บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


07 เมษายน 2552

<<< ข้อเท็จจริงที่ควรรู้ เรื่อง วัดพระแก้ว >>>

- อัยการสั่งไม่ฟ้องไปเรียบร้อยแล้ว ในยุค คมช. ครองเมือง
ตามเหตุผลในข่าวดังต่อไปนี้


------------------------------------------------------------


ข้ออ้างทำรัฐประหารหมดแล้ว ทักษิณทำบุญวัดพระแก้ว ไม่หมิ่นเบื้องสูง
ข้อ อ้างของเผด็จการทหารในการทำรัฐประหารหมดลงโดยสิ้นเชิง หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดจารีตประเพณีกระทำอาจเอื้อมทำตัวเสมอพระมหา กษัตริย์เข้าไปเป็นประธานในพิธีทำบุญในวัดพระแก้ว

สำหรับคำ วินิจฉัยของอัยการฯ นั้น ได้อ้างนายสนอง บูรณะ รองราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง เป็นพยานยืนยันว่าการที่ผู้ต้องหาที่ 1 ที่ 2 เข้าไปประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามใน วันที่ 10 เมษายน 2548 นั้น ได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยถูกต้องแล้ว ไม่ขัดต่อระเบียบหรือขั้นตอนแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน ยังอ้าง นายธงทอง จันทรางศุ เป็นพยานสนับสนุนว่าภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้น หน่วยราชการต่างๆ สามารถขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตประกอบพิธีภายใต้คำแนะนำของสำนักพระราชวัง ได้ ซึ่งการจัดงานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้นมีมาหลายครั้งแล้ว และสามัญชนก็สามารถเป็นประธานในพิธีได้ รูปแบบการจัดสถานที่ภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามตามวันเวลาเกิดเหตุ นั้น ได้มีกองพระราชพิธี สำนักพระราชวังเป็นผู้ดำเนินการโดยมีความแตกต่างกับกรณีที่พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว หรือพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ได้เสด็จมาเป็นประธานในพิธีด้วยพระองค์เอง และการที่ผู้ต้องหาที่ 1 ที่ 2 และผู้เข้าร่วมพิธีแต่งกายชุดสุภาพก็ไม่ขัดต่อระเบียบสำนักพระราชวังหรือ ประเพณีปฏิบัติแต่อย่างใด

อีกทั้งการที่สวมรองเท้าเข้าไปภายในพระ อุโบสถนั้นก็สามารถกระทำได้เช่นนั้น สำหรับเครื่องใช้สอย อาทิ เก้าอี้ โต๊ะ ผ้าปู พรมสีแดง ฯลฯ กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง เป็นผู้จัดเตรียมให้ เชื่อว่าถูกต้องตามระเบียบและขนบธรรมเนียมประเพณีแล้ว ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าการจัดพิธีทำบุญประเทศภายในอุโบสถวัดพระศรีรัตนาศาสดารามในพระ บรมมหาราชวัง ได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว โดยกองพิธีสำนักพระราชวังเป็นผู้ดำเนินการจัดรูปแบบและจัดสถานที่ประกอบพิธี ซึ่งการแต่งกายของผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 ก็ไม่ขัดต่อระเบียบของสำนักพระราชวัง หรือประเพณีปฏิบัติ การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 จึงไม่เป็นการดูหมิ่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นความผิดฐานดูหมิ่นพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด

จึงมีคำสั่งไม่ ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 1 และนายวิษณุ เครืองาม ผู้ต้องหาที่ 2 ข้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 1

(ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์)

------------------------------------------------------------
-

ข้อมูลเพิ่มเติมที่บอกให้ทราบว่า

คนสามัญธรรมดา
ก็สามารถขออนุญาตใช้วัดพระแก้วทำพิธีต่างๆ ได้

------------------------------------------------------------

ที่ พว ๐๐๐๘/๒๕๔๘
สำนักพระราชวัง
พระบรมมหาราชวัง กทม.๑๐๒๐๐

๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘

เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในงานพิธีจัด ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เรียน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี

อ้างถึง หนังสือที่ นร ๐๕๐๑/๗๕๙๖ ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๘

ตาม ที่ขอทราบหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในงานพิธีที่จัด ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามตลอดจนการแต่งกาย ข้อพึงปฏิบัติของประธานในพิธีและผู้เข้าร่วมพิธีนั้น สำนักพระราชวังมี ระเบียบที่ถือปฏิบัติ คือ เมื่อส่วนราชการหรือคณะบุคคลมีความประสงค์จะขอใช้พระอุโบสถวัดพระศรีรัตน ศาสดารามเพื่อประกอบพิธีต่างๆ ต้องทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ เพื่อนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาติแล้ว สำนักราชเลขาธิการจะทำหนังสือแจ้งผู้ขอพระบรมราชานุญาติ และแจ้งสำนักพระราชวังทราบดังตัวอย่างเช่น

๑. พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ พลตำรวจเอก สล้าง บุนนาค ประกอบพิธีมังคลาภิเษกเหรียญที่ระลึก “เบญจมหามงคล” เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒

๒. พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ นายประมวล สภาวสุ ประกอบพิธีมังคลาภิเษกเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ และเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๒

๓. พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ กระทรวงสาธารณสุข ประกอบพิธีพุทธาภิเษก พระพุทธรูปประจำกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันอังคารที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๓


๔. พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ พลเอกวิเศษ คงอุทัยกุล รองสมุทหราชองครักษ์ประกอบพิธีมังคลาภิเษกและเทองหล่อชนวนรูปหลวงพ่อทวดพระ นามาภิไธย
สก. เมื่อวันอังคารที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๔๔

๕. พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ นายสวัสดิ์ โชติพานิช ประกอบพิธีมังคลาภิเษกพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเหรียญที่ระลึก
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๕

การดำเนินงานหลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของ 3 หน่วยงาน คือ
๑. เจ้าของงาน
๒. เจ้าหน้าที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
๓. เจ้าหน้าที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ทั้ง ๓ หน่วยงานพิจารณาดำเนินการร่วมกัน โดยเจ้าหน้าที่กองพระราชพิธีเป็นผู้จัดสถานที่ตามหลักการที่เคยปฏิบัติ และให้คำแนะนำในพิธีการปฏิบัติ

การจัดที่นั่งของประธานในพระอุโบสถ จัดเป็น ๓ แบบ ดังนี้
๑. ในกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาทรงเป็นประธานในพิธี การตั้งพระราชอาสน์ที่ประทับ จะตั้งโดยหันพระพักตร์ไปยังอาสนสงฆ์ ส่วนเก้าอี้ของข้าราชการและผู้มาเฝ้าฯ จะหันหน้าเข้าสู่พระพุทธมหามณีรัตนปฎิมากรเพราะถือว่าข้าราชการและผู้มี เกียรตินั้นมาเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

๒. ในกรณีที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมวงศ์ พระราชวงศ์ องคมนตรีปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ต้องตั้งพระราชอาสน์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นประธาน ตั้งพระเก้าอี้หรือเก้าอี้ผู้แทนพระองค์ทางเบื้องขวาและต่ำกว่าพระราชอาสน์ โดนหันหน้าไปทางอาสนสงฆ์ ส่วนเก้าอี้ของข้าราชการและผู้มีเกียรติจะตั้งหันเข้าสู่ พระมหามณีรัตนปฎิมากร เพราะถือว่าข้าราชการและผู้มีเกียรตินั้นมาเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมวงศ์หรือผู้แทนพระองค์

๓. ในกรณีที่พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้หน่วยราชการหรือบุคคลใช้พระอุโบสถโดย เชิญผู้มีเกียรติหรือเจ้าของงานเป็นประธาน การตั้งเก้าอี้ของประธานจะตั้งหันหน้าไปยังอาสนสงฆ์ ส่วนเก้าอี้ของผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน จะตั้งด้านหลังของเก้าอี้ผู้เป็นประธาน และหันหน้าไปยังอาสนสงฆ์เช่นเดียวกับประธาน

การแต่งกายในพิธี ถ้าเป็นการเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมวงศ์ หรือผู้แทนพระองค์ สำนักพระราชวัง กำหนดการแต่งกาย เครื่องแบบเต็มยศ เครื่องแบบครึ่งยศรือเครื่องแบบปกติขาวแล้วแต่กรณี ส่วนที่เป็นพิธีของหน่วยราชการและบุคคล กำหนดการแต่งกายเป็นชุดสากลนิยม ชุดพระราชทานหรือชุดสุภาพ

การ ปฏิบัติของผู้เป็นประธาน ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวังแนะนำและเชิญประธานไปปฏิบัติตามธรรมเนียมที่ได้ปฏิบัติกันสืบมา

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ

(นายแก้วขวัญ วัชโรทัย)
เลขาธิการพระราชวัง

กองพระราชพิธี
โทร. ๐ ๒๖๒๓ ๕๕๐๐ ต่อ ๒๕๒๖
โทรสาร. ๐ ๒๖๒๓ ๕๕๐๐ ต่อ ๒๕๒๗

------------------------------------------------------------

ทักษิณ-นำทีมทำบุญประเทศสวดมหามงคลปัดล้างภัยร้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การจัดงานทำบุญประเทศไทย ที่รัฐบาลจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ภายใต้ชื่อ "ศาสนสัมพันธ์ สมานฉันท์แห่งชาติ" อันเป็นการทำบุญและประกอบพิธีทาง ศาสนา ร่วมกัน ของศาสนิกชน 5 ศาสนาคือ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์-ฮินดู ซิกข์ และพุทธ พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อความร่มเย็นและสันติสุข แสดงถึงความรักความสมานฉันท์ ของคนในประเทศ ว่า สำหรับ กทม. จัดขึ้นตั้งแต่เวลา 07.30 น. ที่อาคารใหม่สวนอัมพร โดยพุทธศาสนิกชนร่วมใส่บาตรพระสงฆ์ 108 รูป พิธี ช่วงเช้ามีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีรัฐมนตรี ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน มาร่วมงานบางตา โดยเฉพาะรัฐมนตรีเดินทางมาร่วมงานเพียง 5 คน เท่านั้นภายหลังเสร็จสิ้นพิธี นาย วิษณุกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปิดปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง เป็นกรณีพิเศษ ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ให้ประชาชนเข้าไปถวายสักการะสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า

ขณะเดียวกัน ตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศก็มีการจัดทำบุญตักบาตร ส่วนศาสนาอื่นๆประกอบพิธีของตนเอง นับว่าครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนคนไทยทุกศาสนาได้ร่วมกันทำบุญ เพื่อความสมานฉันท์ การจัดงานทำบุญประเทศไทยครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้น เพื่อแก้เคล็ดโหราศาสตร์ตามที่หลายฝ่ายเข้าใจกัน แต่เป็นงานที่ตั้งใจจัดขึ้นมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ โดยเห็นว่าในปีที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับเหตุการณ์ร้ายแรงหลายอย่าง เช่น การแพร่ระบาดของไข้หวัดนก โรคซาร์ส คลื่นยักษ์สึนามิ สถานการณ์ความไม่ สงบในพื้นที่ภาคใต้ และปัญหาภัยแล้ง ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนบางส่วนเสียกำลังใจ รัฐบาลจึงเห็นควรให้จัดงานนี้เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชน ใน เวลา 15.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์งานศาสนสัมพันธ์ สมานฉันท์แห่งชาติ ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมี น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรสาว กับบรรดารัฐมนตรี อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และ รมว.คลัง พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนมาร่วมพิธี โดยฝ่ายสงฆ์ มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ นำกรรมการมหาเถรสมาคม และ พระสงฆ์ จำนวน 429 รูป จีนนิกาย 5 รูป อนัมนิกาย 5 รูป ร่วมเจริญพระพุทธมนต์

นอกจากนั้นยังมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานมูลนิธิคุณธรรม เข้าร่วมงานด้วย โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้นำคณะสงฆ์ไทยสวดมนต์บทมหามงคล ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น พระธรรมสิทธิเวที กรรมการมหาเถรสมาคมวัดสระเกศ กล่าวว่า การสวดมนต์ทำบุญประเทศครั้งนี้ ใช้บทสวดมนต์มหามงคล เพื่อเป็น สิริมงคลแก่ชาติบ้านเมือง และเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ขึ้นในชาติ โดยบทสวดมนต์ ดังกล่าวจะใช้ในพิธีการสำคัญๆ เช่นวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็นต้น หลังจากนี้ไปเชื่อว่าสถานการณ์ในประเทศจะดีขึ้น ต่อมาเวลา 18.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธานประกอบพิธีกรรมทางศาสนาร่วมกันที่อาคารสวนอัมพร โดย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นประธานประกอบพิธีกรรมทางศาสนาพุทธ นายโภคิน พลกุล ประธานรัฐสภา เป็นประธานประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอิสลาม นายศุภชัย ภู่งาม ประธานศาลฎีกา เป็นประธานประกอบพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานประกอบพิธีกรรมทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และนายสันติ ทักราล องคมนตรี เป็นประธานประกอบพิธีกรรม ทางศาสนาซิกข์ ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมงานกว่า 2,500 คน กระทั่งเวลา 20.00 น. พ.ต.ท. ทักษิณเป็นประธานจุดประทีป กล่าวเชิญชวนชาวไทยทั้งประเทศจุดประทีปร่วมกันและร่วมร้องเพลงไทยรวมกำลัง และเพลงไร้รักไร้ผล ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ก่อนที่จะร้องเพลงสดุดีมหาราชาและเพลงสรรเสริญพระบารมี

ในส่วนต่างจังหวัด ที่ จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รมว.ยุติธรรม เป็นประธานทำบุญศาสนสัมพันธ์ฯ นอกจากนี้ ยังกระทำพิธีถวายสักการะสมโภชพระคันธาราษฎร์ ปางขอฝน และพิธีแห่นางแมวขอฝนตามประเพณีโบราณ เนื่องจาก จ.นครราชสีมา ปีนี้ประสบภัยแล้งอย่างหนัก โดยนายสุวัจน์และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล และนายอุทัย มิ่งขวัญ ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย ได้แบกกรงแห่นางแมวขอฝนด้วยตัวเอง โดยขบวนแห่เดินไปตามถนนสายต่าง ๆ ที่ จ.สตูล นายมานิต วัฒนเสน ผวจ.สตูล และนายอิบรอเหม อาดำ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.สตูล และข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ที่เป็นตัวแทนจากทุกศาสนาร่วมกันทำบุญประเทศที่หอประชุมสตูลวัฒนา ศาลากลางจังหวัด เช่นเดียวกับที่ จ.ยะลา มีการทำบุญเพื่อความสมานฉันท์ ของคนทุกศาสนา ที่หน้าศาลากลางจังหวัด โดยช่วงเช้ามีการทำบุญตักบาตร พระสงฆ์ของชาวพุทธ ส่วนช่วงบ่ายมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของแต่ละศาสนา ที่ปะรำพิธี ท่ามกลางผู้มาร่วมงานกว่าหมื่นคน

------------------------------------------------------------
โดย มาหาอะไร


รูปประกอบจากคุณ mcu51