เป้าหมาย
1.เพื่อเผยแพร่หลักการแนวทางประชาธิปไตย ไปให้ประชาชนรู้จัก และยอมรับให้มากที่สุด
2.เพื่อให้การเมืองอยู่ในแนวทางประชาธิปไตย
3.เพื่อให้ได้รัฐบาลที่แก้ปัญหาปากท้องและปัญหาอื่นๆ ได้ดี มีประสิทธิภาพ และมีความโปร่งใส
4.เพื่อให้ประชาชนทุกคนรู้สึกต้องมีส่วนร่วมในการสร้างชาติ
5.เพื่อให้ประชาชนรู้สึกต้องปกป้องสิทธิเสรีภาพของตนเองและของผู้อื่น
6.เพื่อให้ประชาชนรักความเป็นธรรมและพร้อมที่จะลุกขึ้นมาต่อต้านความอยุติธรรม
7.เพื่อให้ประชาชนออกมาต่อต้านการทำรัฐประหารทุกครั้งที่มี
8.เพื่อให้ประชาชนมีความรู้สึกมั่นใจว่าตนเองมีสิทธิและเสียงเท่าเทียมกับผู้อื่น
9.เพื่อให้ประชาชนมีศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย
...
หลักการหลักของประชาธิปไตย
คือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน
...
ลักษณะนักประชาธิปไตย
1.เคารพเสียงส่วนใหญ่
2.ยอมรับความคิดเห็นที่มีเหตุผลแตกต่าง
3.ไม่ต้องการสิทธิและเสียงทางการเมืองมากกว่าผู้อื่น
4.มีเสรีภาพในการแสดงความคิดความเห็น
5.รักความเป็นธรรม
6.รักสิทธิเสรีภาพของตนเองและผู้อื่น
7.แสดงออกทั้งการเขียน การพูด หรือการกระทำ เพื่อปกป้องประชาธิปไตย
...
แนวทางปฏิบัติและการปกป้องลัทธิ
1.ต่อต้านความอยุติธรรม ไม่ให้เกิด
2.ต่อต้านการละเมิดสิทธิ เสรีภาพ เป็นประจำ
3.ต่อต้านการทำรัฐประหาร ในทันที
...
กิจกรรม
1.รวมกลุ่มกันเป็นประจำ อาจเดือนละครั้ง อาทิตย์ละหน หรือทุกวัน
2.ฝึกแสดงความคิดความเห็น
3.ฝึกการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง
4.ฝึกจิตใจและอารมณ์ในสภาวะกดดันต่างๆ
5.ฝึกความกล้าแสดงออก
6.ฝึกร้องเพลงแนวปลุกใจเกี่ยวกับประชาธิปไตย
7.ฝึกการแก้ปัญหาตามหลักประชาธิปไตย
8.ปลุกจิตสำนึกการรักความเป็นธรรม
9.ปลุกจิตสำนึกการรักสิทธิเสรีภาพของตนเองและผู้อื่น
10.ปลุกจิตสำนึกให้มั่นใจว่าตนเองมีสิทธิและเสียงเท่าเทียมกับผู้อื่น
...
การเผยแพร่
1.แนะนำลัทธิประชาธิปไตยให้เป็นที่รู้จัก
2.ชักชวนคนมาร่วมกลุ่ม ด้วยวิธีต่างๆ
...
ปล. สิ่งที่กล่าวมาเป็นแนวทางเบื้องต้น
ทุกคนสามารถแนะนำ เพิ่ม ลด แก้ไข
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายลัทธิประชาธิปไตย
---------------------------------------------------------------
ประชาธิปไตยมีมานานแล้ว
แต่ไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าต้องทำยังไงบ้าง
และไม่มีการรวมกลุ่มสร้างพลังขับเคลื่อน
เพื่อปกป้องประชาธิปไตย
และต่อต้านสิ่งที่จะมาทำลายประชาธิปไตย
ทุกคนเคยคิดผิด ทำผิด เลือกแนวทางผิดๆ มาแล้วทั้งนั้น
ถ้าจะเริ่มต้นใหม่ แนวทางใหม่ มีหลักการ มีวิธีการ ที่ชัดเจน
ว่าประชาธิปไตย คืออะไร
มีวิธีการปลูกฝั่งยังไง เผยแพร่แนะนำยังไง
และหาทางออกให้กับการเมืองแต่ละประเทศยังไง
คือเน้นระดับนานาชาติ
แบบใช้ได้ทั้งโลกในลักษณะสากล
เพราะลัทธิแบบนี้ยังไม่เคยเห็นมีทำกันจริงจัง
ถ้าทำได้อาจเป็นอีกลัทธิหนึ่งของโลกใบนี้
อาจเคยมีแบบรวมกลุ่มชุมนุมทางการเมือง
รวมกลุ่มกันถกเถียงลักษณะสภากาแฟ
แต่ไม่มีเป้าหมายชัดเจน
และไม่คิดเผยแพร่ขยายมวลชนคนรักประชาธิปไตย
รวมทั้งไม่มีแนวทางที่ชัดเจน
เช่นรวมกลุ่มชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย
พอชนะเปลี่ยนขั้วได้
หรือได้รัฐธรรมนูญใหม่ ก็เลิก เป็นต้น
แต่พอเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองแบ่งข้าง
ทุกคนก็ไม่มีหลักยึด
ฝ่ายนู้นก็อ้างทำเพื่อประชาธิปไตย
ฝ่ายนี้ก็อ้างทำเพื่อประชาธิปไตย
แต่แนวทางขัดแย้งกันน่าดู หาทางออกไม่เจอ
นอกจากวัดกันด้วยกำลังหรือสงครามกลางเมือง
ไม่ว่าจะรักใคร เลือกพรรคไหน หรือรักเสื้อสีอะไร
เป็นเรื่องปกติเพราะประชาธิปไตย
จะเกี่ยวพันกับพรรคการเมืองแบบแยกไม่ออก
แต่ขออย่างเดียวให้รักประชาธิปไตย
และต้องออกมาปกป้อง
ต่อต้านสิ่งที่จะมาทำลายประชาธิปไตย
เช่นเมื่อเห็นความอยุติธรรม
ไม่ว่าจะเกิดกับใคร ฝ่ายไหน
ก็ร่วมด้วยช่วยกันรวมกลุ่มไปช่วยต่อต้าน
โดยไม่สนใจว่าเขาจะยากดี มีจน หรือว่า เป็นศัตรูเก่า
พูดง่ายแต่อาจทำยากสักนิดเรื่องศัตรูเก่า
แต่ก็ต้องพยายามฝึก
เพื่อเป็นนักประชาธิปไตยก้าวไปอีกขั้น
เพื่อให้ประชาธิปไตยมีความหมาย
มากกว่าการแบ่งข้าง
แล้วเอาไปอ้างแบบพวกใครพวกมัน
รวมไปถึงเรื่องการต่อต้าน
การกำจัดสิทธิ เสรีภาพการแสดงความคิดความเห็น
การพูดการเขียนและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
และต่อต้านการทำรัฐประหารด้วย
การมีหลักการและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
ก็เพื่อไม่ให้เกิดประชาธิปไตยแบบนอกลู่นอกทาง
แบบพวกใครพวกมันมากเกินไป
ส่วนใครจะชอบแนวนโยบายใครหรือชอบพรรคไหนก็เลือกไป
แต่ถ้าพรรคไหนกำลังนอกลู่นอกทางไปจากหลักการที่ว่า
เช่นไปสนับสนุนพวกที่มาทำลายหลักการประชาธิปไตย
กองเชียร์ที่รักประชาธิปไตย
ก็สามารถติเตียนแย้งพวกเดียวกันเองได้
ไม่จำเป็นต้องรอให้พรรคพวกอื่นมาติเตียน
มันก็จะช่วยๆ กันดึงให้ทุกพรรคอยู่ในระบบมากขึ้น
และรวมๆ มันจะทำให้การเมืองเป็นประชาธิปไตยได้สมบูรณ์
เพราะฐานรากแน่น ประชาชนเข้าใจหลักการประชาธิปไตย
และปฏิบัติตน ฝึกตนตามวิถีทางประชาธิปไตย
พรรคการเมืองไหน นักการเมืองคนใด
ก็ไม่อาจฝืนทำอะไร หรือสนับสนุนอะไร
ที่นอกลู่นอกทางจากแนวทางประชาธิปไตย
และจะช่วยให้ไม่แบ่งแยกกันเหมือนทุกวันนี้
แต่ช่วงเวลานี้มันเกิดการแบ่งแยกกันไปแล้ว
โอกาสที่จะมีคนเห็นด้วยกับแนวทางนี้
มันอาจจะยากสักหน่อย ในช่วงเวลาอันใกล้
แต่ถ้าไม่เริ่มก็ไม่ได้เห็น
ซึ่งแนวทางนี้ทุกคนมีอิสระไม่มีใครไปบังคับ
อยากให้รักประชาธิปไตยด้วยความสมัครใจ
และคิดว่ามันเป็นลัทธิหนึ่ง
ที่ต่างจากลัทธิทางศาสนา
ไม่มีศาสดา ไม่มีสาวก
มีแต่ ผู้แนะนำ กับ ผู้แนะนำ
ที่ทุกคนไม่ว่ายากดี มีจน มียศสูงต่ำ กันยังไง
ก็เท่าเทียมกันไม่มีใครใหญ่หรือเล็กกว่ากัน
และไม่เน้นเรื่องศีลธรรม
เน้นหลักการประชาธิปไตย
เพราะไม่ต้องการแบ่งแยก
ศาสนาไหนก็รักประชาธิปไตยได้
ทุกคนที่เข้าร่วมลัทธิประชาธิปไตย
ก็ปฏิบัติเรื่องศีลธรรมตามแต่ละศาสนาที่ตนเองนับถือ
คำสั่งสอนหรือวิธีการของศาสนาไหนดีในการเผยแพร่ลัทธิ
ก็สามารถนำมาเป็นแนวทางปฏิบัติได้
โดยเน้นเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องหลักการประชาธิปไตย
เพราะแต่ละศาสนาอาจมีแนวทางและหลักศีลธรรมต่างกันได้
อยากให้มีลัทธิประชาธิปไตยแบบนี้ในไทย
ช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้
เพราะถือว่าตอนนี้การเมืองไทยแรงสุดๆ แล้วในโลก
เมื่อเทียบกับการเมืองในประเทศแต่ละประเทศ
ถ้าแนวนี้มันโตได้ ไปได้
ที่ไหนในโลกก็นำไปใช้ได้ผลหมด
แต่มันยากอย่างที่บอก
แม้แต่คนแนะนำอย่างเรา
ก็ต้องเริ่มต้นฝึกไปพร้อมกันเหมือนกัน
ใครทำได้ก่อนก็ฝึกสำเร็จไปก่อนไม่จำเป็นต้องรอกัน
แล้วนำแนวทางที่คิดว่าทำให้ตนเองฝึกได้สำเร็จ
มาแนะนำเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางให้คนอื่นทำตามต่อไป
พี่ PKT มีอะไรแนะนำเพิ่มเติมได้น่ะครับ
เพราะผมกำลังฝึกเรื่องการยอมรับความคิดเห็น
และการแสดงความคิดเห็น
โดยไม่ยึดติดกับสี หรือชื่อ หรือว่าพวกเดียวกันไหม
เพราะถ้ายังยึดติดก็ไม่มีอะไรใหม่
ไม่กล้าแย้งพวกเดียวกัน
ซึ่งเขาอาจคิดถูกหรือผิดได้
อย่างกรณีนี้ก็เหมือนกัน
อยากให้ช่วยแนะนำอะไรดีไม่ดียังไง
ก็จะได้ต่อยอดกันไป
ซึ่งสามารถถกเถียงกันเองในแต่ละกระทู้ได้
พอออกจากกระทู้ก็ไม่โกรธไม่เกลียดกัน
แต่จะจำได้ดียิ่งขึ้น ถ้ากวนๆ ด้วยแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นคำถามหรือคำตอบก็จะจำได้ดี
ซึ่งเขาพิสูจน์กันมาแล้ว
ในการเรียนศาสนาของลัทธิหนึ่งของยิว
หรือของพุทธนิกายมหายานแบบธิเบต
เขาจะเรียนวิชาที่น่าเบื่อที่สุดในโลกคือวิชาศาสนา
ได้สนุกมันไม่น่าเบื่อและจำกันได้และมีความคิดต่อยอด
โดยการจับคู่โต้ตอบกัน
ลักษณะยียวนกวนประสาทและยั่วให้อีกฝ่ายโกรธ
พร้อมกับแสดงท่าทางกดดัน เช่น
กระทืบเท้า ตบมือ ชี้หน้าใส่
พร้อมกับตั้งคำถาม
เพื่อกดดันและยั่วอารมณ์คนตอบให้โกรธ
แต่เขาจะไม่แตะเนื้อต้องตัวกัน
บางทีเห็นถกกันหน้าดำหน้าแดง
พอเลิกวิชานั้นก็ยิ้มแย้มใส่กัน
เพราะคนที่โดนบ่อยๆ ก็จะเลิกโกรธ
แต่ถ้าพึ่งเจอะเจอจะรับไม่ได้
แต่ถ้ารู้ว่าเป็นวิชาเป็นการถกเถียงปัญหา
ก็จะเข้าใจ ใส่กันเต็มที่ไม่จำเป็นต้องสนใจ
แต่จบแล้วแล้วกัน
ซึ่งต่อไปอนาคตก็ต้องใช่ในการประชุมต่างๆ
หรือบางคนอาจไปเป็นส.ส.หรือรมต.นายกอันนี้สมมุติ
ก็ต้องเจอลักษณะกดดันถากถางเสียดสีเยาะเย้ย
จะเห็นได้ว่าถ้าไม่ฝึกไว้ก็จะใจไม่ดี
และโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
แต่ถ้าฝึกบ่อยๆ จะเห็นเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่องความแตกแยก
ผมเคยเห็นคนแก่ 2 คนเล่นหมากรุก
สมัยผมเด็กๆ ตอนอยู่ที่ประจวบฯ
เขาเล่นไปเขาเยาะเย้ยยั่วกันตลอด
แบบเราชอบไปนั่งดูมันมาก
เกมหมากรุกก็งั้นๆ แต่มันที่เขาโต้กันมากกว่า
แล้ววันไหนคนหนึ่งไม่ว่างก็จะหงอยๆ ด้วยซ้ำ
คืออย่าไปซีเรียสมากและน่าจะแย้ง ขัดคอกันได้
เพื่อให้เขาคิดมากขึ้น ไปหาข้อมูลมากขึ้น
หลายๆ กระทู้บางทีที่เห็นผมโต้ตอบได้เยอะ
ก็เพราะมีดาวยั่วฝั่งนู้นแย้งมายั่วมา
ก็ไปหาข้อมูลมาหักล้าง
ก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นด้วย
ไม่เช่นนั้นผมก็ขี้เกียจไปหา
ถ้าไม่มีใครแย้งแค่ไหนก็แค่นั้น
ที่จริงถ้าไม่เกรงใจ WM
อาจตอบกวนๆ ยั่วๆ แบบสมัยก่อนก็ได้
แต่เดี๋ยวนี้เรียบร้อยซะไม่มี อิอิ
เพราะคำตอบยั่วๆ แบบนี้แหละ
จำขึ้นสมองมากกว่าตอบลักษณะเทศนาแบบนี้
ว่าแล้วจับคู่กับพี่ PKT นี่ก็ได้
เจอที่ไหนหาเรื่องแย้งจับผิดได้
ไม่ต้องรอให้ฝ่ายตรงข้ามแย้ง
บางทีพวกนั้นก็ขี้เกียจหรือนึกเรื่องแย้งไม่ออก
เราก็อาจนึกว่าคิดได้ดีแล้วไม่มีคนแย้ง
แต่จริงๆ อาจแย้งได้อีก
พี่ PKT เห็นจุดแย้งได้อีก
ก็แย้งได้เลยไม่ต้องเกรงใจ
ไม่ต้องกลัวว่าจะงอนแล้วเปลี่ยนสีเปลี่ยนข้าง
แบบนั้นไม่ใช่นักประชาธิปไตย
ผมไม่ถือออกจากกระทู้จบ
เผลอๆ ผมจะตามไปแย้งด้วยถ้าเห็นช่องแย้งได้
จะได้ฝึกหาข้อมูลมาโต้ตอบไปในตัว
แบบเล่นแบบไม่ต้องเกรงใจ
ไม่ต้องดูชื่อก่อนตอบ
ถ้าเขาไม่ต้องให้ Login
ก็มีเป็นร้อยเป็นพันชื่อเหมือนเดิม
คือไม่สนใจชื่อสนใจข้อมูลมากกว่า
และจบกระทู้ก็จะได้ไม่ต้องตามเอาชื่อนั้นนี่มาดิสเครดิต
เพราะทุกคนมีโอกาสคิดถูกคิดผิดทั้งนั้น
ฝึกให้รู้จักกล้าคิดกล้าเขียน
ดีกว่ามาแอบดูแบบกลัวผิดแล้วโดนอัดแรงๆ
แต่จริงๆ ถ้าเขาคิดได้อัดแรงๆ ก็จะจำได้แม่ม
แล้วก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย
แบบเจอคำพูดแล้วจะชักดิ้นชักงอ
แบบเฉยๆ ก็ยังได้ไม่เห็นน่ากลัวอะไรเลย
จะได้มีคนกล้าคิดกล้าเขียนกันมากขึ้น
จะได้เห็นมุมมองแปลกๆ
และการยอมรับความคิดเห็น
ไม่ใช่การที่พูดเขียนอะไรมา
แล้วพวกอื่นห้ามตอบกลับ
เหมือนพวกอาจารย์และสื่อบางพวกคิด
เพราะการที่เขายังโต้ตอบแสดงว่า
เขายอมรับความคิดเห็น
แต่เขาไม่เห็นด้วยก็โต้กลับ
ถ้าเราเป็นคนที่ยอมรับความคิดเห็นคนอื่นเหมือนกัน
ก็ต้องไม่ด่าพวกที่โต้กลับ
แต่อาจหาเหตุผลโต้แย้งกลับไป
จนจำนนด้วยเหตุผลแย้งไม่ได้
ก็ต้องยอมรับความคิดเห็นที่ดีกว่ามีเหตุผลกว่า
เข้าไปแทนที่เหตุผลเดิมๆ ของเรา
สรุปพูดตั้งยาวเพื่อจะจับคู่กับพี่ PKT
ซึ่งในสองลัทธิทางศาสนาที่กล่าวมา
เขาถือว่าคู่หูที่เลือกมาจับคู่โต้เถียงกันนั้นสำคัญ
เพราะถ้าแย้งเก่งก็จะได้ความรู้เพิ่ม
เขานับถือเป็นเสมือนอาจารย์ส่วนตัว
แม้เขาจะแสดงอาการโต้แย้งกันแซวกัน
ท่าทางเหมือนจะต่อยตีกันก็ตาม
เพิ่มอีกข้อจากคนบ้านปาง
น่าจะไปอยู่ที่เป้าหมายได้
เดี๋ยวค่อยไปคิดหาวิธีการ
เพื่อทำให้ได้ตามเป้าหมายต่อไป
ตอนนี้มีอะไรถ้าดีมีเหตุผล
ผมจะนำมาใส่ไว้ก่อน
แล้วเดี๋ยววันไหนชวนไปสังคายนา
ล้อมวงปรับแต่งคำพูดหรือเพิ่ม ลด แก้ไขกันต่อไป
สามารถเพิ่ม ลด แก้ไข ได้เรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น
แต่ช่วงแรกๆ ผมขอรวบรวมเอาไว้ก่อน
หลังๆ ถ้ามีคนมาร่วมด้วยเยอะๆ
อาจต้องมีการใช้วิธีให้เหตุผล
ถ้ามีแค่คนเดียวสามารถแย้งได้อย่างมีเหตุผล
จะลดระดับบางข้อให้ไปอยู่ในลักษณะ
อดีตที่เคยยึดถือเผื่ออนาคตรุ่นลุกหลานมาสานต่อ
แล้วพบว่าสิ่งนั้นๆ มันมีประโยชน์
แล้วแย้งเหตุผลคนที่มาแย้งได้
ก็จะนำกลับเข้ามาใหม่
พวกนี้คงต้องทำวางกรอบในอนาคต
ช่วงนี้ฟรีสไตล์
เป้าหมาย
4.เพื่อให้ประชาชนทุกคน ต้องมีส่วนร่วมในการสร้างชาติ
ผมก็คิดแบบคุณคนบ้านปาง
ที่ผ่านมาฝ่ายประชาธิปไตย
ไม่มีเป้าหมาย วิธีการ แนวทาง ต่างๆ ชัดเจน
ก็เลยตีความเข้าตัวแบบพวกใครพวกมันตีความกันเอง
แต่ตอนนี้เรามาเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ
แล้วเปิดกว้างให้ทุกคนแย้ง หรือเสนอแนะเพิ่มลดได้
โดยใช้เหตุผลเป็นที่ยอมรับตัดสิน
คือถ้ามีแค่ 1 คนสามารถแย้งโดยยกตัวอย่าง
หรืออธิบายเหตุผลว่าสิ่งที่ว่าในข้อนั้นข้อนี้
ไม่น่าใช้หลักการประชาธิปไตย
ถ้าถกกันจนจำนนด้วยเหตุผลแล้ว
ก็จะปรับเปลี่ยนใหม่
เพราะนักประชาธิปไตย
ต้องพร้อมยอมปรับเปลี่ยนทัศนคติต่างๆ
โดยยึดหลักจดจำทำตามเฉพาะสิ่งที่มีเหตุผลดีกว่าเป็นหลัก
งวดนี้เราจะไม่มาอธิบายว่าประชาธิปไตยคืออะไร
หมายความว่าอย่างไรแล้ว
เรามีแนวทางปกป้องป้องกันด้วย
เพื่อไม่ให้ประชาธิปไตยพ่ายแพ้เหมือนในอดีต
ถ้าคนส่วนใหญ่ยอมรับแนวทางนี้
ใครจะกล้ามาสร้างความอยุติธรรมให้เห็น
ใครจะกล้ามาจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชนอีก
หรือใครจะกล้ามาทำรัฐประหารอีก
"แนวทางปฏิบัติและการปกป้องลัทธิ
1.ต่อต้านความอยุติธรรม
2.ต่อต้านการละเมิดสิทธิ เสรีภาพ
3.ต่อต้านการทำรัฐประหาร"
จุดประสงค์ ไม่แยกสี ไม่แยกพรรค
ไม่เน้นรูปแบบการปกครอง หรือ นโยบายพรรค
แต่เน้นแนวทางที่ควรจะเป็นตามหลักประชาธิปไตย
ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนยึดหลักประชาธิปไตยได้
การตัดสินใจจะมาในแนวทางประชาธิปไตยแน่นอน
มันอาจใช้ไม่ได้กับวิกฤตการณ์ครั้งนี้
แต่มันอาจเป็นแนวทางต่อยอดให้เกิดลัทธินี้ขึ้นมาจริงๆ
และใช้ได้ทั่วโลก
ส่วนวิกฤตครั้งนี้ก็ว่ากันไป
ซึ่งพอมองออกนิดหน่อยว่าจะจบแบบไหน
ซึ่งอยู่กับการเลือกของแต่ละฝ่าย
แต่ลัทธินี้จะยังอยู่ต่อไป
ไม่ว่าฝ่ายไหนสีไหนจะชนะในศึกครั้งนี้
พอดีพึ่งคิดเพื่อให้เป็นโครงร่าง
มันยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่
ยังรอความคิดเห็นดีๆ
ที่มาแนะนำให้มันเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น
ผมคิดว่าผมอยากทำต่อไปน่ะ
และที่ทำนี่คิดจะทำเองไม่เกี่ยวกับพรรคพวกไหนเลย
แต่จะมีคนเอาด้วยเปล่านี่แหละปัญหาใหญ่
ไม่เช่นนั้นก็เกิดวงจรอุบาทว์ไม่รู้จบ
แต่ผมก็ทำแบบตามมีตามเกิดเหมือนกัน
เพราะถ้าไม่มีคนเห็นด้วยหรือช่วยทำ
แต่ก็ทำเรื่อยๆตามกำลังทรัพย์เป็นหลัก
ไม่ได้รีบร้อนอะไร
แต่มาเผยแพร่ตามเน็ตไม่ต้องลงทุนอะไร
ถ้าคนที่เห็นด้วยช่วยแนะนำไปตามบอร์ดที่ตัวเองเล่นด้วย
ก็จะช่วยให้คนรู้จักแนวทางนี้มากขึ้น
คือจะว่าเป็นแนวทางในอุดมคติก็ได้เพ้อฝันก็ได้
เหมือนดาบวิชัยคนปลูกต้นไม้จำนวนมากๆนั่นไง
ทำช่วงแรกๆ คนก็นึกว่าบ้า
ผ่านไปหลายปีมีคนมาทำโฆษณาคนถึงเข้าใจ
และจากในอดีต
อะไรที่เป็นสิ่งใหม่ๆ คนในยุคนั้นอาจไม่สนใจ
บางทีบางทฤษฎีผ่านไปหลายร้อยปี
ถึงขุดกันมาทำต่อก็มี
นี่ก็ไม่ได้หวังว่าจะโตเร็วหรอก
แต่ถ้าเสื้อเหลืองวันนี้จะเอาไปเป็นแนวทางก็ได้น่ะ
เปิดกว้างเพราะไม่ใช่สมบัติของผม
ถือเป็นหลักการแนวทางของสาธารณชน
ใครเห็นด้วยก็ช่วยเป็นคนแนะนำ
ผมใช้คำว่าคนแนะนำสำหรับผู้นำไปเผยแพร่
ไม่มีศาสดาไม่มีสาวกผมก็เป็นแค่คนแนะนำคนหนึ่งเท่านั้น
ไม่ได้อยากเป็นหัวหน้าแกนนำหรืออะไร
อยากให้ทุกคนรู้สึกว่าตนเองนั้น
มีความเท่าเทียมกับคนอื่น
ทำอะไรให้มั่นใจว่าตนมีสิทธิมีเสียง
มีความเท่าเทียมกับผู้อื่น
ไม่อยากให้คิดว่าด้อยกว่าเด่นกว่า
และเรื่องนี้ผมไม่ได้ไปผูกกับพรรคหรือเสื้อแดงเลยน่ะ
ใครเอาไปแนะนำต่อก็ถือเป็นผู้แนะนำคนหนึ่ง
แต่ถ้าจะแก้ไขอะไรอยากให้มาเสนอแนะให้รับรู้กัน
เพื่อรวบรวมเป็นแหล่งเดียว
เผื่อมีคนแย้งหลักการนั่นนี่
ก็จะได้แก้ให้เป็นแนวทางที่ถูกต้อง
เพราะฉนั้นมั่นใจได้ว่าทำต่อไป
ไม่ว่าศึกครั้งนี้สีไหนฝ่ายไหนจะชนะไม่สนใจ
เดินหน้าทำไปเรื่อยๆ
ยังคิดว่าวันไหนถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ๆ
แต่ไม่ค่อยซื้อเท่าไหร่ อิอิ
กะจะมาตั้งมูลนิธิประชาธิปไตย
เผยแพร่หลักการนี้แปลเป็นหลายๆ ภาษาไปทั่วโลก
หรือเขียนเป็นตำราแจกจ่าย
เรียกว่าจะเอามาใช้เผยแพร่ไปทั่วๆ ให้เข้าถึงคนให้มาก
และหวังว่าเขาจะเห็นด้วยแล้วช่วยเผยแพร่ต่อๆ ไป
การเผยแพร่ศาสนาหลายๆ ศาสนา
ก็เริ่มจากคนแค่ไม่กี่คน
ของพุทธก็เริ่มมีคนเห็นด้วยชุดแรก 5 คน
หลังจากนั้นถึงกระจาย
และอีกหลายสิบหลายร้อยปีมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ
แต่นี้หวังอยากให้มันเป็นลัทธิระดับสากลทั่วโลกยอมรับ
ที่จริงมันมีรายละเอียดปฏิบัติอีกเยอะแยะ
นี่เป็นแค่หัวข้อหลักๆ
คืออยากให้แยกออกระหว่างแนวทางที่จะเผยแพร่
กับตัวผู้แนะนำ
ณ วันนี้ผมก็เปิดเผยว่าเคลื่อนไหวกับพวกเสื้อแดงเชียร์พรรคพท.อยู่
แต่คนที่ยึดแนวทางนี้บางคนอาจเป็นกองเชียร์พรรค ปชป.
หรือไปเคลื่อนไหวของเสื้อเหลืองก็ทำไป
แต่ในการถกปัญหาและเหตุผลก็เล่นกันเต็มที่ไม่มีออมมือ
ผมไม่กะว่าจะมาแก้ปัญหาปัจจุบันเวลานี้ได้หรอก
เพราะมันเป็นกระจกที่แตกละเอียดแล้วไม่ใช่แค่ร้าว
กะแค่ว่าอนาคตหรือวันหนึ่งไม่มีแนวทางไหนดีแล้ว
ลองหันมามองแนวทางนี้
ปกติผมไปประชุมที่ไหน
ผมก็แพ้เขาประจำแต่ผมก็ยอมทำตาม
แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับมตินั้น
แต่ก็อาจมีเสนอสิ่งที่ไม่เห็นด้วยให้รับรู้ไว้
เผื่อแนวทางที่เสียงส่วนใหญ่ตกลงไม่เวิร์ก
ก็ลองหยิบแนวทางเสียงข้างน้อยกลับไปพิจารณาบ้าง
ย้ำอีกทีแนวทางนี้เน้นที่แนวทางไม่เน้นผู้แนะนำ
เดี๋ยวจะมีใครเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ในชีวิตผมมาดิสเครดิต
เพื่อมาชี้ว่าผมยังทำไม่ได้เลยแล้วมาแนะนำอะไร
หรือผมทำอะไรผิดพลาดไปยังไง
ซึ่งมันคนละเรื่องกัน
ที่ผมแนะนำนี่บางเรื่องก็เป็นเรื่องใหม่
บางเรื่องก็ต้องฝึกฝนฝึกทำใจด้วย
เพราะเป็นมนุษย์ธรรมดา
ยังไม่ได้บรรลุอะไร
ถ้ารอให้บรรลุชาตินี้อาจไม่มีดอกาสมาแนะนำ
คือเห็นว่าน่าจะเป้นแนวทางที่ดีก็แนะนำ
ถ้าใครทำได้ก่อนก็ทำไปแล้วเอามาแนะนำด้วย
ว่าทำยังไงถึงสำเร็จ
หรือใช้วิธีไหนถึงไปเผยแพร่แล้วคนยอมรับได้ดี
ก็จะได้มาบันทึกไว้ให้คนอื่นๆ ทำตาม
ไว้วันไหนมีคนเห็นด้วยกับแนวทางนี้เยอะๆ
อาจต้องมีเว็บเป็นการเฉพาะเป็นจุดศูนย์กลาง
ในการถกเถียงโต้แย้งเสนอแนะ
หรือมา update แนวทางใหม่ๆ
ซึ่งแต่ละคนอาจไม่ต้องการมาจับกลุ่ม
ก็ทำหน้าที่แนะนำไปตามความศรัทธาของตัวเอง
ต่อแนวทางนี้และอยากให้มันได้ผลแก้ปัญหาประเทศได้เร็ว
ด้วยแนวทางนี้ก็ต้องมีมวลชนเห็นด้วยเยอะๆ
ส่วนบางคนบ้านใกล้กันในกรุงในต่างจังหวัดในต่างประเทศ
ก็อาจรวมกลุ่มกันทำกิจกรรม
แล้วแต่ละกลุ่มแล้วแต่ความสะดวก
การทำกิจกรรมร่วมกันก็คือการสังสรรกัน
ถามสารทุกข์สุกดิบ
หรือติดตามข่าวสารใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ
หรือมาตั้งวงถกเถียงฝึกซ้อมฝึกร้องเพลง
เป็นกลุ่มเล็กๆ กระจายกันไปตามแต่สะดวก
อย่างตอนนี้เสื้อแดงก้มีกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย
ก็อาจมีการนำไปแนะนำเพื่อปลูกฝั่งแนวทางนี้
เสื้อเหลืองเองก็อาจมีกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยเหมือนกัน
ก็อาจนำไปแนะนำลองทำตามหรือคิดหาวิธีใหม่ๆ
แล้วมาเสนอเพื่อบันทึกรวบรวมไว้
ตอนนี้ผมอาสาเป็นคนรวบรวมให้ก่อน
อนาคตอยากให้มันเป็นไปตามระบบไม่ยึดติดกับตัวบุคคล
โดย มาหาอะไร
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.