การเปลี่ยนแปลงทำให้มีวันนี้และอนาคต
อดีตย้อนไปถึงยุคหิน
มนุษย์อาศัยอยู่ในถ้ำ เสื้อผ้าก็ไม่มีใส่
เครื่องมือเครื่องใช้ก็ไม่ได้มีมากมายหลากหลาย
และอำนายความสะดวกสบายได้ดีเหมือนในปัจจุบัน
แต่ปัจจุบันนี้มนุษย์อาศัยอยู่ตามบ้านเรือน
เสื้อผ้ามีหลากหลายไม่รวมถึงเครื่องประดับ
เครื่องมือเครื่องใช้เพื่อความสะดวกสบายในชีวิตมีนับไม่ถ้วน
นี่คือวิวัฒนาการของการกล้าเปลี่ยนแปลง
ถึงทำให้มีสภาพเหมือนทุกวันนี้
แต่ทุกครั้งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
มักมีทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้าน
ถ้าฝ่ายสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทุกยุคทุกสมัย
ไม่กล้า ท้อถอย ยอมเลิกลาง่ายๆ
ก็อาจไม่มีสังคมที่ก้าวหน้ากว่าอดีตเหมือนในปัจจุบัน
ฝ่ายสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนั้น
บางครั้งอาจต้องรบกับฝ่ายคัดค้านนาน นับเดือน นับปี นับหลายๆปี
บางทีหลายร้อยปี ถึงสามารถโน้มน้าว ชักจูง
หรือเอาชนะฝ่ายคัดค้านการเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จ
สาเหตุหลักของผู้คัดค้านการเปลี่ยนแปลง
มักเป็นพวกยึดติด หรือ กลัวการเปลี่ยนแปลง หรือ กลัวสูญเสียอำนาจ
มักอ้างว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ดีอยู่แล้ว
แม้ตนเองกำลังอยู่ในสถานะถูกกดขี่ก็ยอมรับสภาพ
ยอมรับการเป็นทาส ยอมรับความไม่เท่าเทียม
ราวกับว่าเกิดมาชาตินี้เพื่อมาใช้กรรม
เพื่อมาเป็นทาส เพื่อมาให้คนอื่นกดขี่
แม้มีผู้มาชี้แนะเพื่อปลดปล่อย
บางครั้งยังออกมาต่อต้านคนมาชี้ทางสว่าง
ทางแห่งอิสรภาพ ทางแห่งเสรีภาพ ทางแห่งความเท่าเทียมกัน
ก็ไม่ใยดีที่จะฟัง แถมอาจมีอาการคลุ้มคลั่งไม่รับฟังใดๆ
ตัวอย่างระบบวรรณะในอินเดีย
แม้ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียจะประกาศยกเลิกระบบชนชั้นวรรณะ
แต่ด้วยความที่ยึดถือปฏิบัติกันมานานนับพันๆปี
ผู้คนก็ยังคงยึดติดในระบบชนชั้นวรรณะอยู่เป็นจำนวนมาก
สำหรับพวกวรรณะสูงๆ จะยังคงยึดติดอันนี้พอเข้าใจ
ว่าเป็นสิ่งที่เขาได้รับประโยชน์ เขาก็อาจเต็มใจยึดติดต่อไป
และมักจะออกมาต่อต้านพวกที่มาต่อต้านระบบวรรณะด้วย
เพราะจะทำให้เขาสูญเสียผลประโยชน์
หรือความเคารพย่ำเกรงจากคนวรรณะต่ำกว่า
แต่วรรณะต่ำๆ กับยังคงยึดติดกับเขาด้วย
ยังคงคิดว่าตัวเองเกิดมาในวรรณะต่ำ
ก็ต้องปฏิบัติตนตามจารีตประเพณีแบบดั่งเดิมไปจนวันตาย
ทั้งๆ ที่ตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ที่จะโดนกดขี่เหยียดหยามจากวรรณะสูงๆ
ก็ยังยอม อันนี้ยากที่จะเข้าใจ
ว่าทำไมถึงต้องยอมขนาดนั้น
แต่ก็ยังพอมีคนอินเดียบางคนที่คิดได้ว่า
เราเกิดมาเท่าเทียมกับคนอื่น
และแม้เราจะเลือกเกิดไม่ได้
แต่เลือกที่จะเป็นได้
เขาคนนั้นก็คือ ดร.เอ็มเบดการ์
เขาเคยประกาศว่า
"ข้าพเจ้าเกิดมาจากตระกูลที่นับถือศาสนาฮินดู
แต่ข้าพเจ้าจะขอตายในฐานะพุทธศาสนิกชน"
เขาเกิดในตระกูลที่ยากจนในวรรณะศูทรของอินเดีย
ที่ต้องนั่งกับพื้นเวลาเรียนกับเด็กต่างวรรณะที่นั่งบนโต๊ะเรียน
และเขาถูกกีดกัน ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามสารพัด
แต่การที่เขาได้มีโอกาสไปเรียนต่อถึงอเมริกาจนจบด็อกเตอร์
ทำให้เขาได้รู้จักคำว่า
อิสรภาพ และความเสมอภาค
หลังจากกลับมาที่อินเดีย
เขาได้ต่อสู้เรื่องระบบชนชั้นวรรณะในสังคมฮินดูของอินเดีย
ในที่สุดเขาก็เลือกทางเดินสายใหม่ประกาศตัวเป็นพุทธมามกะ
เพื่อไม่ต้องกังวลเรื่องระบบชนชั้นวรรณะ
ซึ่งเขาเป็นผู้จุดประกายคนอินเดียวรรณะต่ำๆ
หลายแสนหลายล้านคน
ให้หันมาประกาศตนเป็นพุทธมามกะ
เลิกยอมรับว่าตนเองเกิดมาเพื่อเป็นคนชั้นต่ำตลอดชีพ
เลิกยอมรับว่าตนเองเกิดมาเพื่อทนรับสภาพการถูกกดขี่ทางชนชั้น
เลิกยอมรับว่าตนเองเกิดมาเพื่อเป็นไพร่เป็นทาสไปจนวันตาย
ทำให้คนอินเดียเหล่านั้นเกิดความมั่นใจ
ทำมาหากินและอยู่ในสังคมฮินดูได้อย่างภาคภูมิใจในตนเอง
โดยไม่ใส่ใจที่จะยอมรับกฏเกณฑ์
เรื่องชนชั้นวรรณะสังคมฮินดูอีกต่อไป
ชีวิตของพวกเขาก็ดีขึ้น
เขาสามารถติดต่อกับคนวรรณะอื่นๆ ในสังคมฮินดูได้
โดยไม่รู้สึกมีปมด้อย รู้สึกว่าต้องย่ำเกรงอะไร
นี่คือการกล้าเปลี่ยนแปลงเรื่องหนึ่งของมนุษย์ในโลกนี้
เมื่อเขากล้าเปลี่ยนแปลง
เขาก็จะพบโอกาสที่ดีกว่าในวันข้างหน้า
ชีวิตที่ดีกว่าในวันข้างหน้า
ไม่ว่าเพื่อตัวเขาเองหรือเพื่อลูกหลานของเขาในอนาคต
เพราะว่ามนุษย์ มีความคิด มีศักดิ์ศรี
วันหนึ่งถ้าสมองเขาทำงานได้ดี
คิดได้เองว่าเขาก็เท่าเทียมกับทุกคน
เขาก็เป็นเสรีชนคนหนึ่ง
เขาก็จะปลดปล่อยตัวเอง
จากความเป็นไพร่ เป็นทาสได้ทันที
"ออกมาสู้ ครั้งนี้ เพื่อศักดิ์ศรี
เพราะถึงมี ชีวิต แต่สิทธิหาย
สู้ออกมา ท้าทาย จนตัวตาย
ดีกว่าอาย ไม่กล้า ยอมจำนน"
"หากแผ่นดิน สิ้นแล้ว ยุติธรรม
คนรับกรรม ไม่แคล้ว ประชาชน
หากแผ่นดิน สิ้นแล้ว วีรชน
ก็เหลือแต่คน ไม่กล้า เต็มแผ่นดิน"
บางคนยังคิดไม่ออกว่า
ลูกหลานและตัวเอง
มีโอกาสโดนการกดขี่ทางด้านความยุติธรรม
ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ขนาดเห็นกันจะจะทำเป็นขบวนการยังเฉยๆ
และบางคนว่างงาน
แต่ยังเชื่อว่า
พวกที่สุมหัวกันลอบวางเพลิง
แล้วอาสามาดับเพลิงจะดับได้ดีจริงๆ
นี่ก็ตัวอย่างของการเป็นไพร่ทาส
ที่โดนกระทำแล้วยังอยู่เฉยๆ
ยอมรับคนที่สุมหัวกันสร้างปัญหา
แถมยังปล้นตำแหน่งกันมาอย่างเฉยๆ
แถมบางคนยังคิดว่า
ประเทศนี้ไม่มีระบบชนชั้นวรรณะแบบอินเดีย
เผลอๆ ร้ายกว่าอินเดีย
ตรงที่เป็นระบบชนชั้นวรรณะ
แต่ไม่เปิดเผยแบบอินเดีย
โดย มาหาอะไร
