โดยส่วนตัวผมมองว่า
คำว่า "ความสามัคคี"
ควรนำมาใช้ให้ถูกกาลเทศะ
คือถ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องภัยพิบัติต่างๆ
อันนี้สามารถอ้างเรื่องความสามัคคีกันได้
เพื่อร่วมมือกันช่วยคนละไม้คนละมือ
หรือช่วงที่ประเทศกำลังอยู่ในภาวะสงคราม
อันนี้ไม่ต้องพูดถึง เป็นเวลาที่เหมาะสมยิ่ง
ต่อการร่วมมือเพื่อสามัคคีกันแบบสุดสุด
แต่ถ้านำเรื่องความสามัคคี
มาใช้กับเรื่องประชาธิปไตยหรือเรื่องการเมือง
ผมมองว่าจะเป็นการส่งเสริมเผด็จการทางอ้อม
จะเป็นข้ออ้างไว้ปิดปากพวกคัดค้านอะไร
โดยอ้างว่าที่ชอบมาประท้วงคัดค้าน
เป็นการไม่รู้รักสามัคคีอะไร
หรือรัฐบาลกำลังบริหารประเทศ
แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
ถ้าไม่เห็นด้วยออกมาประท้วงมาคัดค้าน
เป็นพวกบ่อนทำลายประเทศ
หรือพวกไม่รักสามัคคีอะไร
แล้วถามว่าถ้าเดือดร้อนไม่ออกมาประท้วง
แล้วจะช่วยเหลือเขาไหม
แล้วจะเห็นหัวเขาไหม
เช่น คนตกงานอุตสาหกรรมทอผ้า
แต่ออกนโยบายไปช่วยผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น
เมื่อเขาไม่ได้รับการเหลียวแล
ทั้งๆ ที่มีปัญหาสาหัสสากรรจ์
เขาก็ออกมาประท้วง
เพื่อให้เห็นหัวพวกเขาเท่านั้นเอง
หรือเรื่องประชาธิปไตย
ในเมื่อรัฐบาลมีที่มาไม่สง่างาม
จะมาห้ามชาวบ้านไม่ให้ออกมาชุมนุมขับไล่ได้ยังไง
กรณีการออกนโยบายกู้เงินมาถลุงเล่น
หรือมาแจกกันสนุกมือ
หรือเอาไปซื้อปลากระป๋องเน่าแจกจ่ายกันตามที่เป็นข่าว
ถ้าทุกคนรักสามัคคี
ก็คือปิดปากห้ามพูด ห้ามมาขับไล่รัฐบาล
ที่มีประพฤติกรรมส่อไม่น่าไว้วางใจแบบนี้
แล้วจะปล่อยไว้อย่างนี้หรือ
นี่ไม่รวมถึงเรื่องคลิบลับ
ที่มีคำพูดหลายประโยคไม่เหมาะ
กับการดำรงอยู่ในตำแหน่งของผู้พูดอีกน่ะ
แบบนี้จะให้สามัคคีนั่งนิ่งๆ
นอนนิ่งๆ ตายกันนิ่งๆ อย่างนั้นหรือ
ถ้าที่ไหน องค์กรใด
ไม่ว่าองค์กรรัฐ หรือ องค์กรเอกชน
ถ้าหน่วยงานที่ตววจสอบ
สามัคคีิฮั้วกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่บริหาร
อีกไม่นานหน่วยงานนั้นๆ
ก็จะมีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นแน่นอน
เผลอๆ โกงกันหนักจนล้มละลายเลยก็ได้
ที่เขาให้มีหน่วยงานตรวจสอบ
ทั้งของรัฐและเอกชน
ก็เพื่อช่วยไม่ให้เงินขององค์กรรั่วไหล
นี่ก็เป็นตัวอย่างที่สามัคคีกันไม่ได้เลย
ทุกวันนี้เห็นสามัคคีกันดีจัง
แต่ไม่สามัคคีเฉพาะรัฐบาล
ประเภทสองมาตรฐาน
อีกพวกนิดๆ หน่อยๆ ผิดด่ะ
อีกพวกสวาปามกันโจ่งแจ้งทำเป็นมองไม่เห็น
หรือจับได้แต่ปลาซิวปลาสร้อยไปวันๆ
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เพื่อสนับสนุนว่า
ในเรื่องประชาธิปไตยแล้ว
ความสามัคคีไม่ใช่แกนหลักของประชาธิปไตย
แต่เป็นตัวบอนไซประชาธิปไตยโดยตรง
ทำให้คนไม่กล้าคิดต่าง
คิดต่างเป็นพวกนอกคอก
ไม่รักกัน ไม่สามัคคีกัน
และเป็นตัวบอนไซรากแก้วประชาธิปไตย
ที่เน้นเรื่องสิทธิิเสรีภาพของประชาชน
และถ้าคิดแต่เรื่องสามัคคีิในระบอบประชาธิปไตย
ก็ไม่มีฝ่ายค้าน มีแต่ฝ่ายสนับสนุนกับสนับสนุนยิ่งกว่า
ทำให้คนไม่กล้าคิด
ก็เหมือนกับการขังวิญญาณเสรีชน
เอาไว้ในกรงความสามัคคีไม่มีผิด
ต่อไปลองมาดูคำว่า "มีวินัย" กันบ้าง
คำนี้ก็เป็นอีกคำที่ฟังแล้วดูดี
หาวิธีแย้งลำบากอีกคำ
เพราะเขาเลือกใช้คำดีๆ เรื่องดีๆ
แต่เป็นการปิดปากเสรีชนทางอ้อม
ถ้าเผลอหลงทางไปทำตามโดยไม่รู้กาลเทศะ
การมีวินัยผมมองว่า
เหมาะกับการฝึกคนเพื่อไปรบอะไร
มากกว่าฝึกคนให้มีความรู้ความสามารถ
อย่างกรณีบังคับเด็กนักเรียนไว้ผมสั้น
เพื่อจะบอกว่านี่เป็นความมีวินัยของเด็ก
ผมไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย
การมีวินัยหรือไม่ ควรทำมาจากใจ
ไม่ใช่ทำไปเพราะมีใครออกกฏให้ทำหรือบังคับให้ทำ
แบบนั้นน่าจะเรียกว่า
"การบังคับให้เหมือนกัน" มากกว่าเรียกว่ามีวินัย
แถมบางคนแต่งกายถูกระเบียบ
แต่ชอบแซงคิวซื้อของ
แบบนี้จะมองว่ามีวินัยหรือเปล่า
เพราะแต่งกายถูกระเบียบโรงเรียนเป๊ะเลย
และโรงเรียนฝรั่งก็ไม่เห็นบังคับให้แต่งตัวเหมือนกัน
แต่เห็นเขารักการเข้าคิวดีกว่าเด็กไทยเยอะเลย
ยังดีว่าโรงเรียนเอกชนบางที่
เปิดทางเลือกให้เด็ก
ไม่จำเป็นต้องผมเกรียนก็มีวินัยได้
ตัวอย่างสุดท้าย
เป็นเรื่องการอ้างการมีวินัยแบบแปลกๆ
ประเภทว่านายสั่งให้ทำ
นายสั่งให้ยิงประชาชนก็ทำ
นายสั่งให้มาทำรัฐประหารก็ทำ
นายสั่งให้ทำนั่นให้ทำนี่
ทำตามทันทีไม่ต้องคิด
เพื่อไม่ให้ทำผิดวินัยขั้นร้ายแรง
แต่แปลกผิดกฏหมายร้ายแรงเหมือนกัน
ทำไมกล้าทำผิดกฏหมาย
แต่ไม่กล้าทำผิดวินัยประจำส่วนงาน
ฟังดูผมว่ามันค่อนข้างแปลก
ตกลงการมีวินัยนี่
ดูที่ว่าทำถูกกฏระเบียบข้อบังคับ
ประจำส่วนงานนั้นๆ ก็พองั้นหรือ
ไม่จำเป็นต้องสนใจกฏหมายของประเทศ
หรือรัฐธรรมนูญของประเทศอะไร
การละเมิดรัฐธรรมนูญ
หรือทำผิดกฏหมาย
ก็ยังถือว่าคนเหล่านั้นเป็นคนมีวินัยดี? จริงหรือ
สรุปว่า
ความสามัคคีกับการมีวินัย
ถ้าเอามาใช้กับเรื่องการเมือง
ก็คือการพยายามที่จะปิดปากประชาชน
การพยายามที่จะทำให้คนที่คิดต่าง
เป็นคนชอบความแตกแยก
หรือความพยายามไม่ให้ประชาชนที่เดือดร้อนเรื่องต่างๆ
ออกมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล
ที่ไม่สมควรจะอยู่บริหารต่อไปเท่านั้น
โดยใช้คำดีๆ มาอ้าง
แต่ที่จริงคงอยากเห็นประชาชนเป็นหุ่นยนต์
ที่เชื่อทุกอย่างตามคำสั่งรัฐบาล
รัฐบาลว่ายังไงก็ทำตามไม่ปริปากบ่นให้ได้ยิน
รูปแบบการปกครองแบบนี้
เป็นระบอบเผด็จการชัดๆ
โดย มาหาอะไร
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.