วันนี้ขอพูดเรื่องเศรษฐกิจหน่อย
เป็นวิธีแก้ปัญหากรณี ดูไบเวิล์ด
ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ตะวันออกกลาง
ไกลจากเมืองไทยพอสมควร
แต่ยังไงก็เป็นประเทศบนโลกใบนี้เหมือนกัน
ว่าแล้วหลังจากยกแม่น้ำทั้งห้าเสร็จ
ก็มาเข้าเรื่องกันเลย
กรณี ดูไบเวิล์ด นั้น
ก็เหมือนธุรกิจทั่วไป
ถ้าขาดสภาพคล่องแล้ว
ต่อให้บริษัทใหญ่แค่ไหน
ก็เจ๊งมานักต่อนักแล้ว
ดังนั้นถ้าแก้ปัญหาสภาพคล่องได้
ก็แก้ปัญหานี้ได้
แต่เวลาขาดสภาพคล่อง
หรือขาดเงินทุนหมุนเวียน
โดยเฉพาะจำเป็นต้องนำเงินนั้น
ไปชำระหนี้ด้วยแล้ว
ยังไงก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้ให้ได้
จะไปกู้ยืมจากไหนยังไงก็ได้
เอามาใช้ให้ได้เพื่อรักษาเครดิต
เพราะในโลกธุรกิจ
คนที่ไม่มีเครดิตทางการเงิน
ก็คือคนที่ตายแล้วในโลกธุรกิจ
ดังนั้นเครดิตทางการเงิน
จึงสำคัญมากๆ กับนักธุรกิจ
หรือบริษัทต่างๆ
วิธีหนึ่ง ที่เราพึ่งใช้กับตัวเอง
ก็คือการรีไฟแนนท์
จากหนี้ก้อนเล็กก้อนน้อย
แต่ต้องจ่ายทุกเดือน
เดือนหนึ่งก้อนนี้ 4 พัน ก้อนนั้น 5 พัน
ทั้งๆ ที่รวมหนี้ทั้ง 2 ก้อนมีแค่แสนกว่า
แต่ต้องมาจ่ายเดือนละ 9 พัน
ไม่รวมหนี้อย่างอื่นน่ะ
ทำให้เกิดอาการขาดสภาพคล่องอย่างหนัก
ชักหน้าไม่ถึงหลังในแต่ละเดือน
ไม่รวมที่ต้องนำไปใช้จ่าย
นอกเหนือความคาดหมายเช่น
ใช้จ่ายไปเพื่อม็อบเช่นการเดินทาง นั่นนี่
ซึ่งไม่ได้อยู่ในความคิดตอนก่อหนี้
เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอีกแล้ว
หลังพรรค พท. กลับมาเป็นรัฐบาลได้อีกครั้ง
เราก็หาแหล่งเงินกู้ระยะยาว
เพื่อโป๊ะหนี้ทั้ง 2 ก้อนนี้
กู้มาเต็มที่เลย 3 แสน
เท่าที่เขาจะประเมินหลักทรัพย์ได้
และเขาให้ผ่อนเดือนละ 2,500 บาท
เป็นเวลา 15 ปี
ก็ happy มาก
เหลือเงินเพิ่มขึ้นต่อเดือน
จากที่ต้องจ่ายเดือนละ 9 พันเฉพาะหนี้ 2 ก้อนนี้
ก็เหลือแค่เดือนละ 2,500 บาท
ผ่อนสบายๆ ไม่ต้องเครียด
เหลือเงินเพิ่มเดือนหนึ่งก็ 6,500 บาท
ถือว่าเยอะสำหรับมนุษย์เงินเดือน
ในกรณีบริษัท
นอกจากใช้วิธีรีไฟแนนท์
อย่างที่เราว่าไว้แล้ว
ก็ยังมีทางเลือกอื่นๆ อีก
เช่นหารายได้เพิ่มขึ้น
แต่มักช้าไม่ทันการณ์
กับหนี้ต้องคืนเร่งด่วน
ในกรณีเช่นนี้
และอีกวิธีคือเพิ่มทุน
โดยการหาผู้ร่วมทุนเพิ่ม
จะได้นำเงินทุนใหม่ไปชำระหนี้
แต่วิธีนี้ต้องยอมขายหุ้นออกไป
ถ้ายังต้องการเป็นเจ้าของบริษัทแบบเดิม
และใช้วิธีแรกที่เราแนะนำ
จะสามารถแก้ปัญหาได้
ยอมจ่ายดอกแพงหน่อย
และยืดระยะเวลาการผ่อนชำระ
ให้ยาวนานขึ้น
ขอให้ผ่อนชำระช่วงนี้ได้
ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก
พอผ่อนแบบประคับประคองไปได้จะดีกว่า
ค่าเงินเหมือนมีค่าน้อยลงทุกวัน
ไม่ต้องอะไรหลายสิบปีก่อน
เงินเดือนไม่กี่ร้อยบาท
สามารถซื้อสร้อยทอง 1 บาท
แล้วยังมีเงินเหลือไปทำอย่างอื่น
เดี๋ยวนี้เงินเดือนข้าราชการแบบจบ ป.ตรี
ก็ซื้อทอง 1 บาทใส่ในเดือนนั้นไม่ได้
นี่เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า
ค่าเงินตกต่ำลงทุกวัน
มีเงินในธนาคารวันนี้ 1 ล้านบาท
กับเมื่อหลายสิบปีก่อนมี 1 ล้านบาท
ฐานะผิดกันลิบลับ
สมัยก่อนถึงขั้นเป็นเศรษฐีได้เลย
เดี๋ยวนี้มี 1 ล้านบาท
ก็งั้นๆ แต่มีก็ดีน่ะ อิอิ
แต่อนาคตสิบปีข้างหน้า
เงิน 1 ล้านบาท
ก็คงมีค่าไม่กี่แสน
เมื่อเทียบกับค่าเงินสมัยนี้
ดังนั้นหนี้มันก็เหมือนลดลง
ตามค่าเงินอยู่แล้ว
ยิ่งยืดยาวหลายปี
จะยิ่งรู้ว่ามูลค่ายอดหนี้มันลดลง
ต่อให้ยอดหนี้มันเหลือเท่าเดิมก็ตาม
ถ้าจะเรียกกลยุทธ์นี้
เพื่อจะจำได้ง่ายๆ ก็จะได้ว่า
"ยืดเวลาเพื่อรักษาชีวิต"
ปล. ไม่สงวนสิทธิ์ ถ้ารัฐบาลนี้
จะนำวิธีนี้ไปแก้ปัญหาสภาพคล่องในขณะนี้
โดย มาหาอะไร
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.