บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


22 กุมภาพันธ์ 2553

<<< เป้าหมายแห่งชัยชนะของท่านคืออะไร >>>

1. ไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ได้สำเร็จ
2. ไล่อำมาตย์ได้สำเร็จ
3. พาทักษิณกลับไทยได้
4. ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง
5. อื่นๆ นอกเหนือที่ว่ามา

ถ้าท่านสามารถกำหนดเป้าหมายได้สำเร็จ
วิธีการที่ถูกต้อง เพื่อจะทำให้ได้ตามเป้าหมายก็จะตามมา
แต่ถ้าจนบัดนี้ยังไม่รู้เป้าหมายจริงๆ
ก็ไม่ต่างอะไรกับท่าน
กำลังนั่งอยู่บนเรือที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทร
ที่ไม่รู้จะไปไหนดีมั่วไปหมด
เดี๋ยวก็เดินหน้าไปทางนั้น
เดี๋ยวก็หันกลับมาทางนี้
เพราะไม่รู้ว่า เป้าหมายที่แท้จริงจะไปทางไหนดี

ถ้าเป้าหมายของท่านคือ
ไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ให้สำเร็จ
ก็ไม่เห็นจะยากอะไร
ในระบอบประชาธิปไตย
ก็ไปปราศรัยโจมตีการทำงานรัฐบาลอภิสิทธิ์
เปิดอภิปรายทำให้ชาวบ้านหูตาสว่าง
หลายอย่างบางคนอาจเห็นข้อมูลแล้ว
แต่มีหลายคนที่ยังไม่รู้
เช่น สารพัดเรื่องโกงกินของรัฐบาลอภิสิทธิ์
สารพัดขึ้นภาษีที่มีอยู่แล้ว
และกำลังจะตามมาในไม่ช้า
โดยเฉพาะการถูกโขกเรื่องภาษีน้ำมัน
โดยต้องชี้แจงเป็นเหตุเป็นผล
เพื่อให้คนเข้าใจและคิดได้
อย่างกรณีที่รัฐบอกว่า
ไม่ขึ้นภาษีแน่นอนหรือให้ความมั่นใจอะไร
ก็ต้องชี้ให้เห็นว่าหนี้สินมหาศาล
ที่ไปกู้มาในสองสามปีนี้
จะใช้คืนยังไงถ้าไม่รีดภาษีเพิ่ม
โดยอาจไม่ใช่รัฐบาลนี้
แต่เป็นรัฐบาลอื่นเข้ามารับกรรมแทน
อะไรแบบนี้ สามารถชี้แจงกันได้
เอาความจริงบวกเหตุผลมาชี้แจง
ให้เขาเข้าใจกันง่ายๆ
ทำไปเยอะๆ ก็จะได้มวลชนที่เบื่อรัฐบาลนี้
กับนโยบายที่พรรคคิดจะทำ
ก็เป็นการหาเสียงไปในตัว
ก็มีโอกาสชนะมาได้ตามระบอบอยู่แล้ว
ถ้าเอาชนะนอกระบบ
เป้าหมายที่แท้จริง
มันก็ไม่ได้แค่ต้องการไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์อย่างเดียวแล้ว
เพราะไล่แบบนั้นไม่ใช่ว่า
จะทำได้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร

แต่ถ้าทำในระบบจะง่ายกว่า
ต่อให้เขามีกองกำลังมากมายก็ช่วยมาแก้ต่างไม่ได้
ถ้ามีเหตุผลดีในการโจมตีชี้แจง
แต่ถ้าเป้าหมายมีแค่นี้
ก็จะจบเหมือนเดิมคือ
พอพรรคพวกที่เราเชียร์
ได้กลับไปเป็นรัฐบาลอีก
ก็จะโดนปล้นแบบที่ผ่านๆ มาอีก
เพราะโครงสร้างที่สุมหัวกันปล้น
ยังอยู่เหมือนเดิมครบถ้วน
ไม่ว่าตัวบุคคลหรือข้อกฏหมายต่างๆ
ที่เอื้อต่อการโดนเขี่ยตกเก้าอี้ได้ง่ายๆ
ถ้าไม่ใช่พรรคพวกคู่ขาอำมาตยา

ถ้าชัยชนะท่านหมายถึง
การไล่อำมาตยาหรืออำมาตยีอะไรพวกนี้
ก็จะยากกว่าการไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์
เพราะมันเกี่ยวพันถึงโครงสร้าง
แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหนทาง
หนทางมีอยู่ 3 ทาง
ทางที่พวกนั้นละอายใจแล้วรีบไสหัวไปเอง
เข้าใจว่าคงต้องฝันกันไปอีกนาน

ส่วนแนวทางกดดันเพื่อให้พวกนั้นโดนถีบตกเก้าอี้
ยังพอมีทางที่ริบรี่แต่พอเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
แนวทางนี้ก็ต้องทำให้ถูกวิธี
พวกนั้นก็จะถูกถีบตกเก้าอี้ไปเอง
บางคนอาจอับอายกลายร่างไปเป็นแพะก็ได้ใครจะรู้

หนทางสุดท้ายคือแก้ไขกฏกติกาใหม่
หนทางนี้พอมีทางเป็นไปได้
แต่ยังไม่ใช่ ณ เวลานี้
เพราะผู้คนยังหูตาไม่สว่างพอ
และบางคนก็ยังไม่อยากจะหูตาสว่างอะไร
อยากหลับหูหลับตาต่อไป
กลัวขัดความเชื่อความศรัทธาที่เคยมีมาแต่ก่อนนี้
ของแบบนี้ต้องทำใจ
แล้วค่อยๆ ทำให้ก้าวไปพร้อมๆ กันให้ได้
แต่เชื่อไหมว่า
วิธีที่ดีที่สุดแบบนานๆ จะฟลุ๊คโผล่มาที
ก็คือวิธีที่พวกนั้นสะดุดขาตนเองล้ม
ซึ่งเขาก็พร้อมที่แก้ผ้าโชว์ชาวบ้านกลางที่สาธารณะ
แบบนี้เป็นอะไรที่ควรยินดียิ่งนัก
ไม่ต้องเหนื่อยไม่ต้องเมื่อย
ท่านเหล่านั้นก็แสดงบทบาทออกมาให้เห็นเอง
กลับอีกแบบคือการนินทา
ถึงแม้ว่า
อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แม้แต่องค์พระสุบิน
ก็ยังไม่สิ้นคำนินทา

ถึงทำให้ชอกช้ำไม่ได้
แต่ทำให้เจ็บชำระกำใจได้
และทำให้สั่นคลอนได้เหมือนกัน

พาทักษิณกลับไทยได้
อันนี้จะทำได้ถ้าไล่อำมาตยาอำมาตยีได้สำเร็จ
หรือไม่ทั้งอำมาตยาและอำมาตยีขอยอมแพ้
เพื่อไม่ให้สถานการณ์ไปไกลจนเกินการควบคุม
มีทางเป็นไปได้ 2 แนวทาง
คือ รุกกดดันจนมีมวลชนมากมายจริงๆ
และออกมาแสดงตัวสนับสนุนด้วย
และเคลื่อนไหวดูน่ากลัวหวั่นไหวว่าจะเอาไม่อยู่
กับอีกอย่างรอลมเปลี่ยนทิศ
แต่ถ้าให้คำนวน ณ เวลานี้
คำนวณได้ว่าคงใช้เวลาแบบอินฟินิตรี้
แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทาง
มี แต่ตอนนี้ยังมองไม่เห็นทาง
เพราะยังไม่เข้าเงื่อนไขทั้งสองอย่างที่ว่ามา

ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง
อันนี้หนักหนาสาหัสที่สุด
เพราะจะใช้เวลายาวนานที่สุด
ต้องบ่มเพาะต้นกล้าประชาธิปไตยให้โต
ให้รอดปากเหยี่ยวปากกาก่อนจะโตด้วย
แต่ยิ่งนานยิ่งแน่นยิ่งแข็งแรง
เหมือนไม้ยืนต้นใหญ่ๆ
ถ้ามีเยอะๆ จนกลายเป็นป่าไม่ใช่มีแค่ต้นสองต้น
จะยั่งยืนจะมีต้นใหม่ๆ โตขึ้นมาทดแทนกันได้เรื่อยๆ
แต่ถ้ามีไม่กี่ต้น ก็จะสูญพันธุ์ได้ง่ายๆ
ดังนั้น ต้องอึด ต้องทน ต้องรอคอย
แต่ไม่ใช่รอเฉยๆ
ระหว่างนี้ก็ต้องทำให้คนรู้แจ้งเห็นจริง
ในสิ่งต่างๆและปลูกฝังความรู้สึกว่า
ตนก็เป็นคนเท่าเทียมกันกับผู้อื่นไว้
แต่ถ้าเป้าหมายที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จแล้ว
ก็อาจเป็นตัวเร่งทำให้เกิดขึ้นได้เร็วไวยิ่งขึ้น

นอกนั้นเป้าหมายอื่นๆ ปลีกย่อย
ถ้าคนสนใจเป้าหมายนั้นๆ ไม่มาก
ก็คงยึดเป็นเป้าหมาย
เพื่อใช้เป็นเป้าหลักไม่ได้
คงต้องอาศัยพึ่งพาเป้าหมายหลักๆ ไว้ก่อน
เมื่อถึงเป้าหมายหลักวันใดแล้ว
ก็อาจสอดแทรกเป้าหมายอื่นๆ เข้าไปแจมด้วยได้

แต่บางครั้งผุ้คนทั่วไป อาจมองไม่เห็น
อาจไม่ให้ความสำคัญ อาจต่อต้านด้วย
และอาจกล่าวหาว่า
มีบางกลุ่มอาจทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง
ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ
แต่จริงๆ แล้วอาจมีบางกลุ่มจริง แต่บางกลุ่มไม่ใช่
แต่จำเป็นต้องเกาะตามกันไปตามทาง
เหมือนคนไม่มีเรือ ก็ต้องเกาะเรือคนอื่นไปก่อน
ไปถึงแดนดินถิ่นใหม่ในฝัน
ถึงวันนั้นก็ค่อยเริ่มก่อร่างสร้างฝันกันต่อไป
เหมือนการกำเนิดประเทศอเมริกา
ทุกคนก็อพยพมาจากยุโรปมากมาย
ต้องอาศัยเรือมาทั้งนั้น
ส่วนใหญ่หนีมาตายเอาดาบหน้าด้วยซ้ำ
เพราะอาจมีปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศ
และบางพวกก็มาแสวงโชค
หลายคนหลายเป้าหมาย
แต่ลงเรือลำเดียวกัน
เมื่อไปถึงแผ่นดินอเมริกาแล้ว
ก็เริ่มสร้างฝันของแต่ละคน
รวมคนที่ฝันแบบเดียวกันเยอะๆ เข้า
ก็ก่อร่างสร้างประเทศใหม่ได้สำเร็จ
แต่ถ้าไม่เกาะเรือคนอื่นมา
ตนเองไม่มีเรือไม่มีทุนพอต่อเรือเอง
เมื่อไหร่จะไปถึงฝัน
แค่ข้ามทะเลยังไม่ได้
ตอนนี้ต้องพากันข้ามทะเลไปให้ได้ก่อน
จึงมองคนแค่กลุ่มเดียว
แล้วชี้ว่าเป้าหมายเขาไม่ได้ทำเพื่อประเทศอะไรไม่ได้
แต่เชื่อเหอะว่า ถ้าวันไหนประเทศศิวิไลซ์ขึ้นมา
ท่านก็ได้รับประโยชน์ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมด้วย
ลูกหลานท่านก็ได้ประโยชน์เหล่านั้นด้วยเช่นกัน

จะเห็นได้ว่า
ถ้ามีมวลชนขนาดใหญ่จนเป็นคนส่วนใหญ่จริงๆ แล้ว
และยังกล้าออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมด้วยเยอะๆ
วันนั้นอยากเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้น ก็ทำได้ไม่ยากนัก
และฝ่ายตรงข้ามก็ต้องปรับตัวให้ทัน
ถ้าไม่ปรับตัวก็จะโดนปรับเปลี่ยนแทน
มีตัวอย่างให้เห็นแล้วหลายประเทศในโลกนี้
ล่าสุดไปเจอข่าวแปลกๆ จากเนปาล
กรณีให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ซะยังงั้น
ถ้าหลายปีก่อนจะมีใครกล้าคิดว่า
รัฐสภาเนปาลจะกล้าทำยังงี้
แต่ที่ทำได้เพราะคนส่วนใหญ่เห็นด้วย
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง
แต่ก่อนจะมีวันนี้ที่เนปาล
จนถึงมีอะไรแปลกๆ
ก็เพราะมีการปราบปรามประชาชนรุนแรง
เมื่อปราบปรามรุนแรงอยู่ได้ก็อยู่ไปต่อ
แต่ถ้าแพ้ละก็จะมีการเอาคืนที่รุนแรงกลับเหมือนกรณีนี้
กรณีที่แคนาดา
มีการลงประชามติว่าจะแยกแคว้นหนึ่ง
ไปเป็นประเทศใหม่หรือไม่
สุดท้ายผลออกมาฝ่ายที่ยังไม่อยากให้แยกเป็นฝ่ายชนะ
แต่ถ้าผลออกมาให้แยก วันนี้ก็ต้องแยก
มันอยู่ที่คนส่วนใหญ่
ถ้าเขาอยู่ไม่ได้คับแค้นใจ
หรือรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมอะไรบางอย่างมากๆ
เขาก็อาจจะดิ้นรนเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นได้
ยังมีอีกหลายๆ ที่
ที่ใช้เสียงส่วนใหญ่
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้

แต่ถ้าใช้กำลัง
ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกรูปแบบหนึ่ง

เช่น กรณี จีน ฝรั่งเศส อะไรพวกนี้
และอาจเกิดการแยกประเทศด้วย
ถ้าชนะกันไม่ขาดจริงๆ
กรณีไทยมีความเสี่ยงที่จะเกิดแบบนั้นมากๆ
เพราะคนส่วนใหญ่แต่ละภาค มีธงกันอยู่แล้ว
เหลืออดกันวันไหน
เกิดความรุนแรงขึ้นเมื่อไหร่
ความเป็นไทย ก็จะหมดไป
ความเป็นไท ก็จะเกิดขึ้นมา

โดย มาหาอะไร
FfF