บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


09 กุมภาพันธ์ 2553

<<< วิธียึด ทำเนียบ, สภา, กรมประชาสัมพันธ์ และ กองทัพ ที่ดีที่สุด >>>

ไม่ใช่การนำกำลังไปยึด
เพราะว่ามันไม่ชอบธรรม
แถมพฤติกรรมเหมือนโจร
ในสายตาชาวบ้านทั่วไป
แถมไม่สามารถยึดได้นาน
และต้องเสี่ยงบาดเจ็บล้มตาย
ในการเข้ายึดอีกด้วย

วิธีที่ดีที่สุดก็คือ
การเอาชนะในการเลือกตั้ง
ให้ได้เสียงเกินครึ่งสภา
ก็สามารถยึดสภา
ในฐานะเสียงข้างมากในสภาได้สำเร็จ
ก็สามารถยึดทำเนียบ
ในฐานะนายกที่สภาเลือกมา
ไม่เสียเลือด ไม่เสียเนื้อ
ยึดง่ายๆ แถมชอบธรรมอีกด้วย
แถมไม่ต้องใช้กำลังอาวุธอะไรเลย
แค่ใช้เสียงของประชาชนเลือกเข้ามาเท่านั้น

นอกจากยึดสภาได้ง่ายๆ แล้ว
ยังสามารถยึดกรมประชาสัมพันธ์
หน่วยงานของรัฐทั้งประเทศ
ไม่เว้นแม้แต่กองทัพ

ที่ผ่านมาเคยยึดได้แล้ว
แต่โดนปล้นบ้าง โดนไล่บี้ไม่กี่ทีจอดบ้าง
และไปอย่างง่ายดาย
มันต้องหาวิธีีปกป้องมากกว่าวิธีการยึด
เพราะการยึดนั้นเห็นลู่ทางแล้วว่า
ถ้าชนะเลือกตั้งยึดได้สบายมากๆ

ที่เรายึดได้แล้ว
และสุดท้ายก็โดนปล้นไปได้ทุกครั้ง
เป็นเพราะว่า
เราไม่มีหัวที่แข็งจริง
ไม่มีพรรคที่สู้จริงๆ
ที่มีล้วนแล้วแต่ยอมหงอ
ขอให้มีตำแหน่งแบ่งกันก็เพียงพอแล้ว

พรรคที่เราหวังเริ่มหงอตั้งแต่หัวหน้าพรรค
แทนที่จะเลือกคนที่กล้าชนกับเหล่าอำมาตย์
แต่กลับเลือกคนที่อำมาตย์ต้องการ
นี่เท่ากับยอมเป็นลูกไก่ในกำมือแล้ว
งวดนี้ได้ข่าวแว่วๆ มาอีกแล้วว่า
จะเลือกคนมาเป็นหัวหน้าพรรค
เพื่อเป็นนายกถ้าชนะเลือกตั้งมาอีก
เป็นพวกศักดินา เป็นพวกที่อำมาตย์เห็นชอบแล้ว
และเข้ากับอำมาตย์ได้ดีอีกด้วย
แค่เริ่มต้นก็ผิดแล้ว
แบบนี้หรือที่เรียกว่าจะสู้
แบบนี้เรียกว่าหมอบกราบต่างหาก

ในการหาเสียงเลือกตั้งนั้น
ควรระบุไปเลยว่า
ถ้าชนะมาจะไม่สนับสนุนทหาร
ที่ออกมาทำการรัฐประหาร
จะย้ายไม่ให้พวกนี้มีตำแหน่งคุมกองกำลัง
จะให้ตำแหน่งการคุมกำลังทั้งหมด
แก่นายทหารที่รักประชาธิปไตย
และไม่มีส่วนในการทำรัฐประหารครั้งไหนๆ

การแยกปลาดีปลาเน่าออกจากกัน
เป็นวิธีที่ดีกว่าปล่อยให้กลายเป็นปลาเน่าเหมือนกันหมด
การแยกปลาดีปลาเน่าไม่ใช่พูดแต่ไม่ทำ
แต่ต้องทำให้เห็น เช่น
อย่างที่บอกให้ประกาศในการหาเสียงว่า
จะไม่เชิดชูทหารที่สนับสนุนการทำรัฐประหาร
จะสนับสนุนทหารที่รักประชาธิปไตยเท่านั้น
ประกาศเป็นนโยบายให้ทราบก่อนการเลือกตั้ง
หลังเลือกตั้งชนะมาให้ย้ายเลย
ไม่ต้องไปกลัวสารพัดมันขู่
ไม่ใช่ชนะมาไม่กล้าแตะ
แถมไปซูเอี้ยเพียงเพื่อขอได้เป็นรัฐบาลไปวันๆ
แล้วให้พวกนั้นมาขู่ปลดตนเองในภายหลัง

การหาเสียงเป็นสัญญาประชาคม
มีปัญหาที่ไหนก็แก้ได้
กฏหมายยันรัฐธรรมนูญแก้ได้หมด
เพราะมีเสียงข้างมากในสภา
นอกสภาก็มีแนวหน้าเสื้อแดงที่เข้มแข็งคอยช่วยยัน
เราสามารถงัดข้อได้
ในการเสนอรายชื่อทั้งหมด
ถ้าเราสนับสนุนทหารประชาธิปไตยขึ้นมา
เขาก็จะงัดข้อกันเอง
ถ้าเกิดทำกร่างไม่ยอมกัน
ที่ผมว่ามานี้
มันดีกว่าเอาเสื้อแดงไปยึดทำเนียบ
ไปยึดสภา, กรมประชาสัมพันธ์หรือกองทัพไหม
เพราะถ้าไปยึดแบบนั้นแล้ว
คิดว่าจะแก้อะไรได้หรือ
อำนาจโดยชอบธรรมก็ยังอยู่เหมือนเดิม
ยึดสถานที่ก็ได้แต่สถานที่
ยึดอำนาจถึงจะได้อำนาจ

ถ้าไม่ทำอย่างนี้
ปลาดีๆ ก็จะกลายเป็นปลาเน่าไปด้วย
เพราะพวกหนุนการทำรัฐประหาร
ชนะก็ได้ทั้งเงินทั้งกล่อง
แพ้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็สนุกกันใหญ่
และพวกที่ดีๆ ก็จะเลียนแบบเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
ต้องทำให้เห็นว่า
ถ้าหนุนการทำรัฐประหาร
ก็ได้ดิบได้ดีเฉพาะช่วงที่เผด็จการคุมอำนาจอยู่
วันไหนฝ่ายประชาธิปไตยชนะมา
ก็จะกวาดลงเวทีและหนุนทหารอีกสายขึ้นมาแทนที่
แบบนี้จะช่วยเป็นกำลังใจให้ทหารฝ่ายประชาธิปไตย
กล้าออกมาสู้ อย่างน้อยฝ่ายประชาธิปไตย
ย่อมไปได้ไกลกว่าฝ่ายเผด็จการ
เพราะว่าเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย
รัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหารจะอยู่ได้ไม่นาน
ก็จะมีการค้านอำนาจและแยกกันเห็นๆ
แบบทีใครทีมัน พวกใครพวกมัน
ซึ่งข้าราชการทั้งหมดก็ทำแบบนี้
รวมไปถึงพวกกรมประชาสัมพันธ์ด้วย
เรียกว่าถ้าพวกตนเองมาก็พากันเสวยสุขไป
แต่ถ้าพวกอื่นมาก็ต้องยอมรับสภาพหลบไปซะ
ไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปไตยชนะมา
ก็ปล่อยให้ทหารฝ่ายหนุนรัฐประหารคงอำนาจเหมือนเดิม
แล้วทหารฝ่ายประชาธิปไตย
จะได้ดิบได้ดีเมื่อไหร่กัน
แล้วถ้าไม่มีโอกาสได้ดิบได้ดีเลย
กับไปเลียแข้งเลียขาอีกพวก
แล้วมีโอกาสได้ดิบได้ดี เขาจะเลือกแบบไหน
ซึ่งเราเห็นแต่นักการเมืองแย่งอยากได้ตำแหน่ง
แต่ไม่เห็นใครกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเมื่อได้ตำแหน่งเลย
ประวัติศาสตร์มันถึงได้วนไปวนมาแบบนี้ไง

บางสิ่งบางอย่างมันมีขั้นมีตอน
การก้าวข้ามขั้นโดยบรรยากาศยังไม่เหมาะ
มีโอกาสสูญเสียจนถึงแพ้ได้เหมือนกัน
สู้ยันไว้เรื่อยๆ ไม่ดีกว่าหรือ
การที่ให้มาสู้กันแบบรัฐสภาก่อน
ก็เป็นการสู้แบบเปิดหน้า
กระชากจอมบงการได้เห็นถนัดด้วย
มีบางคนบอกว่าผลก็เหมือนเดิม
ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเห็นมีใครเคยทำ
แบบที่ผมว่ามาสักคน
เห็นมีแต่เอาคนที่หงอมาเป็น
และได้ตำแหน่งแย่งกันนัวเนีย
แต่ไม่เคยสนใจอะไรเลย
พอมีเสียงข้างมากในสภา
รธน. ฝ่ายประชาธิปไตยเข้าไปในสภา
ก็หงอไม่กล้ากลัวเป็นรัฐบาลได้ไม่นาน
คือทุกอย่างยึดตำแหน่ง
อยากได้ตำแหน่งกันตัวเป็นเกลียว
แต่ไม่มีใครกล้าเปลี่ยนแปลง
ให้เห็นเลยแม้แต่คนเดียว
แล้วจะมาบอกว่าผลเหมือนกันได้ยังไง
ในเมื่อไม่เคยทำเลย
เจอพวกนั้นต้านหน่อยก็หงอหยุด
มวลชนมีความชอบธรรมมีไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์
ถึงได้บอกว่า
ทำไม่ได้ หรือไม่กล้าทำ หรือไม่เคยทำ

ถ้ากลัวว่าจะมีการซื้อเสียงกันในสภา
แล้วเอาเข้ามาในพรรคทำไมพวกนั้น
ก็เลือกคนสร้างคนสร้างมวลชนที่รักประชาธิปไตย
ถ้าแค่คุม ส.ส. ยังทำกันไม่ได้
แล้วคิดว่ามือเปล่าอาวุธน้อยนิด
จะคิดทำงานใหญ่กันหรือครับ
ที่เสนอนี่คัดแบบทำได้แน่ๆ
แบบไม่มีอาวุธก็ทำได้
อยู่ที่วิธีการแล้วหล่ะ
แต่ถ้าหัวไม่สู้ก็ไลฟ์บอย
ทำไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
เพราะหัวไม่สู้ยอมหงออย่างเดียว
ถ้าไม่หงอเสนอคนนี้คนนั้นไม่ยอม
ก็ไม่ยอมเหมือนกัน
ในเมื่อข่าวออกไปแล้วว่า
จะเสนอคนนี้และคนนั้นไม่ยอม
ก็วัดใจกันไป
มันจะรัฐประหารยิ่งชอบธรรมนำทัพสู้ได้เลย
ถึงได้บอกไงว่า
หัวที่จะมาเป็นนายก ไม่แข็งพอ
กลัวหงอ ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
อย่างที่เห็นๆ กันอยู่

และไม่ต้องกลัวว่าเขาจะยื้อไม่ให้มีการเลือกตั้ง
เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ให้มีการเลือกตั้งในยุคนี้
มันยื้อไม่ได้นานหรอกครับ
ช่วงที่พวกนั้นยื้อ
เป็นช่วงที่พวกเรากำลังสร้างคนทั้งแนวหน้าและแนวหลัง
และเราก็ต้องการยื้อเพื่อไม่ต้องการมีเรื่องช่วงนี้
ดีเสียอีก
จะใจร้อนเพื่อรีบทำลายตนเองกันไปทำไม
ในขณะที่พวกเขากำลังจะพ่ายตนเองอยู่เห็นๆ

ส่วนกรณีที่ได้ข่าวมา
จากการให้สัมภาษณ์ของเสธแดง
จริงเท็จประการใดไม่รู้
ขอเอามาวิเคราะห์โดยสมมุติว่าทำจริง
แต่ถ้าสุดท้ายปฏิเสธว่าไม่ได้คิดทำก็จบกันไป
ไม่มีอะไร
วันนี้ผมจะวิเคราะห์แผนที่จะไปยึดทำเนียบ ยึดรัฐสภา
ด้วยกองกำลังคนเสื้อแดงตามข่าวที่เสธแดงว่ามาก็แล้วกัน

ผมวิเคราะห์แผนการยึดทำเนียบกับรัฐสภา
ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงได้อะไรเสียอะไร
และมีใครได้อะไรเสียอะไรด้วย ดังนี้

กรณีกลุ่มคนเสื้อแดง เสียแน่ๆคือ
1. เสียภาพพจน์ คงไม่ต้องบรรยายมาก
ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเสื้อเหลืองทันที
ทุกวันนี้ในสายตาบางคนก็พอๆ กันแล้ว
แต่บางคนอาจยังให้เครดิตนิดหน่อย

2. มีคดีเพิ่มอีกหลายคดี โดยเฉพาะแกนนำ
แต่เขาสามารถแกล้งได้โดยเดินคดีฝั่งนี้เร็ว ฝั่งนู้นช้า
เผลอๆ ตายไปแล้วคดียังไปไม่ถึงไหน
แต่ฝั่งนี้คดีเดียวกันติดคุกไปก่อนแล้ว
คล้ายๆ กับกรณีคดี ดา ตอปิโด กับสนธิ ลิ้ม
ในคดีข้อหาเดียวกัน
อย่านึกว่าคดีเดียวกัน
จะได้เป็นบรรทัดฐานอะไร
แถมการทำสำนวนให้อ่อนหนักต่างกัน
อีกเยอะแยะวิธีที่สามารถช่วยกันได้

3. มวลชนมีเจ็บตาย
ส่วนแกนนำอาจรอดไปก่อน
ถ้ามีการรวบตัวไปก่อนลุย หรือหนีไปก่อนลุย
แต่ถ้าไม่หนีก็มีโอกาสเสี่ยง พอๆ กับมวลชน
งานนี้มีเจ็บตายด้วย
เพราะมีพวกต้องการเช่นนั้น

4. มีโอกาสโดนกวาดล้างโดยอาศัยสถานการณ์ความวุ่นวาย
และพวกมือสาม สี่ ห้าพร้อมแจม
เพื่อให้เกิดเงื่อนไขต่างๆ
ที่แต่ละพวกต้องการ

ส่วนกองกำลังเสื้อแดงจะได้อะไร
อย่างดีที่สุดก็คงได้สะใจ ที่ได้ตบหน้ามาร์ค
และอาจยึดได้ทั้งทำเนียบและรัฐสภา แค่นั้น
แต่มาร์คไม่ออก แล้วทำแบบสมชาย
ย้ายไปย้ายมาก็ทู่ซี้อยู่ต่อไปได้
แถมมีทหารคอยช่วยปกป้อง
มีเส้นใหญ่ช่วยคุ้มครอง
ซึ่งต่างจากกรณีสมชายลิบลับ
จึงอยู่ในตำแหน่งได้นานกว่ากันแน่ๆ

แต่ที่ผมเห็นมีคนได้แน่ๆ
ก็คือคนที่เอากรณีคนเสื้อแดงเจ็บตาย
ไปใช้ประโยชน์ต่อไป
ซึ่งอาจมีหลายพวก
ผมพูดสั้นๆ แค่นี้
คงไม่ต้องให้ถึงกับระบุลงไปเลยว่า
มีพวกที่โดนคดีสลายพวกเสื้อเหลือง
ได้ประโยชน์ด้วยพวกหนึ่ง
เพราะจะเอากรณีที่มาร์คสลายเสื้อแดงเจ็บตาย
ไปใช้ในการสู้คดีได้
แต่อย่างที่ผมว่าไว้ข้างต้น
คดีเดียวกัน ต่อให้รูปคดีเหมือนกันทุกอย่าง
แต่เขาสามารถทำให้ผลลัพธ์ออกมาต่างกันได้
แค่ถ่วงเวลากับไม่ถ่วงเวลา ผลคดีก็ต่างกันแล้ว
อีกพวกโดนคดีเดียวกันอยู่กระทั่งตายก็ยังไม่ติดคุก
ก็เหมือนไม่ได้โดนคดีติดคุก
อีกพวกติดคุกเรียบร้อยอย่างว่องไว อะไรแบบนั้น

และอย่าคิดว่าจะมีกองกำลังอะไรมาช่วยเลยน่ะ
ในเมื่อตอนมีอำนาจกัน
ก็ไม่สามารถไปช่วยคุ้มกะลาหัวเขาได้
เขาจะเสี่ยงต่อหน้าที่การงานของเขาทำไมกัน
อาจมีแค่ไม่กี่คน ซึ่งไม่พอช่วยได้
ถึงได้บอกให้ประกาศเจตนารมณ์
หาเสียงว่าจะแยกปลาดีกับปลาเน่า
นอกจากนี้ยังจะเปลี่ยนกฏหมาย
เรื่องเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมด้วย
เช่น กรณีห้ามวิจารณ์คำตัดสินของศาล
ควรยกเลิกได้แล้ว
สถาบันบริหาร สถาบันนิติบัญญํติ
ยังวิจารณ์กล่าวหาได้
แล้วทำไมจะต้องเว้นสถาบันตุลาการให้แตะต้องไม่ได้
ในเมื่อเป็นคนเหมือนกัน
รัก โลภ โกรธ หลง หรือมีอคติ เหมือนๆ กัน
และก็เห็นๆ อยู่ว่าหลายคดีสมควรไม่ไว้วางใจหรือไม่
รวมไปถึงการให้สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตุลาการได้อีกด้วย
เพื่อค้านอำนาจกัน
ไม่ใช่ให้อีกสถาบันกดหัวอีกสองสถาบันแบบที่เป็นอยู่

แถมอีกนิด
เมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังจะหาเรื่องกวาดล้าง
แล้วทำไมยังดิ้นรนไปให้พวกเขาหาเรื่องได้
ไอ้ประเภทเย้วๆ แรงๆ นั่นหน่ะตัวดีเลย
เขาจะได้มีความชอบธรรมกวาดล้าง
สู้ยื้อไปเรื่อยๆ ดีกว่า
เพราะพวกที่ต้องการให้แรงๆ ตอนนี้
ผมว่ามี 3 พวก คือ
พวกแรกปลอดภัยแล้ว
พวกสองบ้าบิ่น
พวกสามตัวเข้ามาเร่งให้เกิดเรื่อง

ไม่เข้าใจว่าเขาวางแผนยังไงกัน
ทางดีมีไม่ เดินชอบเข้ารกเข้าพง
ประเภทครั้งสุดท้ายนั่นหน่ะตัวดีเลย
ทำไมต้องรีบทำลายตนเอง
ก่อนที่พวกนั้นจะพ่ายตนเอง

การวิเคราะห์อะไร
ควรเน้นที่สถานการณ์จริงๆ
สภาวะแวดล้อมจริงๆ

อย่าไปเชื่อพวกที่ปลอดภัยแล้วให้มาก
เพราะว่าเขาปลอดภัยแล้ว
เขาก็สามารถพูดอะไรสั่งอะไรได้
ถ้าผมอยู่ในที่ปลอดภัย
คุณอาจเห็นผมพูดมากมายกว่าที่เห็นอีก
มันพูดไม่ยากหรอกครับ
จะเอาโหดแรงขนาดไหนจัดให้ได้
เพราะคนพูดปลอดภัย
ส่วนคนไม่ปลอดภัย
ก็พวกอยู่ในวงล้อมนั่นแหล่ะ

อย่าเชื่อพวกบ้าบิ่นให้มาก
พวกนี้เอามันเฉพาะหน้า
ไม่สนใจผลที่ตามมา
ไม่สนใจเรื่องมวลชนอะไรในอนาคต
สนใจแต่ต้องการแตกหักไวไว
แพ้ก็ไม่เป็นไร
เจ็บตายก็ไม่เป็นไรอีกเหมือนกัน
แต่เราจะสู้เพื่อแพ้ทำไม
และเราจะสู้เพื่อเจ็บตายกันไปทำไม
ในเมื่อมีทางที่สามารถทำได้ดีกว่านั้น

และอย่าไปเชื่อพวกเร่งให้เกิดเรื่อง
เพื่อเข้าทางฝ่ายนู้นให้มาก
เพราะพวกนี้ก็คือตัวเร่งให้เกิดเรื่องไวไว
เพราะพวกเขาก็รอนานไม่ได้เหมือนกัน
ต้องการจบไวไวเคลียร์ทางให้เรียบร้อยก่อน
แล้วพวกเราจะไปทำตัวให้เข้าทางพวกเขาทำไม
รอมาได้ตั้งนาน จะรออีกไม่กี่ปี ทำไมจะรอไม่ได้
อย่างกรณียึดทรัพย์ช่วงนี้
ก็หวังให้เกิดเรื่องไวไวด้วยเหมือนกัน
เพราะเขากำลังเร่งจัดการให้เด็ดขาด
ก่อนที่จะไม่มีโอกาส
ยังไงทรัพยืทักษิณ ก็มีโอกาสโดนยึดอยู่แล้ว
สู้เอาเรื่องนั้นไปขยายผล
สร้างมวลชนตาสว่างให้เยอะๆ ดีกว่า
ถ้าไม่พร้อมแล้วออกไปสู้
กับพร้อมแล้วค่อยออกไปสู้
อย่างไหนจะมีโอกาสชนะมากกว่ากัน
เป้าหมายคือชัยชนะ
ไม่ใช่ความสะใจ

โดย มาหาอะไร
FfF