บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


18 กุมภาพันธ์ 2553

<<< เค้าลางแห่งความปราชัย >>>

ถึงไม่ใช่ระยะใกล้ๆ แต่ก็ไม่ไกลเกินฝัน
ทุกแนวรบที่เคยแข็งแกร่ง
เริ่มโดนตีโต้กลับจนเริ่มหมดสภาพไปทีละแนวรบ
แนวรบด้านสื่อที่เคยทำงานเข้มแข็งมากๆ
ตอนนี้ก็เริ่มมีบางส่วนแปรขบวนกลับตัวกันแทบไม่ทัน
ที่เหลือก็ทำอะไรไม่ได้มาก
เมื่อกลายเป็นว่าพวกใครพวกมัน
ต่างคนต่างดูพวกตนเอง
ซึ่งอีกไม่นานเมื่อครอบคลุมทั่วถึง
ก็จะเป็นแบบที่ว่าโดยสมบูรณ์
แต่ตอนนี้ก็ถือว่า หลายๆ สื่อของเสื้อแดง
ยันกับสื่อหลักพอใช้ได้
จนเห็นมีการปรับตัวตามกระแสอยู่หลายสื่อ

ส่วนแนวรบด้านโพลล์
ที่เคยใช้ในการสร้างกระแส
เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่
เพราะเล่นกลับไปกลับมาเชลียร์กันจนจับได้ก็มี
แต่ก่อนดูผลโพลล์เหมือนขลัง
แต่หลังหมดพลังชักจูงไปเยอะ

ส่วนแนวรบด้านไซเบอร์
เป็นแนวรบที่ไม่เคยเอาชนะได้เลยมานานแล้ว
ตั้งแต่หลังทำรัฐประหารมาเลย
และนับวันยิ่งจะทำให้ชาวบ้านหูตาสว่างขึ้น
แฉข้อมูลทุจริตและตีแผ่ข่าวสารได้มากมายกว่าสื่ออื่นๆ
เพราะสามารถ Download ไปเก็บได้แจกต่อได้
แถมมีครบทุกรูปแบบจริงๆ
และข้อมูลบางอย่างหาอ่านตามสื่อต่างๆ ไม่ได้ด้วย
แนวรบด้านนี้นับวันยิ่งจะเข้มแข็งขึ้น
จากผู้ไม่เลือกข้างหรือเคยเลือกข้างผิด
ที่เริ่มส่งเสียงไม่พอใจที่เห็นความทุรยศของแผ่นดิน
ของพวกอิเหนาไม่ไหว

ส่วนแนวรบด้านองค์กรเหมือนจะอิสระ
ก็ดูเหมือนหมดฤทธิ์ไปพร้อมกับคดีของทักษิณ
คือไม่มีงานให้ทำก็ไม่รู้จะไปหาคดีใครมาทำ
หากินแต่คดีทักษิณอย่างเดียว
ชื่อเหมือนเป็นองค์กรอิสระ
แต่จริงๆ แล้วทำตามธงกันตรงเป๊ะทีเดียว
มีผลเฉพาะสร้างภาพร้ายๆ ให้ทักษิณ
ไม่สะเทือนกับภาพรวมเท่าไหร่

ส่วนกรณีเจ้าของฉายา ผงซักฟอกอำมาตยา
หลังๆ ศรัทธาเริ่มถดถอยโดยเฉพาะกรณี GT200
ทำเอาคนหูตาสว่างมากขึ้น
และจะพลอยทำให้สิ่งที่เคยออกมาซักล้างจนดูเหมือนขาวบริสุทธิ์
ให้กับฝ่ายอำมาตย์ก็เริ่มเกิดความเคลือบแคลงสงสัยมากยิ่งขึ้น
ต่อไปผงซักฟอกยี่ห้อนี้ก็หมดน้ำยาฟอกขาวไปอีกหนึ่งแนวรบ
ที่ใช้ในการชี้นำถูกผิดคดีต่างๆ ให้กับสังคม

แนวรบด้านกระบวนการยุติธรรม
ดูเหมือนยังทำงานได้ผลก็จริง
แต่ก็เหลือคดีใหญ่ที่จะผ่านไป
ก็ไม่มีอะไรน่าเกรงขามอีกแล้ว
และนับวันผู้คนก็เริ่มเสื่อมศรัทธากันลงไปเรื่อยๆ
ไม่เว้นแต่คนในวงการเดียวกัน
เรื่องความยุติธรรมนั้น
ไม่จำเป็นต้องมีใครอธิบาย
ภาพและการกระทำมันอธิบายตนเองได้อย่างดีแล้ว
ไม่งั้นชาวบ้านดูหนังฟังละครจะรู้ได้ยังไงว่า
คนไหนเป็นพระเอกคนไหนเป็นผู้ร้าย
แม้ช่วงต้นๆ เรื่อง เขาอาจแยกไม่ออกว่าคนไหนเป็นคนร้าย
เพราะบางเรื่องก็แสดงได้เนียนจัด
แต่ใกล้ถึงตอนจบทีไรผู้ร้ายจะเผยโฉมหน้าให้ชาวบ้านเห็น
ไม่จำเป็นต้องมีใครมาชี้นำว่าคนนั้นเป็นคนร้าย
เพราะการกระทำยังงั้นยังงี้
เขาก็เข้าใจโดยทั่วหน้ากันโดยอัตโนมัติเอง
รอแค่ใจเย็นๆ ให้ใกล้ถึงตอนจบก่อน
เพราะยังไงตัวร้ายก็ต้องทำอะไรร้ายๆ วันยังค่ำ
ไม่งั้นจะได้บทเป็นตัวร้ายในเรื่องได้ยังไง
แนวรบด้านนี้
หนักไปทางเล่นงานทักษิณเป็นหลัก
ส่วนมวลชนเสื้อแดง
ถ้าไม่เดินเข้าไปสู่กระบวนการของเขา
ก็ทำอะไรไม่ได้
ดังนั้นถึงพยายามเน้นเคลื่อนไหวให้ถูกกฏหมาย
แต่โจมตีเข้าไปที่จิตใจให้ได้

แนวรบด้านทหาร
ก็เหลือแค่วัดใจว่าจะทำไม่ทำอีกครั้งแค่นั้น
ทำก็เสียมากกว่าได้
ไม่จำเป็นต้องเฝ้าระวังอะไร
ปล่อยให้ทำได้เต็มที่
แนวรบด้านนี้ก็กำลังถดถอย
จากเรื่องสารพัดคอมมิชชั่น
ที่กำลังโดนขยายผล
มีเท่าไหร่ใส่มาให้หมด
เจอคอมมิชชั่นเรื่องฉาวโฉ่
แนวๆ ซื้ออาวุธไร้ประสิทธิภาพแบบ GT200 ยิ่งดี
แค่เรื่องเดียวก็อ่วมแล้ว
แม้พยายามแถสุดกำลัง
และต้องการอุ้มกันสุดตัว
แต่จะพารัฐบาลจมน้ำครำเรื่องนี้อีกเรื่องหรือไม่
รอชมได้ไม่นาน แต่ก็สร้างความเสื่อมได้มากมาย
เพราะเห็นแต่กระสันต์อยากทำรัฐประหาร
ปล้นอำนาจเพราะพวกนั้นนี่โกงกินอะไรตามที่เชื่อ
แต่พอพวกตนเองทำ
กลับย้ำว่าพวกตูจะไม่โปร่งใสใครจะทำไม
ไม่เสื่อมก็ให้รู้ไป
ปล่อยให้แถไปยังงั้นเรื่อยๆ นั่นแหล่ะดีแล้ว
เข้าทาง
แนวรบด้านนี้แค่ให้พวกนั้น
รบกับคอมมิชชั่นก็เอาไม่อยู่แล้ว
เพราะถ้าคนเขาไม่ศรัทธา
ต่อให้มียศฐาบรรดาศักดิ์ยังไง
ก็ไม่สามารถทำให้เขาศรัทธากลับมาได้
เมื่อไม่ศรัทธาเหมือนมียามที่นิสัยไม่ดี
ไม่น่าไว้วางใจเฝ้าบ้าน
ยังไงเจ้าของบ้านก็ไม่ไว้ใจ
จะทำงานใหญ่อีกยิ่งเป็นเงื่อนไข
ให้ชาวบ้านหูตาสว่างเพิ่มมากกว่าเดิม

แนวรบหลักอำมาตย์ก็เสื่อมเห็นๆ
การได้ซักฟอกอำมาตย์
และมีเรื่องโผล่มาเรื่อยๆ
ก็เสื่อมจนถึงแกนไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องเขียนมากก็น่าจะเห็นอยู่

อาวุธหลักตอนนี้ แม้ไม่ได้ผล
แต่ถ้าหนทางสุดท้ายอาจงัดออกมาอีกครั้ง
คือการใช้กำลัง
ทำวันไหนก็เหมือนย่นย่อระยะเวลา
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมไทย
ให้ใกล้ขึ้นมาเท่านั้นเอง
ในสภาพแวดล้อมเยี่ยงนี้
เหมาะแก่การเพาะตัวเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเสียด้วยซิ
รอบวกตัวเร่งนิดหน่อยก็กระจายได้ว่องไวขึ้นไปอีก

เค้าลางความปราชัยจากการเริ่มถดถอย
ของแนวรบทุกด้านปรากฏให้เห็น
ยิ่งถ้าเทียบช่วง 19 กันยาใหม่ๆ ด้วยแล้ว
ผิดกันแบบหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว
ถ้าต้องการชนะเร็วๆ
ก็รุกแบบเดิมๆ นี่แหล่ะ
แต่เพิ่มปริมาณให้มากขึ้น
อย่างที่บอกให้เพิ่มมวลชนบนโลกไซเบอร์
ลองเพิ่มเยอะๆ มากๆ
แล้วจะรู้ว่าข่าวสารจะไปไวขนาดไหน
กรณีพวกเสื้อเหลืองช่วงพีค
ข่าวลือบางเรื่องแม่ค้าตามตลาดยังรู้
ขนาดลือในเน็ตไม่กี่ชั่วโมง
แต่เราไม่เน้นแนวนั้นมากๆ
แต่แค่เอาความจริงไปกระจายต่อ
ก็จะเยอะและเร็วมากๆ
รวมไปถึงที่จะแพร่ผ่าน
ทางวิทยุชุมชนและทีวีดาวเทียมอีก
แต่อาจมีข้อจำกัดเยอะกว่า
เพราะต้องเล่นบนดินอย่างเดียว
และอยู่ในกฏที่ยุบยับกว่าบนเน็ต
แถมบนเน็ตชุมนุมกันได้ทุกวัน
ที่เข้ามาอ่านมาโพสกันอยู่ทุกวันนี้
ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการล้อมวงฟังการปราศรัย
และตัวเองก็ปราศรัยโต้ตอบได้
เลือกเรื่องเลือกคนที่จะปราศรัยได้อีกด้วย
นี่คือการชุมนุมปราศรัยที่ประหยัดที่สุด
และจะแรงสุดๆ ในยุคหน้านี้

" ในโลกไซเบอร์ ไม่มีใครใหญ่ ไม่มีใครเล็ก ไม่มีใครเด็ก ไม่มีใครแก่
มีแต่ผู้เท่าเทียม มาร่วมชุมนุม มาร่วมปรึกษา มาร่วมปราศรัยกัน เท่านั้นเอง "

แต่ถึงรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเริ่มเห็นแววถดถอย
ก็ต้องไม่ประมาท ไปพลาดจนเข้าทางฝ่ายนั้น
แต่ถ้าเราเฮๆ กันไปอย่างเดียว
ผมว่าบางทีอาจพากันตกเหวได้เหมือนกัน
ก็เลยต้องดึงๆ รั้งๆ ให้หันมามองด้านลบเป็นระยะๆ กันบ้าง
เผื่อฉุกคิดและรอบคอบขึ้น
เพื่อให้ไม่แพ้ แม้ยังไม่ชนะในตอนนี้ก็ตาม

" สู้ต่อไปอีกไม่ไกลเกินฝัน
วันที่ประชาชนจะเป็นใหญ่
วันที่ประชาธิปไตยจะเต็มใบ
วันที่ใครใครจะเท่าเทียมกัน "

โดย มาหาอะไร
FfF