธิ์สวัสดิ์ อายุ 28 ปี และ ส.ต.หญิง ณีรนุช แก้วโบราณ อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ จ.381/2556 ออกเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 56 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิด หรือการลักพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมเนื่องจากมีหมายจับ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำกำลังเพื่อตรวจสอบโกดังข้าวของบริษัท ฟินิกซ์ อกริเทค(ประเทศไทย) จำกัด 9/1 หมู่ 1 ต.บางกระดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี พบว่าข้าวหายกว่า 90,000 กระสอบ

ทั้งนี้ มีรถยนต์ขับมาที่หน้าโกดังข้าวหายในเวลาค่ำคืน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกรถตรวจค้น แต่รถคันดังกล่าวได้ขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบทะเบียนรถหา เจ้าของจนออกหมายจับเจ้าของรถยนต์คันกล่าว พบว่าเป็นรถของ นายเอกชัย โพธิ์สวัสดิ์ หรือ อส.พลทหารเอกชัย หลังจาก นายทหารพระธรรมนูญ นำมามอบตัวแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตีหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 150,000 บาท


http://news.sanook.com/1630401/สิบตรีหญิง-พลทหารเอี่ยวข้าวหายมอบตัว/

----------------------------------------------------- 

อคส. ย้ำข้าวในสต๊อกไม่หาย พร้อมลุยโกดังตรวจอีกรอบ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 พ.ค. 2557 17:06


อคส. ตั้งคณะทำงานทบทวนปริมาณข้าวในสต๊อกรัฐบาล เพื่อความโปร่งใส หลังอนุฯ ปิดบัญชีแฉข้าวหาย 3 ล้านตัน ยันไม่หายแน่นอน แค่ส่งมอบช้า และยังไม่ได้ลงบัญชี เคยชี้แจงหลายครั้งแล้ว ไม่น่าเป็นข่าวได้อีก...
นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ของกระทรวงพาณิชย์ ระบุข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลหายไปเกือบ 3 ล้านตันว่า ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบทบทวนปริมาณสต๊อกข้าวสารของรัฐบาล เพื่อยืนยันความโปร่งใสในการทำงานอีกครั้งว่า ข้าวสารของรัฐบาลไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ส่งมอบล่าช้าเท่านั้น โดยคณะทำงานดังกล่าว ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของ อคส. ที่ดูแลรับผิดชอบคลังสินค้าโดยตรง ซึ่งจะต้องรายงานผลสรุปเสนอต่อ นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ทราบต่อไป
“อคส. ได้เคยทำหนังสือชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการปิดบัญชีไปแล้วเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา อาจจะเป็นความเข้าใจผิดจากการลงบัญชีข้าวคลาดเคลื่อนในแต่ละวัน เพราะอยู่ระหว่างการสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร และส่งมอบเข้าโกดังกลาง เนื่องจากโครงการรับจำนำมีข้าวเปลือกจำนวนมาก จึงต้องมีการรอคิวสีแปร ไม่ได้หายไปไหน ผมเคยชี้แจงไปหลายครั้งแล้ว เป็นก้อนเดียวกัน แต่อยู่ๆ ก็เป็นปัญหาขึ้นมาอีก”
ทั้งนี้ ข้าวที่ค้างส่งมอบตามบัญชี เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.56 มีปริมาณ 2.97 ล้านตัน เป็นข้าวจากโครงการรับจำนำเมื่อ 2 ปีก่อน แบ่งเป็นข้าวในส่วนของ อคส. จำนวน 2.6 ล้านตัน ที่เหลืออีก 0.37 ตัน เป็นขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความสบายใจของทุกฝ่าย อคส. จึงตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบและทบทวนตัวเลขปริมาณข้าวทั้งระบบอีกครั้งหนึ่ง และจะทำเรื่องเสนอให้นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาเห็นชอบว่าจะให้ อคส. หรือกรมการค้าภายในดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ สาธารณชน.

 http://www.thairath.co.th/content/425550

-----------------------------------------------------

ออมสินเบรกเงินกู้ ค่าข้าวป่วน แห่ถอน3หมื่นล้าน

โดย ทีมข่าวหน้า 1 18 ก.พ. 2557 09:00

ยุติให้ธกส.ยืมแล้ว 5พันล้านส่อชะงัก! ม็อบปาขวดไล่โต้ง

รัฐบาลเจอรุมสกรัมอ่วม-ปมปล่อยกู้จ่ายหนี้จำนำข้าวบานปลาย ม็อบชาวนาฮือบุกสำนักงานปลัดกลาโหม จี้นายกฯตอบจ่ายเงินได้วันไหน ขู่ยกระดับการชุมนุมเข้มข้น “กิตติรัตน์” อ้างการเมืองทำจำนำข้าวปั่นป่วน วอน กปปส.เลิกขัดขวางการจ่ายเงินให้ชาวนา หวิดวุ่นขณะลงไปเจรจาเจอม็อบขว้างของใส่ ด้านแบงก์ออมสินเบรกปล่อยกู้ให้ ธ.ก.ส.แล้ว หลังเจอลูกค้าแห่ถอนเงินวันเดียว 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ธ.ก.ส.ชะลอการใช้เงินกู้ 5 พันล้านไว้ก่อน เกรงถูกลากเข้าไปติดบ่วงด้วย ทอท.ปัดไม่คิดซื้อพันธบัตรรัฐบาล 4 หมื่นล้านบาท ส่วนชาวนาหลายจังหวัดได้เฮลั่น หลัง ธ.ก.ส.ทยอยจ่ายเงินให้แล้วบางส่วน

ม็อบชาวนายุบเวที ก.พาณิชย์

ที่กระทรวงพาณิชย์ ถนนนนทบุรี 1 อ.เมืองนนทบุรี เมื่อวันที่ 17 ก.พ. บรรยากาศช่วงเช้า กลุ่มชาวนาที่มาปักหลักชุมนุมเรียกร้องค่าจำนำข้าว พากันเก็บข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดเตรียมเคลื่อนย้ายไปกดดันรัฐบาลตามที่แกน นำประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. นายระวี รุ่งเรือง แกนนำชาวนาภาคตะวันตก และนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ แกนนำชาวนาภาคเหนือ นำผู้ชุมนุมหลายร้อยคน ออกเดินทางจากกระทรวงพาณิชย์ ไปปิดล้อมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อกดดันและทวงค่าจำนำข้าวจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทันทีที่ไปถึง แกนนำได้ขึ้นรถขยายเสียงเรียกร้องให้นายกฯออกมาพบและเจรจา ท่ามกลางกำลังทหารและตำรวจกว่า 500 นาย ดูแลรักษาพื้นที่

บุกปิดล้อม สนง.ปลัด ก.กลาโหม

หลังผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มไม่พอใจที่นายกฯไม่ออกมาชี้แจงว่าจะจ่ายเงินรับจำนำข้าว ได้เมื่อไหร่ จึงใช้รถอีแต๋นที่เตรียมมาบุกฝ่าแนวแผงกั้นและรั้วลวดหนามหน้าทางเข้าสำนัก งานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยมีทหารราว 50 นายยืนถือโล่ตั้งแนวกั้น แต่ต้านทานกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ไหว ต้องปล่อยให้กรูกันเข้ามาถึงหน้าประตู 5 กองเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญ ซึ่งมีทหารตั้งแนวกั้นอีกชั้นหนึ่ง และเกิดการผลักดันกันไปมาครู่ใหญ่ เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามบุกเข้าไปในตัวอาคาร แกนนำต้องประกาศผ่านรถขยายเสียงว่าไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปในตัวอาคารและห้าม ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ กลุ่มผู้ชุมนุมยอมขยับออกมาปักหลักด้านนอก โดยนายระวี กล่าวว่า ได้ประกาศยุบเวทีกระทรวงพาณิชย์ และให้ผู้ชุมนุมย้ายมาปักหลักชุมนุมที่หน้าที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อกดดันการทำงานของรัฐบาลจนกว่าจะมีการจ่ายเงินให้กับชาวนา เมื่อได้รับเงินแล้วจะสลายการชุมนุมทันที

“โต้ง” ยัน ธ.ก.ส.มีเงินจ่ายหนี้ข้าว

ต่อมาเมื่อเวลา 15.25 น. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมด้วยนายนิวัฒน์–ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง แถลงข่าวถึงความคืบหน้าในการหาเงินมาจ่ายให้ชาวนาที่ค้างจ่ายในโครงการรับ จำนำข้าวปีการผลิต 2556/2557 ว่า ขณะนี้ ธ.ก.ส.ได้ประสานงานจนมีแหล่งเงินใหม่ที่เป็นเงินกู้ระยะสั้น นำเข้ามาประกอบกับสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.เพื่อจ่ายเงินให้เกษตรกร และกระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ จะจัดให้มีเงินกู้ที่จะนำมาสมทบกับเงินกู้ระยะสั้นที่ ธ.ก.ส.จัดหามาเพื่อจ่ายให้ชาวนาด้วย ขอยืนยันว่า ธ.ก.ส.มีสภาพคล่องที่เพียงพอ แต่ด้วยมติของ ครม. จึงต้องประสานกับกระทรวงการคลังที่จะจัดหาสภาพคล่องใหม่ที่จะนำไปสมทบกับ แหล่งเงินของ ธ.ก.ส.

อ้างการเมืองทำจำนำข้าวปั่นป่วน

นาย กิตติรัตน์กล่าวว่า หากไม่เป็นเรื่องทางการเมือง การที่จะช่วยกันหาแหล่งเงินระยะสั้น ระยะปานกลาง เพื่อรอเงินจากการระบายข้าว หรือเงินสมทบจากงบประมาณ น่าจะจ่ายเงินให้เกษตรกรได้ในวงเงินประมาณวันละ 4,000 ล้านบาท ซึ่งหากดำเนินการต่อเนื่อง ภายใน 6-8 สัปดาห์จะจ่ายเงินให้ชาวนาได้ครบทุกใบประทวน อาจจะมีคนเข้าใจว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ไม่ดี ใช้งบประมาณมาก มีการปฏิบัติที่รั่วไหล ขอชี้แจงว่าการดูแลชาวนาเกือบ 4 ล้านครัวเรือนด้วยต้นทุนในการรับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดที่จะขายได้ ไม่ได้เป็นเรื่องทำให้เสียวินัยการคลังจนเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ ส่วนกรณีประชาชนไปถอนเงินจากธนาคารออมสินนั้น ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่มีคนจำนวนไม่น้อยแสดงเจตจำนงว่า ถ้าธนาคารไหนปล่อยกู้ให้เอาเงินมาจ่ายชาวนาจะนำเงินไปฝากธนาคารนั้น และปลัดกระทรวงการคลังแจ้งว่า มีสถาบันการเงินหลายแห่งแสดงเจตจำนงที่จะให้ความร่วมมือกัน ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดีที่คนเริ่มเข้าใจแล้วว่าไม่ควรนำความทุกข์ของชาวนามา เป็นกลไกทางการเมือง

วอนเลิกขัดขวางจ่ายเงินชาวนา

ขณะที่นาย ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง กล่าวว่า สิ่งที่อยากพูดจากใจจริงคือ พอหรือยังกับการขัดขวางและทำให้ชาวนาเดือดร้อน พอกันเสียที เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย ธ.ก.ส.ได้เงินมาจากรัฐบาลส่งไปให้ชาวนา แค่นี้ขัดขวางทำไม มันเกิดอะไรขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้ ถ้ารัฐบาลเอาเงินจากธนาคารไหนไปจ่ายให้ชาวนา จะต้องถูกถอนเงินจากธนาคาร จิตใจคนไทยเป็นอย่างนี้หรือ ก็รัฐบาลค้ำประกันทุกอย่างและโครงการนี้เดินมาตลอดไม่เคยมีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่วิธีบางอย่าง ไม่ได้อยู่ที่กระบวนการในการส่งเงินจากธนาคารไปยังชาวนา แล้วขัดขวางกันทำไม ไหนบอกว่ารักชาวบ้าน สงสารชาวนา ขอให้เลิกคิดเลิกทำแบบนั้น จะทำร้ายใครก็ทำร้ายไป จะทำร้ายรัฐบาลก็ทำร้ายไป แต่อย่าทำร้ายชาวนาและธนาคารต่างๆด้วยวิธีนี้ มันไม่ยุติธรรม ไม่มีเกียรติ เลิกทำร้ายประเทศนี้เสียที ธนาคารไหนที่ปล่อยกู้ให้ชาวนาได้เงิน ยิ่งต้องนำเงินไปฝากไม่ใช่ไปถอนเงิน มันกลับกันไปหมดแล้วคนไทยทุกวันนี้ แล้วมันจะอยู่กันอย่างไรต่อไป

พาณิชย์เร่งระบายข้าว 1 ล้านตัน/ด.

ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่ระบายข้าวอย่างเต็มที่ โดยตั้งแต่ ต.ค.2556-ม.ค.2557 ได้ส่งเงินให้กระทรวงการคลังจากการระบายข้าวเป็นเงิน 35,000 ล้านบาท ส่วนในเดือน ก.พ.2557 ประมูลและเปิดซองไปแล้วได้อีกประมาณ 600,000 ตัน และขายในตลาดล่วงหน้าอีก 200,000 ตัน เชื่อว่าในเดือน ก.พ. จะระบายข้าวได้ประมาณ 1 ล้านตัน ส่วนเดือน มี.ค.น่าจะได้ประมาณ 1 ล้านตันเช่นกัน กระทรวงพาณิชย์พยายามเต็มที่ในการระบายข้าวเพื่อนำเงินมาผสมกับเงินกู้จ่าย ให้ชาวนา ปีนี้เชื่อว่าน่าจะส่งออกข้าวได้เกิน 8 ล้านตัน

นายกฯสั่ง “โต้ง” ลงไปคุยกับชาวนา

ต่อมาเวลา 16.00 น. ตัวแทนชาวนา 10 คน นำโดยนายระวี รุ่งเรือง แกนนำชาวนาภาคตะวันตก นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินงาม ผู้ประสานงานเครือข่ายชาวนาไทย ได้เข้าเจรจากับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง โดยมีนายธนน เวชกรกานนท์ ผวจ.นนทบุรี พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 ร่วมพูดคุย ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เสร็จสิ้นการ ประชุมเมื่อเวลา 17.00 น. หลังการหารือ นายกิตติรัตน์ได้เข้ารายงานผลการเจรจากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยนายกฯกำชับว่า ให้ลงไปพูดกับชาวนาเหมือนที่โต๊ะเจรจา

เจรจาเหลว “โต้ง” ถูกขว้างของไล่

จากนั้นแกนนำได้ลงมาแจ้งกับผู้ชุมนุมว่า นายกิตติรัตน์จะลงมาแจ้งผลการเจรจาด้วยตัวเอง ภายใน 10 นาที แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไป 20 นาที นายกิตติรัตน์ยังไม่ลงมาเจรจา เนื่องจากติดโฟนอิน เข้ารายการข่าวเรื่องเด่นเย็นนี้ทางช่อง 3 ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจโห่ร้อง เมื่อนายกิตติรัตน์ลงมาพบผู้ชุมนุมท่ามกลางการอารักขาจากทหารและตำรวจนับสิบ นาย นายกิตติรัตน์ได้ชี้แจงกลุ่มผู้ชุมนุมว่า จะจ่ายเงินให้กับชาวนาที่ตกค้างในช่วงฤดูการผลิตในเดือน ต.ค.ก่อน และจะขอตรวจสอบใบประทวนด้วย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจและไม่ยอมรับข้อเสนอ ตะโกนไล่นายกิตติรัตน์ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบเข้าคุ้มกัน และนำตัวนายกิตติรัตน์ออกจากพื้นที่ชุมนุมกลับเข้าอาคารสำนักงานฯทันที ระหว่างนั้นเองผู้ชุมนุมได้ขว้างปาสิ่งของ ขวดน้ำ หัวเสาธงเข้าใส่นายกิตติรัตน์ ทำให้เจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวพากันก้มหลบชุลมุน ขณะที่นายกิตติรัตน์ ได้สะบัดแขนออกจากเจ้าหน้าที่ เพราะไม่พอใจที่ถูกโห่ไล่ และถูกขว้างปาขวดน้ำใส่

ขู่ยกระดับ-ยกพลกลับ ก.พาณิชย์

นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม ผู้ประสานงานเครือข่ายชาวนาไทย กล่าวว่า จากการเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลร่วมกับชาวนาได้มีการพูดถึงข้อตกลงต่างๆไว้ ชัดเจน แต่เมื่อนายกิตติรัตน์ลงมาพูดคุยกับชาวนากลับไม่พูดข้อตกลงที่ชัดเจนตามที่ ได้ตกลงกันไว้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจ และในวันที่ 19 ก.พ.นี้ จะมีการยกระดับการชุมนุมขับไล่รัฐบาลให้เข้มข้นยิ่งขึ้น จากนั้นแกนนำได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมเก็บข้าวของเดินทางกลับไปชุมนุมต่อ ที่กระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากเกรงว่าหากปักหลักอยู่หน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นบริเวณที่เปิดโล่งต่อไป อาจจะมีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์และก่อความวุ่นวายได้

“ออมสิน” เบรกปล่อยกู้ให้กับ ธ.ก.ส.

วันเดียวกัน นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน แถลงข่าวว่า วันนี้มีลูกค้าของธนาคารถอนเงินจากธนาคารทั่วประเทศ 30,000 ล้านบาท มีเงินฝากเข้า 10,000 ล้านบาท ทำให้มียอดเงินไหลออกสุทธิ หรือมียอดถอนออกติดลบ 20,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ ทำให้ธนาคารต้องตัดสินใจที่จะหยุดปล่อยกู้เงินผ่านตลาดเงินหรืออินเตอร์ แบงก์ใหม่แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อรักษาฐานลูกค้าและเรียกความเชื่อมั่นของธนาคารกลับคืนมา อย่างไรก็ตาม การถอนเงินจำนวนมากดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของธนาคาร เพราะปัจจุบันธนาคารมีสภาพคล่องมากถึง 200,000 ล้านบาท แต่การถอนเงินจนติดลบ 20,000 ล้านบาท ในวันที่ 17 ก.พ. เกรงว่าจะเป็นการทดสอบเท่านั้น หากธนาคารยังคงปล่อยกู้ผ่านอินเตอร์แบงก์ให้แก่ ธ.ก.ส.ต่อไป คงจะถูกถอนเงินออกอีกอย่างแน่นอน

ลูกค้ารายใหญ่ขู่ถอนเงินหมื่นล้าน

นายวรวิทย์กล่าวว่า ล่าสุดในช่วงเช้ามีผู้ฝากเงินรายใหญ่ทั้งประชาชน และหน่วยงานบางแห่งโทรศัพท์มาขู่ว่า หากยังไม่หยุดโครงการจะถอนเงินออกจากธนาคารทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ทำให้รู้สึกกังวลว่า หากธนาคารออมสินยังคงดำเนินการเช่นนี้ต่อไป และมีการถอนออกไปอย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลต่อฐานะการเงินของธนาคาร และที่สำคัญลูกค้าเหล่านี้เป็นลูกค้าของธนาคารออมสินมานานกว่า 20 ปี หากลูกค้าเหล่านี้หายไปก็เท่ากับธนาคารเกิดความสูญเสียไปด้วย ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าธนาคารออมสินได้ดำเนินธุรกิจปล่อยกู้ผ่านอินเตอร์แบงก์ตามปกติ ภายใต้วงเงินที่ข้อตกลงกัน ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา และเริ่มมีธุรกรรมผ่านอินเตอร์แบงก์ วงเงิน 5,000 ล้านบาท อายุไม่เกิน 30 วัน กับ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ในฐานะที่เป็นธนาคารเฉพาะกิจด้วยกัน

แจงแห่ถอนเงินเฉพาะ กทม.-ภาคใต้

นายวรวิทย์กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้พบกับนายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส.มาเกือบ 3 เดือนแล้ว เพราะเรื่องดังกล่าวเมื่อมีการอนุมัติในนโยบายแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นหน้าที่ของระดับเจ้าหน้าที่ที่จะประสานและติดตามปกติ ส่วนสถานการณ์การถอนเงินของลูกค้าธนาคารไม่มีปัญหา เพราะธนาคารออมสินมีสภาพคล่องอย่างเพียงพออยู่แล้ว โดยสาขาในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล และภาคใต้มีการถอนเงินมากอย่างผิดปกติ ส่วนภาคอื่นๆไม่มีปัญหาแต่อย่างใด สำหรับพื้นภาคใต้ที่ถูกถอนเงินจากลูกค้าบุคคลแล้ว ยังมีลูกค้ารายใหญ่เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลและระดับจังหวัดถอนเงินออกไป ด้วย อย่างไรก็ตาม วันที่ 17 ก.พ. ถือเป็นวันทำการวันแรก หลังหยุดยาว 3 วันติดต่อกัน ทำให้ปริมาณธุรกิจจะมีมากกว่าปกติอยู่แล้ว โดยต้องติดตามต่อไปอีก 2-3 วัน ว่าจะมีการถอนเงินอย่างผิดปกติอีกหรือไม่

เตรียมสำรองเงินสดเพิ่มเป็น 2 เท่า

“ปกติธนาคารออมสินจะเตรียมพร้อมเงินสดไว้ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ของเงินฝากของแต่ละสาขา ซึ่งเพียงพอต่อการเบิกถอนและฝากเงินในเหตุการณ์ปกติ แต่ก็จะมีสาขาที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าที่เงินสดไม่พอ เพราะสาขาในห้างฯไม่มีห้องเก็บเงินนิรภัยเหมือนกับสาขา การสำรองเงินสดจึงมีไม่มากก็เกิดปัญหาติดขัดบ้าง แต่ในวันถัดๆไปจะเพิ่มเงินสดสำรองสาขาขึ้นอีก 2 เท่า และหากยังไม่เพียงก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ยืนยันว่าหากลูกค้าต้องการถอนเงินสด ธนาคารออมสินจะจ่ายเป็นเงินสด แต่เนื่องจากผู้ถอนเงินมากคราวเดียวกัน และทุกคนต้องการเงินสด จึงต้องใช้ระยะเวลาในการนำเงินจากสาขาอื่นหรือสาขาที่อยู่ใกล้ๆมาจ่ายแทน ไม่มีกรณีที่ถอนเงินสดแต่รับเช็คเงินสดธนาคารออมสิน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอีก 3 วันกว่าจะได้รับเงิน” นายวรวิทย์กล่าว

อ้างโทรศัพท์เสียอดคุยบิ๊ก ก.คลัง

ผู้สื่อถามว่า ได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังหรือไม่ กรณีจะหยุดปล่อยกู้ให้แก่ ธ.ก.ส. นายวรวิทย์กล่าวว่า วันนี้โทรศัพท์ของตนเสียไม่ได้ติดต่อกับใคร จึงจำเป็นต้องตัดสินใจหยุดปล่อยกู้ให้แก่ ธ.ก.ส. ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ผิดปกติเพราะ 1.มีคนถอนเงินออกมากผิดปกติจำนวนมาก 2.เมื่อลูกค้าไม่สบายใจก็ไม่อยากฝืนความรู้สึก และ 3.ตราบใดที่ ธ.ก.ส.ไม่มีความชัดเจนในการใช้เงิน 5,000 ล้านบาทก็จะไม่มีการปล่อยกู้ในอินเตอร์แบงก์

ธ.ก.ส.หวั่นคนแห่ถอนเงิน–ปิด บช.

วันเดียวกัน นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แถลงข่าวกรณี  ธ.ก.ส. ได้กู้เงินจากธนาคารออมสิน ผ่านตลาดอินเตอร์แบงก์ (เงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร) จำนวน 5,000 ล้านบาท จากวงเงินได้รับการอนุมัติทั้งหมด 20,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าวตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจาก ธ.ก.ส.หวั่นเกรงว่าการกู้เงินจากธนาคารออมสินในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจจากประชาชน จนเป็นต้นเหตุให้ลูกค้าของธนาคารถอนเงินหรือปิดบัญชีว่า ธ.ก.ส.ได้จ่ายเงินที่ติดค้างชาวนา แต่วงเงินดังกล่าวสามารถจ่ายได้ 4,000 ล้านบาท ก็จะหมดวงเงิน คาดว่าวันที่ 17-18 ก.พ. เพียง 2 วันก็ไม่มีเงินจ่ายให้แก่ชาวนาอีกต่อไป  แม้ว่าวงเงินกู้เพิ่มสภาพคล่องจากธนาคารออมสิน จะมีเข้ามาเพิ่มเติมแล้ว 5,000 ล้านบาทก็ตาม แต่ ธ.ก.ส.จะไม่เบิกออกมาใช้ในช่วงนี้ และพร้อมส่งคืนแก่ธนาคารออมสิน

ยันไม่ผิดกฎหมาย–แต่ไม่กล้าใช้เงิน

นายลักษณ์กล่าวอีกว่า ธ.ก.ส.จะส่งประเด็นหารือกับกระทรวงการคลังว่า จะยังคงยืนยันให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการกู้เงินจากอินเตอร์แบงก์ต่อไปหรือไม่ แม้ว่าประเด็นนี้จะมีความชัดเจนแล้วก็ตาม เช่น ครม.มติเรื่องแผนการบริหารจัดการหนี้ 130,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการรับจำนำข้าว พร้อมให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน กฤษฎีกาตีความแล้วว่าเป็นนโยบายสาธารณะที่ต้องดำเนินการต่อไป และคณะกรรมการธนาคาร (บอร์ด) ธ.ก.ส. มีมติเรื่องดังกล่าวถึง 3 ครั้งแล้วเป็นต้น แต่ ธ.ก.ส.ก็เป็นห่วงเรื่องคนแห่ถอนเงินจากธนาคาร

เร่งถกคลังปมจ่ายหนี้จำนำข้าว

ผู้สื่อถามว่า เม็ดเงินระบายมีเพียง 4,000 ล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ติดค้างมีมากกว่า 100,000 ล้านบาท จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายลักษณะ กล่าวว่า วงเงินที่จ่ายให้แก่เกษตรกรในโครงการรับจำนำข้าวรอบนี้ มีอยู่เพียง 4,000 ล้านบาท จะสามารถใช้จ่ายได้เพียง 1-2 วันเท่านั้น ทาง ธ.ก.ส.จะเร่งหารือกับกระทรวงการคลังโดยเร็วที่สุดไม่เกิน 3 วันก็น่ารู้คำตอบ ส่วนกรณีการกู้เงินจากอินเตอร์แบงก์นั้น ธ.ก.ส.จะเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยเอง โดยแยกบัญชีออกจากธนาคาร โดยจะตั้งเป็นบัญชีการดำเนินนโยบายสาธารณะตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง

ย้ำรัฐค้ำประกันเงินฝาก ธ.ออมสิน

ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า การถอนเงินจากธนาคารออมสินจนติดลบ 20,000 ล้านบาท เกิดจากการมีนำเสนอข้อมูลประเด็นการเมือง ทำให้กลุ่มก้อนทางการเมืองมาถอนเงินจากธนาคารออมสิน แต่ขอเรียนว่า การทำธุรกรรมอินเตอร์แบงก์ถือเป็นเรื่องปกติ และที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ก็กู้เงินจากแหล่งอื่นๆ เพราะ ธ.ก.ส.ก็ไม่ใช่แค่ดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น แต่ยังมีโครงการสินเชื่ออื่นๆอีกมาก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเงินถอนออกจากธนาคารออมสิน แต่ก็มีคนจำนวนมากที่สนับสนุนและเอาเงินมากฝากเพิ่มอีก ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ธนาคารออมสินได้รับประกันเงินฝากจากรัฐบาล 100 เปอร์เซ็นต์ ผู้ฝากเงินจึงไม่จำเป็นต้องกังวล

ทอท.ปัดซื้อพันธบัตร 4 หมื่นล้าน

นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีมีข่าว ทอท.จะนำเงินสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัท 30,000-40,000 ล้านบาท ไปลงทุนซื้อพันธบัตร หรือตั๋วเงินคลังของรัฐ เพื่อช่วยเหลือให้กระทรวงการคลังนำเงินไปใช้หนี้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว นั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด แม้ ทอท.จะมีสภาพคล่องส่วนเกินในขณะนี้ ประมาณ 37,000 ล้านบาท แต่การบริหารสภาพคล่องส่วนเกินดังกล่าว ฝ่ายบริหาร ทอท.จะคำนึงถึงผลตอบแทนที่เหมาะสมและความจำเป็นในการลงทุน ที่ผ่านมา ทอท.นำเงินไปลงทุนในหลายรูปแบบ ทั้งการปล่อยกู้สถาบันการเงิน และการปล่อยกู้ระยะสั้น โดยคำนึงถึงความเสี่ยง แต่จะต้องไม่กระทบกับสถานะการเงินและผลกำไรขององค์กร ทำให้ ทอท.เป็นรัฐวิสาหกิจชั้นดีที่มีกำไร ซึ่งทุกเดือน ทอท.จะบริหารสภาพคล่องส่วนเกินอย่างเหมาะสม แต่คงไม่มีการลงทุนในวงเงินสูงถึงหลักพันล้านหรือหมื่นล้านบาท

ชาวนาเฮ-ธ.ก.ส.ทยอยจ่ายเงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลโอนให้ธนาคาร ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ เพื่อจ่ายเงินค่าจำนำข้าวแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการตามลำดับคิวของใบ ประทวนที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้วนั้น บรรยากาศการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวในหลายจังหวัดคึกคักขึ้นทันที อาทิ จ.อุบลราชธานี นครราชสีมา กำแพงเพชร อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และสระแก้ว โดยนายทวี วงษ์พิมพา อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 11 ต.เทพนคร อ.เมืองกำแพงเพชร กล่าวว่า มาเบิกเงินในบัญชีจากการจำนำข้าว 140,000 บาท เข้าใจดีถึงสาเหตุที่เงินจำนำข้าวออกช้า ในงวดแรกๆที่ผ่านมาหลังจากได้ใบประทวนมาจากโรงสีแค่ 3 วันก็ได้เงินแล้ว ที่ช้าในครั้งนี้ก็รู้สึกเห็นใจรัฐบาลเหมือนกันว่ามาจากเรื่องการเมือง แต่ชาวนาก็เดือดร้อนเพราะไม่มีเงิน กปปส.ไม่ควรเอาชาวนาเป็นตัวประกัน ต่อไปไม่ว่ารัฐบาลไหนมีโครงการรับจำนำข้าวก็จะเข้าโครงการอีก เพราะได้เงินมากกว่าขายสดให้พ่อค้าคนกลาง

“ออมสิน-อีสาน” ยังฝากถอนปกติ

ส่วนการทำธุรกรรมการเงินที่ธนาคารออมสิน อ.เมืองอุบลราชธานี พบมีประชาชนมาฝาก-ถอนเงินตามปกติ นางอรสา ประกอบศรี ผู้ช่วย ผอ.ธนาคารออมสิน สาขายุทธภัณฑ์ เปิดเผยว่า ประชาชนมาทำธุรกรรมตามปกติ จะมีมาสอบถามข้อมูลที่ธนาคารปล่อยกู้ให้ ธ.ก.ส.บ้าง เมื่อได้รับข้อมูลเป็นที่เข้าใจแล้วก็เดินทางกลับ ไม่มีการเบิกถอนเงินหรือปิดบัญชีแต่อย่างใด ด้านนายอนุชิต ไกลแก้ว อายุ 54 ปี เจ้าของร้านกวยจั๊บไพลินเผยว่า วันนี้นำเงิน 40,000 บาทมาเปิดบัญชีเงินฝากประจำ 5 เดือน เพิ่มเติมจากที่มีบัญชีฝากเผื่อเรียกแล้ว เชื่อมั่นในความมั่นคงของธนาคารเพราะเป็นของรัฐ ถึงแม้จะมีการปล่อยกู้ให้ ธ.ก.ส.จริงก็ยังมีความน่าเชื่อถือมากกว่าธนาคารเอกชน ตนฝากเงินไว้กับธนาคารออมสินมากว่า 40 ปีแล้ว และยังจะฝากเงินต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยขณะที่การฝากถอนเงินของธนาคารออมสินจังหวัดอื่นๆในภาค อีสาน โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ๆ เช่น ขอนแก่น นครราชสีมา เป็นไปอย่างปกติเช่นกัน

คนใต้แห่ถอนเงิน–ปมปล่อยกู้

ส่วนบรรยากาศการฝากถอนเงินของธนาคารออมสินในพื้นที่ภาคใต้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เปิดทำการในช่วงเช้ามีลูกค้าแห่มาถอนเงินกันจำนวนมาก บางรายถอนเพียงบางส่วน ขณะที่หลายรายถึงกับปิดบัญชีและโยกเงินไปฝากธนาคารพาณิชย์อื่น ทำให้ธนาคารออมสินในบางพื้นที่ บางสาขา อาทิ นครศรีธรรมราช ชุมพร ตรัง กระบี่ พัทลุง สงขลา ยะลา และสตูล ไม่มีเงินสดพอจ่าย ต้องจ่ายเป็นเช็คให้แทน โดยลูกค้าส่วนใหญ่อ้างว่าไม่พอใจที่ธนาคารออมสินปล่อยเงินกู้ให้ธนาคาร ธ.ก.ส. เพื่อนำเงินไปจ่ายหนี้ค่าจำนำข้าวให้ชาวนา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสาน เพราะชาวนาส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย อีกทั้งไม่ต้องการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล และทำตามมติของ กปปส. ขณะที่ลูกค้าบางส่วนอ้างว่าหวั่นเกรงธนาคารออมสินจะขาดสภาพคล่อง หลังมีกระแสข่าวลือทางโซเชียลมีเดียว่า ธนาคารออมสินกำลังจะล้ม เนื่องจากการปล่อยกู้ให้ ธ.ก.ส.ไปใช้หนี้ค่าจำนำข้าว


http://www.thairath.co.th/content/404283

-----------------------------------------------------

กปปส.นำมวลชนตัดไฟพาณิชย์ล้มประมูลข้าว
12 มีนาคม 2557 เวลา 11:46 น. 


กปปส.นำมวลชนบุกหน้ากระทรวงพาณิชย์ตัดกระแสไฟฟ้า กรมการค้าภายในต้องล้มประมูลข้าว 2.4แสนตันเมื่อวันที่ 12 มี.ค. นายทินกร อ่อนประทุม แกนนำแนวร่วมกลุ่ม กปปส. สวนลุมพินี ได้นำมวลชนจากส่วนลุมพินีกว่าพันคน โดยใช้รถบัส และ รถกระบะ กว่า 10 คัน พร้อมด้วยรถขยายเสียง 6 ล้อ เดินทางมาให้กำลังใจชาวนาที่มาเรียกร้องเงินค่าข้าวจากโครงการรับจำนำข้าว พร้อมทั้งเรียกร้องให้ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์หยุดการทำงานและออกไปจากกระทรวงพาณิชย์ 

http://www.posttoday.com/การเมือง/282998/กปปส-นำมวลชนตัดไฟพาณิชย์ล้มประมูลข้าว

-----------------------------------------------------

คสช. ดำเนินการกู้ ธ.ก.ส. 9 หมื่นล้านเคลียร์จำนำข้าว เริ่มงวดแรก 4 หมื่นล้าน เตรียมจ่าย 1-2 วันนี้

1512
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.เห็นชอบให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการเร่งรัดจ่ายเงินค่ารับจำนำข้าวให้กับ ชาวนาภายใน 1-2 วันนี้ โดย คสช.จะกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) จำนวนเงิน 9หมื่นล้านบาท โดยการแบ่งจ่ายเป็น 2  งวด คือ งวดแรกกู้จาก ธ.ก.ส.จำนวน 4 หมื่นล้านบาทเพื่อจ่ายให้กับชาวนาภายใน 1-2 วันที่จะถึงส่วนงวดที่ 2 กู้จาก ธ.ก.ส. จำนวนเงิน 5 หมื่นล้านบาทโดยจะทยอยจ่ายภายใน 1 เดือน

ทั้งนี้ ขั้นตอนการจ่ายเงินให้ชาวนาบางพื้นที่จะให้ช่องทางเดิม คือการรับเงินที่ ธกส. แต่บางพื้นที่จะให้ทหารเข้าไปช่วยในการจ่ายเงิน โดยให้ ธกส.ตรวจสอบใบประทวน และให้ชาวบ้านไปรับเงินที่หน่วยทหารในสังกัดกองทัพบกและกองทัพอากาศต่าง พื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

http://news.mthai.com/hot-news/335295.html
 
-----------------------------------------------------
FfF