บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


24 มิถุนายน 2552

<<< เสื้อแดง เสื้อเหลือง ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ รากหญ้า ก็ประชาชนเหมือนๆ กัน >>>

มีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่าเทียมกัน
มีสิทธิที่จะได้รับการดูแลเหมือนๆ กัน
และมีสิทธิที่จะชอบไม่ชอบพรรคการเมืองใดก็ได้เหมือนๆ กัน
เช่น ตอนนี้บางคนอาจเชียร์พรรคนั้นพรรคนี้
อนาคตเขาอาจเปลี่ยนพรรคก็เป็นสิทธิของเขา
หรือบางพวกอาจไปเข้าร่วมกับพวกพันธมิตร
อนาคตเขาจะเปลี่ยนข้างก็เป็นสิทธิของเขา
ไม่มีใครไปกำหนดบังคับได้ว่า
จะต้องชอบพรรคนั้นพรรคนี้ไปตลอดชีวิต
หรือถ้าไปร่วมกับพวกเสื้อเหลืองพันธมิตรแล้วห้ามเปลี่ยนข้าง
หรือแม้แต่มาร่วมกับพวกเสื้อแดงก็ห้ามเปลี่ยนข้าง
ไม่มีใครสามารถไปกำหนดได้
เป็นสิทธิเต็มที่ของแต่ละคน
และการที่คนเปลี่ยนข้าง
จะเพราะสาเหตุอะไรก็แล้วแต่
การผลักเขาให้กลับไปอยู่ที่เดิม
ห้ามเปลี่ยนข้าง
เป็นวิธีการที่ถูกต้องแล้วหรือ

เท่าที่รู้มาในศาสนาคริสต์ อิสลามหรือแม้แต่พุทธ
ก็ยังเคยมีการรับคนเปลี่ยนข้าง
หรือเคยเป็นศัตรูสู้รบกันมา
หรือเคยทำบาปมากมายมาเป็นสาวก
และกลายเป็นกำลังสำคัญ
ในการเผยแพร่ศาสนานั้นๆ ในเวลาต่อมา
อย่างในพุทธศาสนา
ทั้งองคุลีมารและพระเจ้าอโศกมหาราช
อดีตก่อนหน้าผมว่าสาหัสสากรรจ์
กว่าพวกที่เคยทำผิดปิดนั่นปิดนี่
หรือทำอะไรไม่ดีในทางการเมือง
ของทุกสีเสื้อในเวลานี้อีกน่ะ
การให้อภัยคนที่เคย ทำผิด คิดผิด ทั้งหลาย
ของ 3 ศาสนาใหญ่ของโลก
ผมไม่เห็นว่าศาสนาเขาจะเสื่อมอะไร
กลับเติบโตจนมีผู้เลื่อมใสมากมายในปัจจุบันนี้ด้วยซ้ำ
จะเห็นว่าหลักการให้อภัย
มีอยู่ในทุกศาสนาหลักใหญ่ๆ ของโลก
และสามารถช่วยทำให้คนกลับตัวกลับใจมานักต่อนักแล้วด้วย

ดังนั้นการจะเน้นแนวทางเกลียดชัง
พวกใครพวกมัน
ไม่เห็นจะมีผลดีตรงไหน
เพราะถึงยังไงก็ทำไม่ได้ทั้งหมดในทางปฏิบัติ
นั่นก็ญาติพี่น้อง นั่นก็เพื่อนฝูง
ส่วนตัวผม ช่วงแรงๆ ยังเคยตัดญาติขาดมิตรไปหลายคน
แต่มาคิดๆ ดูแล้ว มันก็สิทธิของเขา
ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยเสียด้วย
เขาจะชอบพวกนั้น เกลียดพวกนี้ มันก็สิทธิของเขา
วันนั้นเกลียด วันหน้าอาจเฉยๆ
หรือวันก่อนรัก วันนี้เกลียด ก็มีให้เห็นเป็นประจำ
ไม่เห็นจะต้องไปเกลียดชังเขาตอบเลย
เมื่อวันวานกับวันนี้
แม้แต่ตัวผมเอง
ความคิดมันยังเปลี่ยนไปได้
ทุกๆ คนก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น
แต่การเปลี่ยนแปลงใดๆ
ควรมีหลักยึดในแนวทางที่น่าจะดีกว่าเดิม

ส่วนพรรคการเมือง
ไม่ว่าจะเป็นพวกเคยหนุนหลังเสื้อเหลือง
หรือหนุนหลังเสื้อแดงมาก่อน
เมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้ว
จะมาแบ่งแยกไม่ได้ว่าพวกนั้นไม่ใช่พวกเรา
พวกนี้เคยเชียร์พรรคพวกนั้น
จะไม่ช่วยหรือไม่แก้ปัญหาอะไรให้
ถ้าเป็นแบบนี้ไม่มีวันจบหรอกครับ
พวกไหนมาเป็นก็เจออีกพวกป่วนกันไม่เลิก
จนอาจกอดคอกันจมไปพร้อมกับเรือที่มาด้วยกันก็ได้

ที่จริง ไม่ว่าจะเป็นพวกเสื้อแดง เสื้อเหลือง
เป็นข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ
หรือรากหญ้า ก็ประชาชนเหมือนๆ กัน
ซึ่งพวกเขาอาจมาร่วมต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย
เพราะรักประชาธิปไตยอย่างเดียว
หรือเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเองอย่างเดียว
หรือทั้งสองอย่าง
ก็เป็นสิทธิของพวกเขาแต่ละคน
เพราะถ้าจะเรียกร้องประชาธิปไตย
แล้วได้รัฐธรรมนูญที่พอใจ
ก็ถือว่าเป็นประชาธิปไตยแล้ว
ไม่สนใจปัญหาความเดือดร้อนใดๆ ของมวลชน
สนใจจะแก้รัฐธรรมนูญอย่างเดียว
ใครมีปัญหาเดือดร้อนอะไร
ห้ามเข้ามายุ่งมาร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยด้วย
ผมว่าในมวลชนคนเสื้อแดง
จะเหลือไม่กี่คน
ที่มาเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยเพียวๆ
ไม่มีเรื่องผลประโยชน์อื่นแฝงมาด้วย
ตอนนี้จะว่าไปแล้ว
ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
รวมไปถึงคนที่บอกว่ารักประชาธิปไตย
ก็ยังเข้าใจประชาธิปไตยกันไปคนละทิศคนละทาง
ถ้าการเรียกร้องประชาธิปไตยไม่เกี่ยวข้อง
กับความเดือดร้อนและปากท้องแล้ว
ถ้ามีลัทธิอื่นที่เขารับเอาความเดือดร้อน
ของชาวบ้านมาร่วมในการเรียกร้องร่วมกับลัทธินั้น
ผมว่าชาวบ้านส่วนใหญ่เขาก็อยากเรียกร้องลัทธิที่จับต้องได้
และมีผลกับปากท้องเขามากกว่าก็ได้น่ะ
เพราะมันเป็นรูปธรรมมากกว่านามธรรม
จะไปว่าเขาก็ไม่ได้ด้วย
เพราะว่ามวลชนที่เห็นทุกวันนี้
ไม่มีใครสามารถบอกได้ชัดเจนว่า
มาเพราะรักประชาธิปไตยและเข้าใจกันจริงๆ กี่คน
แทบเกือบทั้งหมดพบว่า
มาเพราะต้องการเรียกร้องเรื่องนั้นเรื่องนี้แฝงมาด้วย
ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติสำหรับสถานการณ์ในไทยในเวลานี้
และถ้าเขาจะเข้าใจว่า
การนำปัญหาเดือดร้อนส่วนตัว
มาร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย
ก็คือการเรียกร้องประชาธิปไตย
และตั้งความหวังว่า ถ้าได้รัฐบาล
จากพรรคที่ร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย
ปัญหาเรื่องปากท้องของเขา
จะได้รับการแก้ไข
ไม่ว่าจะเรื่องการทำมาหากินของรากหญ้า
จนถึงพ่อค้านายทุนอะไร
รวมไปถึงพวกค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจด้วย
ก็ไม่น่าจะไปด้วยกันไม่ได้อะไร
ซึ่งพรรคที่อยากจะมาเป็นรัฐบาล
ก็ต้องมีแนวทางแก้ปัญญากับมวลชนทุกกลุ่ม
เพื่อให้เขาศรัทธาว่า
ลัทธิประชาธิปไตยแก้ไขปัญหาของพวกเขา
ได้ดีกว่าลัทธิการปกครองแบบอื่น

และที่สำคัญ
ยุทธวิธีในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย
ก็ต้องคำนึงถึงปากท้องประชาชนทุกหมู่เหล่าด้วย
ยุทธวิธีที่เน้นเอามันเอาสะใจ
เพื่อต้องการทำลายระบบเศรษฐกิจทั้งระบบ
ก็ไม่ใช่ยุทธวิธีที่ชาวบ้านเขาอยากจะหนุน
เพราะทุกคน ก็รักตัวเอง รักญาติ
รักพี่น้อง รักเพื่อนฝูง และรักสมบัติ
ถ้ายุทธวิธีเหล่านั้นเขารู้ว่า
มันจะไปกระทบกับสิ่งที่เขารัก
เขาไม่ทำตามหรอก
เผลอๆ จะต่อต้านเอาด้วย
บางคนตอนนี้ไม่ทันคิดอาจเฮโลกันไป
แต่ถ้าวันหนึ่งเขาคิดได้
เขาจะออกมาต่อต้านแนวคิดนั้นแน่นอน
และถึงระบบเศรษฐกิจพัง
คนที่ลำบากก็ไม่พ้นคนกันเอง
รวมไปถึงครอบครัวเขาและญาติพี่น้อง
แต่คนที่มีอำนาจ มีฐานะดี
ถึงกระทบแต่ก็มีปัญญาหาทางรอดปลอดภัยกันหมด
มันเหมือนนั่งเรือมาลำเดียวกัน
ไม่พอใจกัปตัน พาลเจาะเรือเล่น
ผลก็จมไปพร้อมกัน
อาจสะใจสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่บนเรือลำนั้น
ที่ไม่ได้รับผลกระทบด้วย
และคนมีเงินมีอำนาจ
ก็อาจมีคนมาช่วย
พาหนีลงเรือเล็กไปก่อนที่เรือจะจมก็ได้
แต่ชาวบ้านทั่วๆ ไป
จมไปพร้อมกับเรือลำนั้นแน่นอน

ดังนั้นการทำอะไรต้องคิดเสมอว่า
คนทั่วไปเขาก็ต้องการปกป้องผลประโยชน์ของเขา
และพวกอื่นก็สามารถทำตามได้แบบเดียวกัน
การจะใช้วิธีการใดๆ
ต้องคิดถึงอนาคตด้วย
อย่าเน้นสะใจกันอย่างเดียว
และอย่าเที่ยวมาแบ่งแยกผลักไส
ใครคิดต่าง ไม่ใช่พวก
หรือให้ไปตั้งก๊กใหม่อะไร
เพราะมันจะเหมือนกับความคิดของฝ่ายนู้น
ที่ไล่คนคิดเห็นต่างไปอยู่ต่างประเทศยังไงยังงั้น
ผมอยากจะบอกแค่ว่า
ผมมาร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยที่ดีกว่าเดิม
ไม่ได้มาร่วมเรียกร้องเผด็จการที่ดีกว่าเดิม
และต่อไปถ้า พท. กลับมาเป็นรัฐบาลอีก
ผมจะทำหน้าที่ตรวจสอบ
เหมือนที่ตรวจสอบรัฐบาลนี้
จะไม่ปิดปากปล่อยไปเหมือนก่อน
ที่บางทีเกรงใจไม่อยากพูด
เพราะไม่อยากขัดใจ
ซึ่งอาจพากันเข้ารกเข้าพงกันหมดก็ได้

โดย มาหาอะไร