บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


09 พฤษภาคม 2552

<<< วันสันติภาพโลก >>>

มีการกำหนดให้ วันวิสาขบูชา เป็น วันสันติภาพโลก มาหลายปีแล้ว
และปีนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังไปกล่าวสุนทรพจน์เน้นทางสายกลางแบบนี้

"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งกล่าวในพิธีเปิดการจัดกิจกรรมนานาชาติ เนื่องในวันวิสาขบูชาโลกประจำปี 2552 ขอให้ทุกคนยึดทางสายกลางตามแนวทางพระพุทธศาสนา เพื่อนำโลกออกจากวิกฤติความขัดแย้งไปสู่สันติสุข และการพัฒนาที่ยั่งยืน"

แต่ผมดูแล้ว
คงเหมือนที่พูดเรื่องจะนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
มาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ซึ่งก็เห็นมีแต่
กู้แหลก แจกสะบัด ซัดภาษีอาน
ซึ่งไม่รู้ว่าตรงกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ที่ชอบเอาไปอ้างหรือเปล่า
นี่ก็เหมือนกัน
เรื่องพูดให้ดูดี พูดให้ไพเราะน่าฟัง
ต้องยกนิ้วให้
แต่เรื่องปฏิบัติตามที่พูดหรือไม่
เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เที่ยวอ้างทางสายกลาง
เพื่อทำให้เกิดสันติสุข
แต่เห็นเร่งหาเรื่องจะดำเนินคดี
แกนนำคนเสื้อแดงบ้าง
คนที่ขึ้นไปปราศรัยบนเวทีบ้าง
แต่กรณีของพันธมิตรตอนนี้เงียบไปแล้ว
แถมยังมีจัดกองกำลังเสื้อน้ำเงิน
เพื่อมาปะทะกับเสื้อแดงตามงานต่างๆ
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นแนวทางสายกลางของพุทธศาสนาหรือไม่
ซึ่งผมในฐานะคนพุทธคนหนึ่งผมว่าไม่ใช่
คือถ้าทำไม่ได้ก็อย่าไปพูด
เพื่อให้คำพูดเหล่านั้น
มามัดคอตนเองภายหลังเลย
หรือไม่เวลาจะลงจากเวทีปราศรัย
ก็บอกให้คนฟังเข้าใจว่า
สิ่งที่พูดเมื่อกี้พูดไปยังงั้นแหล่ะ
ไม่ต้องจำไม่ต้องเชื่อน่ะ
อันนี้ก็พอรับได้
แต่ถ้าพูดๆ แล้วดูหมือนจะทำจริง
ทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
มาแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจตอนนี้
ทั้งเรื่องจะนำแนวสันติวิธี
มาแก้ปัญหาวิกฤตความขัดแย้ง
แต่ทำตรงกันข้าม
จะพลอยทำให้ปรัชญาดีๆ ที่ชอบนำมาอ้าง
เสียไปด้วยเพราะชาวบ้านเขาจะคิดว่า
สิ่งที่รัฐบาลทำตอนนี้
เป็นไปตามที่พูด
เป็นไปตามแนวปรัชญาทีชอบนำมาอ้างจริงๆ

โดย มาหาอะไร

------------------------------------

'วิสาขบูชา'วันสันติภาพโลก

"วิสาขบูชา"วันสันติภาพโลก (Vesak the World Peace Day)

วันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ตรงกับวันวิสาขบูชา ซึ่งในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 54 เมื่อเดือน ธันวาคม 2542 กำหนดให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของสหประชาชาติ ให้ดำเนินกิจกรรม ณ สำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาในเดือนพฤษภาคมของทุกปี จนเป็นที่มาของวันวิสาขบูชาโลก ถือเป็นมิติใหม่แห่งการชุมนุมทางพุทธศาสนา โดยมีพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมจาก 80 ประเทศ กว่า 5,000 คน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงบูรณาการ และเชื่อมต่อทางด้านพระพุทธศาสนากับการพัฒนา

ในส่วนของประเทศไทยนับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้ รับเกียรติให้จัดกิจกรรมงานวันวิสาขบูชาโลกเป็นปีที่ 5 โดยที่ผ่านมาได้จัดที่ประเทศไทยมาแล้ว 4 ครั้ง และที่ประเทศเวียดนามอีก 1 ครั้งสำหรับปีนี้ เพื่อเป็นการสืบสานฉันทามติของชาวพุทธทั่วโลก และสอดคล้องกับนโยบายของคณะสงฆ์ และรัฐบาลไทย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย และคณะกรรมการสมาคมสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก จึงกำหนดจัดกิจกรรมการประชุมนานาชาติ เรื่อง “พระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาวิกฤติการณ์ของโลก” (Buddhist Approach to Global Crisis) ณ สำนักงานพุทธมณฑล จ.นครปฐม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ
พระธรรมโกศาจารย์ ประธานสมาคมสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก (ICUNDV) กล่าวว่า ขณะที่โลกกำลังเผชิญวิกฤติการณ์อย่างแสนสาหัส ก่อให้เกิดเสียงร้องไห้ หยาดน้ำตา ความสิ้นหวัง ภาวะความอับจนหนทางและโอกาส พระพุทธศาสนาจะช่วยเยียวยาโลกที่กำลังบอบช้ำอยู่นี้ได้ฟื้นคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ เปี่ยมด้วยความรัก และความสงบสุขอีกครั้ง สอดคล้องกับสุนทรพจน์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งกล่าวในพิธีเปิดการจัดกิจกรรมนานาชาติ เนื่องในวันวิสาขบูชาโลกประจำปี 2552 ขอให้ทุกคนยึดทางสายกลางตามแนวทางพระพุทธศาสนา เพื่อนำโลกออกจากวิกฤติความขัดแย้งไปสู่สันติสุข และการพัฒนาที่ยั่งยืน

สำหรับประเทศไทย เหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นฝันร้าย และบทเรียนครั้งสำคัญของพุทธศาสนิกชนชาวไทย หนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นให้มลายหายไปก็คือ การเดินสายกลางตามแนวทางพระพุทธศาสนา การให้อภัยซึ่งกันและกัน และการใช้สติ เมตตา ปัญญา ยึดมั่นอยู่ในการไม่เบียดเบียนกัน เพียงเท่านี้พวกเราก็จะไม่ประสบเหตุการณ์เลวร้ายอย่างที่ผ่านมา วันวิสาขบูชาในปีนี้ ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนชาวไทยได้ตั้งมั่นอยู่ในทางสายกลาง ไม่ซ้ายสุดโต่ง ไม่ขวาสุดลิ่ม ให้สมกับเจตนารมณ์ที่ต้องการให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสันติภาพโลก.

แก้ปัญหาการเมืองตามแนวทาง พระพุทธศาสนา

ในวาระวันวิสาขบูชา ขอน้อมนำคำสอนของพระพุทธศาสนาในส่วนที่จะช่วยพัฒนาการเมือง แก้ไขปัญหาการเมืองในสังคมไทยได้มาเสนอให้พิจารณากันดังนี้

“ความหมายของ ‘การเมือง’ ควรต้องเนื่องด้วยธรรมะ นักภาษาศาสตร์ นิรุกติศาสตร์ หรือแม้แต่พวกนักการเมืองเองก็อธิบายความหมายของคำว่า ‘การเมือง’ ไว้อย่างนั้นบ้างอย่างนี้บ้าง อย่างโน้นบ้าง บางอย่างก็แทบจะไม่มีปัญหาอะไร แต่พอจะจับใจความสำคัญได้ว่า หมายถึงการจัด การทำ ให้คนที่อยู่กันมาก ๆ นั้นอยู่กันด้วยสันติสุข ด้วยความสงบสุขอย่างแท้จริง นี้คือความหมายของคำว่าการเมืองที่ถูกต้อง ที่บริสุทธิ์

แต่ถ้าความหมายของการเมืองมันเปลี่ยนเป็นไม่ถูกต้อง ไม่บริสุทธิ์ มันก็กลายเป็นคดโกง เหมือนอย่างที่กำลังเป็นอยู่ในเวลานี้

เรื่องการเมืองก็เลยกลายเป็นเรื่องคดโกง เรื่องเอาเปรียบกันระหว่างคนหมู่มากนั่นเอง

ทีแรกก็ตั้งท่าไว้ดีแล้ว ว่าจะจัดจะทำ จะช่วยกันปลุกปล้ำทุกอย่างทุกประการให้คนทุกคนในโลกนี้อยู่กันอย่างผาสุก แต่พอไปทำเข้าจริงมันก็กลายเป็นเครื่องมือสำหรับคดโกงซึ่งกันและกัน เอาเปรียบคนอื่น จะให้เป็นสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปแต่พวกของตัว เอาเปรียบคนอื่นได้ลงคอ การเมืองเลยกลายเป็นเรื่องสกปรก

ทีนี้เรามองดูอีกทีหนึ่ง ว่าการเมืองอย่างบริสุทธิ์ก็ดี การเมืองอย่างสกปรกก็ดี ก็ยังต้องเนื่องกันอยู่กับธรรมะ หรือพระธรรมอยู่นั่นแหละ ถ้าการเมืองมันบริสุทธิ์ก็เป็นไปตามธรรมะ เนื่องอยู่กับธรรมะ เพราะประกอบอยู่ด้วยธรรมะ ทีนี้การเมืองสกปรกมันก็ไม่มีธรรมะ มันก็ขาดธรรมะ มันก็เนื่องกันอยู่กับธรรมะในข้อที่ว่า มันขาดไปเสียหรือมันผิดไปเสีย หรือว่ากำลังต้องการธรรมะเข้ามา ประกอบกันเข้ากับการเมืองที่สกปรก เพื่อแก้ไขให้มันหายสกปรก ให้มันกลายเป็นการเมืองบริสุทธิ์” (“การเมืองกับธรรมะ” พุทธทาสภิกขุ)

การเมืองไทยขณะนี้มันสกปรก

เพราะมันสกปรก มันจึงเกิดเรื่องคอขาดบาดตาย คนไทยต้องหม่นหมองเป็นทุกข์กันอยู่

เมื่อเราเป็นทุกข์ ก็ต้องแก้ทุกข์ จะแก้ทุกข์ได้ก็ด้วยใช้ธรรมะเข้าไปแก้การเมืองให้มันบริสุทธิ์

พุทธภาษิตบทหนึ่งสอนไว้ว่า

“เมื่อเห็นประโยชน์ตน ก็ทำประโยชน์ตนให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เมื่อเห็นประโยชน์ผู้อื่น ก็ทำประโยชน์ผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เมื่อเห็นประโยชน์ทั้งสองฝ่ายคือทั้งตนและผู้อื่น ก็พึงทำประโยชน์ทั้งสองฝ่ายให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท”

“อย่าเห็นแก่ตัว” - เห็นแก่ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ของคนอื่น ถ้านักการเมืองทำได้ ปัญหาการเมืองไทยก็จะบรรเทาเบาบางลงเยอะ
...
http://www.osknetwork.com/modules.php?name=News&file=article&sid=3527

----------------------------------

อีกหนึ่งตัวอย่าง
การใช้แนวทางสายกลางไปขมขู่คนเขียนการ์ตูนล้อเลียน
จนมีประชาชนไปให้กำลังใจคุณเซีย
คนเขียนการ์ตูนล้อเลียนรัฐบาลมากไปจนโดนข่มขู่
นี่หรือแนวทางสายกลางที่ว่า


----------------------------------

" กลุ่มประชาชน คนรักเซีย แห่เข้าให้กำลังใจ" เมื่อวันที่ 8 พ.ค 52 เวลาประมาณ 10.30 น ได้มีกลุ่มประชาชนคนรักเซีย ประมาณเกือบ 20 คน ได้เดินทางเข้าพบ เซีย ไทยรัฐ
เพื่อยื่นหนังสือและช่อดอกไม้ ให้กำลังใจ กรณีที่ถูก นาย สาธิต ปิตุเตชะ กก.บริหารพรรค ประชาธิปปัติย์จะไปร้องเรียน สภาการหนังสือพิมพ์ ให้ตรวจสอบจรรยาบรรณของ สื่อกรณี เซีย ไทยรัฐ เขียนการ์ตูนล้อ นายกฯ อภิสิทธิ์และมีตัวแทนออกมารับหนังสือ และช่อดอกไม้ แทน
ผู้มาให้กำลังใจ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า "สิ่งที่รัฐบาล อภิสิทธิ์ทำกับสื่อ โดยเฉพาะการกีดกัน หรือไม่ให้ความเป็นอิสระในการนำเสนอข่าว นั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และเป็นการปิดกั้น ข่าวสาร ข้อเท็จจริง กับประชาชนโดยตรง และเจตนานี้ ทางกลุ่ม ยอมรับไม่ได้ และการที่คอลัมน์นิส ที่เขียนการ์ตูนล้อการเมือง เพียงกรอบเล็ก ๆ แค่นี้ รัฐบาลก็จะจัดการและมองว่า รัฐบาลกลัวจนเกินเหตุ
ซึ่งข้อกล่าวหา ทางกลุ่ม ประชาชนคนรักเซีย เห็นว่า ไม่ยุติธรรมกับเซีย และเป็นที่น่า สังเกตุว่า การ์ตูนล้อการเมือง ทำให้คนของ พรรค ปชป. ต้องออกหน้ามาทำถึงขนาดนี้ มันดูเหมือนเป็นเรื่องตลก ..และทางกลุ่มฯ ขอให้เซีย ได้ ต่อสู้ และทำหน้าที่สื่อ อย่างเต็มที่ ..ต่อไป ."













จากคุณ : Hezballoh

----------------------------------------------