<<< สุนทรพจน์ ถึงใครสักคน >>>

" ถ้าท่านเห็นด้วยว่า วัวกินหญ้าเพื่อนบ้าน ให้ทำการยึดวัวทั้งตัว
ถ้าลูกหลานท่านเดินเหยียบหญ้าเพื่อนบ้าน จะยอมให้ยึดลูกหลานท่านไปหรือไม่ "

" กระบวนการตัดสินที่ไม่ยุติธรรม จะนำความเชื่อถือมาได้ยังไง "

" ถ้ายอมให้ใครอ้างชื่อท่านไปทำชั่ว ท่านจะคิดหรือว่า ไม่หมองมัวตามไปด้วย "

" ถ้าท่านเพิกเฉยไม่จัดการกับลูกน้องที่ทำผิด จะให้ใครคิดหรือว่า ท่านไม่เกี่ยวข้อง "

" ถ้าลูกน้องทำผิด เจ้านายนิ่งเฉย เป็นสัญญาณเลยว่า เจ้านายสนับสนุน "

" ถ้าลูกน้องทำผิด แล้วได้ดิบได้ดี สัญญาณนี้แสดงว่า เจ้านายเห็นดีเห็นงาม "

ซึ่งใครสักคนที่จะได้รับสุนทรพจน์นี้
ก็อยู่ที่ว่าเข้าใจลึกซึ้งหรือไม่
ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ได้รับ
แต่ถ้าอ่านแล้วเข้าใจก็ได้รับ
ถ้ามีคนอ่านแล้วและเข้าใจเป็นล้านๆ คน
ก็ถือว่าสุนทรพจน์นี้ได้ไปถึงใครที่ว่าแล้ว
เพราะว่าใครสักคนหาใช่ให้แค่คนเดียว
แต่หวังไว้ว่ามีแค่คนเดียวที่เข้าใจ
แต่ถ้าเกิดหลายล้านคน เข้าถึง เข้าใจ และพัฒนาความคิดได้
ก็ถือว่าเป็นใครสักคนที่ได้รับสนุทรพจน์ตามที่มุ่งหมาย
บางครั้งการนำข้อคิด คติธรรม หรือสุนทรพจน์ที่น่าสนใจ
ทำเป็นสติกเกอร์แจกจ่ายให้ทั่วบ้านทั่วเมือง
ก็น่าจะทำให้มีใครสักคน
ได้รับรู้ ได้เข้าถึง ได้เข้าใจ และได้พัฒนาความคิด

ไม่รู้ว่าอ่านแล้วมันเป็นสุนทรพจน์ไหม อิอิ
แต่เรียกแบบนี้เพื่อส่งถึงคนสำคัญ
คือราษฎรเต็มขั้นทั้งแผ่นดิน
แต่อาจมีแค่ใครสักคนที่เข้าใจ
แต่ถึงแม้หวังว่ามีแค่ใครสักคน
แต่ถ้าแม้นมีใครหลายๆ คน
เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน ที่เข้าใจ
ก็ยินดีไม่มีปัญหาและคิดว่า
ยิ่งมีคนเข้าใจมาก ยิ่งมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

ถ้าจะกระตุ้นต่อมใต้สำนึกของมนุษย์
ต้องทำให้ทิ่มตาทิ่มใจให้ได้
ซึ่งการที่เขาเห็นทุกวัน สักวันเขาจะเข้าใจ
ไม่อาจฝืนกระแสธรรมชาติไปได้
อยากเห็นสักมากมายกระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน
ทุกหมู่บ้านได้ยิ่งดี ต้องมีบ้างแหล่ะที่คิดได้
คนถึงแม้จะเปลี่ยนจาก ฅ มาเป็น ค
แต่ยังไงก็ไม่เปลี่ยนจากความเป็น ฅน ไปได้
เพราะตนนั้นมีความคิด
จะคิดได้เร็ว จะคิดได้ช้า ก็ถือว่าคิดเองได้
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า จะหาวิธีทำให้เขาคิดได้เร็วขึ้นยังไง
ไม่ใช่ว่าเขาคิดช้าแล้วปล่อยไปไม่สนใจ
บางครั้งวิธีการทำให้เขาคิดได้นั้น
การพูดแนวกดดัน ก็อาจทำให้เขาสามารถคิดได้ทำได้เร็วขึ้น
แต่ก็อาจทำให้เขาไม่ชอบหน้าได้เหมือนกัน
ซึ่งก็ต้องมีพวกหนึ่งทำให้คนคิดได้
และอีกพวกหนึ่งทำหน้าที่หามวลชน

โดย มาหาอะไร
FfF