<<< มุ่งหามวลชน ระดมคนให้มาก จากยากจะเป็นง่าย >>>

มีมวลชนมากๆ ย่อมได้เปรียบ
ดูมีพลังและมีอำนาจต่อรองสูงขึ้น
และยังดึงดูดคนมีสีมาเข้าร่วมด้วยง่ายๆ
ถ้ามุ่งไปหาคนมีสีแทนมวลชน
โอกาสได้มาเป็นพวกมีไม่มาก
แถมเขาก็มีอาวุธ ก็ต้องคิดว่าแน่เหมือนกัน
การเข้ามาเป็นพวกก็ต้องมีเงื่อนไขต่อรองเยอะแน่ๆ
แถมเขายังต้องฟังคำสั่งจากเจ้านายอีก
ซึ่งเจ้านายของเขา
ก็อิงกับพวกที่เห็นว่าจะชนะ
เช่นตอนนี้เป็นใคร
ก็ต้องไปอิงกับฝ่ายนั้น
เพราะดูเหมือนมั่นคงกว่าอิงฝ่ายการเมือง
และอาจดึงมาเข้าร่วมได้ไม่เยอะพอ
แถมเสี่ยงสารพัด
สู้มุ่งหามวลชนเยอะๆ ดีกว่า
มีความเป็นไปได้สูงกว่า
เมื่อฝ่ายไหนมีทีท่าจะชนะ
เดี๋ยวก็แย่งกันมาร่วมด้วยแบบไม่มีเงื่อนไข
และมวลชนยังเป็นเสมือนผนังกำแพงเหล็ก
ให้พิงเพื่อยันกับพวกมีสี
ที่คิดจะมาล้มในภายหลังได้อีกด้วย

เมื่อมีมวลชนมากๆ
ทั้งแนวหน้าและแนวร่วม
ที่พร้อมร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน
อะไรที่ว่ายากๆ จะดูเหมือนง่ายทันที
ดังนั้นควรตั้งหน้าตั้งตามุ่งหามวลชน
เน้นแบบไม่ผิดกฏหมายเป็นหลัก
อย่าเพิ่งวู่วามทำตามใจจนเสียงานใหญ่
ใครที่ยังไม่เคยมาร่วมชุมนุม
ก็พยายามพามาให้ได้สักครั้งสองครั้ง
และยังไม่ควรพามวลชน
ออกไปชนอะไรในตอนนี้
แค่สะสมมวลชนแบบถูกกฏหมาย
ให้เห็นตำตาแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับกันเป็นแถวแล้ว
เผลอๆ จะหาเรื่อง เพื่อพยายามกวาดล้างอีกด้วย
ดังนั้นควรยึดสงบ สันติ แบบสงบ สันติจริงๆ
ไม่ควรเลียนแบบ สงบ สันติเหมือนพวกเสื้อน้ำเงิน

ปล. การหามวลชนเพิ่ม
ไม่ควรเน้นเรื่องธุรกิจ
ควรเน้นว่าจะหามวลชนเพิ่มได้ยังไง
เช่น หาอาสาสมัครระดับท้องถิ่นเป็นหน่วยกระจายข่าว
ติดตั้งดาวเทียมลงไปแต่ละหมู่บ้านฟรี
ระดับอำเภอ ตำบล มีคอมพิวเตอร์ที่พิมพ์เอกสาร
หรือ Write CD แจกเพื่อเผยแพร่ข่าวสาร
โดยเฉพาะทำให้เปิดดูได้จากเครื่องเล่น VCD
ที่มีราคาถูกมากๆ ในเวลานี้
ควรมีหน่วยงานส่งข่าวแบบเดียวกับไปรษณีย์
แต่เน้นใช้เงินให้น้อยที่สุด
อย่างที่บอกมีคอมพิวเตอร์ Download ข้อมูล Write ลง CD
ก็เอาไปแจกในแต่ละหมู่บ้านได้แล้ว
ตอนนี้แผ่น CD เปล่าก็ราคาแสนจะถูก
จะทำให้มีโครงข่ายติดต่อสื่อสารได้ดีขึ้น
แต่เน้นอย่าไปทำสิ่งผิดกฏหมาย
เพื่อให้พวกนั้นหาเรื่องมาแกล้งสกัดได้แบบชอบธรรม
ควรจะอดใจเพิ่อขยายมวลชนให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ ก่อน

โดย มาหาอะไร