บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


14 กันยายน 2552

<<< หลักสูตรแนวทางปฏิบัติ ในการงัดข้อกับเผด็จการ >>>

รวบรวมมาจากประสบการณ์
ที่ได้รู้ ที่ได้เห็น จากการเป็นผู้ติดตาม
การต่อสู้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
หลายข้ออาจไปสะกิดใครบางคน
อันนี้ต้องขออภัย
เพราะผมเน้นให้เป็นแนวทางที่ถูกต้อง
ไม่ใช่เฉพาะการต่อสู้ในครั้งนี้อาจเป็นครั้งหน้า
หรือนานาประเทศสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางได้
เรียกว่าทำทั้งทีเน้นเป็นสากล
ทั่วโลกนำไปใช้ได้เหมือนกัน

แนวทางที่เสนอเป็นแนวทางสำหรับการต่อสู้
ในสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงรัฐประหาร
ถ้าอยู่ในช่วงนั้น อาจมีการปรับเปลี่ยนแนวทาง
ให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆ
สถานการณ์ยามนี้
คล้ายๆ กับการเรียกร้องเอกราชของอินเดีย
ที่นำโดย มหาตมะ คานธี
อังกฤษก็แกล้งเล่นแรงจับคานธีไปขังคุก
ด้วยข้อหาแปลกๆ ก็มี
แต่สุดท้ายแล้ว ก็พ่ายแพ้ต่อพลังประชาชน
ถึงแม้อังกฤษจะมีกองกำลังอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรยังไง
ถ้าคนส่วนใหญ่ในแผ่นดินนั้นไม่สนับสนุนด้วย
แล้วยังกล้าลุกขึ้นมาแสดงตนให้เห็นหัว
เป็นใครก็กลัวไม่กล้างัดข้อกับคนจำนวนมากๆ อย่างนั้น
นอกจากจะยอมเป็นฆาตกรระดับโลก
สั่งฆ่าทิ้งให้หมด
ก็จะยิ่งทำให้พวกมีอำนาจเสื่อมศรัทธาลงไปเรื่อยๆ
และก็ฆ่าไม่ได้หมดด้วย
แถมอยู่ในยุคที่มีศาลโลกและคนทั้งโลก
สามารถเข้ามายุ่งด้วยได้
ถ้ามีการกระทำเกินกว่าเหตุจนเขารับไม่ได้

เรียกว่างานนี้สู้กันด้วยมวลชน
เมื่อสู้กันด้วยมวลชน
ก็ต้องสู้เหมือนพวก ส.ส. หาเสียงนั่นแหล่ะ
เป็นวิธีการที่ดีที่สุด
ประเภทลับๆ ล่อๆ เล่นใต้ดิน
ไม่มีทางที่มวลชนจะรับรู้ได้หรือเข้าใจตรงกัน
และอันตรายมากกว่า โอกาสโดนตัดตอน
ซึ่งจะเข้าทางการพยายามหาทางตัดตอน
การเติบโตของมวลชนของอีกฝ่ายอยู่แล้ว

13 อย่า

1. อย่าถวิลหาเผด็จการ
เช่น สนับสนุนการทำรัฐประหาร เป็นต้น
อย่าได้ถวิลหาเป็นอันขาด
เพราะเท่ากับยอมรับความชอบธรรม
พิธีกรรมของพวกเผด็จการ


2. อย่าเน้นผลาญเงินทุนเหมือนเคย
ก็เพื่อจะได้สู้ได้ยาวนาน
และถ้าไม่จำเป็น
พยายามจัดม็อบโดยใช้เงินทุนน้อยที่สุด
อะไรสิ้นเปลืองตัดได้ตัด
เพราะถ้าต้นทุนสูงก็ต้องพึ่งทุนสูง
ไม่มีนายทุนที่ไหนยอมจ่าย
ให้คุณเคลื่อนไหวได้นานๆ หรอก
เปลืองเงินเขาเหมือนกัน
ดังนั้นถ้าจะใช้แนวสู้นานๆ
หรือสู้ได้ไม่จำกัดแนวเพราะเรื่องเงินทุน
ก็ต้องพึ่งทุนให้น้อยที่สุด
เมื่อได้แล้วก็ช่วยประหยัดใช้เท่าที่จำเป็น
ไปไถไปขอบริจาคบ่อยๆ
จะทำให้คนบริจาค อยากหาทางหนี
ไม่อยากจะเจอหน้าเอาได้
เพราะเงินเขาก็คงหามาด้วยความลำบากเหมือนกัน
ถ้าจะให้ดีใช้ระดมเงินทุนของคนพอมีเงิน
แต่จำนวนคนบริจาคเยอะๆ
แล้วนำไปทำกิจกรรมที่ประหยัดสุดๆ
อย่านำไปใช้สุรุ่ยสุร่าย
จนเขานึกขึ้นได้ว่า
ชีวิตจริงเขาเป็นคนขี้เหนียว
ไม่กล้าจะกินจะใช้อะไร
อย่างที่เห็นคนรับบริจาคทำให้เห็นเลย


3. อย่าละเลยหลักประชาธิปไตยเด็ดขาด
อันนี้สำคัญยิ่ง
ถ้าจะสู้เพื่อประชาธิปไตย
ต้องยึดหลักการประชาธิปไตยในทุกกรณี
จะมีเหตุการณ์มาท้าทายการตัดสินใจ
เพื่อทดสอบว่าเป็นนักประชาธิปไตยจริงหรือไม่
ถ้าพลาดตัดสินใจตรงข้ามกับหลักการประชาธิปไตยวันไหน
คุณจะถูกขับไล่จากชมรมนักประชาธิปไตยในทันที
แล้วไม่มีโอกาสกลับมาอ้างว่าจะสู้เพื่อประชาธิปไตยอีก
ดังนั้นยึดหลักการให้มั่น
อย่าเน้นเอามัน เน้นตามกระแส
หรือเน้นผลประโยชน์ใดๆ
แทนหลักการประชาธิปไตย


4. อย่าคาดหวังลาภยศสรรเสริญ
ถ้าสู้เพื่อหวังลาภยศสรรเสริญ
โอกาสเดินหนีห่างม็อบที่สู้เพื่อประชาธิปไตยมีสูง
เพราะฝ่ายตรงข้ามรู้
ก็อาจประเคนสิ่งที่หวังให้
หรือนำมาหลอกล่อ
เพื่อให้ไปหาทางสู้กับพวกเดียวกันได้
เหมือนที่เห็นเป็นตัวอย่างอยู่ในตอนนี้


5. อย่ามัวเพลินกับผลประโยชน์
เรื่องเงินกับเรื่องม็อบ
เข้าไปที่ไหนวุ่นวายที่นั่น
แล้วถ้าไปยุ่งทั้งเรื่องม็อบเรื่องเงิน
สักวันก็ต้องมีปัญหาขัดผลประโยชน์จนทะเลาะกัน
มากกว่าจะมุ่งสู้เพื่อประชาธิปไตยกันอย่างเดียว


6. อย่าโทษกันไปมา
ถ้าเป็นเรื่องทำงาน
สามารถทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น
ไม่ควรโทษกันไปมาว่าใครเป็นคนผิด
เพราะจะไม่มีคนยอมรับ
หรือตั้งหน้าตั้งตาจับผิดกันอย่างเดียว
มากกว่าสุมหัวกันสู้ฝ่ายตรงข้าม
จนไม่กล้าทำอะไร
แต่การโทษเรื่องทำงานผิดพลาด
กับการวิจารณ์ว่าทำไม่ถูกวิธี มันคนละเรื่องกัน
ถ้าให้ไปยกของแล้วคุณยกไม่ขึ้น
การโทษว่ายกไม่ขึ้นไม่มีฝีมือไม่ได้เรื่อง
กับการวิจารณ์ว่าวิธีการที่ทำ ผิดวิธีหรือเปล่า
แล้วถ้ายกคนเดียวไม่ไหวทำไมไม่หาคนมาช่วย
ต้องแยกแยะให้ออก
ไม่ใช่ใครก็วิจารณ์ไม่ได้
ผมคิดว่าถ้าเป็นเพื่อนกัน
เห็นเพื่อนทำผิดแล้วนิ่งเฉย
ส่วนใหญ่เป็นแค่เพื่อนกินเพื่อนเที่ยวเท่านั้นเอง

7. อย่าสร้างอาณาจักรส่วนตน
ควรสร้างอาณาจักรส่วนรวม
อาณาจักรส่วนรวมในที่นี้
ก็คืออาณาจักรคนรักประชาธิปไตย
การสร้างอาณาจักรส่วนตน
เช่น การสร้างชมรมแฟนคลับ เป็นต้น
มีผลดียังไงต่ออาณาจักรประชาธิปไตยระยะยาว
เพราะเท่ากับมีแฟนคลับคนนั้นคนนี้
แต่แฟนคลับคนรักประชาธิปไตยกับไม่มี
วันดีคืนดีผลประโยชน์ไม่ลงตัว
คนทะเลาะกัน แฟนคลับก็ตามคนไป
แทนที่จะยึดหลักประชาธิปไตยไว้
ก็เห็นตัวอย่างคนที่ทำท่าเหมือนรักกันปานจะกลืนกิน
และหลายๆ คนที่ร่วมสู้กันมาช่วง คมช.
พอต่อรองตำแหน่งกันไม่ได้น้อยอกน้อยใจ
ไปหนุนพวกเผด็จการซ่อนรูปซะอย่างงั้นแหล่ะ
มีตัวอย่างให้เห็นแล้วในปัจจุบัน
อนาคตก็อาจมีอีก เสียเวลาเปล่าๆ
แทนที่จะสู้แล้วมีคนรักประชาธิปไตยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กลับมีโอกาสกลายไปยืนตรงข้ามฝ่ายประชาธิปไตย
เพราะอาจตามไปอยู่ตรงข้ามในฐานะแฟนคลับที่ดี


8. อย่าหวังผลเลิศ
การทำงานสิ่งใด
อย่าไปหวังผลเลิศ
คิดแต่ด้านบวกอย่างเดียว
เพราะนั่นคือความประมาท
แล้วจะขาดความรอบคอบ
งานที่ยิ่งเสี่ยง
ก็ควรคิดในแง่ร้ายไว้ให้มากๆ
เมื่อคิดแง่ร้ายได้
ก็จะหาวิธีป้องกันแต่เนิ่นๆ
ดีกว่าชะล่าใจ
เกิดเหตุการณ์อะไรไม่ดี
ก็ไม่มีแนวทางแก้ไขอะไร
เพราะไม่เคยคิดเตรียมการป้องกันไว้ก่อน
สรุปว่า งานที่เสี่ยงมากๆ
ก็ควรคิดแง่ร้ายไว้มากๆ
แล้วหาทางป้องกันไว้
ส่วนผลดีๆ ที่จะได้รับ
ปล่อยให้มันเป็นเซอร์ไพรส์


9. อย่าเชิดชูบุคคลเหนืออุดมการณ์
การเน้นตัวบุคคล
ที่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ตามสถานการณ์
ไม่สมควรไปยึดถือมากหรือเชิดชูให้มาก
ควรเชิดชูอุดมการณ์ดีกว่า
เพราะเราไม่ได้มารวมกัน
เพราะเป็นแฟนการแสดงหรือแฟนเพลง
ของดารานักร้องอะไร
แต่เรามารวมกันเพื่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ก็ต้องเชิดชูอุดมการณ์ประชาธิปไตยไว้เหนือสิ่งอื่นใด
ไม่ควรเชิดชูใครให้เหนืออุดมการณ์
แต่สามารถยกย่องเชิดชูบุคคลได้
ในแง่ การเสียสละ ความกล้าหาญ หรือการทุ่มเท
ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
แต่ถ้าวันใดต้องเลือกข้าง
ระหว่างบุคคลกับอุดมการณ์ประชาธิปไตย
ขอให้เลือกอุดมการณ์เป็นหลัก
เพราะจะไปต่อได้
แต่ถ้าเลือกบุคคลไปต่อได้
แต่คงไปแบบคู่ขนาน
กับอุดมการณ์ประชาธิปไตยแน่นอน


10. อย่าพาลพูดเท็จบิดเบือน
การไม่เน้นพูดเท็จ
ก็เพื่อทำให้คนทั่วไปศรัทธา
เพราะการพูดเท็จจนชาวบ้านจับได้
แม้เพียงครั้งเดียว
ก็อาจทำให้เสียเครดิตทางคำพูดไปได้
ถ้าคนที่ไม่มีเครดิตทางการเงิน
คือคนที่ตายแล้วในทางธุรกิจ
คนที่ไม่มีเครดิตทางคำพูด
ก็คือคนที่ตายแล้วในทางสังคม


11. อย่าเคลื่อนไหวผิดกฏหมาย
การเคลื่อนไหวแบบผิดกฏหมาย
สุ่มเสี่ยงต่อการถูกจับ
จนไม่สามารถไปต่อได้ยาวนาน

อย่าเอามันแค่ระยะสั้นๆ
เพราะยังต้องต่อสู้ด้วยกัน
อีกหลายยกและยาวนาน

การเน้นเอามันเอาสะใจแล้วไปต่อไม่ได้
อาจทำให้ทั้งทีมรวนเรจนถึงซวนเซได้
ขอให้คิดว่าทุกท่านคือฟันเฟืองเล็กๆ
ถ้าขาดไปเครื่องจักรก็อาจทำงานไม่ได้
หรือได้แต่ไม่ดี

ดังนั้นควรช่วยกันมีสติดูแลตัวเอง
เพื่ออยู่สู้ร่วมกันให้ยาวนานที่สุด


12. อย่าลืมว่ามีสายสืบอยู่ทุกที่
ต้องเชื่อว่ามีสายหน่วยข่าวกรองอยู่ทุกที่
ถ้าทำงานด้านข่าวกรองของประเทศ
แล้วไม่มาหาข่าวให้เชื่อว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด
ดังนั้นไม่ควรไว้ใจใครทั้งนั้น
ไม่ว่าจะมาในรูป เด็ก สตรี และคนชรา หรือนายทุนก็ตาม
แต่การระวังหน่วยข่าวกรองไปหมด
จนเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้เพราะระแวงไปหมด ก็ไม่ดี
ถึงได้เน้นตั้งแต่ช่วงต้นๆ แล้วว่า
ทำให้ถูกกฏหมาย
เปิดเผย เปิดวิธีการสู้
เรียกว่าไม่ต้องกลัวการมาหาข่าว
ก็เปิดหน้าเล่นและเผยแพร่ต่อสาธารณชนแบบนี้
ดังนั้นวิธีที่คิดมาใช้ต้องถูกกฏหมาย
และต่อให้ฝ่ายตรงข้ามรู้
ก็มึนไม่รู้จะแก้ยังไง
นั่นแหล่ะคือวิธีที่ดีที่สุด
การหลบๆ ซ่อนๆ มักทำอะไรแบบขาดสติ
ขาดความยั้งคิดเพราะคิดว่าไม่มีใครรู้
แต่จริงๆ หารู้ไม่ว่า
บางทีคนที่ท่านไว้ใจที่สุด
อาจเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้เลยก็ได้


13. อย่าคิดว่าคนภักดีจะไม่เปลี่ยนไป
ตอนนี้ก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่าง
คนที่แต่ก่อนเคยทำตัวเหมือนรักกันปานจะกลืนกิน
แต่วันนี้แทบเป็นศัตรูคู่อาฆาต
รวมไปถึงคนเคยร่วมสู้ต่อต้านเผด็จการมาด้วยกัน
ขนาดเคยขึ้นเวทีปราศรัยต่อต้านเผด็จการเสียด้วยซ้ำ
วันนี้ยังร่วมขบวนงูเห่า
ไปร่วมกับพวกแนวร่วมเผด็จการซ่อนรูป
รวมไปถึงอนาคต
ไม่แน่อาจมีพวกงูเห่าที่หลายคนอาจคิดไม่ถึง
เพราะคำว่าผลประโยชน์
บางที่ถ้าตัดไม่ขาด
ฝ่ายตรงข้ามอาจนำมาล่อ
เพื่อให้จัดการพวกเดียวกันเอง
เพื่อแลกผลประโยชน์เป็นไปได้ทั้งนั้น
จึงให้เน้นทำอะไรแบบเปิดเผยโปร่งใส
ไม่ต้องกลัวโดนหักหลัง
หรือโดนแฉกลับในภายหลัง
ในวันที่แตกคอกัน
ดังนั้นอย่าคิดว่าการไปแอบสั่งให้ทำนั่นนี่
ที่เสี่ยงผิดกฏหมายแล้วไม่มีใครรู้
แล้วถ้าวันหนึ่งพวกที่เคยสั่งให้ไปทำอะไรแปรพักตร์
เขาจะไม่เอามาแฉหรือมาแบล็คเมล์ในภายหลังรึ


-----------------------------------------

8 เน้น

1. เน้นบุ๋นมากกว่าบู๊
เพราะว่าการสู้กับพวกที่มีกองกำลังติดอาวุธที่ดีกว่า
ควรเน้นใช้สติปัญญามากกว่าท้าชนตรงๆ
เปรียบเหมือนสงครามสมัยโบราณ
คนก็น้อยอาวุธก็สู้ไม่ได้
แต่ใจสู้ กล้าหาญ ไม่กลัวตาย
รวมกันออกมาสู้ซึ่งๆ หน้า
สุดท้ายตายไม่มีเหลือ
ยิ่งกรณีอีกพวกใช้ดาบเป็นอาวุธ
อีกพวกใช้ปืนเป็นอาวุธ
เห็นที่ไรให้สงสารจับใจ
จะชื่นชมว่ากล้าหาญมากก็ชื่มชมได้
แต่ไม่กล้าชื่นชมว่ามีสติปัญญาในการสู้รบ


2. เน้นสู้อย่างเปิดเผย
ข้อนี้สำคัญมาก
เพราะว่าการต่อสู้ด้านอุดมการณ์และแนวความคิด
ต้องทำให้ประชาชนรับรู้แนวความคิดให้มากที่สุด
เปรียบเสมือนการประชาสัมพันธ์นโยบายหาเสียงนั่นเอง
จะต้องถูกกฏหมาย
จะต้องไม่อายใครๆ
จะต้องไม่กลัวฝ่ายตรงข้ามรู้
เพราะถ้ากลัวฝ่ายตรงข้ามรู้
ฝ่ายเราก็ไม่รู้
แล้วจะหาเสียงกันยังไง
แล้วเขาจะรับรู้นโยบายเราได้ยังไง
ยังไงเราก็ไม่รู้ว่าใครเป็นกองเชียร์ฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว
ซึ่งบางทีทั้งระดับแกนนำหรือระดับรองๆ
ก็อาจมีคนของฝ่ายตรงข้ามแทรกซึมมาหาข่าวอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อเป็นเรื่องถูกกฏหมาย
และไม่กลัวฝ่ายตรงข้ามรู้
แถมยังสามารถมากำหนดแผนการต่อที่สาธารณะให้รับรู้ได้เลย
เพื่อให้พวกเดียวกันมีโอกาสแย้ง หรือฝ่ายต่างๆ แย้งได้
ถ้าเหตุผลดีกว่าตียังไงก็ไม่ตก
ยกเว้นเหตุผลอ่อน
มีวาระซ่อนเร้นถึงไม่กล้าเปิดเผย
การเปิดเผยและกำหนดเกมต่อที่สาธารณะ
ฝ่ายตรงข้ามแก้เกมมายังไงเราก็แก้เกมกลับ
เพราะยังไงเขาก็เห็นจากใบปลิวที่ฝ่ายเราทำ
หรือการโฆษณาแนวทางของเราอยู่แล้ว
ดังนั้นการกำหนดเกมที่ให้เขารู้ล่วงหน้า
แต่ทำอะไรไม่ได้ สกัดก็โดนข้อหาเผด็จการมากขึ้นไปอีก
ได้แต่มึน แบบนี้แหล่ะคือแนวทางที่รัดกุม
และเปิดเผยได้ตลอด
ยิ่งตียิ่งดี ยิ่งเอาไปเปิดเผยต่อยิ่งดี
จึงให้เน้นสู้แบบหาเสียง
ยกเว้นสถานการณ์เปลี่ยนไป
อาจดำดินเล่นก็ได้
ดังนั้นพวกที่เล่นแนวบนดินก็บนดินต่อไป
ส่วนพวกดำดินชอบแนวนั้น
ก็ดำดินต่อไป ไม่เกี่ยวกัน ไม่อยากยุ่งด้วย
แล้วห้ามมาบอกให้รู้ต่อที่สาธารณะด้วย
เพราะถ้ามาบอกก็จะกลายเป็นไส้ศึก
ของพวกดำดินด้วยกันดีๆ นี่เอง


3. เน้นเหมือนเคยตัดสินด้วยเหตุผล
เป็นการตัดสินภายใต้หลักการประชาธิปไตย
ต้องเน้นตัดสินตามเหตุผล
มากกว่าตัดสินตามอารมณ์
หรือตัดสินตามยศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆ
เพราะจะไม่เป็นที่ยอมรับ
ถ้าชนะด้วยเหตุผล
จะกี่ร้อยคน พันคน หรือล้านคน
ก็ยอมจำนนได้ง่ายกว่าชนะกันด้วยวิธีการอื่นๆ


4. เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ก็คือแนวทางทำให้ประชาชนทั่วไป
สามารถมีศักยภาพก้าวขึ้นมาแทนที่แกนนำได้ทุกคน
ถ้าทำได้อย่างนี้ก็ไม่มีโอกาสขาดแคลนแกนนำ
และสู้ได้ยาวนานแน่นอน
ไม่ต้องกังวลปัญหาการถูกซื้อตัวซื้อใจแกนนำไม่กี่คน
หรือทดแทนกรณีแกนนำเจ็บป่วย ตาย หรือติดคุก
หรือขอยุติการเคลื่อนไหวได้ด้วย
เป็นแนวดาวกระจายล้านดวง
ซึ่งดาวทุกดวงส่องแสงสว่างได้หมด
โดยได้รับพลังแสงอาทิตย์
ซึ่งก็คือรัศมีแห่งประชาธิปไตย
ทำให้คนที่ก้าวเข้ามาสู้เพื่อประชาธิปไตย
สามารถส่งประกายจรัสแสงได้
มากกว่าคนที่อยู่เฉยๆ
ดังนั้นแนวทางต่างๆ
ควรเน้นสร้างคนให้มีศักยภาพเพิ่มเรื่อยๆ
ไม่เน้นสร้างแกนนำเพียงไม่กี่คนให้โดดเด่น
เพราะไม่มีประโยชน์ในระยะยาว
ต่อการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย


5. เน้นสร้างคนให้ฉลาด
นอกจากฉลาดแล้ว
สามารถทำให้มาเป็นแกนนำแทนได้ยิ่งดี
ลองหลับตานึกภาพ
คนพร้อมเป็นแกนนำจำนวนมากมายดูซิ
แล้วลองทำตัวเป็นฝ่ายปรปักษ์ดู
จะรู้สึกปวดหัวมาก
ว่าจะควบคุมได้ยังไงดี


6. เน้นเด็ดขาดต้องสู้จนชนะ
เหนื่อยได้ ท้อได้ แต่แพ้ไม่ได้
ถ้าสู้ด้วยอุดมการณ์
ก็ต้องสู้กันจนชนะให้ได้ไม่มีวันเลิกล้ม
ถ้าไม่ได้สิ่งที่ตรงกับอุดมการณ์ที่ตั้งเป้าหมายไว้
แม้เพื่อนร่วมทาง
จะขอลงข้างทางมากมาย
ก็อย่าได้หวั่นไหว
ขอจงก้าวต่อไปให้ถึงเป้าหมาย
เพื่อความสำเร็จของทุกๆ คน
ถ้าคนรุ่นก่อนๆ ท้อแท้สิ้นหวังไม่สู้ในหลายๆ เรื่อง
วันนี้คงไม่มีประชาธิปไตยเหลืออยู่บนโลกใบนี้
วันนี้สิทธิเสรีภาพที่ถูกกีดกัน
จากเชื้อชาติ ศาสนา ฐานะ หรือเพศ
ก็ยังถูกกีดกันเหมือนเช่นแต่ก่อน
เหมือนเราย้อนกลับสู่ยุคแห่งการต่อสู้
ของคนรุ่นปู่รุ่นย่าที่เคยสู้กันมาให้เห็นแล้ว
จนทุกคน แม้แต่คนที่พึ่งลืมตาขึ้นมาดูโลก
ก็ได้อาณิสงฆ์ผลบุญตามไปด้วย
แม้จะไม่เคยร่วมสู้กับพวกเขา
แล้ววันหนึ่งคนที่เคยต่อต้านพวกเราในวันนี้
จะรู้สึกขอบคุณในการต่อสู้ในครั้งนี้ก็เป็นได้
เพราะผลที่ได้รับได้รับกันทุกคน
จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของทุกๆ คนด้วย


7. เน้นพบปะแบ่งงานกันทำ
เพื่อจะได้ไม่เหนื่อยคนเดียว
ใครถนัดอะไรก็ลงมือทำไป
และอันที่จริงไม่ต้องรอให้ใครมาแบ่งงานให้ทำ
บางคนคิดนั่นนี่ได้ก็มาแนะนำ หรือลงมือทำเลย
ทั้งๆ ที่ไม่มีใครสั่งให้ทำแบบนั้นแบบนี้
บางคนคิดอยากช่วยปฐมพยาบาลคนร่วมม็อบ
เขาก็ลงมือทำไปช่วยๆ กันไป
ใครถนัดด้านไหนก็ทำๆ กันไป
ใครรู้สึกมีงานมาก ทำคนเดียวไม่ไหว
ไม่ถนัดหรือทำหลายๆ งานแล้วจะเอาดีไม่ได้สักงาน
ก็ใจกว้างแบ่งๆ ให้คนอื่นไปทำบ้าง
ก็เพื่อจะได้สู้กันแบบสบายสบาย
ไม่ใช่เหนื่อยสาหัสสากรรจ์อยู่คนเดียว


8. เน้นประจำให้เพิ่มมวลชน

ข้อสุดท้ายนี้
เป็นแนวทางเอาชนะอย่างยั่งยืน
มีมวลชนมากๆ ในระบอบประชาธิปไตย
เลือกตั้งก็ไม่ต้องกลัว
ชักชวนมารวมกันให้เห็นหัว
ก็ทำให้สั่นกลัวกันได้ทั้งบาง
ขอเพียงมากขึ้น มากขึ้น
โดยแทบไม่ต้องทำอะไร
ศัตรูเห็นก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
นั่งก็ไม่ติด ยืนก็ขาสั่นกันทั้งนั้นแหล่ะครับ
อยู่ที่ว่าทำได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง
แต่ที่ไหนส่วนใหญ่เขาจะขับเคลื่อนโดยพรรคการเมือง
เพราะพรรคก็จะได้หน้าเหมือนหาเสียงไปในตัว
แล้วการเน้นแนวสันติเน้นหาเสียงหามวลชน
ยังไงก็คือทำให้พรรคมีต้นทุน
ไม่ใช่ทำแบบกล้าๆ กลัวๆ แอบๆ หลบๆ ซ่อนๆ
สุดท้ายแล้วพรรคก็จะโดนแย่งมวลชนไปได้
เพราะมวลชนส่วนใหญ่
เขาจะตามคนที่กล้าออกมานำเท่านั้น

-----------------------------------------

สรุป 21 แนวทางการปฏิบัติ ในการงัดข้อกับเผด็จการ

13 อย่า

1. อย่าถวิลหาเผด็จการ
2. อย่าเน้นผลาญเงินทุนเหมือนเคย
3. อย่าละเลยหลักประชาธิปไตยเด็ดขาด
3. อย่าคาดหวังลาภยศสรรเสริญ
4. อย่ามัวเพลินกับผลประโยชน์
6. อย่าโทษกันไปมา
7. อย่าสร้างอาณาจักรส่วนตน
8. อย่าหวังผลเลิศ
9. อย่าเชิดชูบุคคลเหนืออุดมการณ์
10. อย่าพาลพูดเท็จบิดเบือน
11. อย่าเคลื่อนไหวผิดกฏหมาย
12. อย่าลืมว่ามีสายสืบอยู่ทุกที่
13. อย่าคิดว่าคนภักดีจะไม่เปลี่ยนไป

8 เน้น
1. เน้นบุ๋นมากกว่าบู๊
2. เน้นสู้อย่างเปิดเผย
3. เน้นเหมือนเคยตัดสินด้วยเหตุผล
4. เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง
5. เน้นสร้างคนให้ฉลาด
6. เน้นเด็ดขาดต้องสู้จนชนะ
7. เน้นพบปะแบ่งงานกันทำ
8. เน้นประจำให้เพิ่มมวลชน


------------------------------------------

จบหลักสูตร

โดย มาหาอะไร
FfF