บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


03 กุมภาพันธ์ 2553

<<< สองมาตรฐาน เรื่อง การถวายฏีกา >>>

อัยการเผยสนธิ ถวายฎีกา คดีหมิ่นเบื้องสูง

อธิบดี อัยการฝ่ายคดีอาญาเผยนัด "สนธิลิ้ม" รายงานตัวคดีหมิ่นเบื้องสูงนำคำปราศรัยของ "ดา ตอร์ปิโด" ไปพูดต่อ เตรียมนัดส่งฟ้องศาล แต่เจ้าตัวขอเลื่อน อ้างอยู่ระหว่างยื่นถวายฎีกา ชี้เป็นสิทธิ์ผู้ต้องหา..

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการพิจารณา สำนวนของอัยการในคดีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหาในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง กรณีนำคำปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล หรือ "ดา ตอร์ปิโด" แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 18 ปีในคดีหมิ่นเบื้องสูง ไปเผยแพร่ซ้ำบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 51 นั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ก.พ. นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เปิดเผยว่า อัยการพิจารณาสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานแล้วมีความเห็นสั่งฟ้องนายสนธิ พร้อมนัดให้นายสนธิ เข้ารายงานตัวเพื่อส่งฟ้องศาลแล้ว แต่ทางด้านนายสนธิ ขอเลื่อนอ้างว่าอยู่ระหว่างการยื่นถวายฎีกา ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหา ส่วนจะเข้าหลักเกณฑ์ที่จะยื่นถวายฎีกาหรือไม่ คงเป็นขั้นตอนปกติที่ผู้ได้รับความเดือดร้อนจะยื่นถวายฎีกา ต้องรอว่าผลการยื่นถวายฎีกาจะเป็นอย่างไร.

http://www.thairath.co.th/content/pol/62844

---------------------------------------------------------------

<<< ขั้นตอนการพระราชทานอภัยโทษ >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/07/2540-21-225-7-259-267-1.html

...
ผู้มีสิทธิยื่นเรื่องทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ได้แก่

- ผู้ต้องโทษที่คดีถึงที่สุด
- ผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง อาทิเช่น บิดามารดา บุตร คู่สมรส
- สถานทูต (ในกรณีที่เป็นนักโทษชาวต่างประเทศ)
หมายเหตุ ทนายความไม่ถือว่าเป็นผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง

ระยะเวลาการยื่นฎีกาทูลเกล้า ฯ ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย

1. ผู้ต้องโทษกรณีทั่วไป ยื่นได้ทันทีที่คดีถึงที่สุด
2. ผู้ต้องโทษประหารชีวิต ต้องยื่นภายใน 60 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด
...

---------------------------------------------------------------

กรณีทักษิณ
มีคนหลายล้านยื่นขออภัยโทษ
กับถูกคัดค้านมากมาย
ทั้งๆ ที่คดีที่ยื่นขอนั้นได้สิ้นสุดลงไปแล้ว
แต่กรณีล่าสุดตามข่าว
ที่อัยการเลื่อนคดี
เพราะติดสนธิยื่นขออภัยโทษนั้น
ไม่ทราบว่าอัยการไม่ทราบขั้นตอนการขออภัยโทษหรือไม่
ถ้าไม่ทราบตามไปดูที่ link ข้างบนได้
จะรู้เลยว่า จำเลยไม่มีสิทธิถ่วงเวลาด้วยวิธีนี้
และไม่ควรเอาเรื่องนี้มาอ้างเพื่อช่วยถ่วงเวลากัน
เพราะมันเป็น 2 มาตรฐานอย่างชัดเจน
และตบหน้าคนไทยหลายล้านคนที่ลงชื่อยื่นขออภัยโทษครั้งนั้น
เพราะมีการคัดค้านจนถึงวันสุดท้ายทีเดียว
ว่าไม่เหมาะ ไม่ควร ทำไม่ได้บ้าง ผิดขั้นตอนบ้าง
แต่กรณีนี้ผิดเห็นๆ ต่อให้อ่านภาษาเทพ ของนักกฏหมายไม่ออก
แต่เชื่อว่าถ้าอ่านภาษาไทยได้
ก็น่าจะเข้าใจความหมายได้โดยไม่ต้องตีความใดๆ อีก

ที่สำคัญ
เป็นการตัดสินโดยเจ้าพนักงาน
หาใช่นักวิชาการหรือคนทั่วไปพูดกล่าวกัน
มันจะเป็นบรรทัดฐานหรือไม่
หรือเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ สนธิ ลิ้มทองกุล คนเดียว
ถ้าทุกคนยื่นถวายฎีกาหมด
ทุกคดี อัยการต้องเลื่อนทุกคดีด้วยน่ะ
ไม่งั้นชาวบ้านเขาจะว่าเอาว่าสองมาตรฐาน
หรือไม่มีมาตรฐานเอาเสียเลย
ซึ่งผมสนใจว่าถ้ามีคนทำแบบสนธิ
จะได้รับผลแบบเดียวกันหรือไม่
อัยการจะเลื่อนให้ทุกคนหรือไม่
ถ้าตกลงจะทำเหมือนกันทุกคนไม่เลือกปฏิบัติ
ก็ถือว่าดีมีช่องทางถ่วงคดีเล่นอีกช่องทางหนึ่ง
เรื่องนี้ ดูๆ ไปแล้ว ก็จะเห็นว่า
บางคนก็เป็นพวกสอพลอ
บางคนก็พวกจงรักภักดีเฉพาะกิจ
บางคนก็เกาะกระแสเพราะอยากดัง
เฮ้อ

ปล. หลังข่าวอัยการยอมเลื่อนคดีเพื่อรออภัยโทษสนธิ
ก็ปรากฏกระแสสองมาตรฐานรุนแรงมาก
วันถัดมาือวันนี้ออกมาบอกว่า
ไปแจ้งตำรวจให้จับไม่ต้องรอเรื่องขออภัยโทษแล้ว
ถามว่าคนระดับอัยการไม่รุ้ข้อกฏหมายพึ่งจะมารู้
เมื่อมีข่าวต่อต้านหรือไม่ใช่แน่ๆ
แต่เอาเหอะในเมื่อแก้ตัวได้ทันว่องไวมาก
ก็ถือว่ายังดีกว่าดันทุรังเพื่อจะเอาชนะ
จนกลายเป็นบรรทัดฐานแปลกๆ
แต่ผมก็ยังเชื่อว่า
ไม่มีใครไปจับสนธิหรอก
เพราะดูแล้วยังมีประโยชน์กับฝ่ายนั้น
ก็คงเงียบแล้วปล่อยให้เคลื่อนไหวตามปกติ
เฮ้อ อีกที

โดย มาหาอะไร

---------------------------------------------------------------

(กรณีสนธิยังไม่เข้าสู่ขบวนการของศาลเลย
หนักกว่ากรณีทักษิณอีก
องคมนตรีท่านนี้จะออกมาว่าอะไรไหม
ชาวบ้านเขารอฟังอยู่)

“องคมนตรี” เผย เสื้อแดง “ถวายฎีกา”เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
วันพุธ 29 กรกฎาคม 2552 10:26

พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี วันนี้ (29 ก.ค.) พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมองคมนตรีได้สรุป การที่กลุ่มเสื้อแดงเดินหน้าล่ารายชื่อเพื่อยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นสิ่ง ไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว ผู้ที่กระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นบุคคลใด ต้องรับโทษไปตามคำพิพากษา จะข้ามขั้นตอนโดยการยื่นถวายฎีกาก่อนรับโทษไม่ได้ อีกทั้งยังถือเป็นการกดดันพระราชวินิจฉัย ซึ่งเป็นการไม่บังควร

นอกจากนี้ พล.อ. พิจิตร กล่าวว่า เท่าที่ตนได้รับทราบ มีอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง นำเงินไปฟอกบนเกาะคีย์แมน จำนวนกว่า 18,000 ล้านบาท ออกมาใช้เคลื่อนไหวในช่วงนี้อีกด้วย

http://www.chaoprayanews.com/2009/07/29/องคมนตรีเสื้อเเดงถวายฎ/

---------------------------------------------------------------

(กรณีนี้จะมีคนอ้างจงรักภักดีที่ไหนมาแจ้งความจับสนธิบ้าง
หรือจงรักภักดีเฉพาะบางครั้งเท่านั้น)


แจ้งจับ3แกนนำเสื้อแดงถวายฏีกาช่วยแม้ว

คมชัดลึก :อดีตนายทหารราชองค์รักษ์นำประชาชนบุก กองปราบ หอบหลักฐานแจ้งจับ 3 แกนนำเสื้อแดงถวายฎีกาช่วย"ทักษิณ" วอนอดีตนา ยกฯหยุดทำผิด-อย่าเชื่อคนรอบข้าง ให้กลับมารับโทษ พร้อมฝากถามหาความจงรักภักดีผบ.ทบ.

(15ส.ค.) ที่กองปราบปราม พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ อดีต นายทหารราชองครักษ์เวร พ.ต.ท.พชรเกรียงชัย ศรีหนาท อดีต รอง ผกก.อก.ภ.จ.ตราด และประชาชนกว่า 30 คน เข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล พนักงานสอบสวน กองบังคับการ กองปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ข้อหาช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดเพื่อไม่ให้ต้องโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 และความผิดตามมาตรา 198 ข้อหาดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล หลังแกนนำเสื้อแดงดำเนินการล่ารายชื่อประชาชนลงนามถวายฎีกาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ต้องหาหนีคดี

ทั้งนี้พล.อ.กิตติศักดิ์ มอบแผ่นวีซีดีการปราศรัยของแกนนำเสื้อแดงที่ สนามหลวงและราชบุรี 2 แผ่น พร้อมบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์กรณีดังกล่าว และแบบฟอร์มหนังสือถวายฎีกามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน

"วันนี้ พวกเรามาในนามของทหาร ตำรวจและพลเรือน ที่ออกมาปกป้องราชบัลลังก์ ไม่เกี่ยวกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากการกระทำของ 3 แกนนำที่ประกาศว่าจะนำรายชื่อประชาชนหลายล้านคนร่วมลงชื่อเพื่อขอพระราช ทานอภัยโทษแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกในคดีที่ดินรัชดาฯ 2 ปี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และประกาศว่าจะนำมวลชนเรือนแสนนำฎีกาไปยื่นต่อราชเลขาธิการ มีหลายฝ่ายเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมายและเป็นการกดดันพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นเรื่องมิบังควรอย่างยิ่ง " พล.อ.กิตติศักดิ์กล่าว

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งสามคนรู้อยู่แก่ใจว่าฎีกาดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะเนื้อหาที่จัดพิมพ์ขึ้นมีลักษณะเป็นการกล่าวร้ายต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าตัดสินคดีสองมาตรฐาน ถือว่าเข้าข่ายดูหมิ่นศาล และกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ มีสิทธิและไม่มีอำนาจขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เพราะมาตรา 23 วรรคสองบัญญัติไว้ว่า คดีที่ศาลฎีกาได้พิจารณาหรือมีคำสั่งแล้ว คู่ความไม่มีสิทธิที่จะทูลเกล้าถวายฎีกาคดีนั้นต่อไป และประกอบพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2549 มาตรา 4 บัญญัติว่า ผู้ซึ่งได้รับการอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของ ราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่ หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ติดต่อกันไปจนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อย หรือลดโทษ หรือนายกฯมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษเว้นแต่ผู้ที่ทำงานบริการสังคมหรือทำงาน สาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า การปลุกระดมให้ประชาชนร่วมลงชื่อทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่พ .ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆที่ยังไม่ได้รับโทษเพราะหลบหนีไปก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษา อีกทั้งยังหลบหนีหมายจับศาลในคดีฉ้อราษฎร์บังหลวงซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกหลายคดี นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังมิได้สำนึกในการกระทำความผิดของตัวเอง นับว่าเป็นเรื่องมิบังควรอย่างยิ่ง

"อยากฝากไปยังน้องทักษิณ เพราะเขาเป็นเตรียมทหารรุ่นน้องผม 3 ปี ว่าพระองค์ท่านดูแลพสกนิกรมากว่า 63 ปี แล้ว น้องเพิ่งมาไม่กี่ปีเทียบเคียงพระองค์ท่านไม่ได้หรอก ขอร้องให้หยุดเสียเถอะ หยุดทำความผิดซ้ำซาก อย่าเชื่อคนรอบข้างเพราะพวกนั้นคบกับน้องเพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น พี่อู๊ดขอร้องให้น้องอยู่เฉยๆจนกว่าบ้านเมืองจะสงบ วันหนึ่งหากน้องสำนึกได้ก็ขอให้น้องกลับมารับโทษพี่จะไปรับถึงสนามบิน หรือไปรับที่ต่างประเทศก็ได้ จะดูแลความปลอดภัยให้ เมื่อ กลับมารับโทษและขอพระราชทานอภัยโทษจากพระองค์ท่าน ไม่มีอะไรสายเกินไปหรอก นอกจากนี้อยากถามไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.อดีต ผบก.กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือทหารเสือราชินีว่า น้องจำได้ไหมน้องเคยมอบประกาศณียบัตรทหารเสือกิติมศักดิ์ให้แก่พี่ บัดนี้ความจงรักภักดีของน้องหายไปไหน น้องต้องมาทำหน้าที่รักษาราชบัลลังก์ อย่าพูดเพียงว่าไม่มีความเห็นกรณีคนเสื้อแดงล่ารายชื่อถวายฎีกา น้องพูดได้อย่างไร น้องลองทบทวนดู ” อดีต นายทหารราชองครักษ์เวร กล่าว

พ.ต.ท. พชรเกรียงชัย กล่าวว่า อยากฝากไปยัง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.นักเรียนนายร้อยอบรมรุ่น16 รุ่นเดียวกันว่าให้ดำเนินการติดตามจับกุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ น้องเขยมาดำเนินคดี ให้ได้ แล้วเพื่อนจะไม่ถูกเขาวิพากย์วิจารณ์ได้
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ก่อนดำเนินการส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป

http://www.komchadluek.net/detail/20090815/24404/แจ้งจับ3แกนนำเสื้อแดงถวายฏีกาช่วยแม้ว.html

---------------------------------------------------------------

(กรณีนี้ กรณ์จะห่วงสนธิถวายฎีกา ทำสังคมแตกแยกไหม
หรือสร้างเงื่อนไขซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจไหม)


กรณ์ห่วงเสื้อแดงถวายฎีกา ทำสังคมแตกแยก

รมว.คลังห่วงเสื้อแดงถวายฎีกาขออภัยโทษ ทักษิณ ทำสังคมแตกแยก สร้างเงื่อนไขซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจ วอนทุกฝ่ายหยุด

นายกรณ์ จาติวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มีความเป็นห่วงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง เตรียมถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเป็นปัญหาทางการเมืองที่ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมและมีผลกระทบต่อ เศรษฐกิจจากการสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติม โดยกระทำเพื่อบุคคลเพียงคนเดียว

"ที่ผ่านมาปัญหาการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอยู่แล้ว ไม่เห็นด้วยที่จะมีการสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติมทำเพื่อคนเพียงคนเดียว"

นายกรณ์ กล่าวว่า ทุกฝ่ายควรหยุดดำเนินการใด ๆ และหันมาช่วยดูแลเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้นมากกว่า

สำหรับการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเมื่อสุปสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา นายกรณ์ กล่าวว่า เป็นการชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง โดยกำหนดยุทธศาสตร์ในการเดินไปข้างหน้า และให้ฝากให้ปฎิบัติงานตามที่หน้าที่เพื่อปกป้องแผ่นดิน

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ได้มีการหารือกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ และนายพฤติชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง รวมทั้งนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เกี่ยว กับการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงแทนข้าราชการที่จะเกษียณอายุ โดยขณะนี้วางตำแหน่งลงตัวแล้ว พร้อมชี้แจงผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดว่าการโยกย้ายครั้งนี้ได้พิจารณาจาก ความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงอาจมีทั้งคนสมหวัง และไม่สมหวัง แต่ขอให้เข้าใจ

http://news.sanook.com/กรณ์ห่วงเสื้อแดงถวายฎีกา-ทำสังคมแตกแยก-815679.html

---------------------------------------------------------------

(กรณีนี้ 5 เครือข่ายจะออกมาต้านสนธิถวายฎีกาไหม
จะแถลง4ข้อค้านไหมหรือจะร้องให้ฝ่ายมั่นคงไม่ใช้กม.จัดการขั้นเด็ดขาดไหม

พลเอก สายหยุด เกิดผล ประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย
พลเรือเอก ชัย สุวรรณภาพ ประธานเครือข่ายปวงชนต่อต้านอธรรม
ศ.นพ.ประมวล วิรุตมเสน ประธานเครือข่ายปัญญาสยาม
นายอุดร ตันติสุนทร ประธานเครือข่ายธรรมาภิบาล และ
พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม ประธานเครือข่ายสยามสามัคคี)


5เครือข่ายต้านเสื้อแดงถวายฎีกาแถลง4ข้อค้าน พันธมิตรไล่รบ.-ฝ่ายมั่นคงไม่ใช้กม.จัดการขั้นเด็ดขาด

5เครือข่ายต้านเสื้อแดงถวายฎีกา ร่วมกันแถลงข่าว คัดค้านถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษทักษิณ ออกแถลงการณ์ 4 ข้อให้กลับมารับโทษ พันธมิตรแถลงด้วย ไล่รัฐบาล-ฝ่ายความมั่นคง ไม่ยอมใช้กม. จัดการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มที่ยื่นฎีกามิชอบ

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 13 สิงหาคม ที่ห้องประชุมบ้านมนังคศิลา ถนนหลานหลวง เขตดุสิต มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวขอคัดค้านการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของคณะผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อันมิชอบด้วยกฎหมาย โดยมี พลเอก สายหยุด เกิดผล ประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย พลเรือเอก ชัย สุวรรณภาพ ประธานเครือข่ายปวงชนต่อต้านอธรรม ศ.นพ.ประมวล วิรุตมเสน ประธานเครือข่ายปัญญาสยาม และนายอุดร ตันติสุนทร ประธานเครือข่ายธรรมาภิบาล เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย

นอกจากนี้ยังมี พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม ประธานเครือข่ายสยามสามัคคี เป็นผู้อ่านหนังสือแถลงการณ์ขอคัดค้านการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของคณะ ผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อันมิชอบด้วยกฎหมาย ความว่า บรรดาข้าพเจ้าผู้มีนามข้างท้ายนี้ ซึ่งประกอบด้วยพสกนิกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกหมู่เหล่าจากทุกสาขา อาชีพ ทั้งข้าราชการ ทหาร สมาชิกรัฐสภา แพทย์ อาจารย์ นักวิชาการ สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป ขอร่วมกันคัดค้านการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ขอพระ ราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปี เพราะฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ แต่ได้หลบหนีหมายจับของศาลออกไปเคลื่อนไหวทำร้ายประเทศชาติและประชาชนชาว ไทยอย่างต่อเนื่องตลอดมา จนกระทั่งบัดนี้เป็นผู้ไม่ยอมรับโทษตามคำพิพากษาของศาล ไม่เคยสำนึกผิด และที่ผ่านมาก็ได้กล่าวหาศาลยุติธรรม ซึ่งทำการในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ว่าตัดสินคดีโดยไม่เป็นธรรม และยังกล่าวหาว่ารัฐธรรมนูญ ตลอดจนกฎหมายบ้านเมืองไม่ถูกต้อง ตัวเองเท่านั้นที่ถูกต้องและตัวเองเท่านั้นที่จะสามารถบริหารประเทศได้ ซึ่งเป็นทัศนคติที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อประเทศชาติและประชาชน

หากนำฎีกาดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ก็เท่ากับขอให้พระมหากษัตริย์หักล้างคำพิพากษาของศาล ส่งเสริมให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมือง ส่งเสริมการหลบหนีคดีและไม่ยอมรับโทษตามคำพิพากษาของศาล ส่งเสริมให้ใช้กฎหมู่มาบังคับกดดันในการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการทำลาย ระบอบนิติรัฐ ทำลายรัฐธรรมนูญ ทำลายระบบกฎหมาย และความศักดิ์สิทธิ์ของศาลยุติธรรมทั้งประเทศ จะเป็นแบบอย่างความเสียหายสืบไปในอนาคตอันไม่มีที่สิ้นสุด

ข้อ 2. พรรคไทยรักไทย ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค และพรรคพลังประชาชน ซึ่งกระทำการเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่างได้ถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรค เพราะทุจริตในการเลือกตั้ง และได้ดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐ โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เป็นอันตรายต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่มีอุดมการณ์ ในระบอบประชาธิปไตย และกระทำทุกอย่างเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียว ดังนั้น บุคคลอันตรายดังกล่าว จึงไม่พึงที่จะได้รับการเสนอฎีกา ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

ข้อ 3. นอกจากคดีที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาพิพากษาจำคุกแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังต้องคดีเกี่ยวกับการทุจริตเกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง อีกหลายคดี ซึ่งต้องจำหน่ายคดีชั่วคราว เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังหลบหนีคดีแรกอยู่ในต่างประเทศ ไม่ยอมกลับมารับการพิจารณาคดีต่อไป

ข้อ 4. แม้ว่าจะได้ใช้เครือข่ายของพรรคเพื่อไทย ใช้สื่อมวลชน กลไกทางการเมือง และอามิสจ้างวาน สร้างความเข้าใจผิด และหลอกลวงด้วยประการต่างๆ ก็ปรากฏว่า ประชาชนชาวไทยกว่า 60 ล้านคนไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง และได้ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ไม่ว่าฝ่ายทหาร พลเรือน นักวิชาการ และประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ทั้งมวล เป็นเพียงว่า ประชาชนกว่า 60 ล้านคน เล็งเห็นว่า การกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงมุ่งสร้างความแตกแยกในประเทศ จึงมิได้ทำการเคลื่อนไหวเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาคัดค้าน ดังนั้น การนำเรื่องนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา จึงอาจเป็นการตั้งต้นของการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ระหว่างประชาชน

เพื่อเป็นประจักษ์พยานส่วนหนึ่งของปวงชนชาวไทย ข้าพเจ้าผู้มีนามข้างท้ายนี้ จึงขอคัดค้านการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา และขอท่านได้โปรดงดเว้นนำเรื่องฎีกา อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย และสร้างความแตกแยกในชาติ ขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย

ขอแสดงความนับถือ

พลเอก สายหยุด เกิดผล ประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย

พลเรือเอก ชัย สุวรรณภาพ ประธานเครือข่ายปวงชนต่อต้านอธรรม

ศ.นพ.ประมวล วิรุตมเสน ประธานเครือข่ายปัญญาสยาม

นายอุดร ตันติสุนทร ประธานเครือข่ายธรรมาภิบาล และ

พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม ประธานเครือข่ายสยามสามัคคี

พลเอก สายหยุด เกิดผล ประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มบุคคลคณะหนึ่งได้มีการล่ารายชื่อประชาชนเพื่อทูลเกล้าถวาย ฎีกาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยตรงเพื่อขออภัยโทษแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้มีความผิดศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี และยังมีคดีอื่นๆ อีก ดังนั้น ทางเครือข่ายเอกชนจึงเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่มีนัยยะทางการเมือง เป็นการจูงใจที่จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ มาเกี่ยวข้องในทางการเมืองอันเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสถาบัน

ผมอยากให้ผู้นำที่เป็นผู้ล่ารายชื่อ ได้ตระหนักถึงการกระทำที่จะเป็นไปในลักษณะที่จะนำสถาบันพระมหากษัตริย์มา เผชิญหน้ากับราษฎรที่ลงชื่อ ซึ่งไม่ตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นระยะยาว แม้ว่า จะกระทำการโดยบริสุทธิ์ใจ ซึ่งมีผู้รู้ต่างๆ ได้ทักท้วงว่า เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ เมื่อการลงชื่อถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษไม่เป็นไปตามระเบียบ การกระทำก็จะไม่มีผลในทางปฏิบัติ พลเอก สายหยุด กล่าว ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 13 สิงหาคม ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงกรณี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ไม่ได้ทำหน้าที่ในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มที่ นิ่งเงียบและเพิกเฉย โดยเฉพาะการถวายฏีกาของกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย เรื่องการเจรจาในพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหารที่พันธมิตรฯ พบว่า มีการแอบเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา จนมีการลักไก่ฉวยโอกาสสวมสิทธิ์ จากรัฐบาลทักษิณที่แอบทำเอาไว้ ทำให้คนไทยเสียประโยชน์จากพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และเรื่อง ผบ.ทบ.วางเฉยต่อการลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ และเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า ที่ประชุมพันธมิตรฯ เป็นห่วงเรื่องวิกฤตความมั่นคงของประเทศ อยากชี้เป้าปัญหาไปที่บทบาทของฝ่ายความมั่นคงในรัฐบาลชุดนี้ คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เหล่าทัพต่างๆ และหน่วยงานความมั่นคงที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงทั้งหมด ไร้ประสิทธิภาพและบกพร่องอย่างยิ่ง ที่ประชุมพันธมิตรฯ เห็นว่า มีความจำเป็นต้องพิจารณาทบทวนบทบาทของงานฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะบทบาทของผบ.ทบ. ซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่ในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งที่เป็นหน้าที่สำคัญของเหล่าทัพและเป็นหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในรัฐ ธรรมนูญว่าทหารต้องพิทักษ์สถาบันเบื้องสูง

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯ ออกมาท้วงติงทุกครั้งหากเห็นว่า บ้านเมืองเสียหาย และเกาะติดสถานการณ์ตลอดมานับตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2551 สรุปแล้วครบ 8 เดือนที่พันธมิตรฯ ออกมาท้วงติงรัฐบาลว่า อย่าวางเฉยต่อการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่รัฐบาลก็ยังไม่ทำอะไร จึงอยากเรียกร้องให้หลายกลุ่มออกมา ซึ่งเมื่อออกมามากเข้ารัฐบาลต้องฟัง

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า แนวนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐ มาตรา 77 บัญญัติว่า รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราชอธิปไตย และบูรณาภาพแห่งเขตอำนาจรัฐ และต้องจัดให้มีกำลังทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย จำเป็น และเพียงพอ เพื่อพิทักษ์รักษาเอกราชอธิปไตยความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ และผลประโยชน์ของชาติ เวลามีข่าวจะบอกว่า เสื้อเหลืองเสื้อแดงทะเลาะกัน ให้หยุดทะเลาะกัน ขอยืนยันว่าสิ่งที่พันธมิตรฯ นำเสนอนั้น จุดยืนคือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้น เราไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น พันธมิตรฯ ทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองประเทศไทย ขอให้ประชาชนทั่วประเทศที่ยังยืนยันจงรักภักดีต่อประเทศชาติช่วยกัน เพราะรัฐบาลวางเฉยไม่ได้ทำอะไร

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯ ยืนยันว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลหรือกองทัพซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการดูแลสถาบันพระมหากษัตริย์ต้อง ปฏิบัติหน้าที่ให้เข้มงวดกว่าที่ทำอยู่ เพราะเป็นยิ่งกว่ายุคสมัยใดที่มีการละเมิดหรือทำให้เกิดความสั่นคลอนของ สถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งจะนำไปสู่ความสั่นคลอนของความมั่นคงของชาติ

เพราะฉะนั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจน ในขณะที่เป็นรัฐบาลในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จะทำให้รัฐบาลขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ นายพิภพ กล่าว

จากนั้น พล.ต.จำลอง ตอบคำถามกรณีกลุ่มเสื้อแดงถวายฎีกา ว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มีหน้าที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ตัวเองมีเครื่องไม้เครื่องมือครบ มีกฎหมายที่ใช้ได้ทันที ฉะนั้นต้องทำไปตามหน้าที่ตัวเอง โดยพันธมิตรฯ ไม่จำเป็นต้องมาชี้ว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะรัฐบาลรู้ดีอยู่แล้ว สาเหตุที่รัฐบาลไม่ทำตอนนี้ คือรัฐบาลขาดความกล้าหาญ เพียงแต่ใช้กฎหมายเท่านั้นก็สามารถหยุดยั้งได้นานแล้ว แต่รัฐบาลไม่ทำ

ส่วนนายสุริยะใส ตอบคำถามกรณีเหตุการณ์อาจยืดเยื้อ เพราะมีกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ และกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า พันธมิตรฯ ชัดเจนว่า ไม่มีมติให้เคลื่อนไหวใดๆ แต่ส่งสัญญาณแค่สนับสนุนให้ดำเนินคดีทางกฎหมายเท่านั้น หากเป็นการเคลื่อนไหวมวลชนจะไม่ใช่ในนามพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน

เนื้อหาโดย : มติชน

http://www.giggog.com/politic/cat3/news33067/

---------------------------------------------------------------

(แก้วสรร กับ ขวัญสรวง จะออกมาฉะสนธิไหม
ทำผิดเห็นๆ ดึงสถาบันมาเพื่อให้คดีเลื่อนออกไปแบบนี้
ช่วยออกมาไวไว เชียร์เต็มที่เลย
จะได้ไม่โดนกล่าวหาว่าเป็นนักวิชาการเล่นพรรคเล่นพวก)


พี่น้อง"อติโพธิ"ฉะ เสื้อแดง ล่าชื่อถวายฎีกา

"แก้วสรร-ขวัญสรวง" จับมือจวกเสื้อแดงล่าชื่อถวายฎีกา ชี้เป็นวิธีทางการตลาดทางการเมืองที่ต้องการบีบสถาบัน ให้จับตาดูละครฉากใหญ่ สุดทนร้องต่อกรรมาธิการฯ ให้ออกมาปกป้องสถาบัน เตือนสติ ปชช. ...

วันนี้ (3 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และนายขวัญสรวง อติโพธิ อดีต ส.ว. ได้ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้แกนนำกลุ่มเสื้อแดงหยุดรบกวนสถาบันพระมหา กษัตริย์ โดยนายแก้วสรร กล่าวว่า ตนทั้ง 2 คนได้ใช้เงินส่วนตัวที่ได้รับบริจาคสมทบทุนการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ที่ผ่านมา เพื่อขอซื้อโฆษณาตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆเพื่อต้องการสื่อไปยังประชาชนซึ่ง เป็นพสกนิกรทั่วประเทศว่า ขณะนี้กำลังมีขบวนการอย่างไรในการล่าชื่อ 1 ล้านคนเพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การกระทำดังกล่าวอยากชี้ให้เห็นว่าเป็นวิธีทางการตลาดทางการเมืองที่ต้องการ ล่าชื่อบีบสถาบัน โดยใช้ความจงรักภักดีเป็นค่าใช้จ่าย ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่า จะทำอย่างไรก็ไม่เกิดผลเพราะเป็นการเรียกร้องที่ขัดรัฐธรรมนูญ

นาย แก้วสรร กล่าวต่อว่า ขอให้ตามดูต่อไปว่าจะต้องมีรายการโฆษณาชวนเชื่อตัวเลขยอดประชาชนที่มาลงชื่อ ถวายฎีกาเป็นระยะๆ และต่อไปจะมีภาพทางโทรทัศน์ ที่จะมีบางคนคลานเข้าไปถวายบังคมหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ด้วยน้ำตานองหน้า จึงขอถามไปยังพรรคเพื่อไทยว่าเมื่อชนะการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สกลนครและ ศรีสะเกษแล้วหากต้องการหาหัวหน้าพรรคที่เป็นทางเลือกดีกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ตนสนับสนุนเต็มที่ แต่ไม่ควรมาใช้วิธีถวายฎีกา เพราะรู้คำตอบอยู่แล้วว่า ถ้าทรงพระกรุณาให้ไม่ได้ ประชาชนที่ร่วมลงชื่อถวายฎีกาจะรู้สึกต่อสถาบันฯอย่างไร ซึ่งตนมั่นใจว่ายิ่งทำให้ประชาชนมีความรู้สึกแบ่งแยกจากสถาบันเข้าไปอีก จึงได้ตัดสินใจร้องต่อนางอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการ เกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา เพื่อให้กรรมาธิการฯได้ออกมาปกป้องสถาบันและเตือนสติแก่ประชาชน

นาย แก้วสรร กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การเกลียดหรือชอบพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเรื่องของเสาหลักของแผ่นดิน ที่ไม่ควรจะดึงมาเล่นทางการตลาดแบบนี้ เหตุใดแกนนำกลุ่มเสื้อแดงจึงไม่ใช้วิธีล่ารายชื่อเพื่อเสนอกฎหมายอาทิ พ.ร.บ.สมานฉันท์ ที่เป็นการดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่มาใช้วิธีขัดรัฐธรรมนูญเช่นนี้ จึงอยากเป็นตัวนำร่องเพื่อให้มีการแสดงความเห็นกันในหมู่ประชาชนอย่างกว้าง ขวางถึงวิธีการที่ไม่ถูกต้องเช่นนี้

---------------------------------------------------------------

แจ้งพงส.สน.ดุสิตจับตัว"สนธิ"ส่งอัยการยื่น ฟ้องฐานหมิ่นเบื้องสูงแล้ว

นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ เลื่อนเข้ารายงานตัวกรณีที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องในความผิดฐานหมิ่น เบื้องสูง กรณีนำคำปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุก 18 ปี ในคดีหมิ่นเบื้องสูง มาเผยแพร่ซ้ำบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2551 โดยอ้างว่าอยู่ระหว่างการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษว่า ตามข้อกฎหมายแล้วเมื่ออัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง นายสนธิ ผู้ต้องหาแล้วจะต้องนำตัวไปยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล กระบวนการต้องดำเนินการต่อไป โดยอัยการได้มีหนังสือแจ้งให้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ไปดำเนินการติดตามตัวนายสนธิมาให้อัยการส่งฟ้องแล้ว ส่วนจะต้องขอศาลอนุมัติหมายจับมาส่งฟ้องหรือไม่นั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีที่รับผิดชอบในการติดตามตัวนายสนธิมาให้อัยการ

ทั้ง นี้ การที่นายสนธิ ยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งที่ศาลยังไม่ได้พิจารณาพิพากษาลงโทษจำคุก นั้น นายกายวิทธิ์ กล่าวว่า โดยทั่วไปการยื่นถวายฎีกาทำได้ใน 2 กรณี คือ กรณีราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนเรื่องทั่วไป ซึ่งสามารถยื่นถวายฎีกาผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัด หรือสำนักพระราชวัง อีกกรณีคือยื่นถวายฎีกาเรื่องคดี ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุกและคดีสิ้นสุดแล้วให้ลงโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอด ชีวิต ยื่นผ่านกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกรณีของนายสนธิ ไม่ทราบว่า จะเข้าหลักเกณฑ์ที่กระทรวงยุติธรรมกำหนดไว้หรือไม่ หรือสำนักพระราชวังจะรับฎีกาไว้หรือไม่ ซึ่งอัยการคงไม่รอและแจ้งให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวมาส่งอัยการเพื่อยื่น ฟ้องศาลแล้ว ส่วนภายหลังจะมีพระบรมราชวินิจฉัยมาอย่างไร ก็สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามพระบรมราชวินิจฉัยได้

http://breakingnews.quickze.com/readnews-159960-แจ้งพงส.สน.ดุสิตจับตัว"%3Bสนธิ"%3Bส่งอัยการยื่นฟ้องฐานหมิ่นเบื้องสูงแล้ว+.html

---------------------------------------------------------------

FfF