วันที่ไปร่วมม็อบ 27 มิ.ย.
ขากลับผมกลับรถแท็กซี่
ระหว่างทางได้สนทนากับคนขับรถแท็กซี่หลายเรื่อง
เกือบชั่วโมง ตั้งแต่ขึ้นรถจนถึงบ้าน
ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นแท็กซี่เสื้อหลืองหรือเสื้อแดง
เดาใจไม่ออก
เพราะผมไปโบกรถแถวถนนราชดำเนินบริเวณ รร.รัตนโกสินทร์
ซึ่งดูแล้วแท็กซี่คันนี้ก็ไม่ได้คิดเลี้ยวเข้าสนามหลวง
ขึ้นไปก็ได้ยินเสียงปราศรัยของทักษิณช่วงท้ายๆ แล้ว
เขาถามผมประมาณว่า
มาชุมนุมแบบนี้เมื่อไหร่ชนะ
หรือทำไมแกนนำไม่ประกาศชัยชนะ
หรือคิดจะทำอะไรให้ชนะไวไว
อะไรทำนองนี้เกี่ยวกับว่าเมื่อไหร่จะชนะ
ผมอาจจำมาไม่ได้ทั้งหมดทุกคำเอาคร่าวๆ แล้วกัน
ผมก็ตอบไปว่า
คุณจะให้เขาประกาศชัยชนะร้อยกว่าครั้ง
เหมือนพวกพันธมิตรหรือ
มันมีอะไรดีขึ้นมา
แล้วผมก็เริ่มเทศนาเรื่องที่ผมได้เคยเขียนไว้หลายเรื่อง
ในหมวดกลยุทธ์ หรือข้อคิด คติธรรมในเว็บของผมนั่นแหละ
ประมาณว่าถ้ารวมคนได้พอสมควร
ก็พาไปลุย สุดท้ายก็วนกลับมาจุดเดิม
เริ่มนับหนึ่งใหม่อีก
แถมคนที่ไม่กล้ามาอยู่แล้ว
ก็ยิ่งไม่กล้ามากันใหญ่
เขาเลยถามผมว่า
คุณมาร่วมม็อบเพื่ออะไร
ผมก็ตอบไปทำนองว่า
มาถ่ายรูปและสังเกตุการณ์รอบๆ
แล้วกลับไปเขียนเล่าเรื่องราวให้คนไม่ได้มาฟัง
บางทีก็อาจอยู่ร่วมจนเลิกงาน
บางทีอาจกลับก่อน แล้วแต่โอกาส
ผมไม่ได้มาเพื่อเห็นชัยชนะอะไร
เพราะมันไม่ง่ายอย่างที่คิด
ดูๆ แล้วแกอาจเป็นพวกฮาร์ดคอร์
มีแนวคิดจ้องจะลุยแตกหักอย่างเดียว
อันที่จริงผมก็พูดหลายเรื่องเหมือนกัน
แต่อย่างว่าเดี๋ยวนี้ความจำสั้น
ถ้าไม่กลับมารีบบันทึกไว้ในช่วงที่ยังจำได้
ผ่านไปวันสองวันชักเริ่มจะลืมเลือน
มีอยู่เรื่องหนึ่งพอจำได้ว่า
ได้พูดกับคนขับแท็กซี่คันนั้นไป
คือถ้าทุกคนรอชัยชนะ
แต่ไม่มาร่วมชุมนุม
แล้วเมื่อไหร่จะชนะ
หรือมาฟังปราศรัยเสร็จ
แยกย้่ายกันกลับบ้าน
งวดหน้ามาใหม่คนก็เท่าเดิมนั่นแหละ
ถ้าไม่คิดกลับไปชวนคนที่ไม่เคยมา
ให้มาร่วมได้สักคนสองคน
แล้วจะชนะกันยังไง
เรื่องนี้เห็นได้ชัด
จากตัวอย่างกลุ่ม นปช.ดอนเมือง
ที่ผมเพิ่งไปร่วมกับเขา
และเพิ่งจะมีการรวมกลุ่มกันไม่กี่วัน
มีคนมาทำบัตรสมาชิกมากขึ้น
ตอนนี้เข้าใจว่าจะเป็นร้อยแล้วมั้ง
แต่เวลาจะมาร่วมม็อบ
เหลือไม่ถึงสิบคน
มีพวกที่ขับรถมาก่อนไม่กี่คน
รวมๆ สักสิบคนได้
ส่วนใหญ่ก็ขาประจำเก่าๆ
เคยมาร่วมม็อบกันบ่อยๆ อยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าแต่ก่อนต่างคนต่างมากันเอง
ส่วนหน้าใหม่ไม่มีใครมาเลย
ถ้าเป็นแบบนี้จัดชุมนุมกี่หน
คนก็เท่าเดิมหรือเพิ่มไม่มาก
ซึ่งก็ต้องหาวิธีพาคนที่ไม่เคยมา
มาร่วมชุมนุมให้ได้สักครั้ง
แต่ก็ไม่ง่ายนักหรอก
ขนาดเซลส์ขายของสักชิ้นยังขายยาก
การจะพาใครสักคนไปชุมนุมยิ่งยากมากกว่า
เพราะว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวพันถึงชีวิตของเขา
ที่เขาอาจจะเห็นว่ามันเสี่ยง มันไม่ปลอดภัย
ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ
ยกเว้นพวกที่เคยมาแล้ว
นั่นแทบไม่ต้องชวนมากแล้ว
นอกจากไม่ต้องชวนแล้ว
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพต้องบอกว่า
บางคนอาจต้องล็อคคอไว้
ไม่ให้รีบออกไปลุยด้วยซ้ำ
ผมยังพอจำความรู้สึกวันแรกที่ผมไปม็อบได้
ขนาดไปม็อบฟังทักษิณปราศรัยหาเสียง
ยังรู้สึกกลัวๆ กล้าๆ ขนาดมาฟังฝ่ายรัฐบาลปราศรัย
แล้วคนที่เขาจะมาร่วมม็อบ
เพื่อต่อต้านฝ่ายรัฐบาลยิ่งต้องกล้ามากกว่า
ผมเคยไปม็อบต่อต้านรัฐบาลครั้งแรก
คือม็อบวันรัฐธรรมนูญปี 49
หลังการรัฐประหารไม่กี่เดือน
นั่นก็จำความรู้สึกได้ดีว่า
รู้สึกกลัวกว่าไปครั้งแรก
แถมมีการเดินไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วย
แม้จะระยะทางไม่ไกล
แต่ผมก็อยู่หลังๆ ด้วยความกลัวๆ กล้าๆ
เดี๋ยวนี้ซ่าส์ไปอยู่แถวหน้าๆ เหมือนกัน
จากที่ไปร่วมม็อบเรื่อยๆ
ทั้งของกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ
และขององค์กร19 กันยาต่อต้านรัฐประหารอะไร
จากอาทิตย์ละหนสองหน
จนไปวันเว้นวัน ในช่วง นปก. และ นปช.
ติดกันหลายเดือนอยู่ช่วงหนึ่ง
จนเดี๋ยวนี้ จากกลัวจนกล้า
จนจะบ้ากับเขาแล้วเหมือนกัน
ตอนนี้จะมีสองพวกใหญ่ๆ ที่ต้องช่วยเขา
พวกหนึ่งคือพวกที่ยังไม่กล้ามา
กับอีกพวกหนึ่งกล้าจนรั้งแทบไม่อยู่
พวกหลังนี่ต้องพยายามทำความเข้าใจ
ด้วยสื่อที่เข้าถึงเขา เช่น วิทยุ เป็นต้น
เพราะว่าบางคนบางอาชีพ
ไม่มีเวลาติดตามสื่อทางอื่น
ส่วนสื่อดาวเทียม
บางทีชาวบ้านส่วนใหญ่
ก็ยังไม่มีเงินไปติดกัน
กลุ่มนี้ถ้าอธิบายด้วยเหตุผลดีๆ
เขาจะเข้าใจ
อย่างคนขับแท็กซี่คันนั้น
ตอนผมขึ้นรถกับตอนลงจากรถ
ผมสังเกตุว่าจากที่เขาไม่เห็นด้วยกับแนวคิดผม
กลับคล้อยตามในสิ่งที่ผมพูดให้ฟัง
คือเปลี่ยนจากอยากจะลุยท่าเดียวไม่ลุยไม่ชอบ
กลับมาเห็นด้วย
กับแนวนิ่งๆ เน้นเพิ่มจำนวนคน
เพื่อผลในวันข้างหน้า
ส่วนพวกแรกนี้ต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย
ฝ่ายแกนนำก็ต้องยึดจัดม็อบอยู่กับที่สักระยะก่อน
และต้องประชาสัมพันธ์บนเวที
ถึงวิธีหรือเรื่องที่ให้ผู้มาชุมนุม
หาคนมาเพิ่ม เน้นที่เขาทำได้ง่ายๆ
อาจนำคนที่เคยประสบความสำเร็จด้วยวิธีต่างๆ
มาบอกเล่าประสบการณ์
เผื่อเป็นแนวทางที่ชาวบ้านจะได้นำไปลองใช้บ้าง
ส่วนฝ่ายแนวหน้าที่ไปร่วมม็อบประจำ
ก็ต้องพยายามช่วยกันพาคนที่เป็นแนวร่วม
ที่ยังไม่ค่อยกล้าไปให้ได้สักครั้ง
ไม่ต้องตั้งเป้ามากหรอก
แค่คนเดียวก่อนถ้าเขาสามารถพาไปได้มากกว่า
ก็แสดงว่าทำได้ดีเกินคาด
เน้นที่แนวร่วมก่อนส่วนพวกที่ไม่ใช่แนวร่วมหรือพวกอื่น
ไม่ง่ายนักต้องใช้เวลาและโอกาสดีๆ
จุดประสงค์ที่ให้เขามาร่วมสักครั้ง
เพื่อให้เขาเห็นกับตาและซึมซับบรรยากาศ
ว่าคนที่คิดคล้ายๆ กับเขา
มีเยอะมากๆ เหมือนกัน
ไม่ใช่มีไม่กี่คนเหมือนแถวบ้านเขา
แค่นั้นก็พอแล้ว
อย่าไปคาดหวังว่าเขามาครั้งแรก
แล้วอยากร่วมเดินขบวนทันที
หรืออยู่ได้นานๆ จนเลิกอะไร
เน้นแค่ให้เขามาสัมผัสบรรยากาศก็พอแล้ว
ถ้าทำให้เขาติดใจจนอยากมาร่วมอีก
ก็นับว่าประสบผลสำเร็จแล้ว
ที่จริงแนวร่วมเสื้อแดง
ที่ต้องการมาร่วมม็อบมีจำนวนมากเหมือนกัน
ไม่ใช่เป็นพวกไม่กล้ามาหรือกลัวไปเสียหมด
แต่ไม่มีรถพาเขามาเพราะเท่าที่สัมผัสรับรู้มา
บางคนก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไร
บางคนไม่มีเงินเท่าไหร่
แถมบางคนยังไปกู้หรือยืมเงินเขามา
เพื่อจะมาร่วมม็อบด้วยซ้ำ
แม้แต่ผมเองยังต้องทำ OD
เผื่อบางช่วงมันช็อตหมุนเงินไม่ทัน
เพราะฉะนั้นชาวบ้านที่มีใจจำนวนมาก
แต่ขาดปัจจัยที่จะมาร่วม
ผมว่ายังมีเยอะมากๆ
เฉพาะในกรุงยังมีอีกมากมาย
พวกนี้ขอแค่มีรถฟรีพาเขามาได้
เขาพร้อมมาทันที
วันนั้นผมก็กะว่าจะช่วยค่ารถ
ถ้ามีคนจะไปเยอะๆ
อาจเหมารถสองแถว
แถวๆ นั้นสักคันสองคัน
ก็ประมาณคันละห้าหกร้อยบาท
จุคนได้สิบกว่าคนเหมือนกัน
แต่ว่ามีคนไปไม่ถึงสิบเลยกะไปแท็กซี่แทน
แล้วมีพี่กระบะใจดีผ่านมาจะเข้าไปทำธุระในเมือง
เลยอาศัยรถพี่เขาเข้ามากัน
อาจเป็นเพราะยังไม่ได้ไปประชาสัมพันธ์
ว่าจะมีรถฟรีพาไป
แต่ก็ไม่กล้าไปประชาสัมพันธ์แบบนั้นเหมือนกัน
เดี๋ยวมากันเกินคาดแล้วไม่มีคนออกเงินช่วย
ผมช่วยได้เต็มที่ครั้งละคันสองคัน
เดือนละครั้งสองครั้งเท่านั้น
มากกว่านั้นก็ไม่ไหวเหมือนกัน
เพราะเดี๋ยวต้องไปเบิกเงิน OD เพิ่มอีก
คือคนที่พอมีก็ต้องออกมากหน่อย
ถ้าจะเน้นหารกันก็คงลำบาก
เพราะคนไม่ค่อยมีก็คือไม่ค่อยมีจริงๆ
และก็ไม่อยากให้ระดมทุนอะไร
เพราะเห็นว่าเยอะแล้ว
เยอะจนแม้แต่ผม
ยังต้องหลบบางงานเหมือนกัน
ไปทุกงานก็ไม่ไหวเหมือนกัน
กะว่าจะเสนอให้ลองทำแบบธรรมชาติ
ว่าจะช่วยๆ กันเพิ่มคนได้ยังไง
ถ้าตูมเดียวใช้เงินเยอะๆ ก็ไม่ไหว
เพราะมันจะพึ่งเงินทุนมากเกินไป
ปกติผมจะขับรถไปเอง
จากที่ไปไหนมาไหนคนเดียว
พักหลังๆ ก็ชวนพี่ๆ อีก 2-3 คนนั่งมาด้วย
ก็เป็นการช่วยเพิ่มได้ระดับหนึ่งแล้ว
ถ้าทุกคนที่มีรถ
และขับมาร่วมม็อบเป็นประจำอยู่แล้ว
ก็ชวนคนแถวบ้านมาด้วยกัน
แค่นี้ก็ช่วยเพิ่มจำนวนคนให้ม็อบได้แล้ว
โดย มาหาอะไร
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.