บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


27 พฤศจิกายน 2552

<<< คนชั้นกลางสร้างความแข็งแกร่ง คนชั้นล่างสร้างความแข็งแรง >>>

อันที่จริงไม่อยากพูดเรื่องชนชั้น
เพราะเชื่อในเรื่องความเท่าเทียมกัน
แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ก็เท่าเทียมกันได้เฉพาะ
สิทธิ เสรีภาพ ทางการเมืองอะไรพวกนี้
แต่จะให้เท่าเทียมกันในเรื่องหน้าตา ฐานะ
สติ ปัญญา หรือเกียรติยศอะไร
คงทำไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง
เมื่อยังหาคำที่ชัดเจนไม่ได้
ก็ขอใช้คำว่าชนชั้นกลางและชนชั้นล่างหรือรากหญ้า
เพื่อความเข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น

ก่อนอื่นต้องนิยามคำว่าชนชั้นกลางและชนชั้นล่างก่อน
ซึ่งการแยกออกจากกันนี้ต้องมีสิ่งแยกที่ชัดเจน
เราก็ไม่รู้ว่าเขาใช้อะไรแยกกัน
ขอใช้ความเข้าใจตนเองแล้วกันว่า
ถ้าพูดถึงคนชั้นกลาง
คงหมายถึงคนที่ช่วยเหลือตัวเองได้
และอาจมีเหลือช่วยคนอื่นได้
ในแง่ของทรัพย์สินเงินทองอะไรพวกนี้
ส่วนรากหญ้าน่าจะเป็นกลุ่มคน
ที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่า
ส่วนเรื่องสติปัญญาความรู้อะไร
คงไม่เอามาใช้แยกเพราะพบว่า
คนจบด็อกเตอร์ นักวิชาการ อาจารย์
อาจคิดอะไรในเรื่องเกี่ยวกับประชาธิปไตย
ได้แย่กว่าคนจบ ป.4 ก็ได้
ซึ่งก็พอเป็นที่ประจักษ์
ในหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว

ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
อาจมีการก่อม็อบและการเคลื่อนไหวทางการเมือง
ขอยกตัวอย่างกรณีมวลชนคนเสื้อแดง
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
มวลชนคนเสื้อแดงที่เป็นคนชั้นกลาง
สำหรับผมแล้วมองว่า
น่าจะเป็นพวกที่ตามไปได้ทุกที่
ไม่ว่าจะไปจัดที่ไหน จังหวัดใด
ด้วยทุนของตนเอง
แถมยังมีเหลือบริจาคให้ม็อบเสื้อแดง
ในรูปแบบต่างๆ อีกด้วย
เรียกว่าแกนนำม็อบ
แทบไม่ต้องไปช่วยเหลือคนเหล่านี้เลย
ไม่ว่าจะเรื่องรถราที่จะมาม็อบ
เขาจัดหากันเองเสร็จสรรพ
บางคนก็ขับรถไปเอง
บางคนก็ร่วมกันเช่ารถไปร่วมม็อบ
ในส่วนของกลุ่มรากหญ้า
อันนี้ก็อย่างที่บอก
เขาขาดแคลนด้านเงินทุน
แต่ไม่ขาดแคลนแรงกายแรงใจ
ในการมาร่วมขบวนต่อสู้ด้วยกัน
เมื่อเขาขาดแคลนก็ต้องพึ่งทุน
จากแกนนำระดับต่างๆ
ให้ทุนมาโดยอาจจะเหมารถรับส่งให้
หรืออาจมีอาหารแจกด้วย
มวลชนรากหญ้ามีจำนวนมหาศาล
ว่ากันด้วยหลักหลายล้านคน
แต่สามารถมาร่วมชุมนุม
รวมๆ แล้วพบว่า
จะน้อยกว่าชนชั้นกลาง

เพราะว่าเขาไม่สามารถมาบ่อยๆ
หรือมาทุกนัด
ได้
ถ้าไม่มีใครช่วยออกทุนให้
ในขณะที่พวกชนชั้นกลาง
มีทุนของตนเองอยู่แล้ว
ส่วนใหญ่จะอยู่ที่อารมณ์มากกว่า
ว่าจะไปไม่ไปในนัดไหน
ส่วนเรื่องปัจจัย
ช่วงหลังๆ บางคน
ก็เริ่มออกอาการขาดแคลน
ให้เห็นกันบ้างแล้วก็มี

แต่โดยรวมๆ แล้วที่เห็น
แนวร่วมคนชั้นกลางในม็อบเสื้อแดง
จะมีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ไปจัดม็อบที่ไหนรถมักจะติดที่นั่น
และหลายๆ อย่างที่พอบ่งบอกว่า
มีคนชั้นกลางค่อนข้างเยอะ
จะเห็นได้ว่ามวลชนคนชั้นกลาง
มีน้อยกว่ามวลชนรากหญ้าหลายสิบเท่า
แต่สามารถมาร่วมม็อบได้เยอะกว่า
แถมมีทุนให้ระดมกันได้บ่อยๆ
ดังนั้นถ้าเราจะกล่าวว่า
คนชั้นกลางสร้างความแข็งแกร่ง ก็คงไม่ผิด
ส่วนรากหญ้านั่นก็ช่วยสร้างความแข็งแรง
ในรูปแบบต่างๆ เช่น
การมาร่วมเดินขบวนด้วยทำให้มวลชนเพิ่มขึ้น
และค่อนข้างจะอึดและมีเวลาอยู่กับม็อบได้มาก
หรือในรูปแบบของการลงคะแนนเสียง
โชว์พลังรากหญ้าให้เป็นที่ประจักษ์
ก็เหมือนช่วยเสริมให้การเคลื่อนไหวดูเข็มแข็งมากขึ้น

ดังนั้นคนสองกลุ่มนี้มีข้อดีกันคนละอย่าง
ถ้านำมารวมกันและหาเพิ่มให้เยอะขึ้นเรื่อยๆ
ก็เท่ากับเพิ่มความมั่นใจในเรื่องการต่อสู้ได้ยาวนาน
ถ้าเปรียบเหมือนกองทัพในสงคราม
คนชั้นกลางผมเปรียบเป็นเสบียง
คนรากหญ้าผมเปรียบเป็นทหารที่ไปรบ
คนรากหญ้าแข็งแรงกว่าคนชั้นกลาง
คนชั้นกลางมีทุนหนุนการสู้รบ
ลองคิดดูสิว่า
ถ้าเราสามารถหาคนสองพวกนี้
เข้ามาเสริมมากขึ้นเรื่อยๆ ได้
ก็เท่ากับเรามีเสบียงมากขึ้นเรื่อยๆ
มีทหารมาช่วยรบมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเป็นไปในแนวนี้เรื่อยๆ แล้ว
บอกได้เลยว่า
ชัยชนะ จะอยู่แค่เอื้อม

โดย มาหาอะไร