บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


17 มกราคม 2553

<<< อัมเบดการ์ ผู้นำในการต่อต้านอวตาร >>>

...
คำปฏิญญา ๒๒ ข้อ ของท่านอัมเบดการ์ ดังนี้

๑. ข้าพเจ้าจะไม่บูชาพระพรหม พระศิวะ พระวิษณุต่อไป
๒. ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่าพระราม พระกฤษณะ เป็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่เคารพต่อไป
๓. ข้าพเจ้าจะไม่เคารพบูชาเทวดาทั้งหลายของศาสนาฮินดูต่อไป
๔. ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อลัทธิอวตารต่อไป
๕. ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าคืออวตารของพระวิษณุ การเชื่อเช่นนั้น คือคนบ้า
๖. ข้าพเจ้าจะไม่ทำพิธีสารท และบิณฑบาตแบบฮินดูต่อไป
๗.ข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งที่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า
๘. ข้าพเจ้าจะไม่เชิญพราหมณ์มาทำพิธีทุกอย่างไป
๙. ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้มีศักดิ์ศรีและฐานะเสมอกัน
๑๐. ข้าพเจ้าจะต่อสู้เพื่อความมีสิทธิเสรีภาพเสมอกัน
๑๑. ข้าพเจ้าจะปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ โดยครบถ้วน
๑๒. ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ โดยครบถ้วน
๑๓. ข้าพเจ้าจะแผ่เมตตาแก่มนุษย์และสัตว์ทุกจำพวก
๑๔. ข้าพเจ้าจะไม่ลักขโมยคนอื่น
๑๕. ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติผิดในกาม
๑๖. ข้าพเจ้าจะไม่พูดปด
๑๗. ข้าพเจ้าจะไม่ดื่มสุรา
๑๘. ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญตนในทาน ศีล ภาวนา
๑๙. ข้าพเจ้าจะเลิกนับถือศาสนาฮินดู ที่ทำให้สังคมเลวทราม แบ่งชั้นวรรณะ
๒๐.ข้าพเจ้าเชื่อว่าพุทธศาสนาเท่านั้นที่เป็นศาสนาที่แท้จริง
๒๑. ข้าพเจ้าเชื่อว่าการที่ข้าพเจ้าหันมานับถือพระพุทธศาสนานั้นเป็นการเกิดใหม่ที่แท้จริง
๒๒. ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตนตามคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด

หลังจากปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะแล้ว เขากล่าวว่า ?ข้าพเจ้าเกิดมาจากตระกูลที่นับถือศาสนาฮินดู แต่ข้าพเจ้าจะขอตายในฐานะพุทธศาสนิกชน?
...

http://www.prajan.com/webboard/view.php?id=10674

----------------------------------------------------------------------

วรรณะทั้ง ๔ (4 Castes) ของอินเดีย

ชน ชาวอารยันนับเป็นชนชาติเดียวในโลกที่แบ่งคนออกเป็น ๔ วรรณะตามความเชื่ออย่างเคร่งครัด ทั้งนี้สืบเนืองมาจากอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ดั่งเดิม วรรณะทั้ง ๔ คือ

๑. กษัตริย์ (Kshatriya) เกิดจากอกของพระพรหม ถือว่าสืบเชื้อสายมาจากพระอาทิตย์ มีเครื่องแต่งกายสีแดง เป็นชนชั้นปกครองหรือนักรบ ปัจจุบันวรรณะนี้เป็นบุคคลทั่วไป ไม่จำเป็นว่าต้องกษัตริย์เสมอไป

๒. พราหมณ์ (Brahmana) เกิดจากพระโอษฐ์ของพระพรหม มีเครื่องแต่งกายประจำคือสีขาว อันแสดงถึงความบริสุทธิ์ มีหน้าที่กล่าวมนต์ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาให้แก่ผู้คนโดยทั่วไป เป็นพวกศึกษาเล่าเรียน คัมภีร์พระเวท เป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า

๓. แพศย์ (Vaishaya) เกิดจากตะโพก (บางแห่งว่าจากตัก) ของพระพรหม มีเครื่องแต่งกายประจำคือสีเหลือง เป็นพวกแสวงหาทรัพย์สมบัติจัดเป็นพวกพ่อค้า วาณิช ทำเกษตรกรรม เป็นพลเรือนโดยทั่วไป

๔. ศูทร (Sudra) เกิดจากฝ่าเท้าของพระพรหม มีเครื่องแต่งกายคือสีดำหรือสีอื่น ๆ ที่ไม่มีความสดใส เป็นกรรมกร มีอาชีพชั้นต่ำ เป็นที่ดูถูกในสังคม และยังมีวรรณะพิเศษอีกพวกที่ไม่ถูกจัดเข้าพวกนั้นคือจัณฑาลหรืออธิศูทร (Adhisudra) หรือหริชน เป็นวรรณะที่ต่ำต้อยที่สุดที่ไม่ได้รับอภิสิทธิ์ใด ๆ จากสังคม มีสถานะต่ำยิ่งกว่าสัตว์เสียเอีก พวกวรรณะจัณฑาลกล่าวกันว่ามาจากพวกที่แต่งงานข้ามวรรณะลูกที่ออกมาจึงกลาย เป็นจัณฑาล ทฤษฎีนี้ไม่ถูกต้องเสมอไป มีอีกมากมาย ที่คนแต่งงานข้ามวรรณะแล้วก็ยังมีหน้ามีตาทางสังคม ปัจจุบันวรรณะนี้มีหลายร้อยล้านคนในอินเดีย

ที่มา : หนังสือประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอินเดีย โดย พระมหาดาวสยาม วชิรปัญโญ

----------------------------------------------------------------------

ดร.อัมเบดการ์ เกิดในวรรณะศูทร
วรรณะอันต่ำต้อยในระบบวรรณะของอินเดีย
แต่ดิ้นรนเรียนต่อโดยได้ทุนจนเรียนจบด็อกเตอร์
สุดท้ายได้เป็นประธานร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของอินเดีย
หลังได้รับเอกราช
ดร.เอมเบดการ์ก็ได้ร่างรัฐธรรมนูญ
ที่กำจัดระบอบชนชั้นวรรณะของอินเดียได้สำเร็จ
จนเขาได้รับการยกย่องให้เป็น
บิดาแห่งรัฐธรรมนูญอินเดีย

"ในสภาร่างรัฐธรรมนูญนั้น ดร.เอมเบดการ์ได้ทำการต่อสู้อย่างเต็มที่ในการสร้างประเทศอินเดียมิให้มีชาติ ชั้นวรรณะเขาเป็นพุทธคนเดียในท่ามกลางคนที่เป็นฮินดูเป็นล้าน ที่ต่อสู้เพื่อจุดหมายปลายดังกล่าว

ในที่สุดชัยชนะมาอยู่ข้าง ดร.เอมเบดการ์ ประชาชนชาวอินเดียได้รับความเสมอภาคเหมือนกันหมด มีสิทธิเท่าเทียมกันในทุกประการ รัฐธรรมนูญไม่ยอมรับในความมีอยู่แห่งการแบ่งแยกมวลชนออกเป็นชาติชันวรรณะ ชัยชนะของเอมเบดการ์สร้างผืนแผ่นดินอินเดียให้อบอุ่นชุ่มเย็น เสียงแซ่ซ้องสาธุการดังมาจากทั่วทิศ ดร.เอมเบดการ์ได้รับสมัญญาจากประชาชน ว่าเป็น บิดาแห่งรัฐธรรมนูญอินเดีย"

วิธีการของ ดร.อัมเบดการ์
แทนที่จะยอมจมปลักกับลัทธิอวตาร
และระบบชนชั้นวรรณะที่มีมาเป็นพันๆ ปีของอินเดีย
แต่เขากลับลุกขึ้นสู้ จนสามารถได้ชัยชนะ
แม้ปัจจุบันยังมีคนที่ยอมรับระบบวรรณะอยู่ก็ตาม
แต่เขาก็ได้สร้างแนวทางใหม่ๆ ให้แก่คนรุ่นหลังทำตาม
นั้นคือการเลิกนับถือลัทธิอวตาร
และเลิกการยอมรับระบบชนชั้นวรรณะ
สนับสนุนความเสมอภาค
และเขาได้เปลี่ยนศาสนามานับถือพุทธ
จนมีคนอินเดียจำนวนมาก
ทยอยเปลี่ยนศาสนาจากฮินดูมาเป็นพุทธ
โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวรรณะอันต่ำต้อย
เช่นข่าวรายวันดังนี้

"ชาวอินเดียวรรณะจัณฑาล 500 คนเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ
อัต ตาร์ ประเดช์, อินเดีย – มีการรายงานข่าวว่า ชาวอินเดียวรรณะจัณฑาลตามศาสนาฮินดูจำนวนถึง 500 คนได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาพุทธ ณ พิธีแห่งหนึ่งซึ่งดูแลโดยสมาคมชาวพุทธแห่งอินเดียในเขตสหรันเพอร์ ตาม (คำกล่าวของ) อาชาร์ยา ปรักยา ผู้รับผิดชอบระดับแผนกของสมาคมชาวพุทธแห่งอินเดีย เขากล่าวว่าชาวอินเดียวรรณะจัณฑาลตามความเชื่อของศาสนาฮินดูได้เปลี่ยนมา นับถือศาสนาพุทธ ในการชุมนุมทางศาสนาในหมู่บ้านอัมโบลาเมื่อวันศุกร์ เขาอ้างว่าเมื่อสองเดือนก่อนมีคนวรรณะจัณฑาลเกือบ 5,000 คนเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธในทาง (ด้าน) ตะวันตกของอัตตาร์ ประเดช์

โดย มูซาฟฟาร์นาการ์, เพรสทรัสต์ออฟอินเดีย
http://board.palungjit.com/f36/ชาวอินเดียวรรณะจัณฑาล-500-คนเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ-47411.html"


ดร.อัมเบดการ์ ไม่ใช้วิธีเกลียดตัวแต่กินไข่
เช่นเกลียดระบบชนชั้นวรรณะ
แต่ยังคิดนับถือศาสนาฮินดู
ซึ่งยึดถือระบบชนชั้นวรรณะอย่างเหนี่ยวแน่นอยู่เหมือนเดิม
หรือออกมาเรียกร้องความเสมอภาค
ต่อต้านระบบชนชั้นวรรณะ
แต่กลับชักจูงผู้คนให้ไปนับถือลัทธิอวตาร
หรือศาสนาฮินดู เช่นเดิม
ห้ามเปลี่ยนไปนับถือลัทธิอื่น ศาสนาอื่น
ถ้า ดร.อัมเบดการ์ เลือกวิธีแบบที่ว่า
วันนี้หลังจาก ดร.อัมเบดการ์ ตายไปนานแล้ว
สภาพก็คงไม่แตกต่างจากเดิม
ทุกคนก็ยังต้องอยู่ในระบบชนชั้นวรรณะ
แบบไม่มีทางเลือกเหมือนเดิม
และดร.อัมเบดการ์ ก็ไม่ต่างอะไรกับ
สาวกผู้เผยแพร่ลัทธิอวตารหรือศาสนาฮินดูดีๆ ไปอีกคนหนึ่ง

แต่เพราะ ดร.อัมเบดการ์ เลือกที่จะหันหลังให้กับลัทธิเดิม ศาสนาเดิม
แล้วหันไปหาศาสนาใหม่ที่ไม่มีเรื่องระบบชนชั้นวรรณะ
ทำให้เกิดทางเลือกใหม่และเป็นทางออกที่ดี
สามารถทำให้ผู้คนที่มีวรรณะต่ำต้อย
ได้มีหนทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่
ในศาสนาใหม่ที่ไม่ต้องยึดถือระบบชนชั้นวรรณะเหมือนเดิม
ทำให้ผู้ที่รู้สึกตัวเองว่าต่ำต้อย
ได้เปลี่ยนศาสนาใหม่และเลิกยึดถือสิ่งเก่าๆ
ที่ยึดถือกันมานับพันๆ ปี
ก็เหมือนเขาแก้พันธนาการที่เกาะกุมจิตใจพวกเขามาตั้งแต่เกิด
ว่าตนเองเกิดมาใช้กรรมต้องทนรับกรรมในวรรณะต่ำต้อยนี้อย่างเต็มใจ
หลังจากแก้พันธนาการเสร็จสิ้นแล้ว
เขาจะรู้สึกว่าตนเองก็มีสิทธิ มีเสียง
มีความเสมอภาคในทางสังคมได้เหมือนกับคนทั่วไป
ไม่จำเป็นต้องทรมานตนเองอยู่ในวรรณะอันต่ำต้อยไปตลอดชาติ
นี่เป็นตัวอย่างความสำเร็จของจิตใจผู้จะก้าวพ้นไปเป็นเสรีชน
แค่เปลี่ยนใจตนได้ ก็สามารถเปลี่ยนเทพทั้งหลายออกจากใจได้สำเร็จ

โดย มาหาอะไร

----------------------------------------------------------------------

บั้นปลายชีวิต

เป็นที่น่าเสียดายว่า หลังจากพิธีปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธได้ ๓ เดือน ท่านอัมเบดการ์ได้ถึงแก่กรรม ด้วยโรคร้าย ในวันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ (ในอินเดียเป็นปี ๒๕๐๐ อินเดียนับพุทธศักราชเร็วกว่าไทย ๑ ปี เช่นเดียวกับพม่า และลังกา) สร้างความยุ่งเหยิงให้กับชาวศูทรมากมาย เพราะยังไม่ทันพาพวกเขาไปถึงจุดหมาย ท่านก็มาด่วนถึงแก่กรรม ไปเสียก่อน เหมือนเรือที่ขาดหางเสือ
เมื่อท่านอัมเบดการ์ถึงแก่กรรมนั้น มีหลายท่านแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เมื่อข่าวการมรณะกรรมของท่านแพร่ออกไป มีทั้งรัฐมนตรี นักการเมืองเดินทางมาเคารพศพ และแสดงความเสียใจแก่ภรรยาของท่านอัมเบดการ์ นายกรัฐมนตรีเนรูห์ได้กล่าวอย่างเศร้าสลดว่า "เพชรของรัฐบาลหมดไปเสียแล้ว"
ในวันต่อมา นายกรัฐมนตรีเนรูห์ได้กล่าวไว้อาลัยดร.อัมเบดการ์ และสดุดีความดีของเขาอย่างมากมาย ตอนหนึ่งเขาได้กล่าวว่า "ชื่อของอัมเบ็ดการ์ จะต้องถูกจดจำต่อไปอีกชั่วกาลนาน โดยเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อลบล้างความอยุติธรรมในสังคมฮินดู อัมเบดการ์ต่อสู้กับสิ่งที่ทุกคนเห็นว่าเป็นที่จำต้องต่อสู้ อัมเบดการ์ได้เป็นคนปลุกให้สังคม ของฮินดูได้ตื่นจากความหลับ" และได้ให้มีการหยุดประชุมสภา เพื่อไว้อาลัยแด่ ดร. อัมเบดการ์
หลังจากนั้น ได้มีคนสำคัญต่างๆ และผู้ทราบข่าวการมรณกรรมของดร.อัมเบดการ์มากมาย ได้ส่งโทรเลขไปแสดงความเสียใจต่อภรรยาของอัมเบดการ์ มุขมนตรีของบอมเบย์ คือนายชะวาน ถึงกับประกาศให้วันเกิดของอัมเบดการ์ เป็นวันหยุดราชการของรัฐ เพื่อเป็นเกียรติแก่ดวงวิญญาณของท่านอัมเบดการ์
ภรรยาของเขาต้องการจะนำศพของท่านอัมเบดการ์ ไปทำพิธียังบอมเบย์ รัฐบาลก็ได้จัดเที่ยวบินพิเศษให้ เมื่อเครื่องบินนำศพมาถึงบอมเบย์ ประชาชนหลายหมื่นคนได้มารอรับศพของอัมเบดการ์ ซึ่งมีหลายคนที่ไม่สามารถอดกลั้นความเศร้าไว้ได้ ร้องไห้ไปตามๆกัน

ดร.อัมเบดการ์ ผู้เกิดมาจากสังคมอันต่ำต้อย ต่อสู้เพื่อตัวเอง เพื่อสังคม และเพื่อประเทศชาติอันเป็นส่วนรวม ตั้งแต่เกิดจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต บัดนี้ เขาได้จากไปแล้ว ทิ้งแต่ความดีเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้สรรเสริญ ชาวพุทธในอินเดียเชื่อว่า วิญญาณของอัมเบดการ์คงยังไม่ไปไหน จะคงอยู่กับพวกเขา คอยช่วยพวกเขา เพราะอัมเบดการ์ไม่เคยทิ้งคนจน ไม่เคยลืมคนยาก ช่วยเหลือพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ต่อท้ายจากบทสวดสังฆรัตนะ พวกเขาจึงอ้างเอาดร.อัมเบดการ์เป็นสรณะด้วย โดยสวดว่า พิมพัง(ขื่อเดิมของอัมเบดการ์) สรณัง คัจฉามิ อยู่จนทุกวันนี้...

http://www.skyd.org/html/personage/08-Ambedkar.html

----------------------------------------------------------------------