บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


14 กุมภาพันธ์ 2553

<<< รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่สิ่งที่แก้ไม่ได้ >>>

เหตุผลหลัก
ที่เหล่าอำมาตย์ไม่ต้องการให้แก้รธน.50
โดยมีการคัดค้านผ่านม๊อบเสื้อเหลือง
และในหลายๆ ทาง
ผมเดาเอาน่ะ
ขอเดาแล้วกันเพราะมันมีหลายเหตุผล
แต่ผมฟันธงว่าเหตุผลหลักจริงๆ และสำคัญที่สุด
ก็คือ รธน. 50
ได้เขียนขึ้นมาเพื่อให้สถาบันตุลาการ
คุมสถาบันนิติบัญญัติและสถาบันบริหาร
เนื่องจากว่าสองสถาบันนั้น
ถ้าไปคุ้มโต้งๆ
ชาวบ้านเห็นทันทีว่านี่เป็นเผด็จการแน่ๆ
เช่นให้เลือกตั้ง 30% แต่งตั้ง 70%
ซึ่งก็ไม่รู้จะให้เลือกไปทำไม
นี่เป็นรูปแบบในการยึดสองสถาบันที่ว่า
เพราะเลือกให้ตายก็แพ้พวกแต่งตั้ง
ซึ่งก็พวกเขาทั้งนั้นแหล่ะ
คล้ายๆ กับการปกครอง
ช่วงต้นๆ ก่อนการปฏิวัติที่ฝรั่งเศส

หรือการเข้าควบคุมสถาบันบริหาร
ก็คือนายกมาจากการแต่งตั้ง
ซึ่งพยายามทำมาแล้ว
และเกิดการต่อต้านจนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
เท่ากับว่าวิธีการเข้าครอบงำควบคุมตรงๆ ทำไม่ได้
เพราะประชาชนฉลาด
เลยมีบางคนอาจเลือกใช้วิธีแบบอ้อมๆ
โดยยุทธวิธี คือ เขียนรัฐธรรมนูญ
พยายามตรึงรัฐบาลให้ทำงานไม่ได้
เฉพาะรัฐบาลที่พวกตนไม่หนุนน่ะ
ถ้าหนุนก็ทำงานได้แกล้งปล่อยไม่รู้ไม่เห็น
แต่ถ้าเป็นพวกทำตรงกันข้ามทำเหมือนกัน
แต่อาจผิดก็ได้แบบพวกนี้เรื่องนี้เร่งด่วนได้
อีกพวกเรื่องเดียวกันห้ามเร่งด่วน
เมื่อทำตามก็อาจโดนยุบรัฐบาล ยุบพรรค
แล้วแต่เหตุการณ์ที่จะตามมา
ดังนั้นรธน.50
จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการรักษาไว้ให้นานที่สุด
เพราะไม่รู้ว่าแก้มาใหม่
จะมีการคงหลายๆ มาตรา
ที่ให้อำนาจตุลาการวินิจฉัยความคลุมเครือข้อกฏหมาย
ที่สามารถมีผลออกได้สองหน้าเหมือนเดิมหรือไม่

ต่อไปการเขียนรัฐธรรมนูญ
ต้องตัดอำนาจอื่นออกไปด้วย
ซึ่งก็ต้องมาดูว่า
พวกเขาจะยื้อไม่ให้แก้กล่องดวงใจ
ไปได้อีกกี่น้ำหรือจะนานเท่าไหร่

รัฐธรรมนูญ50 คือสัญลักษณ์แห่งอำนาจ
ของการเมืองยุคสมัยนี้เลยก็ว่าได้
ถ้าล้มวันไหนแสดงให้เห็นว่า
วันนั้นอำนาจเริ่มเปราะบางมากแล้วด้วย
เข้าใจว่าพวกเขาต้องการยื้อไว้จนสุดใจเลยหล่ะ
คราวนี้ไม่ต้องแปลกใจว่า
ทำไมถึงมีกลุ่มคนออกมาห้ามแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทำราวกับว่ารัฐธรรมนูญ50
เป็นบัญญัติที่เทพเจ้าส่งมาให้
คล้ายๆ กับบัญญํติ 10 ประการยังไงยังงั้น
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว
ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลกแล้วมั้ง
เคยแก้กันมากี่สิบรัฐธรรมนูญแล้ว
มันไม่ใช่ของศักดิ์สิทธิ์อะไรถึงแก้ไม่ได้
แต่มีบางพวกพยายามทำให้มันศักดิ์สิทธิ์
เทียบเท่าคัมภีร์ทางศาสนา ห้ามแก้ไขเด็ดขาด
มันจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจอย่างแท้จริง
วันไหนฉีกทิ้งได้เขียนใหม่ทั้งฉบับ
ควรตัดอำนาจลึกลับออกไป
เพื่อไม่ให้สามารถควบคุม
สองสถาบันผ่านรัฐธรรมนูญได้อีกต่อไป
วันนั้นประชาธิปไตยที่แท้จริงของไทย
ก็ใกล้จะถึงแล้ว

ต่อไปต้องเขียนลักษณะนี้
ถ้ารัฐธรรมนูญมาตราไหน
ต้องมีการตีความ
ให้ทำประชามติถามความเห็นจากประชาชน
ตัดอำนาจนอกระบบออกไปจากรัฐธรรมนูญได้หมด
ถ้าไม่เขียนลักษณะนี้
เดี๋ยวก็มีการแก้ไปแก้มา
ก็วกกลับมาเหมือนเดิมโดยไม่รู้ตัวอีกอยู่ดี
เหมือนๆ หลายๆ เรื่องที่ผ่านมา
คนมีอำนาจเขาก็ต้องรักษาอำนาจเขาจนถึงที่สุด
นี่เป็นธรรมชาติของคนมีอำนาจ
ซึ่งเป็นเรื่องปกติของมนุษย์

ดังนั้นการเขียนรัฐธรรมนูญก็ดี
การตรากฏหมายใดๆ ก็ดี
ไม่ควรให้มีความกำกวมเด็ดขาด
เขียนยาวแค่ไหนเขียนๆ ไปเหอะ
ดีกว่าเขียนสั้นๆ แล้วมีปัญหาภายหลัง
เดี๋ยวนี้มีคอมพิวเตอร์ช่วยค้นหา
หรือมีความสะดวกในการเก็บไม่ต้องจดจำ
เน้นความเข้าใจไม่เน้นจดจำ
กฏหมายถ้าเขียนให้ประชาชน
สามารถกดดูทางอินเตอร์เน็ต
แล้วเข้าใจว่าใครถูกใครผิด
ไม่ต้องรอให้ใครมาตีความ
รู้ว่าขนาดนี้โทษขนาดไหนชัดเจน
ต่อให้มันเขียนเป็นหน้าๆ
ก็ยังดีกว่าเขียนภาษาเทพทางกฏหมาย
แล้วต้องให้นักกฏหมายเท่านั้นถึงตีความได้
ไม่เน้นสวยงามหรือกระฉับย่อจนเป็นเล่มเล็กๆ ได้
แต่เน้นให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องตีความ
ชาวบ้านที่อ่านภาษาไทยออก
ก็สามารถเข้าใจได้เหมือนๆ กัน
ในกฏหมายหรือรัฐธรรมนูญข้อนั้นๆ
หลังจากอ่านจบแล้ว
ถ้าเขียนได้อย่างที่ว่า
ศาลรัฐธรรมนูญยุบทิ้งไปได้เลย
ศาลปกครองก็ยุบได้
ศาลปกติเป็นใครมาตัดสินยังได้เลย
ถ้าเขียนกฏหมายอ่านกันออกเข้าใจกันง่ายทุกคน
ทำแบบผสมกับระบบลูกขุนก็ได้
เรียกว่ามีทั้งลูกขุนช่วยมาเป็นพยานและตัดสิน
และผู้พิพากษาอ่านผลคำตัดสิน
คดีไหนถ้าไม่โปร่งใส
ไม่ตัดสินตามกฏหมาย
คิดกฏใหม่เอง ตีความนอกลู่นอกทาง
ก็ให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
ถ้าประชาชนเห็นว่าไม่โปร่งใส
และสุดท้าย
ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับผลคำตัดสิน
ให้มีการลงประชามติจากประชาชน
เรียกว่าประชาชนจะลงประชามติบ่อยๆ
แต่การได้ทำยังงี้แสดงว่า
ตนเองยังมีอำนาจ มีสิทธิ์ มีเสียง
เหมือนเป็นเจ้าของประเทศคนหนึ่งเหมือนกัน

โดย มาหาอะไร
FfF