พอดีช่วงนี้
มีขบวนการที่ต้องการจะเปลี่ยนม้ากลางศึก
ซึ่งคนที่จะมาเปลี่ยน
ก็เริ่มเสนอตัวกันมาเยอะขึ้น
แต่ก็เหมือนมานับหนึ่งใหม่
และไม่รู้ว่าเป็นสายใครส่งมา
ส่วนที่เป็นอยู่ก็ไม่รู้ว่าสายใครเหมือนกัน
แต่เมื่อไม่เด่นชัดก็ยังไม่อยากเปลี่ยน
แต่คนที่มีปลอกคอ
ไม่อยากให้มานำ
เพราะเจ้าของเขาสั่งซ้ายหันขวาหันได้
หรือไม่กัดเจ้าของแน่
ส่วนพวกไม่มีปลอกคอ
ก็อยากให้เข้ามาแบบค่อยๆ เข้ามา
ไม่ต้องการให้มาแบบหักด้ามพร่าด้วยเข่า
มีแต่ทำให้แตกแยก
เข้าทางแบ่งแยกแล้วปกครอง
ส่วนคนที่เป็นอยู่
ก็ต้องหัดใจกว้าง
อย่าระแวงคนอื่น
หรือกลัวคนอื่น
มาแย่งชิงการนำจนเกินไป
หรือเหล่ากองเชียร์
ก็ไม่ควรใช้วิธีดิสเครดิต
เพื่อไม่ให้พวกอื่นมาแย่งกันนำ
คือมันต้องปรับทั้งสองฝ่าย
แต่ไม่ควรเป็นลักษณะ
หักด้ามพร่าด้วยเข่า
แต่ควรมีสำรองไว้
เวลาฉุกเฉิน
เมื่อพวกแกนนำปัจจุบัน
มีปัญหาหรือโดนขัง
ก็จะได้มานำต่อได้
แบบนี้จะเวิร์กกว่า
การพยายามหักด้ามพร้าด้วยเข่า
โค่นล้มกันเอง
เพราะมันจะเกิดศึกภายใน
กว่าจะรวมกันเสร็จอีกที
ฝ่ายศัตรูก็สบายไป
แถมอาจแตกแยกกัน
จนมวลชนถดถอย
เหลือน้อยลงไปอีก
ซุนวูเคยกล่าวไว้ว่า
"ยุทธวิธีชั้นยอดคือการโจมตีที่จิตใจ
ยุทธวิธีชั้นต่ำคือการโจมตีเมือง"
ไม่แน่ว่าตอนนี้คนเสื้อแดง
กำลังโดนโจมตีที่จิตใจอยู่ก็ได้
ซึ่งจะทำให้ล้า และท้อแท้
ซุนวูยังกล่าวไว้อีกเรื่องว่า
"กองทัพผู้พิชิต ชนะ ก่อนรบ
กองทัพที่ ปราชัย รบก่อนพยายามเอาชนะ"
คือว่าหากไม่ได้วิเคราะห์สภาพข้าศึกอย่างจริงจัง
ศึกษาจุดแข็งจุดอ่อน
และเรื่องอื่นๆ ของข้าศึกให้ถ่องแท้
ก็มักจะประสบความปราชัย
คือเป็นประเภทพวกชอบลงมือทำ
โดยไม่ศึกษาให้รอบคอบก่อน
แถมด้วยตัวอย่างวิธีการโจมตีตามนิสัยของแม่ทัพ เช่น
หากแม่ทัพข้าศึกกล้าหาญไม่กลัวการเสียสละ ใช้วิธียั่วโทสะแล้วเอาชนะ
หากแม่ทัพข้าศึกใจร้อนชอบเอาชนะโดยเร็ว ใช้วิธีวางเหยื่อล่อให้ติดกับ
หากแม่ทัพข้าศึกหูเบา ใช้วิธีล่อลวง
หากแม่ทัพข้าศึกละโมบโลบมาก ใช้ทรัพย์สินซื้อตัว
เป็นต้น
โดย มาหาอะไร
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.