บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.
23 กรกฎาคม 2552
<<< ประชาชนจนๆ ต้องตายก่อน >>>
จากตารางด้านบน โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ 23 ก.ค. 52
จะเห็นได้ว่า เบนซิน95 พุ่งไปเกือบ 40 บาทต่อลิตร
ทั้งๆ ที่ราคาขายจากหน้าโรงกลั่น อยู่ราวๆ 16 บาทกว่าๆ
แต่ราคาขายปลีก ปาเข้าไปเกือบ 40 บาทขาดไปไม่กี่สตางค์
สรุปแล้วสำหรับคนใช้เบนซิน95
ต้องเสียค่าภาษี ค่ากองทุนน้ำมัน ค่าการตลาด
เท่าตัวกว่าๆ จากราคาขายหน้าโรงกลั่น
ในขณะที่ ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอลล์95 E85
หน้าโรงกลั่น 20 บาทกว่าๆ
แต่ราคาขายปลีกอยู่ที่ 21 บาทกว่าๆ
เพราะมีการนำเงินกองทุนมาอุดหนุน
เพื่อให้คนมีเงินที่ซื้อรถใช้น้ำมันชนิดนี้
ได้ใช้น้ำมันราคาถูกๆ
และรัฐยังปล่อยให้คนขายน้ำมันชนิดนี้
ทำกำไรต่อลิตรสูงกว่าน้ำมันประเภทอื่นๆ อีกด้วย
กราฟด้านบนแสดงให้เห็นอดีตราวๆ กลางปีที่แล้ว
ที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
ขึ้นไปอยู่แถวๆ 140 ดอลลาห์ต่อบาเรล
ทำให้ราคาขายปลีกช่วงนั้น
อยู่ราวๆ 40 บาทกว่าๆ
แต่ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 65 ดอลลาห์ต่อบาเรล
เบนซิน95 ก็เกือบ 40 บาทแล้ว
จะเห็นได้ว่าราคาน้ำมันขายปลีก
เทียบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
ตอนนี้กับเมื่อปีที่แล้ว หรือในรัฐบาลนี้กับรัฐบาลที่แล้วๆ
แตกต่างกันมาก
โดยรัฐบาลนี้จะขึ้นไปสูงเกือบเท่ากับปีที่แล้ว
แม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังไม่ถึงครึ่งหนึ่ง
ของปีที่แล้วที่ขึ้นไปประมาณ 140 ดอลลาห์ต่อบาเรล
ทั้งๆ ที่ค่าเงินช่วงนี้ก็ไม่ต่างจากช่วงปีที่แล้วมากนัก
สังเกตุช่วงกลางปีที่น้ำมันราคาขึ้นไป 140 ดอลลาห์ต่อบาเรล
ค่าเงินก็อยู่ราวๆ 33 บาทกว่าๆ ต่อ ดอลลาห์
ในขณะที่ช่วงนี้ก็อยู่ราวๆ 33 บาทกว่าๆ เกือบ 34 บาท
และกำลังแข็งตัวขึ้นเรื่อยๆ
จากโครงสร้างราคาน้ำมันปัจจุบันเทียบกับสมัยก่อน
จะเห็นได้ว่ารัฐบาลนี้จงใจรีดภาษี รีดเงินเข้ากองทุน
และปล่อยให้พ่อค้าน้ำมันรีดกำไรจากประชาชน
ที่ใช้น้ำมันเบนซิน95 , เบนซิน91 และแก๊สโซออล95 E10
แล้วเอาเงินไปอุ้มคนมีเงินซื้อรถใหม่ราคาแพง
ที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล95 E85 ได้ใช้น้ำมันราคาถูกๆ
หรือนี่เป็นนโยบายให้ประชาชนจนๆ ต้องตายก่อน !
โดย มาหาอะไร