บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


16 พฤษภาคม 2552

<<< รัฐบาลอภิสิทธิ์ คิดใช้ผลประโยชน์ประเทศไทย ไปต่อรองไล่ล่าทักษิณ >>>

เริ่มตั้งแต่การที่นายอภิสิทธิ์ ตั้งนายกษิต
ซึ่งยังมีภาพไปร่วมยึดสนามบินมามาดๆ
มาเป็นรมว.ต่างประเทศ
ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ
ชาวต่างชาติจะคิดว่ายังไง
นอกจากคิดว่ารัฐบาลนี้
หนุนหลังพวกปิดสนามบินดีๆ นี่เอง
เพราะคนที่พูดจาภาษาทูตดีๆ
ไม่ใช่ภาษาทูตแบบนายกษิต
ที่พูดจาระดับแม่ค้าแถวตลาดยังอาย
แถมยังเที่ยวกล่าวหาทักษิณมั่วไปหมด
อย่างกรณีนายสนธิถูกลอบยิง
ก็ออกมาสัมภาษณ์โยนขี้ให้ทักษิณทำทันที
การตั้งนายกษิต มาจนถึงวันนี้พอจะดูออกแล้ว
ก็คือตั้งเพื่อให้มาหาเรื่องทักษิณเป็นงานหลัก

วิธีการที่ใช้ก็คือนำผลประโยชน์ของประเทศ
ไปต่อรองประเทศต่างๆ
ที่มีข่าวว่าทักษิณไปหลบอยู่
โดยพยายามทำเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน
หรือเจรจาไม่ให้ที่พักแก่ทักษิณ
ถ้าประเทศไหนไม่ยอมทำตาม
เช่นกรณีประเทศดูไบ
ทั้งๆ ที่ช่วงสลายม็อบเสื้อแดง
มีการวางแผนเพื่อให้เกิดเรื่องที่มัสยิด
แล้วรีบยกเลิกพาสต์ปอร์ตทักษิณทันที
ตามมาด้วยคนมุสลิมพรรคพวก ปชป.
ทำหนังสือถึงเจ้าครองนครประเทศดูไบ
ว่าอย่าให้ทักษิณอาศัยในประเทศ
แต่ดูไบก็ไม่สน
ขนาดคน ปชป. ต้องแอบไปดูที่พักด้วยตัวเอง
และยกเรื่องผลประโยชน์การค้ามาต่อรอง
แต่เมื่อไม่ได้รับการตอบสนอง
นายอภิสทธิ์ก็ไม่ไปดูไบ
แม้จะมีกำหนดการจะไปเปิดงานที่นั่น
นี่แสดงให้เห็นว่า
สร้างกำหนดการให้ความหวัง
เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอ
เมื่อไม่ได้ผลก็ไม่สนใจ
โดยไม่สนใจว่าจะกระทบกับการค้าการลงทุนอะไรที่จะตามมา
กรณีดูไบนี้เป็นภาพชัดเจนที่สุด
ถึงวิธีการที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ใช้เพื่อไล่ล่าทักษิณ
และล่าสุดที่ไปฮ่องกงก็เพราะจะไปเล่นงานทักษิณเป็นงานหลัก
โดยจะไปเจรจาทำสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
นอกนั้นก็ไปสร้างภาพพูดเหมือนดูดีแต่ไม่เคยทำตาม
ไม่ว่าตอนไปประเทศอังกฤษ
ก็บอกว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพอเีพียง
แต่กลับมากู้เอากู้เอา
แถมด้วยการรีดภาษีต่างๆ
ไม่รู้ใช่เศรษฐกิจพอเพียงอย่างที่พูดไหม

กรณีคดีของทักษิณ
ผมเป็นทักษิณก็ไม่อยู่หรอก
มีอย่างที่ไหนเมียซื้อที่ดินไม่ผิด
เจ้าหน้าที่ประมูลไม่ผิด
ที่ดินไม่ถูกยึด
แต่ผัวติดคุก 2 ปี
เพราะไปเซ็นต์ชื่อค้ำประกันให้เมีย
ใครเจอแบบนี้ก็คงไม่อยู่หรอก
ที่สำคัญต่อให้ไปเซ็นต์สัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
อย่างที่ประเทศอังกฤษ
ก็ต้องไปชี้แจงเรื่องข้อกล่าวหา
ปรากฏว่าส่งอัยการชุดใหญ่ไปหลายเดือน
ปรากฏว่าไม่สามารถเอาคดีที่ว่าไปหาเรื่อง
เพื่อให้ศาลอังกฤษตัดสินได้
เพราะที่อังกฤษเขาไม่มีแบบนี้
ที่โดนติดคุก 2 ปี เพราะไปเซ็นต์ค้ำประกันให้เมีย
สุดท้ายใช้วิธีเอาผลประโยชน์ไปล่อ
แล้วในที่สุดทางอังกฤษก็เลยไม่ออกวีซ่าให้เข้าประเทศ
เพื่อตัดปัญหาไม่ต้องมีเรื่องกับทางรัฐบาลไทย

เรียกว่ามุกที่รัฐบาลไทยใช้นี้
ใช้ได้ผลหลายประเทศ
ยกเว้นประเทศดูไบ
เพราะเราเป็นฝ่ายง้อเขามากกว่าเขาง้อเรา
และผลประโยชน์ของประเทศจะต้องเสียไป
เพียงเพราะจะเอาไปต่อรองเพื่อไล่ล่าทักษิณ
และในอนาคตจะมีเรื่องกับอีกหลายๆ ประเทศ
ทำให้ประเทศชาติต้องเสียหายอย่างชัดเจน
แต่ไม่ใช่ฝีมือทักษิณ
ฝีมือรัฐบาลนี้
ที่นำผลประโยชน์ประเทศ
ไปใช้เพื่อต่อรองผลประโยชน์พรรคพวกตัวเองเป็นหลัก

กรณีนี้ถามว่าทำไมทักษิณไม่หยุด
พอเขาหยุดก็หาเรื่องไปกล่าวหาเขา
เช่นยัดคดีไม่จงรักภักดี
ทั้งๆ ที่หลายคดีผ่านไปหลายปี
ถูกหลอกด่าหลายปีผลปรากฏว่าไม่เป็นความจริง
แล้วบอกว่าทำไมไม่อยู่เฉยๆ
ก็เล่นไม่เลิกแบบนี้
แถมไปยึดทรัพย์ไว้หลายหมื่นล้าน
เงินที่ได้จากการขายหุ้นกลุ่ม SHIN ให้เทมาเสก
งานนี้มีผู้บงการกะเล่นงานเขาให้ตาย
โดยทำกันเป็นขบวนการ
อนาคตเมื่อมีการชำระประวัติศาสตร์ในรุ่นลูกรุ่นหลาน
คุณจะรู้เองว่าเป็นใครมั่ง

ปล. ต่อให้ทักษิณหยุด
ผู้รักความเป็นธรรมทั้งหลายก็คงไม่หยุด
งานนี้มาไกลกว่าเรื่องทักษิณแล้ว
เป็นเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
เรื่องความเป็นธรรมในสังคม
และอนาคตลูกหลานเป็นเดิมพัน

โดย มาหาอะไร

-------------------------------------------------------

“กษิต” ประกาศลั่นขอลุยล่า “ทักษิณ”

29 มี.ค. 52 – กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่าการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงบ่ายได้การจัด กิจกรรมพิเศษ โดยเปิดโอกาสให้รัฐมนตรี พบ กับสมาชิกพรรค และภาคประชาสังคม เพื่อให้สอบถามแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินของแต่ละกระทรวง ตามความสนใจของภาคประชาสังคม โดยมีรัฐมนตรีในโควตาของพรรค เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายกษิตย์ ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย มาคอยตอบข้อซักถามของสมาชิก โดยมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับหน้าที่พิธีกร

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงหนึ่งภาคประชาสังคมให้ความสนใจสอบถามนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กรณีดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายกษิต กล่าวตอบคำถามสมาชิกพรรค ที่ตั้งคำถามว่า เมื่อไหร่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาจัดการเสียที ว่า ขณะนี้ได้แจ้งไปสถานทูตทั่วโลกแล้ว และได้พูดเป็นการภายในกับทูตต่างๆ ว่าเราจะมีความไม่บายใจมาก หากประเทศเหล่านั้นปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประเทศเขาเป็นเวทีโจมตีประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้ประสานกับอัยการสูงสุด เพื่อแจ้งกับรัฐบาลต่างประเทศ ว่าถ้ารู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ไหน ก็จะมีการดำเนินการขอส่วนตัวกลับมาดำเนินคดี ถ้าได้มีข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งล่าสุด อัยการสูงสุด ได้มีคณะไปฮ่องกงเพื่อเริ่มเจรจาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ยังตกค้างกันอยู่ แล้ว และในสัปดาห์หน้า เราจะมีคณะไปที่ดูไบ เพื่อแจ้งความในใจให้เขาทราบ เพราะมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณมักใช้ที่ดังกล่าวเป็นที่ปฏิบัติการ

นายกษิต กล่าวอีกว่า ส่วนการยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ทางกฤษฎีกาได้มีหนังสือแจ้งมายังกระทรวงการต่างประเทศ เพราะก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศได้ถามไปยังกฤษฎีกา ว่าถ้ามีการยกเลิกพาสปอรต์เล่มสีน้ำตาล จะเป็นการกระทบสิทธิของ พ.ต.ท.ทักษิณในการเดินทางหรือไม่ แต่ทางกฤษฎีกาบอกว่าไม่รับตีความ เพราะเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งตนก็แจ้งให้นายกฯ ทราบแล้ว

“ผมขอเปิดใจว่า วันนี้เป็นการต่อสู้ของ 2 อุดมการณ์ คือ เราต้องการมีประชาธิปไตย มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีรัฐธรรมนูญ แต่อีกฟากไม่ต้องการมีสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเราต้องถามตัวเองว่า เราต้องการให้มีสิ่งเหล่านี้หรือไม่ มันถึงเวลาที่เราต้องออกมาแล้ว เพราะวันนี้มันเป็นเรื่องความอยู่รอดของสิ่งที่เราอยู่กันมานายหลายร้อยปี เราต้องสู้แล้ว เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการชิงอำนาจทางการเมือง วันนี้ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างใหญ่หลวง ที่มีกลุ่มบุคคลที่พยายามดำเนินการบางอย่าง ก็ขอฝากประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ในที่นี้ด้วยให้ช่วยกัน แต่วันนี้ผมพร้อมจะลุยเองในเรื่องนี้” นายกษิตกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ในด้านการต่างประเทศ เราได้ดำเนินการผ่านนักการทูตต่างๆ ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงนโยบายรัฐบาล และตั้งแต่นายกฯ ไปพูดที่มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ก็มีบทความสื่อต่างประเทศนำเสนอในทิศทางที่มีความเข้าใจมากขึ้น ทำให้บัดนี้ ความเชื่อถือของนายใจ อึ้งภากร ไม่เหลือแล้ว

นอก จากนี้สมาชิกพรรคยังได้ถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่นายอภิสิทธิ์ได้มอบให้นายสาทิตย์เป็นผู้ตอบแทน โดยนายสาทิตย์กล่าว ว่า รัฐบาลได้มีการจับตาทั้งการโฟนอินและวีดีโอลิงค์อย่างใกล้ชิดว่าวิธีการที่ ใช้ถูกกฎหมายหรือไม่ เพราะมีข้อมูลว่า คนที่ดำเนินการมีคนที่เป็นข้าราชการรวมอยู่ด้วย ซึ่งก็ต้องดูว่า มีการใช้เวลาหรืองบราชการหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังติดตามอยู่ เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน เพราะเขาให้หลายวิธีการมาก บางวิธีก็เลี่ยงกฎหมายที่ว่าด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ เพราะคนที่ทำมีความเชี่ยวชาญและใช้หลากหลายวิธีมาก เพราะทราบกันดีว่า เขาเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี แต่ในเนื้อหาสิ่งที่รัฐบาลกังวล คือ จะไปกระทบบุคคลที่อยู่นอกการเมือง

“คน หนึ่งพยายามพูดความแค้นเก่าที่ฝังอยู่ พูดปลุกระดมโดยใช้ข้อเท็จ แต่เราจะไม่เอาเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมือง มาเป็นผลกระทบการทำงานแก้วิกฤตให้ประเทศ แน่นอนแฟนพันธุ์แท้เรา คงอึดอัดใจ ว่าทำไม่ไม่เราไม่โต้ หรือซัดไป แต่ถ้าเราอดทน แล้วจัดการอย่างรอบคอบ เราก็จะผ่านไปได้” นายสาทิตย์กล่าว

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่าทั้งนี้มีสมาชิกพรรคและภาคประชาที่มาร่วมการสัมมนาให้ความ สนใจและซักถามนโยบายของรัฐบาล ทั้งเรื่องที่ดินทำกิน การขยายฐานผู้ได้รับสิทธิ์ประกันตน รวมทั้งปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในด้านต่างๆ ได้ให้ความมั่นใจกับสมาชิกและภาคประชาสังคมว่าจะเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไป ตามนโยบาย

ที่มาข่าวจาก: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

---------------------------------------

กษิต ย้ำขอความร่วมมือนานาประเทศห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ เคลื่อนไหว
กต. 6 พ.ค.- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำขอความร่วมมือนานาประเทศไม่ให้ “พ.ต.ท.ทักษิณ” เคลื่อนไหวทางการเมือง

นา ยกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในต่างประเทศ ว่า ได้ย้ำประเทศต่าง ๆ ที่ไทยมีความสัมพันธ์ด้วยถึงสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะนี้ โดยชี้แจงยกตัวอย่างว่า ประเทศไทยไม่ยินยอมให้บุคคลใดใช้ประเทศไทยเคลื่อนไหวทางการเมืองเช่นเดียว กัน และหวังว่าประเทศอื่นคงไม่ยินยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำเช่นเดียวกัน เหมือนเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา มีชาวพม่าจำนวนหนึ่ง จะจัดเวทีสัมมนาในประเทศไทย เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง รัฐบาลไทยไม่ยินยอมให้จัดสัมมนาดังกล่าว

ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเดินทางเข้า-ออกประเทศแถบตะวันออกกลางได้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในแง่คดีอาชญากรรม กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังตำรวจสากลให้ติดตามในเรื่องนี้แล้ว

เมื่อ ถามว่า กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอย่างไรในการจำกัดพื้นที่การเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายกษิต กล่าวว่า การไม่มีหนังสือเดินทางไทยและมีบางประเทศ เช่น อังกฤษ ไม่ออกวีซ่า ไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ เป็นวิธีหนึ่งที่จะจำกัดการเดินทาง และคิดว่าหลายประเทศในสหภาพยุโรปก็ปฏิบัติในแนวทางนี้เช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

----------------------------------------------

การเมือง
วันที่ 22 เมษายน 2552 09:59
กษิตลั่นข้ามประเทศทักษิณเอี่ยวลอบยิงสนธิ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

"กษิต"ลั่นกลางเวทีนิวยอร์ค บอก "ทักษิณ" มีเอี่ยวลอบสังหาร "สนธิ" หลังใช้การเคลื่อนไหวขบวนการประชานิยมไม่สำเร็จ

นา ยกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวปาฐกถาที่"ดิ เอเชีย โซไซตี้" ที่นครนิวยอร์คของสหรัฐเมื่อวันอังคาร เชื่อมโยงอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณชินวัตร กับเหตุโจมตีเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ที่ตำรวจไทยระบุว่า มือปืนอย่างน้อยสองคนใช้รถประกบยิงรถของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้นำคนสำคัญของแนวร่วมพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเคยมีส่วนร่วมโค่นล้มรัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณเมื่อปี 2549 และการประท้วงที่ทำให้กรุงเทพฯเป็นอัมพาตเมื่อปีที่แล้ว ทำให้นายสนธิกับลูกน้องอีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บ

"คิดว่าอดีตนายกฯทักษิณล้มเหลวในการใช้ความเคลื่อนไหวของขบวนการประชานิยม จึงได้หันไปใช้ความพยายามลอบสังหารในบางรูปแบบ"

นอก จากนี้ นายกษิต ยังกล่าวด้วยว่า เชื่อว่าตัวเองกับสมาชิกอีก 4 คนในคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตกเป็นเป้าหมายด้วยและว่าสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา

"ผมรู้สึกเหมือนถูก กักขัง ขณะที่เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนเขาถูก ห้อมล้อมด้วยเหล่านาวิกโยธินติดอาวุธครบมือ หากจะมีการสู้กันถึงตาย พวกเราหลายคนจะเหลือแต่ขี้เถ้า"

รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า หากในการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีผู้เสียชีวิตแม้เพียงสัก คนหนึ่งด้วยฝีมือกองกำลังความมั่นคง คิดว่าไทยจะอยู่ในสภาวะที่อาจเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นได้เขายังได้กล่าวปก ป้องรัฐบาลจากการประท้วงและความวุ่นวายที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วย โดยกล่าวว่า จะต้องไม่มีการประท้วงรูปแบบใดใดที่จะทำไปสู่การเกิดความรุนแรง พร้อมเสริมว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะแสร้งทำเป็นว่าสิ่งต่างๆเป็นปกติ

-----------------------------------------------------------

กษิตโต้ทักษิณ อย่าทำตัวเป็นหน้าตัวเมีย เป็นคนไทยรกแผ่นดินท้าออกทีวีทั่วโลก

"กษิต" ซัด "เอ็งหนีสภา" ขี้ขลาด

เมื่อ เวลาประมาณ 16.10 น. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แถลงข่าวตอบโต้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ขอท้า พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าเก่งแต่พูดคนเดียว คนที่ไม่กล้าไปสภา หนีสภาอยู่ตลอดเวลา ออกวิทยุทีวีทุกวันเสาร์พูดอยู่คนเดียว ทำไมไม่ให้ผู้นำฝ่ายค้านพูดในสภา

" ก็เอ็งหนีสภาอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยเล่นในระบบ" นายกษิต กล่าว และว่า นายใหญ่มาเล่นเองอย่างนี้ก็ยินดี อย่าปล่อยลิ่วล้อเล่น เกะกะเสียเวลา ขอบอกตรงนี้ว่าตนพร้อมทุกเวที ขอท้าโต้วาที จะเอาทีไหนก็ได้ ซีเอ็นเอ็น บีบีซี อัลจาซีราห์ ที่ไหนก็ได้ ที่ที่พ.ต.ท.ทักษิณ อวดอ้างว่ามีเพื่อนสนิทรู้จักอย่างดี หรือจะเป็นสเตเดียมที่แมนฯซิตี้ก็ได้ อย่าเอาแต่พูดคนเดียวเอาของจริงมาพูดกันแจงรับเงินไปทำบุญ อย่าบิดเบือนความจริง

เรื่อง ต่อมาคือการกล่าวหาว่า ตนรับเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณ สมัยเป็นทูตนั้น ก็ขอเรียนว่าเป็นธรรมดาที่ผู้ใหญ่จะต้องมีเมตตากับผู้น้อย การให้เงินข้าราชการเด็กๆ เป็นธรรมเนียมที่ทำมาตลอด ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้ให้เงินตนในหลายประเทศ ซึ่งยืนยันว่าตนไม่เคยเอาไปใช้เอง แต่ไปใช้ในการทำบุญตลอด ถามว่าเมื่อใส่บาตรแล้วจะเอาของออกจากบาตรหรืออย่างไร ยืนยันว่าไม่ได้ใช้แม้แต่บาทเดียว ดังนั้น กรุณาอย่าบิดเบือนข้อเท็จจริง เงินทุกบาทก็เคยได้เรียนว่าไปใช้ทำอะไรแล้วด้วย

ยกตัวอย่างที่ อินโดนีเซีย ที่พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างนั้นตนก็นำเงินดังกล่าวไปมอบให้กับชาวประมงไทยที่ถูกจับไปช่วยเหลือเขา ไปแจกหมด ให้วัดไทยที่อินโดฯ ด้วย มีผู้เสียชีวิตที่นั่นตนก็นำไปให้

" ถามว่าจะไปทวงคืนในนรกหรือสวรรค์หรืออย่างไร" นายกษิต กล่าวและว่า ที่เยอรมันก็เช่นกัน หญิงไทยหากินมีชีวิตลำบากที่นั่นตนก็นำเงินเหล่านี้ไปช่วย แม้แต่เหตุพายุแคทริน่าถล่มที่สหรัฐก็เช่นกัน สมัยตนเป็นทูตสหรัฐ ก็นำเงินตรงนี้ไปช่วยเหลือ เงินดังกล่าวเป็นเงินเพียงเล็กๆ น้อยๆ ผ่านมือไม่กี่แสนบาท พ.ต.ท.ทักษิณ จะทวงคืนหรือไม่ จะทวงคืนจากบาตรหรือไม่เพราะได้ทำบุญช่วยคนไปแล้ว แต่เอาเงินบุญมากระทืบตนให้จมแผ่นดินหรือไร

"ผมไม่ต้องการอะไรจากคุณ ทักษิณ ที่จะให้โน่นนี่ ผมไม่ต้องการ เพราะแค่นี้ก็พอกินพอใช้ตามสภาพ" รมว.ต่างประเทศ กล่าว ให้บอกมาอยู่ไหน พร้อมไปเอาพาสปอร์ตอยู่แล้ว

ส่วน ประเด็นที่สามคือ เรื่องคืนพาสปอร์ต ขอเรียนว่าถ้าอยากจะคืนจริงก็ช่วยบอกสถานที่ที่จะไปเอาด้วย อย่าทำกำกวม ทำตัวเป็นตุ๊ดตู่ ยินดีจะบินไปหา แล้วถ้าสละสัญญาชาติไทยได้ด้วยก็ยิ่งดี เพราะอยู่ไปก็รกแผ่นดิน ถ้าไม่ใช้ก็กรุณาส่งคืน ให้บอกมาว่าจะให้ไปรับที่ไหน

ขณะที่เรื่องของตำแหน่งที่ว่าขอแล้วไม่ ให้นั้น นายกษิต กล่าวว่า ส่วนเรื่องตำแหน่งนั้น ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเป็นแฟนพ.ต.ท.ทักษิณ เราเคยแชร์อุดมการณ์กันเมื่อปี 1994 สมัยตนเป็นทูตอินโดนีเซีย ท่านเป็นรมว.ต่างประเทศ ตอนนั้นชอบพอกัน

" ผมก็หลงรักท่านเช่นเดียวกับคนอื่น เพราะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศที่พูดจากันรู้เรื่อง ทำให้เป็นแฟน กระทั่งมีการชักชวนให้ลงเลือกตั้งในนามพรรคพลังธรรมกัน ซึ่งตนก็เคยได้ให้คำแนะนำเรื่องนโยบานยต่างๆ ไปในสมัยนั้น เพราะคิดว่าเราควรจะร่วมมือกันสร้างประเทศไทยให้เป็นเลิศได้ ก็ติดต่อกันตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนเป็นทูตเยอรมัน" นายกษิต กล่าว

รับ เคยรักกัน แต่ขัดแย้งเรื่องความคิดไม่ใช่ส่วนตัว จาก นั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เว้นว่างการเมืองไป แต่ก็ยังพูดคุยเรื่องอุดมการณ์กัน กระทั่งพ.ต.ท.ทักษิณเอ่ยปากว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลจะให้มาช่วยราชการ ซึ่งหลังจากที่ตนได้หยุดหน้าที่ทางราชการก็ได้รับมอบหมายงานหลายชิ้น เช่นเรื่องคดีเพชรซาอุฯ ซึ่งตนก็เสนอให้ปฏิรูปกรมตำรวจ แต่กลับได้รับคำตอบว่า นั่นเป็นบ้านผม หลายเรื่องที่มอบหมายให้ทำกลับถูกเพิกเฉย ไม่อยากจะฟัง ซึ่งตนก็มาคิดได้ว่าสิ่งที่คุยกันไว้ ไม่มีการทำตามที่เสนอ ที่ไม่พอใจไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของอุดมการณ์ที่ไม่ตรงกัน

" เพราะผมเห็นว่าระบอบทักษิณ ไม่มีธรรมาภิบาล และผมก็พร้อมที่จะสู้ ไม่ได้สู้กันในทางลับ แต่สู้กันบนที่แจ้ง บนท้องถนนตลอดเวลา"

นา ยกษิต กล่าวและว่า นี่คือที่มาที่ไปว่าเราเคยรักกันแล้ววันหนึ่งก็แตกคอ เพราะเห็นไม่ตรงกันในเรื่องการบริหารบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องไม่ชอบพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการส่วนตัว

"ไม่มีอะไรจะเล่น แล้วหรือ ถึงทำตัวเป็นหนอนในโคลนตม เน่าเฟะ แล้วจะกระทืบผมจมแผ่นดิน คุณทักษิณหมดปัญญาแล้วหรือที่ใช้ลิ่วล้อขุดคุ้ยผม เปียโนผมก็ยังอยู่ที่บ้าน ซื้อมามือสอง หนักหัวใครหรือเปล่า ถ้าอยากเรียนผมก็พร้อมสอน ราคาแสนต้นๆ ถ้าผิดเพราะไม่กรอกในใบแสดงทรัพย์สินก็ลงโทษได้เลย ผมอยู่บ้านทาวน์เฮาส์สื่อมวลชนก็เห็น ผมไม่ได้เล่นแอบซ่อนอะไร ขอให้เลิกทำตัวเป็นหนอนทั้งคุณทักษิณ และลิ่วล้อ ผมยืนยันผมกล้าพูดในความจริงไม่งั้นไม่มายืนตรงนี้ ไม่มาเป็นรัฐมนตรี ไม่เถียงในที่แจ้งอย่างนี้" รมว.บัวแก้ว กล่าว

อัดแหลกหน้าตัวเมีย ท้าคืนพาสปอร์ต

" ขอท้าพ.ต.ท.ทักษิณ อีกครั้ง ที่ไหนก็ได้ทุกเวที เอากันไหมครับ แต่ขอว่าอย่ามาข่มขู่ประชาชน หรือจะเอากองทัพที่เป็นกุ๋ยมาข่มขู่สังคมไทย หรือผมได้ ผมไม่กลัว ผมขอท้าด้วย" นายกษิต กล่าว และว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขี้ขลาดเก่งแต่พูดคนเดียว หนีสภา หนีโต้วาที หนีศาล แล้ว ให้ลิ่วล้อมาบอกว่าตนเป็นผู้ก่อการ้าย ถามว่าเรียนมาเสียสูงอย่างนี้ยังแยกไม่ออกหรือว่าผู้ก่อการร้ายกับการพูด เพื่อสังคมบนเวทีสาธารณะต่างกันอย่างไร อย่ามาสาดโคลนกัน

"ดีแล้วที่ ส่งพาสปอร์ตคืน ขอให้ช่วยส่งบัตรประชาชนมาด้วย แล้วอย่ามาตอแยประเทศไทย สังคมไทยต้องการเดินหน้า และไม่ต้องการคนที่มาจากระบบประชาธิปไตยแต่ทำตัวเป็นเผด็จการ เป็นฮิตเลอร์ อย่าทำตัวเป็นมนุษย์ขี้ขลาด หรือหน้าตัวเมีย ความจริงผมก็ไม่อยากจะใช้คำนี้ แต่ถึงที่สุดก็คงต้องใช้ เพราะเป็นคนไม่กล้าเผชิญกับความเป็นจริง" นายกษิต กล่าวและว่า ผมมีแค่นี้ มีเกียรติประวัติ อย่าได้หยามกันหรือเล่นสกปรกกันเลย ที่เคยพูดในสภาว่าจะสู้ไม่ถอย สู้จนชีวิตจะหาไม่ ไม่ต้องมาหลบๆ ซ่อนๆ แต่ก็ต้องขอโทษที่ใช้เวทีกระทรวงต่างประเทศพูด เพราะไม่ได้เกี่ยวกับนโยบาย แต่คิดว่าคงรอเวลาไม่ได้

ส่วนเรื่องอื่นๆ คงไม่ต้องมาแจงอะไร เพราะครอบคลุมแล้ว แต่ขอท้าอีกครั้งว่า แน่จริงเวทีซีเอ็นเอ็นก็ได้ เลือกมาเลยที่ไหนก็ได้ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษได้ทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นภาษาอาหรับที่พ.ต.ท.ทักษิณไปบ่อยๆ หรืออยู่มานานแล้วคงต้องขอเวลาหน่อย เพราะยังไม่ได้เรียน ส่วนคำถามอื่นขออนุญาตไม่ตอบ

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=418817

--------------------------------------------

กรณีประเทศอังกฤษ


"กษิต"เชื่ออังกฤษร่วมมือไทยจับ"ใจ-ทักษิณ"เข้าคุก

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบกับนายควินตัน มาร์ค เควลย์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อหารือถึงการเดินทางไปเยือนอังกฤษของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 12 - 14 มีนาคมนี้ โดยทั้งสองประเทศมีโอกาสหารือทวิภาคีในเรื่องความสัมพันธ์อันดีระหว่าง สถาบันกษัตริย์ การค้าการลงทุน รวมถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรีไทยในฐานะประธานอาเซียน ในการประชุมสุดยอดลอนดอน หรือ จี20

นายกษิต ยังเชื่อว่า ทางการอังกฤษจะดำเนินการกับนายใจ อึ๊งภากรณ์ นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่หลบหนีหมายจับคดีหมิ่นสถาบัน และไปเคลื่อนไหวอยู่ที่อังกฤษ เนื่องจากนายใจ ต้องการล้มล้างประชาธิปไตยของไทย เพื่อให้ปกครองแบบสาธารณรัฐ ดังนั้นในฐานะมิตรประเทศ ทางการอังกฤษจะพิจารณาการกระทำของนายใจ เอง เช่นเดียวกับกรณีการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงมั่นใจว่า ทุกประเทศจะให้ความร่วมมือกับทางการไทย ในการติดตามทั้งสองคนนี้กลับมาดำเนินคดี

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1236577454&grpid=03&catid=01

----------------------------------------------

"กษิต"ชี้ผู้ดีถอนวีซ่า"ทักษิณ"หวั่นใช้เป็นเวทีการเมือง

" ทูตกษิต” อัด “ ทักษิณ ” โจรข้ามชาติ แนะ ดูเงาตัวเอง ทำตัวไร้เดียงสา ตีโพยตีพาย ระบุ เมืองผู้ดี ถอนวีซา เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม หวั่น

ใช้ประเทศเป็นเวทีการเมือง โจมตีประเทศไทย ตัดปัญหาส่งผู้ร้ายขามแดน-ขอลี้ภัยการเมือง

(25พ. ย.) นายกษิต ภิรมย์ รองนายกรัฐมนตรี (เงา) พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี กล่าวถึงกรณี

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วิพากษ์วิจารณ์ประเทศอังกฤษกรณีเพิกถอนวิซา ว่าไม่เคารพประชาธิปไตย ว่า อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจว่าโดยหลักการถอนวิซ่าไม่ใช่อยู่เฉยๆ และจะมาถอน แต่ต้องมีหลักการและเหตุผล โดยพบว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีหลักฐานแน่ชัดว่ากระทำผิดกฏหมายไทยในคดีการซื้อที่ดินจนศาลฏีกาพิพากษาจำ คุก และในแง่มารยาททางการเมือง อังกฤษก็ไม่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประเทศ เพื่อต่อสู้ทางการเมืองกับประเทศไทย เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เล่นการเมืองแบบไม่มีมารยาท ดังนั้นอังกฤษจึงต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม โดยการไม่ให้เข้าประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการตัดปัญหาเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ที่อัยการและกระต่างประเทศได้ส่งหนังสือไปยังอังกฤษเพื่อขอให้ส่งตัวกลับ ที่สำคัญเป็นการตัดประเด็นในเรื่องการขอลี้ภัยทางการเมือง ที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมดนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าอังกฤษต้องการล้างมือ ไม่ต้องการยุ่งกับ พ.ต.ท.ทักษิณอีก เพราะเชื่อว่าไม่วันที่จะหยุดเล่นการเมือง

“ อย่าไปเชื่อคำพูดของคนบ้า หาสาระไม่ได้ การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการตีโพยตีพาย เพราะอังกฤษก็ต้องปฎิบัติตามกฎหมาย คนที่เตยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีและคุยนักคุยหนาว่าเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก แต่กลับมาพูจาบ้าๆ บอๆ ไร้ความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เหมือนเด็กทารกที่ขี้แพ้ชวนตี ไม่รู้จักโต เพราะเหตุผลหลักของการถอนวีซ่าเกิดจากพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมด จะออกมาโทษฟ้าโทษดินไม่ได้ แถมยังมีพฤติกรรมที่ขาดศีลธรรม โกหกพกลม พ.ต.ท.ทักษิณ ควรตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาของตัวเองบ้าง ” นายกษิต กล่าว

รองนายกรัฐมนตรี (งา) กล่าวว่า คนที่เคยเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ไปด่าทออีกประเทศหนึ่ง โดยมารยาททางการเมืองหรือโดยระดับรัฐบุรุษ ผู้นำระดับชาติไม่มีใครทำแบบนี้แน่ ดังนั้นจึงอยาก ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พิจารณาตัวเองว่าทำอะไรไว้บ้าง อังกฤษ ไม่ใช่ประเทศการ์ตูนที่คิดว่าไม่ชอบหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วถอนวีซ่า ทุกอย่างต้องมีเหตุผล เพราะอังกฤษก็มีทูตประจำประเทศไทย พูดภาษาอังกฤษเก่งด้วย ดังนั้นจึงเข้าใจ รับรู้และรับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และความเป็นไปเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว

“ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะไม่เคยที่จะเคารพกฎหมายอะไรเลย จึงไม่ควรที่จะออกมาพูดเรื่องกฎหมาย เพราะเขาเอง เป็นคนละเมิดกฎหมายมาโดยตลอดชีวิต การที่บอกว่าอังกฤษไม่เห็นคุณค่าของประชาธิปไตย อยากถามเหมือนกันว่าแปลว่าอะไร พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถแปลและเข้าใจความหมายของคุณค่าประชาธิปไตยว่าอย่างไร หรือหมายความว่า โกงกินประเทศชาติ มีผลประโยชน์ทับซ้อน โกหกพกลม หลอกชาวบ้านไปวันๆ เอาเงินชาวบ้านไปโปรย เหล่านี้หรือคือพฤติกรรมของนักประชาธิปไตย แบบนี้ต้องเรียกว่าโจรข้ามชาติ หรือ โจรอินเตอร์ วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นมนุษย์ไร้ราคา ไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์ประเทศอังกฤษ ” อดีตทูตหลายประเทศ ระบุ

ส่วนกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯออกมาระบุผ่านรายการความจริงวันนี้ ที่วัดสวนแก้ว ออกมาระบุว่า มีระดับอดีตรมว.ต่างประเทศของไทยไปล็อบบี้อังกฤษ เพื่อแลกกับประโยชน์ที่ภูเกต นายกษิต กล่าวว่า ไม่มีใครหรือระดับ อดีต รมว.ต่างประเทศ ที่จะทำแบบนั้นได้ ไม่มีใครไปบังคับรัฐบาลอังกฤษได้ การกระทำของพวกนี้เป็นการโกหกชาวบ้านไปวันๆ ไม่รู้ข้อเท็จจริง เป็นการชักแม่น้ำเน่าทั้งห้า เท่านั้น เพราะตามหลักความจริงไม่มีเหตุผลที่ไทยต้องไปลอบบี้อังกฤษให้ถอนวีซ่า สถานทูตอังกฤษก็อยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งรู้ดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ โกงกินประเทศไทย และทำผิดกฎหมายจึงต้องถอนวีซ่าในที่สุด

----------------------------------------------

กรณีประเทศกัมพูชา


“กษิต” ขู่เขมรปิดประตูรับ “ทักษิณ”

เมื่อ วันที่ 6 เม.ย. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้กล่าวชี้แจงกับชาวมุสลิมตอนหนึ่งว่า รู้สึกไม่สบายใจที่มีบางประเทศยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ใช้เป็นฐานเวทีโจมตีประเทศไทย ขณะนี้กำลังตรวจสอบข้อมูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังอยู่ในประเทศกัมพูชาจริงหรือไม่ และหากเขารัก พ.ต.ท.ทักษิณมากคงมีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับประเทศไทยแน่นอนอีกทั้งหลายประเทศมีข้อตกลงในการส่ง ตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย เราก็ต้องบอกกล่าวไป ส่วนการทำเรื่องขอตัวเป็นเรื่องสำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะแจ้งมายังกระทรวงการต่างประเทศให้ดำเนินการ เราจะทำกับ พ.ต.ท.ทักษิณเหมือนนักโทษที่หนีคดีคนอื่นๆ ส่วนประเทศที่ไม่มีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย เช่น ดูไบ บาห์เรน หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้สั่งการให้ทางทูตแจ้งถึงสถานะของ พ.ต.ท. ทักษิณ ว่าได้สร้างวิกฤติบ้านเมืองให้กับไทยอย่างไร หลายประเทศก็ตอบสนองไม่ยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เวทีของประเทศเขามาถล่มไทย

เรียกทูตทั่วโลกล็อบบี้ส่งตัว “ทักษิณ”

นายกษิต กล่าวต่อว่า รวมถึงจะแจ้งไปยังกลุ่มประเทศละตินอเมริกา อาหรับ และแอฟริกาด้วย โดยในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ได้เชิญทูตจาก

ประเทศทั่วโลกเข้าหารือ เพื่อชี้แจงถึงกระบวนการยุติธรรมของไทยว่า กำลังรอดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไรบ้าง แต่สิ่งสำคัญคือ อยากให้ประเทศที่ยังไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาได้เลย ส่วนความคืบหน้าในการเพิกถอนหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ทำเรื่องหารือกับกฤษฎีกาไปประมาณ 5 เดือนแล้ว กำลังรอให้เขาส่งเรื่องกลับมาอยู่ ถ้าเป็นอำนาจของกระทรวงต่างประเทศ หากจะให้ ตัดสินใจในวันนี้ก็ทำได้เลย แต่ต้องเป็นการสร้างบรรทัดฐานของกฎหมายเพื่อที่จะปฏิบัติต่อ พ.ต.ท.ทักษิณให้เหมือนคนอื่น โดยจะนำเรื่องนี้ปรึกษานายกฯ เพื่อนำเรื่องเข้าหารือต่อที่ประชุม ครม.เพื่อขอความเห็นร่วมกัน

สั่งเอ็นบีทีแจงพาดพิงสถาบัน

ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีที่รัฐบาลเปิดเกมรุกพื้นที่ข่าวให้ ครม.แถลงผลงานทุกวันเสาร์ว่า ขณะนี้มีข่าวเชิงลบเป็นจำนวนมาก เช่น การชุมนุม การออกมาปราศรัย ผ่านวีดิโอลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ การออกมาพูดถึงผลงานที่รัฐบาลทำเป็นอีกทางหนึ่งที่จะปิดช่องว่างที่เราไม่ สามารถเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลได้ หน้าที่ของรัฐบาลคือต้องสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น คิดว่า รายการของช่อง สทท. ตลอดสัปดาห์นี้ จะปรับบางส่วน เช่น บางรายการจะมีการทำเป็นช่วงเวลาพิเศษ ที่จะพูดชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การกล่าวหาพาดพิงถึงบุคคลอื่น หรือข้อเท็จจริงบางเรื่องที่ถูกบิดเบือน โดยจะเริ่มในวันที่ 6 เม.ย.เป็นต้นไป

เวลา 21.00- 21.30 น. เนื่องจากวันนี้เป็นวันจักรี ก็ใช้เวลานี้ชี้แจงให้เข้าใจในเรื่องสถาบัน และความสำคัญของสถาบันต่อสังคมไทย และสำนักข่าวต่างๆในภูมิภาคก็จะไปทำข่าวประชาชนที่ออกมาแสดงความผูกพันกับ สถาบัน ยืนยันว่ารัฐบาลชี้แจงปัญหาการเมืองได้ ไม่มีอะไรเกินเลยกว่าที่จะควบคุมไม่ได้

ลั่นหลังอาเซียนยึดคืนทำเนียบฯ

นายสาทิตย์กล่าวว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่ารัฐบาลอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง มีการแบ่งขั้วความคิดอย่างรุนแรง รัฐบาลก็ต้องพยายามลดเงื่อนไข ไม่ไปเพิ่มความ ขัดแย้งอะไรที่รัฐบาลสมัยนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ทำเราก็ไม่ทำ เช่น การใช้กำลัง ไปปราบปรามผู้ชุมนุม ส่วนกรณีที่คณะรัฐมนตรี จะประชุมที่โรงแรม รอยัล คลิฟบีช พัทยา จ.ชลบุรี นั้น ก่อนการประชุมอาเซียนทุกครั้ง ก็ต้องไปดู

สถานที่ วันที่ 7 เม.ย. เป็นจังหวะที่ดีที่ได้ไปดูสถานที่ประชุมล่วงหน้า แต่หลังจาก นั้นคงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปในการเข้าไปทำงานที่ทำเนียบฯ เพราะจะปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุม ทำเช่นนี้ตลอดไม่ได้ แต่ผู้ชุมนุมก็ต้องเข้าใจด้วย ซึ่งหลัง การประชุมอาเซียนรัฐบาลก็ต้องเข้าไปทำงานแล้ว จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ กลุ่มผู้ชุมนุมก็ต้องรู้ด้วยว่า รัฐบาลต้องดำเนินการตามกฎหมายเป็นหลัก

ที่มา ไทยรัฐ

-------------------------------------------------

กรณีประเทศดูไบ


เดลินิวส์
กษิตเล็งไปดูไบ เดินเรื่องนำทักษิณกลับไทย

วันนี้(29 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ตอบข้อซักถามของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญพรรคปชป. กรณีการดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารงาน ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตรวจสอบว่า สามารถยกเลิกพาสปอร์ตบุคคลทั่วไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีได้ตอบกลับมาว่า ไม่รับพิจารณา เพราะเป็นประเด็นทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้ไปหารือกับประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้า-ออกเป็นประจำ อาทิ เกาะฮ่องกง และเมืองดูไบ เพื่อหารือในประเด็นดังกล่าว โดยในไม่ช้านี้ จะเดินทางไปหารือกับเจ้าหน้าที่ของเมืองดูไบ เนื่องจากทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้เมืองดูไบเป็นฐานในการเคลื่อนไหว.

-------------------------------------------------

วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลา 17:37:34 น. มติชนออนไลน์

ปชป.จี้"กษิต"ถอนพาสปอร์ต"จักรภพ" บีบไม่ให้มีที่ยืน เช็ค"ไลบีเรีย"เป็นสมาชิก ตร.สากล ประสานล่า"แม้ว"

ปชป.เร่ง"กษิต"ถอนพาสปอร์ต"จักรภพ" บีบไม่ให้มีที่ยืน อดีตนายกฯบินไป "ไลบีเรีย"อ้างอยากสร้างสัมพันธ์ไทยกับประเทศแทบแอฟริกา ตร. ไม่แน่ใจ"ไลบีเรีย"เป็นสมาชิกองค์กรตำรวจสากล "
อลงกรณ์"ตามล่า"ทักษิณ"บุกบ้านที่ "ยูเออี" เร่งลงนามส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ปชป.เร่ง"กษิต"ถอนพาสปอร์ต"จักรภพ" บีบไม่ให้มีที่ยืน

นพ. บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเมื่อวันที่ 24 เมษายนว่า ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวนอกประเทศ ที่แสดงสัญญาณชัดเจนว่า มีองค์กรและบุคคลที่ไม่ต้องการให้ความสงบเกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการส่งสัญญาณจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำคนเสื้อแดง ที่ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ในการส่งสัญญาณเตรียมใช้ความรุนแรง เพื่อล้มล้างรัฐบาลหรือก่อความไม่สงบ หรือที่นายจักรภพระบุว่า "เตรียมตั้งฐานปฏิบัติการในต่างประเทศ" เพื่อบั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาล ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้น ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลชุดหนึ่งชุดใดเท่านั้น แต่ถือเป็นการประกาศเป็นศัตรูกับประเทศ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า รูปแบบการเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณ มีแนวโน้มไปยังประเทศ ที่มีความสัมพันธ์กับประเทศไทยน้อยลง โดยล่าสุด อยู่ที่ไลบีเรีย ซึ่งแม้จะมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย แต่ทางการไทยต้องประสานงานผ่านสถานทูตไทยในประเทศเซเนกัล ขณะเดียวกันประเทศที่พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไป ก็ไม่ใช่ประเทศที่ยึดโยงอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตย ทั้งนี้ ประเทศไลบีเรียมีประวัติเกิดสงครามการเมืองมานาน และกลุ่มประเทศในแอฟริกาหรืออเมริกากลาง ก็เป็นที่ทราบว่า เป็นเส้นทางผ่านในการลำเลียงอาวุธและเงิน เพื่อสนับสนุนการก่อความไม่สงบในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า จากการเคลื่อนไหวต่างๆ พรรค เห็นว่า จะสนับสนุนให้รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศเร่งดำเนินการประสานงานระหว่างมิตรประเทศและ องค์กรระหว่างประเทศ เพื่อจำกัดการเดินทางและติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ ทั้งนี้ พรรคจะหารือกับนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทันทีที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เรื่องการขอถอนพาสปอร์ตตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ หากผู้ที่ถือหนังสือเดินทางคงอยู่ในต่างประเทศต่อไปอาจทำให้เกิดความเสียหาย ต่อประเทศไทยได้

ตร. ไม่แน่ใจ"ไลบีเรีย"เป็นสมาชิกองค์กรตำรวจสากล

พล. ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กล่าวเมื่อวันที่ 24 เมษายน ถึงกรณีถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้กำลังดำเนินการอยู่ แต่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะตามระเบียบ ตร.ที่เกี่ยวข้องกับการถอดยศเป็นเรื่องที่ทำผิดทางอาญา แต่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นกรณีความผิดทางอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งยังไม่เคยมีกรณีนี้ ต้องมีการพิจารณาด้านกฎหมายให้ละเอียด

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายฝ่ายมองว่าการหาที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการล่าช้า พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เรื่องนี้มีขั้นตอน เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ การยืนยันที่อยู่จะต้องมีความมั่นใจ เพราะเป็นการขอตัวระหว่างรัฐต่อรัฐ การทำอะไรข้อมูลต้องมีความชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มีการประสานงานหาเบาะแสจากผู้ที่เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณจริง

เมื่อถึงกรณีที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปยังประเทศไลบีเรีย โฆษกตร. กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบว่าประเทศไลบีเรียเป็นสมาชิกขององค์กรตำรวจสากลหรือไม่ โดยให้กองการต่างประเทศตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม เมื่อปรากฏเป็นข่าวก็จะดำเนินการสอบถามไปยังประเทศนั้นๆ

"ทักษิณ"บินไป"ไลบีเรีย" แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 23 เมษายน เว็บไซต์ของสถานีวิทยุสตาร์ เรดิโอของประเทศไลบีเรีย รายงานเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางออกจากนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปยังประเทศไลบีเรีย โดย พ.ต.ท.ทักษิณเข้าพบกับรองประธานาธิบดีโจเซฟ โบอาไค ของไลบีเรียและเจรจากันถึงความต้องการที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศไลบีเรีย

ข่าวระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวกับนายโบอาไคถึงความตั้งใจของตนในการที่จะเสริมสร้างความ สัมพันธ์อันดีของไทยกับประเทศในแถบแอฟริกา โดย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่าไทยจะร่วมแบ่งปันความสำเร็จและความล้มเหลวในความร่วม มือภาคการเกษตรและการขจัดความยากจน โดยตนและคณะมีความสนใจในธุรกิจน้ำมัน การสำรวจและการทำเหมืองแร่ การเกษตร สัมปทานโทรคมนาคม และสลากกินแบ่ง

สตาร์เรดิโอยังรายงานด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาถึงประเทศไลบีเรียในช่วงเช้าของวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา และในวันที่ 22 เมษายน จะเดินทางต่อไปยังประเทศไอวอ รีโคสต์ และประเทศอื่นๆ ในทวีปแอฟริกา

ทั้งนี้ นายโบไอาไคได้ให้การต้อนรับ พ.ต.ท. ทักษิณและคณะพร้อมเรียกร้องให้คนไทยเข้ามาลงทุนในไลบีเรีย ซึ่งเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรแร่มากมาย

"ไทย-ยูเออี" เร่งลงนามผู้ร้ายข้ามแดน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศสหรัฐอาหรับอา มิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดี ว่า กำลังดำเนินการอยู่ อย่างน้อยที่สุดเราขอความร่วมมือจากมิตรประเทศคืออย่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้พื้นที่เป็นฐานสร้างความไม่มั่นคงของเรา โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ใช้ความรุนแรง นายพนิช วิกิตเศรษฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศจัดทำร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนเตรียมรอไว้เพื่อ ลงนามร่วมกับยูเออีแล้ว ซึ่งกระทรวงต่างประเทศของยูเออีส่งร่างสนธิสัญญาฉบับของเขากลับมาพร้อมกับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่เดินทางไปประสานงานก่อนหน้านี้ เพื่อให้กรมสนธิสัญญาฯของเราดำเนินการตรวจร่าง ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าร่างสนธิสัญญาดังกล่าวเข้าตามกรอบของ พ.ร.บ.การส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 นายกฯสามารถลงนามร่วมกันได้ทันที แต่ถ้ามีเนื้อหาไม่เข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ต้องส่งให้รัฐสภาอนุมัติก่อนที่ผู้นำของไทยและยูเออีจะลงนามกันต่อไป การดำเนินการเรื่องนี้ก็ต้องไปเป็นโดยเร็วที่สุด เพราะทั้ง 2 ประเทศมีความต้องการใช้สนธิสัญญานี้ โดยทางยูเออีก็ต้องการตัวพลเมืองของเขาที่กระทำความผิดแล้วเข้ามาอยู่ในไทย เพื่อนำกลับประเทศของเขาด้วย

"อลงกรณ์" บุกบ้าน"แม้ว" ที่ยูเออี

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในที่ประชุมรัฐสภาว่า ได้รับมอบหมายให้ไปประสานงาน พบกับตัวแทนกระทรวงต่างประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ นำหมายศาล หมายจับคดีอาญา ยุยงปลุกปั่น รวมถึงการกระทำผิดคดีอาญาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปประสานกับตำรวจดูไบ

"สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ สนองตอบ โดยให้ พ.ต.ท.ทักษิณออกนอกประเทศ เป็นการตัดสินใจของรัฐบาลที่มีอธิปไตย มีเอกราช เป็นเรื่องความตกลงระหว่างประเทศในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนการเดินทางไปบ้านพักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เมืองดูไบ ได้ไปจอดรถที่ด้านหน้า ให้เจ้าหน้าที่สถานทูตฯ ไปสอบถามถึง พ.ต.ท.ทักษิณ จากนั้น มีแม่บ้านออกมาบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อยู่ มีการสอบถามถึงเลขาฯส่วนตัว นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ และนายไพโรจน์ เปี่ยมพงศ์สานต์ ซึ่งก็ไม่อยู่" นายอลงกรณ์กล่าว

"สุเทพ" ชี้ "จักรภพ" ผู้ก่อการร้าย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ โดยระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะใช้อาวุธโจมตีรัฐบาลไทย ว่า " ถ้าเขาประกาศอย่างนั้น ก็เท่ากับเป็นผู้ก่อการร้าย ต้องติดตาม และเอาตัวมาลงโทษ"

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีนายจักรภพ เพ็ญแข ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ พรรคเห็นว่าควรจะยกระดับการติดตามตัว เพราะการให้สัมภาษณ์ถึงการใช้อาวุธเพื่อล้มล้างรัฐบาล ทำให้นายจักรภพเป็นผู้ที่พยายามก่อการกบฏในราชอาณาจักร แม้ศักยภาพส่วนตัวนายจักรภพจะไม่สามารถทำได้ แต่การเป็นกระบอกเสียงให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มแดงโลก หรือแดงสยาม ทำให้เราไม่อาจประมาทได้ จึงเสนอให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องพิจารณายกระดับการติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยเสนอให้แจ้งกับตำรวจสากลและมิตรประเทศ ที่คิดว่านายจักรภพไปหลบซ่อนอยู่โดยเร็ว

"ตู่"โว"แม้ว" พวกเยอะไม่จนมุม

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพวกนกมีขนคนมีเพื่อน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ มีเพื่อนอยู่ทั่วโลกและมีพาสปอร์ตของหลายประเทศ

นายจตุพรกล่าวถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข ให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ข่าวบีบีซี โดยระบุว่าคนเสื้อแดงอาจใช้อาวุธโจมตีรัฐบาล ว่า เป็นเพียงความคิดเห็นของนายจักรภพเท่านั้น เพราะตน นายวีระ มุสิกพงศ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ยืนยันแนวทางการต่อสู้อย่างสันติและปราศจากอาวุธ หากตนมีโอกาสพูดคุยกับนายจักรภพก็จะบอกแนวทางนี้ไป

-------------------------------------------------

"อลงกรณ์"รับยูเออีไม่ห้าม"แม้ว"เข้าประเทศ

คมชัดลึก :“อลงกรณ์ ” ยอมรับ “ทักษิณ” ยังเข้ายูเออีได้ แต่ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง เย้ย ลิ่วล้อปล่อยข่าว “นายใหญ่”สร้างภาพ ทำจำกัดเข้าได้แค่บางประเทศ

(27เม.ย.) นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ยอมรับว่า ทางการของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ยังไม่มีคำสั่งห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าประเทศ เพียง ยูเออี ไม่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประเทศของเขาในการเคลื่อนไหวทางการเมือง จึงทำหนังสือแจ้งต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องนี้แล้ว

"ทางการ ยูเออีไม่ได้ห้ามพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศ เพียงแต่ห้ามใช้ประเทศเขาเป็นฐานในการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อโจมตี ประเทศไทย ซึ่งทางยูเออีได้ทำหนังสือแจ้งต่อพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว เนื่องจากไทยและยูเออี กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาความสัมพันธ์การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่างกัน"

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณต้องการเข้าไปใน ยูเออี ในฐานะฐานะนักธุรกิจก็สามารถทำได้ เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ ซื้อบ้านและอสังหาริมทรัพย์ไว้ใน ยูเออี โดยเฉพาะที่ ดูไบ จำนวนมาก และพ.ต.ท.ทักษิณ ยังสามารถเข้าไปได้จนกว่าไทยและยูเออีจะลงนามในสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้าม แดนระหว่างกัน โดยขณะนี้ทางยูเออีได้ส่งร่างสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน มาให้กับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว เนื่องจากเขาก็มีผู้ร้ายที่ต้องการตัวอยู่ในไทยเหมือนกัน

“ จากการสังเกตขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณเดิน ทางไปได้แค่ในประเทศแถวๆทวีปแอฟริกาและประเทศนิการากัวเท่านั้น เนื่องจากถือพาสปอร์ตทางการทูตของนิการากัวอยู่ ส่วนที่มีข่าวว่าถือพาสปอร์ตของกัมพูชาด้วยนั้น ผมไม่ทราบ ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบ"

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีกระบวนการปล่อยข่าวจากลูกน้องของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าได้รับการทาบทามให้เดินทางไปลงทุนในประเทศต่างๆ เพื่อรักษาหน้าของพ.ต.ท.ทักษิณไว้ รวมถึงปล่อยข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณยัง เดินทางไปได้ในหลายประเทศเพื่อหลอกให้รัฐบาลไปตามจับ ซึ่งเป็นการหวังดีประสงค์ร้ายของบุคคลเหล่านั้น เพราะทำให้ประเทศเหล่านั้นลำบากใจที่จะต้องรับพ.ต.ท.ทักษิณ จนตอนนี้เหลือไม่กี่ประเทศในโลกที่ยินดีต้อนรับพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ” นายอลงกรณ์ กล่าว

-------------------------------------------------

ไทยยังขยายเป้าส่งออกไปตะวันออกกลางได้
อังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 15:44 น. — INN : ข่าวเศรษฐกิจ
http://www.innnews.co.th/biz.php?nid=170892

นายปิลัณ พาณิชศุภผล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวถึงการค้าและการลงทุนในภูมิภาคตะวันออกกลางว่าประเทศไทยส่งออกไปยัง ตะวันออกกลางคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.5 ของการส่งออกทั้งหมดและยังถือว่า มีโอกาสที่จะขยายการค้าและการลงทุนได้อีกมากโดยเฉพาะในสินค้าอาหารเครื่อง ปรับอากาศและรถยนต์ รวมทั้งบริการร้านอาหาร เพราะถึงแม้ว่า ตะวันออกกลางจะได้รับผลกระทบรายได้ลดลงกว่าครึ่งจากราคาน้ำมันที่ลดลงแต่ยัง คงมีเม็ดเงินสูง โดยเป้าหมายการส่งออกของไทยไปตะวันออกกลางในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 3 - 5 หรือ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วงไตรมาสแรกการส่งออกจะยังคงติดลบ แต่ในช่วงเดือนเมษายนเชื่อว่าจะสามารถกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง นอกจากนี้ นายปิลัณ ยังกล่าวอีกว่า ตะวันออกกลางยังไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีการระบาดอยู่ในขณะนี้

------------------------------------------------------------------

ชุมพลเผยอภิสิทธิ์เลิกไปดูไบมีเหตุขัดข้อง
เสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 15:54 น. — INN : ข่าวการเมือง
http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=169542

นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงกำหนดการเดินทางไปโรดโชว์ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 5-8 พ.ค.นี้ ว่า เนื่องจากมีปัญหาขัดข้องในเรื่องสถานการณ์ประเทศระหว่างสองประเทศ นายกรัฐมนตรี จึงแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้ยังไม่พร้อมจะเดินทาง แต่ตนยังคงเดินทางตามกำหนดการเดิม ร่วมเป็นกำลังใจไปกับคณะ ทั้งนี้ตามปกติงานประจำปีของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นั้นจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ของไทยเดินทางไปร่วมด้วยทุกครั้ง ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรี ก็ได้ตอบรับจะเดินทางไปด้วยเพื่อสร้างความเชื่อมั่น แต่เมื่อสถานการณ์เราเป็นเช่นนี้ จึงแจ้งให้ทราบว่าไม่พร้อม

----------------------------------------

กรณีประเทศมอนเตเนโกร

ทักษิณ ร่วมประมูลซื้อเกาะหรู ฮาวายแห่งมอนเตเนโกร

สเวตติ นิโคลา

สเวตติ นิโคลา

สเวตติ นิโคลา



"แม้ว" ร่วมประมูลซื้อเกาะหรู "ฮาวายแห่งมอนเตเนโกร" เทียบชั้นเศรษฐีระดับโลกจากยุโรปและอาหรับ (มติชนออนไลน์)

สื่อ นอกประโคมข่าว "ทักษิณ" มีชื่อร่วมประมูลซื้อเกาะสุดสวยใน "มอนเตเนโกร" นักท่องเที่ยวยกเป็นเกาะสวรรค์ หลังได้พาสปอร์ตปริศนา เผยราคาเริ่มต้นนับพันล้านบาท ไม่น้อยหน้ามหาเศรษฐีระดับโลก รู้ผล 23 พฤษภาคมนี้ หลังเจ้าของคนก่อนถูกตามล่าเอาผิดคดีลักลอบนำเข้าบุหรี่

หนังสือ พิมพ์ "เดลี่ เอ็กซ์เพรส" ของสาธารณรัฐมอนเตเนโกร รายงานเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ซื้อเกาะ "สเวตติ นิโคลา" (Sveti NiKola) นอกชายฝั่งเมืองบุดวา เมืองท่องเที่ยวหลักของมอนเตเนโกร ริมทะเลเอเดรียติก ฉายาเกาะ "ฮาวาย" ของมอนเตอเนโกร ภายหลังที่ธนาคารเพอร์วา บังก้า เซอร์เน โกเร่ (เฟิร์สต์ แบงก์ ออฟ มอนเตเนโกร) ได้ประกาศประมูลขายเกาะดังกล่าว เป็นมูลค่า 28 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,288 ล้านบาท โดย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหนึ่งในผู้สนใจซื้อเกาะดังกล่าวจากการเปิดขายเกาะแห่งนี้ ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม หลังจากได้รับพาสปอร์ตของดินแดนแห่งนี้ โดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า ได้รับพาสปอร์ตอย่างไร

รายงานระบุว่า พื้นที่ราว 37,000 ตารางเมตร ของเกาะที่ถูกนำออกประมูลขายครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นายสแตนโก ซูโบติค นักธุรกิจเซอร์เบีย เป็นผู้ซื้อไว้เมื่อปี 2007 เพราะเป็นพื้นที่ส่วนที่สวยที่สุดของเกาะดังกล่าว ในราคากว่า 20 ล้านยูโร หรือประมาณ 920 ล้านบาท และประกาศจะลงทุนพัฒนาเกาะดังกล่าว ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ประกอบด้วยโรงแรม คฤหาสน์ และสิ่งก่อสร้างต่างๆ แต่ไม่สามารถดำเนินแผนดังกล่าวได้ หลังจากเขาถูกทางการเซอร์เบียระบุให้เป็นบุคคลที่ต้องการตัวจากคดีลักลอบนำ เข้าบุหรี่ และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศ

ทั้งนี้ ธนาคารเพอร์วา บังก้า นำที่ดินดังกล่าว พร้อมสิ่งปลูกสร้างเท่าที่มีออกประมูลครั้งแรก เมื่อสองสามเดือนก่อนหน้านี้ที่ราคาเริ่มต้น 28 ล้านยูโรหรือประมาณ 1,288 ล้านบาท แต่ไม่มีผล และกำหนดจะเปิดประมูลทั่วไปครั้งที่ 2 ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ กำหนดราคาเริ่มต้นที่ 21 ล้านยูโร หรือราว 966 ล้านบาท โดยต้องฝากเงินค้ำประกันไว้กับธนาคารเพื่อให้ได้สิทธิในการประมูล 100,000 ยูโร หรือ 4.6 ล้านบาท ผู้ให้ราคาสูงสุดจะได้รับที่ดินไป แต่กำหนดต้องชำระเงินทั้งหมดภายใน 7 วัน

ขณะที่ธนาคารเพอร์วา บังก้า มีกำหนดจะประมูลเกาะแห่งนี้ในวันที่ 23 พฤษภาคม หลังก่อนหน้าเคยมีการประมูลไปแล้ว โดยมีผู้สนใจประกอบด้วยชาวอังกฤษ, รัสเซีย, เบลเยี่ยม และอาหรับ อย่างไรก็ตาม จากรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่นมอนเตเนโกรเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมประมูลด้วย และล่าสุด ธนาคารเพอร์วา บังก้าได้รับการโอนเงินโดยตรง ซึ่งรายงานข่าวระบุว่า ธุรกรรมโอนเงินซื้อเกาะดังกล่าวเกี่ยวพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ถึงขณะนี้ เกาะสเวตติ นิโคลา ยังคงถูกประกาศขาย และยังคงไม่มีเจ้าของ

สำหรับประวัติของ มอนเตเนโกร มีชื่อเป็นทางการ คือ สาธารณรัฐมอนเตเนโกร แยกตัวออกจากออกเซอร์เบีย จากการลงประชามติ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2549 และได้เอกราชในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ได้รับการรับรองจากนานาประเทศ เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติลำดับที่ 192 และองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ได้แก่ องค์กรเพื่อความมั่นคงและความ ร่วมมือในยุโรป, สภายุโรป และกำลังเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป และนาโต้ มีระบบการเมืองแบบรัฐสภา โดยมีทั้งประธานาธิบดีจากการเลือกตั้ง และนายกรัฐมนตรี จากการเลือกตั้ง ซึ่งมีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศ สำหรับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันชื่อ มิโล ดูกาโนวิก

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

http://hilight.kapook.com/view/36772

--------------------------------------

การเมือง
วันที่ 12 พฤษภาคม 2552 17:28
ตรวจสอบมอนเตเนโกรให้พาสปอร์ตทักษิณ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

บัวแก้ว จี้เอกอัครราชทูตไทยในฮังการี เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมอนเตเนโกรให้พาสปอร์ตทักษิณ

นาย พนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่าองค์กรพัฒนาเอกชนหรือเอ็นจีโอ ของสาธารณรัฐมอนเตเนโกร เปิดเผยว่ารัฐบาลมอนเตเนโกรออก หนังสือเดินทางให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้ไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงตามข่าวที่เกิดขึ้นว่าสาธารณรัฐมอนเตเนโกร ออกหนังสือเดินทางให้จริงหรือไม่ และข่าวดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ด้วย

โดยให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ซึ่งดูแลพื้นที่ดังกล่าวตรวจสอบ เนื่องจากไทยและสาธารณรัฐมอนเตเนโกร เพิ่งมีความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปลายปี 2550 จึงยังไม่มีการตั้งสถานเอกอัครราชทูต

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะซื้อเกาะในประเทศดังกล่าวในเบื้องต้นคงยังไม่มีการตรวจสอบ เพราะถือเป็นสิทธิของนักธุรกิจทั่วไปที่จะดำเนินการได้ ทั้งนี้ย้ำว่าไทยได้ดำเนินการกับประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูต โดยขอความร่วมมือให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวบุคคลที่ทางการไทยต้องการตัวมาดำเนิน คดีทางกฎหมาย

มีรายงานว่า นอกจากกระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการให้สถานทูตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ซึ่งเป็นสถานเอกอัครราชทูตที่ใกล้ประเทศมอนเตเนโกรมาก ที่สุด ได้ตรวจสอบเรื่องหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว อีกทั้งยังได้สั่งการไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุง ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ประสานกับสถานเอกอัครราชทูตมอนเตเนโกร ณ กรุง ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นสถานเอกอัครราชทูตที่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด และยังให้คณะทูตถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ต่อกับคณะทูตถาวรมอนเตเนโกร ประจำสหประชาชาติ ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกัน

----------------------------------------------

อภิสิทธิ์ สั่งบัวแก้ว เกาะติดทักษิณ ซื้อเกาะมอนเตเนโกร

เผย รมว.ต่างประเทศสรุปรายงานที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพุธที่ 13 พ.ค. ว่า ผู้นำประเทศคู่เจรจาที่จะเดินทางมาร่วมการ ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจา ในเดือน มิ.ย. มีจำนวนเท่าใด

ที่รัฐสภา เมื่อ เวลา 15.00 น.วันนี้ (12 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีมีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี มีชื่อเป็นผู้ร่วมประมูลเกาะในประเทศมอนเตเนโกรซึ่งจะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้วีซ่าเสรีในการเดินทางเข้าสหภาพยุโรปทันที ว่า ตนเห็นรายงานแล้วแต่ยังไม่มีอะไรยืน ยัน กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการติดตามเรื่องนี้อยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อถึงการตอบรับของผู้นำประเทศคู่เจรจาที่จะเดินทางมาร่วมการ ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจา ในเดือน มิ.ย.ว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะสรุปรายงานที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพุธที่ 13 พ.ค.

ข่าวจาก thairath.com
ข่าววันที่ 13/5/2552 7:16:27 น.

---------------------------------------

กรณีประเทศฮ่องกง

การเมือง
วันที่ 9 มีนาคม 2552 10:00
กษิตรับติดต่อฮ่องกงส่งทักษิณ ผู้ร้ายข้ามแดน

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

(Update) "สุเทพ"เมิน "ทักษิณ" โฟนอินขย่มรัฐบาล ปลุกขวัญคนเสื้อแดง ขณะที่ รมว.ต่างประเทศรับประสานทางการฮ่องกง ส่งผู้ร้ายข้ามแดน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ตนเคยเรียนแล้วว่าจะไม่พูดเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดอย่างไร ตนก็ไม่สนใจ ส่วนรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณยังออกมาโฟนอิน นายสุเทพ กล่าวว่า ตนก็จะทำงานในส่วนที่ได้รับมอบหมาย เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน โดยไม่ได้สนใจเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ สำหรับกรณีที่มองว่าการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณจะบั่นทอนการทำงานของรัฐบาล นั้น ก็เป็นแค่เพียงมุมมองของสื่อ เราเป็นประเทศเสรีประชาธิปไตย การจะโฟนอิน ก็ถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ เชื่อว่ารัฐบาลยังสามารถทำงานได้ตามปกติ และเชื่อว่าประชาชนจะเห็นความตั้งใจของรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลพยายามบอกว่าไม่หวั่นไหวกับการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็มีการมอบหมายให้โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาตอบโต้เป็น ระยะ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้สั่งการโฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้ตอบโต้ แต่มองว่า การออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองถือว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อเห็นว่าสิ่งใดถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้

เมื่อถามว่าแนวปฏิบัติที่รัฐบาลไม่ตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ตนไม่อยากเสียเวลากับเรื่องเช่นนี้ เพราะจะรีบทำงานในสิ่งที่ได้รับผิดชอบมากกว่า

ส่วนกรณีที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่ารัฐบาลได้ประสานงานกับทางการฮ่องกงเพื่อขอให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมารับโทษที่ประเทศไทย นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนประสาน ต้องไปถามคนอื่น เพราะมองว่าคนที่มีหน้าที่ก็ต้องทำงานไปตามหน้าที่

ต่อข้อถามว่าถ้าทางการฮ่องกงประสานส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ขอให้ส่งมา เรายินดีรับอยู่แล้ว

ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่า มีการประสานงานกับทางการฮ่องกง เพื่อนำตัวอดีตนายกรัฐมนตรีกลับมาดำเนินคดีในไทย โดยรมว.ต่างประเทศระบุว่า ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งใคร แต่เป็นการทำตามหน้าที่

-----------------------------------------------------------------

การเมือง : บทวิเคราะห์
วันที่ 16 พฤษภาคม 2552 08:00
อภิสิทธิ์ เดินสายแจงนักธุรกิจฮ่องกงย้ำไทยยังน่าลงทุน-จี้ทักษิณกลับประเทศ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

นายกฯ พร้อมคณะบินเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงฮ่องกงแล้ว พบนักธุรกิจ-สื่อ หวังสร้างความเชื่อมั่น คงระดับการท่องเที่ยวร่วมกัน

วานนี้(15 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายก รัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเกียรติ สิทธีอมร ผู้แทนการค้า นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หารือกับนายโดนัลด์ เจิง (Donald Tsang) ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง ที่ทำเนียบผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการหารือว่า ประเด็นที่มีการพูดคุยกัน คือ เรื่องการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ และปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งฮ่องกงกับไทยจะมีปัญหาคล้ายกัน และได้จับตาเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ในเรื่องการขยายความร่วมมือ ฮ่องกงต้อง การให้มีการเจรจาข้อตกลงทางการค้า ซึ่งจะมีการยื่นข้อเสนอมาและหารือร่วมกันต่อไป นอกจากนี้ ยังหารือถึงการขยายการค้า การลงทุน เพราะทั้งไทยและฮ่องกงเป็นประตูไปสู่ภูมิภาคเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ โดยไทยเป็นประตูสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ฮ่องกงเป็นประตูสู่จีน

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการพบปะกับภาคธุรกิจและเอกชนในระหว่างการรับประทานอาหารกลางวัน ที่สภาพัฒนาการค้าฮ่องกงเป็นเจ้าภาพ ว่า มีนักธุรกิจฮ่องกงสนใจ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยค่อนข้างมาก จึงอธิบายถึงแนวทางการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งมีการเตรียมการและวางแผนมาตั้งแต่เริ่มต้นรัฐบาล และสามารถปฏิบัติตามแผนได้ ตามตารางเวลาและตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

“สิ่งที่น่ายินดีคือ คำถามของนักธุรกิจแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่ยังจะขยายการค้า การลงทุน กับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร หรือลู่ทางการลงทุนที่เกิดขึ้น ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการภาครัฐ หรือการลงทุนกับภาคเอกชนด้วยกันเอง และจากการพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนักธุรกิจก็มีการตอบรับในทางที่ดี” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ในช่วงเย็นนายอภิสิทธิ์ ได้พบปะนักลงทุนด้านการเงินและนักลงทุนที่เป็นนักธุรกิจรายใหญ่ เพื่อหารือรายละเอียด และจะมีการอธิบายถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย กับพบสื่อฮ่องกงและต่างชาติ รวมถึงแนวทางการทำงานต่างๆ ของรัฐบาล

นอกจากนั้น นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าวสุนทรพจน์ ระหว่างงานเลี้ยงอาหารกลางวัน ซึ่งสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง เป็นเจ้าภาพ ยืนยันว่า ไทยยังคงเป็นประเทศที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว และเป็นแหล่งที่น่าสนใจของนักลงทุน และว่า สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่ เจรจาที่พัทยานั้น รัฐบาลได้ดำเนินการโดยสันติวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง และไม่สร้างความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับผู้ชุมนุม รัฐบาลยืนยันจะใช้หลักนิติธรรมในการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้บ้านเมืองกลับมาสู่ความสงบ และมีเสถียรภาพเพื่อความมั่นคงทางการเมือง แม้ประเทศไทยยังมีความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการเมือง แต่รัฐบาลไทยยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนตลอดไป

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน ถึงแม้ว่าวิกฤติทางการเงินจากสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมทั้งประเทศไทย แต่ยืนยันได้ว่าสถาบันการเงินไทยยังเข้มแข็ง และมีเงินสำรองเพียงพอ แต่สิ่งที่ตนกังวลมากที่สุดคือเป็นห่วงกลุ่มคนยากจน คนด้อยโอกาส จึงได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยกลุ่มคนเหล่านี้ และหนึ่งในนั้นคือการให้เงินสนับสนุนการศึกษาฟรี และมีโครงการฝึกอบรมต่างๆ ซึ่งเมื่อได้ความรู้แล้วคนเหล่านี้จะได้กลับไปพัฒนาท้องถิ่นของตัวเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้ดำเนินนโยบายทั้งด้านการเงินและการคลัง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการส่งออก ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสูง รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย เพราะนอกจากจะเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ และเน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน และจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน และการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ในเดือน ต.ค. ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน โดยจะสานต่อข้อริเริ่มเชียงใหม่ต่อไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้พบปะกับสื่อต่างชาติและสื่อฮ่องกง และได้มีการซักถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า การเดินทางมาฮ่องกงครั้ง นี้เป็นครั้งแรก หลังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แม้จะมีเวลาสั้นเพียง 11 ชั่วโมง แต่ถือเป็นการเดินทางมาที่สำคัญ ตนได้พบกับนักธุรกิจฮ่องกง และยืนยันความสัมพันธ์ไทยและฮ่องกงที่มีความก้าวหน้า เติบโต ทั้งด้านการค้าการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยว

" การเดินทางมาครั้งนี้ ได้อธิบายให้เข้าใจถึงสถานการณ์ในประเทศไทย เพราะทราบว่าคนฮ่องกงติดตาม สถานการณ์ตลอด ซึ่ง 2-3 ปีที่ผ่านมายอมรับว่า มีความขัดแย้งทางการเมือง มีผู้ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล สนามบิน ท้องถนน แต่รัฐบาลชุดนี้พร้อมประนีประนอม แก้ปัญหาโดยสันติวิธี และพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง"

ด้านสื่อต่างชาติ ได้สอบถามนายกรัฐมนตรีว่า เป็นเสื้อเหลืองหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบติดตลกว่า เหลืองกับแดงรวมกันกลายเป็นส้ม ตนเป็นเสื้อสีส้ม และยืนยันจะดำเนินคดีทุกคดีภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสีใดก็ตาม

นอกจากนี้ สื่อต่างชาติยังได้สอบถามถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เคยใช้ฮ่องกงเป็นฐานในการเคลื่อนไหว ได้เจรจากับทางฮ่องกงหรือ ไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่เกี่ยว แต่ก็มีการเจรจาทำสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งพยายามทำกับทุกประเทศ ไม่ใช่ทำเฉพาะเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น

คำถามสุดท้าย ได้มีสื่อต่างชาติถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ มาอยู่ที่ฮ่องกง จะบอกอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนไทย และรัฐบาลไทยให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แน่นอน ดังนั้น ขอให้กลับมาสู่กระบวนการยุติธรรมที่เมืองไทย

นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึงจุดยืนที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า พูดเสมอว่าจะปฏิบัติกับ พ.ต.ท.ทักษิณเหมือนคนไทยคนอื่นๆ คือ ต้องมารับผิดชอบทางกฎหมาย และจะไม่มีการกลั่นแกล้ง รัฐบาลพร้อมให้ความยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ในการพบกับผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะ มีแต่เรื่องเศรษฐกิจและไข้หวัดใหญ่ 2009 ส่วนข้อตกลงอื่นๆ ที่ทำกัน รวมทั้งสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็เป็นเรื่องที่จะเดินหน้าต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การได้มีโอกาสพบกับสื่อต่างชาติถือเป็นโอกาสดีที่ได้ชี้แจง ซึ่งหลายคำถามของสื่อต่างชาติพอจะทราบว่ามีบางเรื่องที่ยังไม่แน่ใจและอยาก ฟังจากผู้กำหนดนโยบาย ซึ่งการที่ได้อธิบายก็คงมีคนที่พอใจและอาจจะมีคนที่ยังมีคำถามอยู่ก็เป็น เรื่องธรรมดา แต่ก็ดีกว่าเราไม่มีโอกาสมาให้มุมมอง

--------------------------------------------------