บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


07 มกราคม 2553

<<< ข้อเท็จจริงที่ควรรู้ เรื่อง หวยออนไลน์ รายชื่อผู้ได้โควต้า และการกลับไปกลับมาของโพลล์หวย >>>

มีการตั้งข้อสังเกตุและการกล่าวหากันว่า
หวยออนไลน์ หรือ หวยบนดินเป็นการมอมเมาประชาชน
รับไม่ได้จึงต้องยกเลิกไป
แล้วหวยปกติหรือที่เรียกว่าลอตเตอรี่ไม่เรียกว่ามอมเมาหรือ
แถมนอกจากไม่ยกเลิกแล้วยังพิมพ์มาขายเพิ่มขึ้นอีก จากข่าวนี้
"ที่ประชุมได้อนุมัติให้สำนักงานสลากฯ จัดพิมพ์ลอตเตอรี่การกุศลเพิ่มอีก 16 ล้านฉบับ โดยเริ่มตั้งแต่งวดวันที่ 16 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นโควตาของสภากาชาดไทย 4 ล้านฉบับ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์อีก 12 ล้านฉบับ จากปัจจุบันที่พิมพ์อยู่ 50 ล้านฉบับ ทำให้มีสลากทั้งสิ้น 66 ล้านฉบับ"
แบบนี้ไม่เรียกว่ามอมเมาหรือครับ

ส่วนคำพูดที่ว่า
เงินจากการขายหวยเป็นเงินบาปเอาไปบริจาคเพื่อการศึกษาทำไม
ลองไปดูรายชื่อ สมาคม มูลนิธิ และนิติบุคคลที่มาขอโควต้าขายฉลาก
คลิกดู
ได้ตาม Link ด้านล่างนี้
รายชื่อสมาคม/มูลนิธิ/องค์กรและนิติบุคคลที่ยื่นขอสลาก
พวกนี้ไม่ได้รอรับเงินบริจาคอย่างเดียว
แต่มาเป็นยี่ปั๊วหรือพ่อค้าขายส่งลอตเตอรี่รัฐบาลรายใหญ่เลยด้วยซ้ำ
ไปไล่ดูหลายๆ ชื่อ ก็มีพวกคุณธรรมจริยธรรมสูงหลายมูลนิธิ
แบบนี้ไม่เห็นมีใครว่า มาอาศัยเงินบาปไปใช้เลย
และรายชื่อขาใหญ่เหล่านี้แหล่ะ
ที่จะทำให้หวยออนไลน์เกิดไม่ได้
ไม่ใช่เพราะว่ามอมเมากว่าอย่างที่กล่าวหากันหรอก
แต่เป็นเพราะว่าขัดผลประโยชน์กันมากกว่า
เพราะถ้าปล่อยให้ขายหวยออนไลน์
รายได้ก็คงหดหายกันไปจำนวนมาก
ไม่รวมถึงไอ้โม่งที่คอยหักหัวคิวล็อตเตอรี่
หรือซิกแซกอ้างชื่อสมาคมต่างๆ
เพื่อจะได้โควต้ามากขึ้น
แถมยังมีการเตรียมการลดโควต้ารายย่อย
เพื่อมาเพิ่มให้กับโควต้าขาใหญ่เหล่านี้อีกด้วย
ผลประโยชน์เท่าไหร่ในแต่ละปีคิดดูก็แล้วกัน

ส่วนคำพูดประเภทเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่นแบบนี้
"รมว.คลัง ยัน จุดยืนของนายกฯ​และพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ต้น ไม่หนุนหวยออนไลน์ อัดรัฐบาลก่อนทำสัญญา ชี้ หากเป็นรัฐบาล ปชป. จะไม่ริเริ่มดำเนินการแน่นอน ระบุ เร็วเกินไปพูดเรื่องค่าชดเชย...."

แต่ข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้
คือ รัฐบาล ปชป. ริเริ่มนำกลับมาปัดฝุ่นอีกครั้ง สมัยรัฐบาลชวน
และมีโพลล์สำรวจเด้งรับสนับสนุนทันที
"ต่อมาในสมัย รัฐบาล นายชวน หลีกภัย มีการเสนอเรื่องเข้า ครม. โดยนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจความเห็นประชาชนว่ามี 58.83% ที่เห็นด้วยกับการขายสลากออนไลน์ เพื่อสนับสนุนการขายหวยออนไลน์ ขณะเดียวกันก็มีคนพิการ และประชาชนจำนวนมากออกคัดค้าน จน ครม. ต้องให้กระทรวงการคลังทำหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตีความการเปิดประมูลให้จาโก้มาดำเนินการเรื่องหวยออนไลน์ได้หรือไม่"

พอกลางปีที่แล้วช่วงที่อภิสิทธิ์จะไปนอก
และหลังจากพบนายทุนอเมริกา
หุ้นส่วนบริษัทที่เกี่ยวกับเรื่องหวยออนไลน์

ก็รับปากว่าจะเรียบร้อยเร็วๆ นี้
"ส่วนกรณีที่ บริษัท จีเทค ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหุ้นส่วนในบริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี จะฟ้องรัฐบาลไทยกรณีที่โครงการหวยออนไลน์ครั้งใหม่ยังไม่มีความชัดเจนนั้น นายตรีจักร กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง แต่จากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้พบนักลงทุนสหรัฐเมื่อช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา และนายกฯได้รับไปพิจารณาเกี่ยวกับโครงการหวยออนไลน์ รวมทั้งจะให้ความเป็นธรรม เพราะโครงการนี้ล่าช้ามาประมาณ 4 ปี ทำให้บริษัทเสียหาย

"ท่านได้แจ้งให้ทราบว่าก่อนที่ท่านจะออกจากประเทศไทย ท่านได้สอบถามสำนักงานสลากฯแล้ว สำนักงานสลากฯก็แจ้งให้ทราบว่ากำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ และก็บอกว่าจะเรียบร้อยเร็วๆนี้" นายตรีจักร กล่าว"

และโพลล์ประเทศนี้ก็เด้งรับลูก
ผลออกมาสนับสนุนหวยออนไลน์ทันที
ตามฟอร์มแบบนี้
"วานนี้ สวนดุสิตโพล ได้ประกาศผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการจำหน่ายสลากกินแบ่ง รัฐบาลแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ด้วยเครื่องจำหน่ายสลากอัตโนมัติ(สลากออนไลน์) ปรากฎว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 52.94% เห็นด้วยกับการเปิดจำหน่ายสลากออนไลน์ของรัฐบาล เนื่องจาก สามารถหาซื้อได้ง่าย สะดวก ได้จำนวนตามความต้องการ และซื้อหวยได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ประชาชนอีก 24.08% ไม่เห็นด้วยเพราะเชื่อว่าจะทำให้คนหันมาเล่นหวยกันมากขึ้น"

พอมาช่วงนี้โดนกระแสต่อต้านอีก
ก็กลับลำจะยกเลิกหวยออนไลน์อ้างเรื่องมอมเมาอีกแหล่ะ
แถมด้วยโพลล์ก็รับลูกคัดค้านทันทีเหมือนกัน แบบนี้
"วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553 15:03

เอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจ พบ ประชาชนร้อยละ 53.6 ไม่เห็นด้วยกันหวยออนไลน์ หวั่นทำให้เกิดปัญหาสังคม"

ดูๆ แล้วเรื่องนี้ผมจึงต้องรวบรวมข่าวมาเก็บไว้
เพราะไม่ทันไรเริ่มมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงบางอย่าง
และการกลับไปกลับมาของคนพรรคนี้และโพลล์
ไม่แน่อนาคตอาจกลับลำมาหนุนหวยออนไลน์อีก
และตามด้วยโพลล์สนับสนุนทันที
เพื่อช่วยสร้างกระแสความชอบธรรมให้รัฐบาล
เชื่อเหอะว่าต่อให้เขียนดักคอแบบนี้
อนาคตก็จะเป็นอย่างที่บอก

ส่วนกรณีนี้ถ้าคิดจะจบง่ายๆ
ด้วยการยอมจ่ายค่าโง่
แล้วไม่มีคนรับผิดชอบ
หรือลากคอคนไปทำให้เกิดค่าโง่
มาลงโทษหรือชดใช้แทน
อนาคตก็คงได้เห็นมุกซูเอี๋ยกับบริษัท
แล้วมาทำสัญญาให้รัฐบาลเสียค่าโง่อีก
โดยอาจได้รับส่วนแบ่งจากค่าโง่ในภายหลัง
ทั้งในรูปเงินบริจาคพรรคการเมืองโดยตรง
หรือมาในรูปเงินใต้โต๊ะ
เพราะในเมื่อไม่มีคนผิดในการทำสัญญาค่าโง่ต่างๆ
ก็เป็นช่องทางทำมาหากิน
หรือสะสมเสบียงเพื่อการเลือกตั้งได้ง่ายๆ

โดย มาหาอะไร

-----------------------------------------------------------------------

คมชัดลึก > เศรษฐกิจ - การตลาด > ข่าวทั่วไป
รื้อโควตาลอตเตอรี่ใหม่ลดรายย่อยเหลือ50%
คม ชัดลึก :สำนักงานสลากฯ รื้อโควตาลอตเตอรี่ใหม่ ลดรายย่อยเหลือ 50% ดันนิติบุคคล-มูลนิธิเพิ่มเท่ากัน 25% อ้างคุมง่ายหากทำผิดกฎ พร้อมรื้อเกณฑ์คุณสมบัติผู้ที่จะได้รับโควตาใหม่หมดทุกประเภท บอร์ดอนุมัติสลากการกุศลเพิ่มอีก 16 ล้านฉบับ เริ่มงวด 16 ธ.ค.นี้ มั่นใจราคาลงแน่ ส่วนหวยออนไลน์ยังไม่คืบ บอร์ดตีกลับมาตรการเยียวยาทางสังคมไม่ชัดเจน แต่ต่อสัญญาเช่าตึกดูแลซอฟต์แวร์ไปอีก 1 ปี

นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ กรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสำนักงานสลากฯ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ว่า ที่ประชุมมีมติให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล วางหลักเกณฑ์ในการจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล (ลอตเตอรี่) ใหม่ โดยเป็นผลจากการนำผลการศึกษาของคณะอนุกรรมการปราบปรามการขายสลากฯ เกินราคา และอนุกรรมการวางหลักเกณฑ์จัดสรรสลากฯ มาพิจารณาเพื่อให้การจัดแบ่งโควตาการขายลอตเตอรี่มีความเข้มข้นขึ้น โดยต้องการปรับลดสัดส่วนการจัดสรรโควตาในส่วนของผู้จำหน่ายรายย่อย ที่มีกว่า 4 หมื่นราย แต่รับโควตาถึง 70% ของลอตเตอรี่ที่พิมพ์ขายแต่ละงวดให้เหลือเพียง 50% แล้วไปเพิ่มในโควตาในส่วนของสมาคม มูลนิธิ องค์กรการกุศล 70 แห่งจากเดิมที่มีสัดส่วน 15% เพิ่มเป็น 25% และนิติบุคคลจาก 15% เป็น 25% โดยขณะนี้กำลังจัดทำหลักเกณฑ์ จากนั้นจะเสนอต่อที่ประชุมบอร์ดในครั้งต่อไป

“ขณะ นี้โควตาลอตเตอรี่ได้หมดสัญญากับสำนักงานสลากฯ ไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2550 แต่ไม่รู้ว่าสำนักงานสลากฯ ยังขายมาจนถึงวันนี้ได้อย่างไร โดยไม่มีสัญญาและยังคงยึดการจัดสรรโควตากันแบบโบราณ ให้รายย่อย 70% ซึ่งบางคนรับงวดละ 1-2 เล่มเท่านั้น เห็นว่าไม่เพียงพอที่จะมีรายได้จากการประกอบอาชีพดังกล่าว และเชื่อว่าคนเหล่านี้รับไปขายต่อ ซึ่งเราต้องการลดจำนวนเหล่านี้ลง ส่วนสมาคม มูลนิธิ องค์กรการกุศล บางแห่งก็ไม่ได้เสียภาษี ไม่ได้จดทะเบียนขอยกเว้นภาษี เราจึงปรับเกณฑ์ใหม่ที่ต้องการดูว่ามีรายชื่อสมาชิกอย่างไร ให้แนบมาด้วย” นายนครินทร์กล่าว

สำหรับสาเหตุที่ต้องการให้นิติบุคคลและองค์กรการ กุศลเพิ่มขึ้น เพื่อให้สำนักงานสลากฯ สามารถควบคุม และป้องกันปัญหาต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง โดยหากไม่ปฏิบัติตามกฎของสำนักงาน ก็สามารถตัดสิทธิ์ได้ทันที ซึ่งจะสะดวกมากกว่าการลงไปควบคุมรายย่อยต่างๆ ที่สำคัญเมื่อได้เกณฑ์ในการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่ต้องการรับโควตาทุก ประเภทแล้ว สำนักงานสลากฯ จะยกเลิกรายชื่อผู้ที่ได้โควตาเดิมทั้งหมดทิ้ง แล้วเปิดรับสมัครใหม่ แต่คาดว่าคงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือน เนื่องจากสำนักงานสลากฯ จะต้องทำหนังสือแจ้งผู้ที่ได้โควตาเดิมทุกราย และรอการตอบกลับมาหากต้องการโควตาเหมือนเดิมก็ต้องปรับปรุงคุณสมบัติให้ครบ ตามเกณฑ์ใหม่แล้วมาสมัครใหม่

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการขายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวผ่านเครื่องอัตโนมัติ (หวยออนไลน์) ที่สำนักงานสลากฯได้รายงานผลกระทบทางสังคมและมาตรการเยียวยาให้พิจารณา ซึ่งมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว แต่คณะกรรมการได้ตีกลับมาตรการเยียวยาและให้ปรับปรุงมาตรการดังกล่าวให้เป็น รูปธรรมมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่าไม่มีความชัดเจนในทางปฏิบัติ โดยสำนักงานสลากฯ ได้เสนอให้จัดตั้งกองทุนผู้ได้รับผลกระทบจากหวยออนไลน์ แต่กลับไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับอำนาจและขอบเขตตามกฏหมายที่สำนักงานสลากฯ จะสามารถจัดตั้งกองทุนได้หรือไม่

อีกทั้งรายได้จากหวยออนไลน์จะต้อง นำส่งเป็นรายได้รัฐบาล หากจัดสรรมาจัดตั้งกองทุนอาจผิดกฎหมาย ที่ประชุมจึงให้สำนักงานสลากฯ กลับไปทบทวนเรื่องนี้ ก่อนนำมาเสนอให้บอร์ดพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป และจะเชิญ นายสุขุม เฉลยทรัพย์ ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ในฐานะประธานดำเนินงานสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการหวยออนไลน์ มาชี้แจงผลสรุปของผลสำรวจให้ที่ประชุมทราบด้วย

“ประธานบอร์ดสลากฯ ขอให้ดูมาตรการเยียวยาให้เป็นรูปธรรมและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่ทำเป็นสัญญาลอย ๆ เช่น การตั้งกองทุนเป็นอำนาจที่สำนักงานทำได้หรือไม่ ยอมรับว่าหลายมาตรการนั้นดำเนินการได้ทันที เช่น ตั้งศูนย์ฮอตไลน์ ขณะที่ผลกระทบป้องกันเด็กและเยาวชนนั้นให้สร้างความชัดเจนเช่นกัน โดยให้นำเสนอประชุมครั้งหน้า” นายนครินทร์กล่าว

อย่างไรก็ตาม สำนักงานสลากฯ ยืนยันว่า ยังต้องการเดินหน้าโครงการขายหวยออนไลน์ โดยล่าสุดคณะกรรมการได้อนุมัติให้ต่อสัญญาเช่าอาคาร บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ที่บางรักอีก 1 ปี เพื่อใช้เป็นศูนย์ดูแลระบบซอฟต์แวร์ของหวยออนไลน์ ซึ่งถือเป็นข้อผูกพันของสำนักงานสลากฯ ต่อโครงการหวยออนไลน์ และยังหวังว่าโครงการหวยออนไลน์น่าจะเปิดขายได้ภายในสิ้นปีนี้

นาย นครินทร์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้อนุมัติให้สำนักงานสลากฯ จัดพิมพ์ลอตเตอรี่การกุศลเพิ่มอีก 16 ล้านฉบับ โดยเริ่มตั้งแต่งวดวันที่ 16 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นโควตาของสภากาชาดไทย 4 ล้านฉบับ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์อีก 12 ล้านฉบับ จากปัจจุบันที่พิมพ์อยู่ 50 ล้านฉบับ ทำให้มีสลากทั้งสิ้น 66 ล้านฉบับ เชื่อว่าจะมีผลทำให้ปัญหาราคาสลากแพงนั้นลดลงได้ในระดับที่น่าพอใจ

นาย วันชัย สุระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ยอดตัวเลขการพิมพ์สลากที่แน่นอนแล้ว สำนักงานสลากฯ ต้องใช้เวลาอีก 1 เดือน ในการปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ให้รองรับปริมาณการพิมพ์และการจัดสรรรางวัลที่ เพิ่มขึ้นให้เรียบร้อย ก่อนที่จะพิจารณานำมาตรการกระจายรางวัลที่ 1 เป็น 33 ครั้งมาใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาลอตเตอรี่ราคาแพง และปัญหาการรวมชุดลอตเตอรี่หมดไปอย่างแน่นอน

http://www.komchadluek.net/detail/20091026/34454/%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD50.html

-----------------------------------------------------------------------

งามหน้า! มูลนิธิสลากฯตัวฟาดค่าต๋ง ขูดยี่ปั๊วซาปั๊วคู่ละ7-9บาท

มูลนิธิสำนักงานสลากฯ ทำงามหน้าเรียกเก็บค่าหัวคิวจากยี่ปั๊ว ซาปั๊ว คู่ละ 7-9 บาท

แหล่งข่าวยี่ปั๊วขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สาเหตุที่คณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาสลากแพงแม้จะมีการพิมพ์สลากเพิ่มอีก 4 ล้านฉบับ เพราะมีผู้แสวงหาผลประโยชน์จากการกินค่าหัวคิวจากโควตาสลากงวดละ 7-9 ล้านบาท โดยให้ยี่ปั๊ว ซาปั๊วที่ต้องการสลากไปขายจ่ายสดรวดเดียว 48 งวด เป็นเงินรวม 432 ล้านบาท
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้ ยี่ปั๊วแทบทุกรายที่ซื้อสลากผ่านโควตามูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่มีนายชัยวัฒน์ พสกภักดี เป็นประธาน ซึ่งได้รับสลากพิเศษมากระจายให้รายย่อย 1 ล้านฉบับ จาก 4 ล้านฉบับ จะต้องจ่ายเงินพิเศษจากการรับสลากไปขายใบละ 7-9 บาท และต้องสั่งจ่ายเงินก่อนล่วงหน้าเป็นเวลา 48 งวด ทำให้ต้นทุนสลากที่ยี่ปั๊วรับซื้อผ่านทางมูลนิธิสำนักงานสลากฯ มีต้นทุนสูงกว่า 80 บาท ทั้งๆ ที่ควรจะอยู่ในระดับ 73-74 บาท
“เวลานี้มีคนจากไหนก็ไม่รู้เข้ามาเรียกเงินพิเศษ 7-9 บาทต่อฉบับ 48 งวด นายหน้ากินหัวคิวจะได้เงินไปกินเปล่าเลย 400 ล้านบาทแล้ว หากขายโควตาได้ทั้งหมด 4 ล้านฉบับ ก็จะได้เงินไปถึง 1,300 ล้านบาท” ผู้ค้าสลากกล่าว
ขณะนี้สำนักงานสลากฯ เตรียมที่จะพิมพ์สลากเพิ่มอีก 12 ล้านฉบับ โดยจะประชุมกันในวันที่ 17 พ.ย.นี้ เพื่อจะจำหน่ายงวดวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ระยะเวลา 5 ปี หรือ 120 งวด ก็มีนายหน้าเรียกเก็บค่าหัวคิวแล้ว 5-7 บาทต่อใบ จะได้เงินไป 7,000 ล้านบาท ในขณะที่สลากยังราคาแพง
แหล่งข่าวจากกรรมการมูลนิธิสำนักงานสลากฯ กล่าวว่า แม้ยอดจะได้รับจัดสรรมา 1 หมื่นเล่ม หรือ 1 ล้านฉบับ แต่ข้อเท็จจริงได้รับแค่ 8,400 ฉบับ ส่วนที่เหลือนั้นมีคณะกรรมการรับไปจัดสรรให้ลูกข่าย มูลนิธิสำนักงานสลากฯ จึงไม่รู้เรื่อง บอร์ดจัดสรรเอง แต่ให้ส่วนลดแก่มูลนิธิสำนักงานสลากฯ 2%
ที่มา โพสต์ทูเดย์
http://news.hunsa.com/detail.php?id=19733

-----------------------------------------------------------------------

มือดีลดค่าต๋งโควตาสลากหลังยี่ปั๊วแหยง
วันที่ 2009-11-20 00:00:00 โดย post today - การเงิน

แหล่งข่าวจากยี่ปั๊วผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ กลุ่มผู้ที่ดำเนินการเรียกเก็บค่าหัวคิวในการจัดสรรโควตาสลากได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจ่ายเงิน และปรับลดราคาค่าหัวคิวลงจากเดิม ที่เรียกเก็บค่าต๋งคู่ละ 7-9 บาท เหลือเพียงคู่ละ 3-5 บาท เนื่องจากมีผู้ค้าสลากจำนวนหนึ่งไม่ยอมจ่ายหลังจากมีการเพิ่มจำนวนสลาก การกุศล

นอกจากนี้ ผู้ค้าสลากจำนวนหนึ่งไม่สามารถหาเงินจำนวนมากมาจ่ายได้ทั้งหมดในคราวเดียว จนทำให้การจัดสรรโควตาสลากอีกจำนวน 6 ล้านฉบับ ที่เดิมนั้นสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะออกจำหน่ายในวันที่ 16 ธ.ค. 2552 ต้องเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 16 ม.ค. 2553 แทน เพราะยังไม่สามารถจัดสรรโควตาให้ครบถ้วน

สำหรับการเปลี่ยนรูปแบบการจ่ายเงินนั้น กลุ่มผู้เรียกเก็บหัวคิวได้เปลี่ยนมาเป็นการเรียกเก็บค่าหัวคิวทั้งหมดเป็นช่วงๆ ตามระยะเวลา เช่น 6 เดือนจ่าย 1 ครั้ง 3 เดือนจ่าย 1 ครั้ง เพื่อลดภาระให้แก่ตัวแทนจำหน่าย และเชื่อว่าราคาสลากจะลดลงจาก 120 บาท

สำหรับบรรยากาศวันแรกที่สำนักงานสลากฯ ได้เรียกตัวแทนจำหน่ายสลากมาแสดงตัวเพื่อตรวจสอบข้อมูล ปรากฏว่ามีตัวแทนมาจำนวนมากมาแสดงตัว เพราะกลัวว่าจะถูกตัดรายชื่อออกจากการเป็นตัวแทนจำหน่าย

นายวันชัย สุระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า การเรียกตัวแทนจำหน่ายมาแสดงตัว เพื่อยืนยันการเป็น ผู้จำหน่ายสลากและป้องกันการแอบอ้าง โดยตรวจสอบตัวแทนจำหน่ายในส่วนกลาง 11,021 ราย และนิติบุคคล 64 ราย ตั้งแต่ วันนี้-27 พ.ย. 2552 ส่วนในส่วนภูมิภาค 21,462 รายนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดและคลังจังหวัด จะเป็นผู้ตรวจสอบ


ที่มา : http://www.posttoday.com/finance.php?id=77051

-----------------------------------------------------------------------

"วันชัย"ซัดมิจฉาชีพอาละวาด
* ไทยโพส เศรษฐกิจ

31 สิงหาคม 2552 - 00:00 366 633

กอง สลากฯ งานเข้า หลังหนังสือลงนามโดยผู้อำนวยการปลิวว่อนแจกจ่ายประชาชน แจ้งได้สิทธิ์รับ เลขล็อกงวด 1 ก.ย.แต่ต้องโอนเงินเข้าบัญชีคณะกรรมการ 2 หมื่นบาทก่อน ด้าน "วันชัย" เตือนอย่าไปหลงเชื่อแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวง ยันไม่มีการล็อกเลขแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีส่งหนังสือส่งถึงประชาชน เจ้าของกิจการ ร้านค้าทั่วไป โดยอ้างแหล่งที่มาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (กองสลาก) แจ้งว่าผู้ที่ ได้รับหนังสือเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเลขสามตัวท้ายของรางวัลที่จะทำการ ล็อกในงวดประจำวันที่ 1 ก.ย.2552 พร้อมทั้งให้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนเพื่อให้ติดต่อกลับคณะกรรมการออกสลากภาย ในวันที่ 29, 30 และ 31 ส.ค.2552 เวลา 08.00-14.00 น.เท่านั้น

หนังสือดังกล่าวยังมีการลงนามโดยนายวันชัย สุระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมทั้งลายเซ็นกำกับรวมถึงมีการลงนามรับรองว่าสำเนาถูกต้องโดยอ้างชื่อนาง วิมลลักษณ์ บุญยิ่งยงสถิตย์ เลขานุการฝ่ายการออกสลากอีกด้วย

"ในภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยเช่นนี้ ทางกองสลากจำเป็นต้องทำการล็อกตัวเลขเพื่อทำให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์และ ประชาชนทั่วไปมีโอกาสในด้านการเงิน เป็นการกระจายรายได้สู่ชนบทและช่วยล้ม ล้างหวยเถื่อนอีกทางหนึ่งด้วย ในการออกรางวัลนายวันชัยและคณะกรรมการจะเป็น ผู้ควบคุมดูแลการออกรางวัลในครั้งนี้ทุกขั้นตอน จึงขอให้มั่นใจได้ว่าตัวเลขที่ได้รับเชื่อถือได้อย่างแน่นอน และเพื่อความปลอดภัยของทางคณะกรรมการจึงขอให้มีการเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความ ลับ" หนังสือระบุ

ผู้สื่อข่าวได้ทดลองติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ระบุไว้ในหนังสือ ปรากฏ ว่าผู้รับสายเป็นผู้ชาย และได้สอบถามว่าได้รับเอกสารที่คณะกรรมการส่งให้ด้วยตัวเองหรือไม่

เมื่อผู้สื่อข่าวยืนยันว่าได้รับด้วยตัวเอง ทางผู้รับสายก็ชี้แจงให้ทราบว่าจะได้รับสิทธิ์ตัวเลขเป็นเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1 แบบตรงๆ ไม่ต้องกลับ เพียง 1 ชุด เพียงแต่ต้องดำเนินการตามเงื่อนไข 2 ข้อ ได้แก่ 1.ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้ทางคณะกรรมการได้ รับผลกระทบ และ 2.หากต้องการยืนยันว่าอยากได้ตัวเลขจะต้องสมัครเป็นสมาชิกของกองสลาก โดยต้องจ่ายเงินเพียงครั้งเดียวเป็นจำนวน 2 หมื่นบาท ซึ่งจะได้รับเลขท้าย 3 ตัว รวม 3 งวด คือ 1 ก.ย., 16 ก.ย. และ 1 ต.ค.นี้ หรือตกแล้ว 7,000 บาทต่องวด โดยจะต้องโอนเงินเข้าบัญชีให้ทางคณะกรรมการ

แต่เมื่อพยายามสอบถามถึงหมายเลขบัญชี ทางผู้รับสายระบุว่าให้ลองไปคิดก่อน และหากพร้อมให้โทรยืนยันอีกครั้ง ทางคณะกรรมการจึงจะแจ้งหมายเลขบัญชีให้ทราบ และเมื่อสอบถามว่าใครเป็นผู้พูดสายอยู่ จะมีการระบุทันทีว่า "ผม...วันชัย สุระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ ครับ"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้เสียงพูดจะใกล้เคียงกับน้ำเสียงของนายวันชัย แต่เท่าที่ได้พูดคุยกับนายวันชัยบ่อยครั้ง จึงไม่น่าจะใช่ และเท่าที่ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ก็ไม่ใช่ของนายวันชัย

ด้านนายวันชัยกล่าวว่า หนังสือแจ้งเรื่องล็อกเลขเป็นการกระทำของมิจฉาชีพ แน่นอน โดยมีการส่งกระจายไปทั่วและหลายคนโทรศัพท์สอบถามมา ซึ่งได้ยืนยันไปว่าอย่าไปหลงเชื่อและให้ฉีกหนังสือทิ้งได้เลย เพราะกองสลากไม่มีการดำเนินการเช่นนั้นแน่นอน

"ขณะนี้ยังพบว่ามีมิจฉาชีพ 2 กลุ่มใหญ่ที่กำลังระบาดอยู่ โดยกลุ่มแรกจะอ้างว่าสามารถล็อกเลขได้ และอีกกลุ่มจะอ้างว่ามีลอตเตอรี่ขายให้เป็นหมื่นฉบับสำหรับผู้ที่ต้องการนำ ไปขายต่อ ซึ่งยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน จึงขอฝากเตือนประชาชนว่าอย่าได้หลงเชื่อ" นายวันชัยกล่าว

-----------------------------------------------------------------------

ย้อนรอยค่าโง่ "หวยออนไลน์" คนผิดลอยนวล (ตามเคย)
เศรษฐกิจ มติชนรายสัปดาห์ วันที่ 06 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ปีที่ 24 ฉบับที่ 1251

พลันเมื่อคำพิพากษาของศาลแพ่งตัดสินให้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ชำระเงิน 2,500 ล้านบาทให้กับบริษัท จาโก้ จำกัด พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2543 ภายใน 30 วัน

ประเด็น เรื่อง "ค่าโง่" ของฝ่ายรัฐที่ต้องจ่ายให้เอกชน ก็กลับมาหลอกหลอนสังคมไทย ขึ้นอีกครั้ง

คำพิพากษาดังกล่าวยืนตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่ดำเนินการชี้ขาดมาก่อนหน้านี้ว่า หน่วยงานรัฐสั่งชะลอโครงการที่บริษัทได้รับแต่งตั้งให้จำหน่ายสลากการกุศล หรือสลากอัตโนมัติหรือหวยออนไลน์ มีการทำสัญญาระยะเวลา 10 ปี โดยจัดหาเครื่องจำหน่ายสลากอัตโนมัติจำนวน 5,000 เครื่อง ให้ผลิตสลากจำหน่ายงวดละ 14 ล้านฉบับ จนทำให้บริษัทมีความเสียหายเกิดขึ้น

หาก ย้อนไปถึงที่มาของคำว่า "ค่าโง่" ของกองสลากฯ แล้ว คงต้องย้อนไปดูกระบวนการชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2543 ซึ่งมี นายรัตน์ ศรีไกรวิน อดีตรองประธานศาลฎีกา เป็นประธาน นายพงษ์ศักดิ์ ปัณยาชีวะ เป็นตัวแทนฝ่ายบริษัท จาโก้ และ นายวัลลภ ตันติกุล อดีตอธิบดีอัยการฝ่ายที่ปรึกษา กรรมการประจำสำนักงานระงับข้อพิพาท สาขาประกันภัยและสาขาการลงทุน เป็นตัวแทนสำนักงานสลากกินแบ่งฯ

คำชี้ ขาดของอนุญาโตฯ ชุดนั้น ระบุว่า บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท จาโก้ ได้รับความเสียหายจริง หลังจากที่ได้ทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายและจ่ายรางวัลบำรุงการกุศลแบบ อัตโนมัติ (ตู้จำหน่ายล็อตโต้) กับสำนักงานสลากฯ แล้ว แต่ต่อมาสำนักงานสลากฯ มีหนังสือขอให้บริษัทหยุดดำเนินการเป็นตัวแทน จึงเห็นควรให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัท

เหตุการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึง กับการชดใช้ค่าเสียหายให้ภาคเอกชนในกรณีค่าโง่ทางด่วนก่อนหน้านี้ โดยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2543 "บีบีซีดี" ผู้รับเหมาก่อสร้างทางด่วนได้ยื่นคำร้องขอให้อนุญาโตฯ วินิจฉัยให้การทางพิเศษแห่งประเทศ (กทพ.) จ่ายค่าชดเชยแก่บีบีซีดีประมาณ 8,000 ล้านบาท อนุญาโตฯ ชุดนี้มี นายเธียร เจริญวัฒนา อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน นายวัลลภ ตันติกุล เป็นอนุญาโตฯ ฝ่าย กทพ. และ นายมรุธา วัฒนะชีวะกุล อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นอนุญาโตฯ ฝ่ายบีบีซีดี ซึ่งมีมติเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2544 ให้ กทพ. จ่ายบีบีซีดีเป็นเงิน 6,200 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างต่อสู้กันในศาลแพ่งในประเด็นคำวินิจฉัยอนุญาโตฯ ไม่ชอบ

ดู เหมือนว่ารัฐบาลเองก็ออกอาการหงุดหงิดกับคำว่า "ค่าโง่" อยู่พอสมควร จับอาการจากการให้สัมภาษณ์ของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า "อย่าเพิ่งไปบอกว่าเป็นค่าโง่ ถ้ารัฐแพ้อะไรแล้วกลายเป็นค่าโง่หมด ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว"

เมื่อ ต้นทางของ "ค่าโง่" ครั้งนี้ ก็ต้องไล่ถึงรัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่มี นายบดี จุณนานนท์ รั้งตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ได้มีการศึกษาวิธีแก้ปัญหาขายสลากเกินราคา โดยการนำวิธีจำหน่ายหวยออนไลน์มาใช้ ผู้ชนะการประมูลครั้งนั้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2539 คือ บริษัท เซลลูล่าร์ โปรดักส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ในกลุ่มล็อกซเล่ย์ ซึ่งหลังจากนั้นได้จัดตั้งบริษัท จาโก โดยร่วมทุนกับจีเท็ค คอร์ปอเรชั่น จากสหรัฐ ขึ้นมาดำเนินการ และบริษัท จาโก้ ลงนามสัญญากับสำนักงานสลากฯ ในเช้าวันที่ 3 ธันวาคม 2539

หลัง จากเซ็นสัญญาไม่นานก็มีการเปลี่ยนรัฐบาล นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นวันแรก พบว่าเป็นการเซ็นสัญญาก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่ชั่วโมง ออกอาการ "รวบรัดเกินไป" ขณะเดียวกันก็มีเสียงโจมตีในสภา ทั้งในแง่การมอมเมา ผลกระทบต่อผู้พิการที่ค้าสลาก และการนำเข้าเครื่องจักรทั้งที่ประเทศประสบวิกฤตเศรษฐกิจ

นายจา ตจุรนต์จึงสั่งชะลอโครงการ และให้ทีดีอาร์ไอ และมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ ศึกษานโยบายดังกล่าว ซึ่งได้ข้อสรุปตรงกันว่าหวยออนไลน์ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาขายสลากเกินราคาได้ จึงสั่งระงับโครงการในเดือนเมษายน 2540 แต่ก็ถูก นายอำนาย วีรวรรณ รัฐมนตรีคลังสมัยนั้น ประกาศสนับสนุนให้โครงการเดินหน้า แต่ยังไม่ทันได้เซ็นสัญญา ก็ลาออกจากตำแหน่งเสียก่อน

ต่อมาในสมัย รัฐบาล นายชวน หลีกภัย มีการเสนอเรื่องเข้า ครม. โดยนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจความเห็นประชาชนว่ามี 58.83% ที่เห็นด้วยกับการขายสลากออนไลน์ เพื่อสนับสนุนการขายหวยออนไลน์ ขณะเดียวกันก็มีคนพิการ และประชาชนจำนวนมากออกคัดค้าน จน ครม. ต้องให้กระทรวงการคลังทำหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตีความการเปิดประมูลให้จาโก้มาดำเนินการเรื่องหวยออนไลน์ได้หรือไม่

ปรากฏ ว่ากฤษฎีกาตีความแล้ว การดำเนินการดังกล่าวถือว่าไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน กระทรวงการคลังจึงสั่งยกเลิกสัญญา เอกชนอ้างว่าเกิดความเสียหาย และนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ และเป็นที่มาที่รัฐต้องจ่ายค่าเสียหาย แต่รัฐบาล นายชวน หลีกภัย ก็ยังไม่จ่ายเงิน เรื่องจึงบานปลายเข้าสู่การพิจารณาของศาล โดยใช้เวลาพิจารณาคดีประมาณ 3-4 ปี

เรียงลำดับเหตุการณ์แบบนี้แล้ว ก็จะทำให้เข้าใจสายสนกลในของเรื่องได้ว่า ตัวละครแต่ละช่วงขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ใด เพราะสลากที่จำหน่ายอยู่ 46 ล้านฉบับต่องวดในทุกวันนี้ มีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ถึงเกือบ 10 บาทต่อฉบับ ให้บรรดายี่ปั๊วได้กินได้ใช้มาช้านาน

ผลประโยชน์อันมหาศาลนี้แหละที่ ขับเคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกมาทักท้วงต่อต้าน หรือแม้แต่ทำให้ฝ่ายนโยบายต้องชะลอล่าช้าการตัดสินใจออกไปได้ทั้งสิ้น

มา ถึงวันนี้ก็ต้องจับตาดูว่า ยุคสมัยคิดใหม่ ทำใหม่ ของไทยรักไทย จะรับมือกับเผือกร้อนก้อนนี้อย่างไร

แต่หวังว่ารัฐบาลคงจะไม่รีบยอม ความเจรจาประนีประนอมกับบริษัทจาโกเสียตั้งแต่ต้นมือ โดยยังไม่ได้ต่อสู้จนถึงที่สุดเสียก่อน เพราะจะตอบคำถามสาธารณชนลำบาก ขณะเดียวกัน กระบวนการในการหาคนผิดมาลงโทษก็ต้องกระทำควบคู่กันไปอย่างเข้มข้น

นอก จากนี้ ต้องนำบทเรียนที่เกิดขึ้นในอดีตมาล้อมคอกการพิจารณาจัดจ้างผู้วางระบบเกม สลากแบบใหม่ (หวย ออนไลน์) ไม่ให้ซ้ำรอยเดิม เพราะเอกชนที่มายื่นซองประมูล 5 ราย มีบริษัท ล็อกซเล่ย์ ซึ่งยังคงจับมือกับ จีเทค ของสหรัฐอเมริกา และมีบริษัท จาโก้ เป็นบริษัทลูกเข้าร่วมด้วย

ซึ่งหากถึงท้ายที่สุด รัฐต้องเจียดเงินงบประมาณหลายพันล้านไปให้ "คู่สัญญา" ที่เกิดจากความรวบรัดดำเนินการของรัฐบาลชุดหนึ่ง การชะลอโครงการจากรัฐบาลชุดหนึ่ง และการทบทวนโครงการของรัฐบาลชุดหนึ่ง

แถม "คู่สัญญา" บางรายอาจจะได้ค่าโง่อีกด้วยแล้ว รัฐบาลจะตอบคำถามประชาชนได้อย่างไร ?

หน้า 22
http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2004q3/article2004aug06p7.htm

-----------------------------------------------------------------------

ซัดรัฐบาลก่อน ทำสัญญา กรณ์ไม่สนล้มหวย
* โดย ไทยรัฐออนไลน์
* 7 มกราคม 2553, 07:10 น.

รมว.คลัง ยัน จุดยืนของนายกฯ​และพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ต้น ไม่หนุนหวยออนไลน์ อัดรัฐบาลก่อนทำสัญญา ชี้ หากเป็นรัฐบาล ปชป. จะไม่ริเริ่มดำเนินการแน่นอน ระบุ เร็วเกินไปพูดเรื่องค่าชดเชย...

เมื่อ วันที่ 6 ม.ค. นายกรณ์ จาติกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ ถึงการสั่งยกเลิกหวยออนไลน์ ของนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นจุดยืนของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ ของพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ต้น ที่จะไม่ดำเนินการหวยออนไลน์ ก่อนที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล

เมื่อถามว่า การยกเลิกโครงการในขณะนี้ ช้าเกินไปหรือไม่ นายกรณ์​ กล่าวว่า ไม่ถือว่า ช้าเกินไป เพราะยังไม่ได้ดำเนินการ ส่วนการจ่ายค่าชดเชยให้กับบริษัท ลอกซเล่ย์ จีเทค เทคโนโลยี นั้น คิดว่าเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องดังกล่าว เนื่ิองจาก ต้องรอผลการศึกษาของคณะกรรมการชุดที่มีนายเกียรติ สิทธีอมร กรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เป็นประธาน ศึกษาข้อกฎหมาย ที่จะต้องใช้เวลาศึกษาใน 30 วัน

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า หวยออนไลน์ไม่ได้ดำเนินการในรัฐบาลชุดนี้ แต่เป็นรัฐบาลก่อนที่ไปดำเนินการทำสัญญา ยืนยันว่าหากเป็นรัฐบาลชุดนี้จะไม่เริ่มดำเนินการอย่างแน่นอน

ด้าน นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ ถึงเรื่องดังกล่าว ว่า ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ กับนายกรัฐมนตรี แม้แต่ปลายเส้นผม และพร้อมดำเนินการทุกอย่างตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยต้องขอรอผลสรุปของคณะทำงานของนายเกียรติ ก่อน

http://www.thairath.co.th/content/eco/57279

-----------------------------------------------------------------------

(เพิ่มเติม) ศาลฎีกาฯ งดอ่านคำพิพากษาคดีหวยออนไลน์วันนี้ หลังจาโก้ขอสืบพยานเพิ่ม
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 7 ตุลาคม 2009 15:16:04 น.
ศาลฎีกางดอ่านคำพิพากษาคดีหวยออนไลน์ที่บริษัท จาโก้ ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานสลากกิน แบ่งรัฐบาลกรณีที่ชะลอโครงการออกไป เนื่องจากทางบริษัท จาโก้ ต้องการให้มีการนัดสืบพยานเพิ่มเติม ทั้งนี้ ยังไม่สามารถกำหนดวันเวลาที่ชัดเจนว่าศาลฎีกาจะนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้ง เมื่อใด

ผู้พิพากษา กล่าวว่า บริษัทผู้ร้องขอให้ศาลฯ งดการอ่านคำพิพากษา เนื่องจากต้องการให้มีการนัดสืบพยานเพิ่มเติมในชั้นการพิจารณาของศาลฎีกา

ทั้งนี้ นายประทีป เหมือนเตย เจ้าของสำนวนคดีบริษัทจาโก้ ระบุว่า ทางจาโก้ต้องการขอสืบพยานเพิ่มเติมอีก 9 ปาก รวมถึงการขอส่งเอกสารเพิ่มเติมอีก 15 รายการ

ขณะที่ผู้พิพากษา ระบุว่า สำนักงานสลากฯ ในฐานะผู้คัดค้าน ให้จัดทำคำคัดค้านส่งกลับมาที่ศาลภายในวันที่ 9 ต.ค.52 จากนั้นเจ้าหน้าที่จะมีการรวบเอกสารส่งให้องค์คณะผู้พิพากษาศาลฏีกาพิจารณา ต่อไป

ด้านนายตรีจักร ตันฑ์ศุภศิริ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี จำกัด บริษัทในกลุ่มบมจ.ล็อกซเลย์ (LOXLEY) กล่าวว่า เหตุที่บริษัท จาโก้ ขอสืบพยานเพิ่ม เนื่องจากบริษัทเพิ่งได้รับข้อมูลสำคัญใหม่ จึงได้ขอยื่นข้อมูลดังกล่าวต่อศาลฯ

"ไม่ใช่ว่าเราจะแพ้คดี แต่เรามีข้อมูลใหม่ที่สำคัญเราก็ยื่นให้ศาลฯ"นายตรีจักร กล่าว

ส่วนกรณีที่ บริษัท จีเทค ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหุ้นส่วนในบริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี จะฟ้องรัฐบาลไทยกรณีที่โครงการหวยออนไลน์ครั้งใหม่ยังไม่มีความชัดเจนนั้น นายตรีจักร กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง แต่จากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้พบนักลงทุนสหรัฐเมื่อช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา และนายกฯได้รับไปพิจารณาเกี่ยวกับโครงการหวยออนไลน์ รวมทั้งจะให้ความเป็นธรรม เพราะโครงการนี้ล่าช้ามาประมาณ 4 ปี ทำให้บริษัทเสียหาย

"ท่านได้แจ้งให้ทราบว่าก่อนที่ท่านจะออกจากประเทศไทย ท่านได้สอบถามสำนักงานสลากฯแล้ว สำนักงานสลากฯก็แจ้งให้ทราบว่ากำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ และก็บอกว่าจะเรียบร้อยเร็วๆนี้" นายตรีจักร กล่าว

ขณะเดียวกัน นายตรีจักร กล่าวว่า ตามที่ได้พูดคุยกับทางสำนักงานสลากกินเบ่งรัฐบาล คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายหวยออนไลน์ได้ในเดือน ธ.ค.นี้ ส่วนจะเริ่มวันไหนได้ เมื่อไร ต้องรอคณะกรรมการสำนักงานสลากกิน แบ่งรัฐบาลอนุมัติเรื่องนี้อย่างเป็นทางการเสียก่อน

ทั้งนี้ เรื่องการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับหวยออนไลน์เพื่อประเมินผลกระทบ ทางสังคมก็ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ส่วนซอฟท์แวร์ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ทุกอย่างบริษัทยืนยันว่าทำตามพ.ร.บ. สลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517

"สบายใจขึ้น แต่ก็ต้องรอจนกว่าจะขายเป็นทางการเสียก่อน โครงการนี้รอมา 4 ปีกว่าๆ ไม่อยากพูดเรื่องรายจ่าย ระยะคืนทุนเรายาวขึ้น"นายตรีจักร กล่าว

วานนี้ สวนดุสิตโพล ได้ประกาศผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการจำหน่ายสลากกินแบ่ง รัฐบาลแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ด้วยเครื่องจำหน่ายสลากอัตโนมัติ(สลากออนไลน์) ปรากฎว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 52.94% เห็นด้วยกับการเปิดจำหน่ายสลากออนไลน์ของรัฐบาล เนื่องจาก สามารถหาซื้อได้ง่าย สะดวก ได้จำนวนตามความต้องการ และซื้อหวยได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ประชาชนอีก 24.08% ไม่เห็นด้วยเพราะเชื่อว่าจะทำให้คนหันมาเล่นหวยกันมากขึ้น
--อินโฟเควสท์ โดย จารุวรรณ ไหมทอง/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

http://www.ryt9.com/s/iq05/721523

-----------------------------------------------------------------------

โพลล์ชี้คนค้านหวยออนไลน์

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553 15:03
เอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจ พบ ประชาชนร้อยละ 53.6 ไม่เห็นด้วยกันหวยออนไลน์ หวั่นทำให้เกิดปัญหาสังคม

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เอแบคเรียลไทม์โพลล์ เรื่อง เปรียบเทียบแนวโน้มความรู้สึกนึกคิดของประชาชนต่อกรณีหวยออนไลน์ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 1,063 ครัวเรือน พบว่า ประชาชนที่คิดว่าหวยออนไลน์จะเป็นการมอมเมาคนไทยมากขึ้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากร้อยละ 52.4 ในเดือนมิถุนายนปี 2552 มาอยู่ที่ร้อยละ 53.6 ในการสำรวจครั้งนี้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้คนไทยเล่นหวยมากขึ้น ส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.2 มองว่า เจ้าหน้าที่รัฐไม่กวดขันจริงจัง ในขณะที่ร้อยละ 73.2 มองว่า เป็นความง่ายในการเล่น และร้อยละ 72.6 มองว่า คนไทยชอบเสี่ยง ซึ่งส่วนใหญ่ ร้อยละ 70.8 คิดว่า หากเล่นหวยแล้วจะทำให้ติด และอยากเล่นต่อไปเรื่อยๆ

ผลสำรวจยังพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 75.1 เป็นห่วงว่าหากเด็กและเยาวชนมีการเล่นหวยมากยิ่งขึ้นจะทำให้เกิดปัญหาสังคม ตามมาโดยเฉพาะแหล่งการพนัน อบายมุขที่จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งประชาชนเกินครึ่ง หรือ ร้อยละ 58 ไม่เห็นด้วยกับการมีหวยออนไลน์ในสังคมไทย โดยให้เหตุผลว่า สังคมไทยเป็นสังคมแห่งพระพุทธศาสนาควรช่วยกันลดอบายมุขมากกว่าส่งเสริม หวยออนไลน์ เป็นการมอมเมาประชาชน เป็นต้น และเมื่อถามถึงท่าทีของรัฐบาลต่อกรณีหวยออนไลน์ พบว่า แนวโน้มของประชาชนที่มองว่า รัฐบาลควรต่อสู่คดีความกับบริษัทเอกชนเพื่อไม่ให้หวยออนไลน์เกิดขึ้นในสังคม ไทยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 52.9 ในการสำรวจครั้งล่าสุด

http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=84044

-----------------------------------------------------------------------

สรุปความเป็นมาเรื่องหวยออนไลน์
๒๘ มิถุนายน ๒๕๓๙ - สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ประกาศเชิญชวนเอกชนเป็นผู้แทนจำหน่ายและจ่ายรางวัลแบบอัตโนมัติ


- หลังนายประภัตร โพธสุธน เห็นชอบให้ลงนามในสัญญาไม่ถึงชั่วโมง รัฐบาลพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ได้เข้าบริหารประเทศต่อจากนายบรรหาร ศิลปอาชา

- นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาผลดี-เสียของโครงการนี้ โดยมีผลสรุปให้ยกเลิกสัญญาสัมปทาน

- แต่ ดร. อำนวย วีรวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นว่า การยกเลิกสัญญาจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศและจะส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของรัฐบาล จึงได้สั่งให้สำนักงานสลากกินแบ่งฯดำเนินโครงการนี้ต่อไป แต่ให้ปรับปรุงเงื่อนไขของสัญญาเพื่อไม่ให้เสียเปรียบและกระทบต่อผู้ค้าสลากเดิม

- ช่วงนั้น มีการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีบ่อยครั้ง ทั้งสองฝ่ายจึงได้ขอระงับสัญญาไว้ชั่วคราว

- จนกระทั่งนายชวน หลีกภัย ได้จัดตั้งรัฐบาล นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ได้นำโครงการนี้ขึ้นมาพิจารณาต่อ โดยอ้างว่าเอกชนได้ยื่นเรื่องเรียกร้องความเสียหายต่ออนุญาโตตุลาการไปแล้ว ถ้าไม่ดำเนินการ เอกชนจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐกว่า ๑,๓๖๙ ล้านบาท เพราะสัญญาต่าง ๆ มีผลผูกมัดไปหมดแล้วล้มเพราะขัด กม. ร่วมทุน ๓๕

ลำดับเหตุการณ์ตามวันที่

รัฐบาลนายชวน หลีกภัย (๒๓ ก.ย. ๓๕ - ๑๓ ก.ค. ๓๘) นายบุญชู ตรีทอง รมช. คลัง ผู้กำกับดูแล (๒๙ ก.ย. ๓๕ - ๑๑ ธ.ค. ๓๗) และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมช. คลัง ผู้กำกับดูแล(๑๗ ธ.ค. ๓๗ - ๑๓ ก.ค. ๓๘)
- นายบุญชู ตรีทอง เห็นชอบให้สำนักงานสลากกินแบ่งฯศึกษาวิธีจำหน่ายสลากแบบอัตโนมัติ

รัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา (๑๓ ก.ค. ๓๘ - ๒๕ พ.ย. ๓๙) นายประภัตร โพธสุธน รมช.คลัง ผู้กำกับดูแล
๒๘ มิ.ย. ๓๙ - นายประภัตร โพธสุธน เห็นชอบให้สำนักงานสลากกินแบ่งฯ ออกประกาศเงื่อนไขการเชิญชวนเอกชนเป็นผู้แทนจำหน่ายและจ่ายรางวัลแบบอัตโนมัติ
๗ พ.ย. ๓๙ - บริษัทจาโก จำกัด ชนะประมูล
๒๗ ก.ย. ๓๙ - นายบรรหาร ศิลปอาชา ยุบสภาฯ เป็นรัฐบาลรักษาการ
๒๙ พ.ย. ๓๙ - นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็น รมช. คลัง แต่ยังไม่ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์
๓ ธ.ค. ๓๙ - นายประภัตร โพธสุธน เห็นชอบให้สำนักงานสลากกินแบ่งฯ เซ็นสัญญากับ `จาโก' ก่อนหน้านายจาตุรนต์ ฉายแสง เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ไม่กี่ชั่วโมง

รัฐบาลพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ (๒๕ พ.ย. ๓๙ - ๗ พ.ย. ๔๐) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมช.คลัง ผู้กำกับดูแล
๒๔ ม.ค. ๔๐ - นายจาตุรนต์ ฉายแสง สั่งชะลอโครงการ และให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยร่วมกับสถาบันวิจัยฯแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศึกษาผลกระทบ
๒๙ ธ.ค. ๔๐ - `จาโก' ขอรับหนังสือสัญญาค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารคืนจากสำนักงานสลากกินแบ่งฯเพื่อยืนยันว่าสองฝ่ายยินยอมให้มีการระงับใช้สัญญาไว้ชั่วคราว

รัฐบาล `ชวน ๒' (๙ พ.ย. ๒๕๔๐) นายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล รมช. คลังผู้กำกับดูแล
๒๘ ก.ย. ๔๑ - `จาโก' ประกาศฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ๑,๓๖๙ ล้านบาท
๔ ม.ค. ๔๒ - `จาโก' ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสำนักงานอนุญาโตตุลาการ
๑๒ ม.ค. ๔๒ - อนุญาโตตุลาการนัดคู่พิพาทชี้แจงแนวทางในชั้นอนุญาโตตุลาการ
พ.ค. ๔๒ - อนุญาโตตุลาการนัดสืบพยานครั้งแรก แต่ทั้งสองฝ่ายได้เจรจายอมความกันเรียบร้อยแล้ว
๑๖ ส.ค. ๔๒ - สองฝ่ายแก้ไขสัญญา โดย
(๑) `จาโก' ยินยอมสละสิทธิ์ไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากการที่สำนักงานฯไม่ปฏิบัติตามสัญญา ลว.๓ ธันวาคม ๒๕๓๙ เงิน ๑,๓๖๙ ล้านบาท
(๒) แก้ไขการเป็นตัวแทนจำหน่ายและจ่ายรางวัลจากที่กำหนดไว้อย่างต่ำ ๑๔ ล้านฉบับ เงินไม่น้อยกว่า
๕๖๐ ล้านบาทเป็นปีแรกไม่น้อยกว่า ๒ ล้าน ฉบับ เงินไม่น้อยกว่า ๘๐ ล้าน และจะเพิ่มขึ้นปีละ ๑ ล้านฉบับ หรือกว่านั้นตามที่บริษัทฯ ร้องขอ
(๓) สำนักงานฯตกลงยกเลิกคำสั่งชะลอหรือระงับสัญญา และให้บริษัทฯ และสำนักงานฯ ปฏิบัติตามสัญญานับแต่วันที่อนุญาโตตุลาการทำคำชี้ขาดสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับนี้ และขยายระยะเวลาการเป็นตัวแทนจำหน่ายจากเดิมกำหนดไว้ ๑๐ ปี เป็น ๑๕ ปี
(๔) บริษัทฯ ให้สิทธิสำนักงานฯ คัดเลือกตัวแทนจำหน่ายย่อยเพิ่มจากที่กำหนดไว้ร้อยละ ๒๕ เป็นร้อย ละ ๓๕ ของจำนวนเครื่องจำหน่ายที่ติดตั้ง
(๕) บริษัทฯ ตกลงมอบเงินค่าตอบแทนพิเศษแก่สำนักงานฯเป็นสวัสดิการแก่พนักงานในอัตราส่วน ๕๐/๕๐ โดยมอบค่าตอบแทนพิเศษเมื่อสิ้นปีที่ ๑ - ๕ ปีละ ๑ ล้านบาท สิ้นปีที่ ๖ - ๑๐ ปีละ ๓ ล้านบาท และสิ้นปีที่ ๑๑ - ๑๕ ปีละ ๕ ล้านบาท
(๖) ลดจำนวนการติดตั้งเครื่องจำหน่ายสลากอัตโนมัติ จากเดิม ๓,๐๐๐ เครื่องทุกจังหวัดภายใน ๖ เดือน เป็นไม่น้อยกว่า ๕๐๐ เครื่องภายใน ๑๒ เดือน
๒๑ ก.ย. ๔๒ - คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นโครงการที่ดำเนินการขัดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้
เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ `จาโก' โนติสสำนักงานสลากกินแบ่งฯ บอกเลิกสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่ายและเรียกค่าเสียหาย ๒๒,๐๐๐ ล้านบาท
๔ ธ.ค. ๔๓ - คณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาด
(๑) สัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายและจ่ายรางวัลสลากบำรุงการกุศลแบบอัตโนมัติ ลว. ๓ ธ.ค. ๓๙ ที่คู่กรณีแต่งตั้ง `จาโก' ผู้เสนอข้อพิพาทเป็นผู้แทนจำหน่ายสลากบำรุงการกุศลไม่อยู่ในบังคับและไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ สัญญามีผลผูกพันคู่กรณีที่จะต้องปฎิบัติตามข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้และผู้เสนอข้อพิพาทคงอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนจำหน่ายและจ่ายรางวัลสลากลำรุงการกุศลแบบอัตโนมัติ
(๒) ให้สำนักงานสลากกินแบ่งฯ ชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัทจาโก ๒,๕๐๘,๕๙๓,๗๑๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
-----------------------------------------------------------------------

09.08 น. LOXLEY : แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2550 (เพิ่มเติม)

Posted on Tuesday, March 13, 2007

ที่ ต.4 /2550
วันที่ 13 มีนาคม 2550
เรื่อง แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2550 (เพิ่มเติม)
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ตาม ที่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) ได้แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2550 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2550 ให้ท่านทราบแล้วแต่ยังมีข้อมูลในบางส่วนของการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่ม ทุนให้แก่บริษัท เอกภาวี จำกัด ที่ควรรายงานเพิ่มเติม จึงขอรายงานเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

1. มีมติให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,921,030 หุ้น เพื่อจำหน่ายให้แก่ บริษัท เอกภาวี จำกัด ในราคาตลาดคำนวณจากราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นของบริษัทย้อนหลัง 7 ? 15 วันทำการติดต่อกันก่อนวันกำหนดราคาเสนอขายทั้งนี้เพื่อให้การเพิ่มทุนครั้ง นี้ เพื่อให้ฐานทุนมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการประมูลงาน

2. รายการตามข้อ 1. เป็นการจำหน่ายให้แก่บริษัท เอกภาวี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท จึงถือเป็นรายการเกี่ยวโยง บริษัทฯ จึงขอเปิดเผยสารสนเทศตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนี้
1. วันเดือนปีที่เกิดรายการ : หลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2550
(วันประชุมผู้ถือหุ้น 24 เมษายน 2550)

2. คู่สัญญาที่เกี่ยวข้องกัน
ผู้ซื้อ : บริษัท เอกภาวี จำกัด
ผู้ขาย : บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน)
ความสัมพันธ์ระหว่างกัน : บริษัท เอกภาวี จำกัด เป็นผู้ถือหุ้น
รายใหญ่ ของบริษัทฯ (27.75%)

3. ลักษณะโดยทั่วไปของรายการ : บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน)
ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,921,030 หุ้นให้บริษัท เอกภาวี จำกัด
ทั้ง นี้เพื่อให้ฐานทุนมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการประมูลงาน ดังนั้นรายการดังกล่าวจึงถือเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทยเรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและการเปิดเผยรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียน

4. รายละเอียดของสินทรัพย์ที่จำหน่าย
ชื่อบริษัท : บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน)
ประเภทธุรกิจ : การพาณิชย์
ทุนจดทะเบียน : 2,000,000,000.-บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 2,000,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.-บาท
ทุนชำระแล้ว : 1,998,078,970.-บาท
แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,998,078,970 หุ้น
มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.-บาท
จำนวนหุ้นที่จำหน่าย : หุ้นสามัญ 1,921,030 หุ้น
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.096%
สัดส่วนการถือหุ้นก่อนทำรายการ: บริษัท เอกภาวี จำกัด ถือหุ้นสามัญ 554,420,030 หุ้น ถือเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.75 ของทุนชำระแล้ว
สัดส่วนการถือหุ้นหลังทำรายการ: บริษัท เอกภาวี จำกัดถือหุ้นสามัญ 556,341,060 หุ้น สัดส่วนร้อยละ 27.85 ของทุนจดทะเบียน

รายชื่อกรรมการบริษัทเป็นดังนี้:
1. นายไพโรจน์ ล่ำซำ 2. นายธงชัย ล่ำซำ
3. นายสุกิจ หวั่งหลี 4. นายศุภชัย หวั่งหลี
5. นายภูมิชาย ล่ำซำ 6. นายวสันต์ จาติกวณิช
7 . นายสืบตระกูล สุนทรธรรม 8. นายจรูญ ชินาลัย
9. นายหริส สูตะบุตร 10. นายวิเชียร วัฒนคุณ
11. นายสุรพันธ์ ภาษิตนิรันดร์ 12.นายสมภพ เจริญกุล
13. นายสุรช ล่ำซำ 14. นายดุสิต นนทะนาคร

รายชื่อกรรมการหลังทำรายการ:
-ไม่มีการเปลี่ยนแปลง-

รายชื่อผู้ถือหุ้นก่อนทำรายการ (วันปิดสมุดทะเบียน 5 เม.ย.2549) :
1. บริษัท เอกภาวี จำกัด ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ 27.75 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 554,420,030 หุ้น
2.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 4.78 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 95,555,627 หุ้น
3. REFFLES NOMINEES (PTE) LIMITED ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 4.75 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 95,000,000 หุ้น
4. นางอำไพ หาญไกรวิไลย์ ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ 2.00 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 40,000,000 หุ้น
5. นายไพโรจน์ ล่ำซำ ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ1.78 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 35,589,030 หุ้น
6. นางเบญจวรรณ กัมปนาทแสนยากร ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 1.65 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 33,041,000 หุ้น
7.นายธงชัย ล่ำซำ ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ 1.27 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 25,459,090 หุ้น
8. นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ 1.22 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 19,229,710 หุ้น
9.นายบรรยงค์ ล่ำซำ ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ 0.96 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 19,229,710 หุ้น
10. DBS Vickers Securities (Singapore) PTE LTD. ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ 0.865 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 33,041,000 หุ้น

รายชื่อผู้ถือหุ้นหลังทำรายการ :
1. บริษัท เอกภาวี จำกัด ร้อยละ 27.85 ของทุนจดทะเบียน จำนวนหุ้น สามัญ 556,341,060 หุ้น
2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 4.78 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 95,555,627 หุ้น
3. REFFLES NOMINEES (PTE) LIMITED ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 4.75 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 95,000,000หุ้น
4. นางอำไพ หาญไกรวิไลย์ ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ 2.00 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 40,000,000 หุ้น
5. นายไพโรจน์ ล่ำซำ ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ 1.78 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 35,589,030 หุ้น
6. นางเบญจวรรณ กัมปนาทแสนยากร ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 1.65 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 33,041,000 หุ้น
7. นายธงชัย ล่ำซำ ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ 1.27 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 25,459,090 หุ้น
8. นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ 1.22 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 19,229,710 หุ้น
9. นายบรรยงค์ ล่ำซำ ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ 0.96 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 19,229,710 หุ้น
10. DBS Vickers Securities (Singapore) PTE LTD. ถือหุ้นสัดส่วน ร้อยละ 0.865 ของทุนชำระแล้ว จำนวนหุ้นสามัญ 33,041,000 หุ้น

มูลค่าของสินทรัพย์ที่ขาย : ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2550 การคำนวณรายการ เกี่ยวโยง จึงขอใช้ราคาปิดถัวเฉลี่ย 15 วันทำการ นับจากวันที่ 16 ก.พ.2550 ถึง 9 มี.ค. 2550 ในราคาหุ้นละ 1.74 บาท รวมเป็นเงิน 3,342,592.20 บาท

ขนาดรายการ = 0.086% ซึ่งขนาดรายการมากกว่า 1 ล้านบาท แต่น้อยกว่า20 ล้านบาท หรือมากกว่า 0.03 % แต่น้อยกว่า 3 % ของมูลค่าทรัพย์สินที่มีตัวตนสุทธิ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 (จะมีการคำนวณราคาจริงตามราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นก่อนเสนอขายตาม มติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2550)

5. วัตถุประสงค์ในการจำหน่าย : การเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อให้ฐานทุนมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการประมูลงาน

6. ชื่อของบุคคลที่เกี่ยวโยงของบริษัทเอกภาวี จำกัด :
1.นายไพโรจน์ ล่ำซำ เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น
2. นายธงชัย ล่ำซำ เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น
3. นายสืบตระกูล สุนทรธรรม เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น
4. นายวสันต์ จาติกวณิช เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น
5.นายศุภชัย หวั่งหลี เป็นผู้ถือหุ้น
6. นายภูมิชาย ล่ำซำ เป็นผู้ถือหุ้น
7. นายสุรช ล่ำซำ เป็นกรรมการ
กรรมการที่มีส่วนได้เสียหรือกรรมการที่เกี่ยวโยงกันไม่เข้าร่วมประชุมและงดออกเสียงในวาระเรื่องการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันนี้

7. ความคิดเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบ :เห็นว่าการเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อให้ฐานทุนมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อ รองรับการประมูลงาน

3. ยกเลิกระเบียบวาระการประชุม(เพิ่มเติม) วาระที่ 7 พิจารณาอนุมัติแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (ถ้ามี)

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน)



(นายพิชัย หมู่พุทธรักษ์)
เลขานุการคณะกรรมการบริษัทฯ

http://www.moneychannel.co.th/Menu6/ขาวบรษทจดทะเบยน/tabid/118/newsid622/15758/Default.aspx
-----------------------------------------------------------------------