บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


12 มีนาคม 2553

<<< ไปร่วมชุมนุม 1 ใน 5 แห่งวันนี้ ที่วงเวียนหลักสี่ อนุสาวรีย์ปราบกบฏ >>>

วันนี้มีการชุมนุมย่อย 5 แห่งในกรุงเทพ
ได้แก่ วงเวียนหลักสี่ , วงเวียนใหญ่ ,
แยกบางนา , สวนลุม และ สามเหลี่ยมดินแดง
เราเลือกไปที่ วงเวียนหลักสี่ เพราะสะดวกที่สุด
ซึ่งบริเวณนี้มีอนุสาวรีย์ที่มีหลายชื่อ
ได้แก่ อนุสาวรีย์หลักสี่ , อนุสาวรีย์ 17 ทหารและตำรวจ ,
อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ และ อนุสาวรีย์ปราบกบฏ



















ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงวันปราบกบฏบวรเดช
ในสมัย พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา
นายกรัฐมนตรีในตอนนั้น
และยังเป็นนายกคนแรกของไทยด้วย



















เมื่อเรามาถึงที่บริเวณวงเวียนหลักสี่นี้
ก็เห็นสื่อกำลังสัมภาษณ์หมอแหวงอยู่















ยังไม่ค่อยมีผู้คนเท่าไหร่















เห็นผู้คนส่วนใหญ่ตอนนั้น อยู่บริเวณเต้นท์ประมาณนี้



















เลยเดินถ่ายนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย
โดยเฉพาะป้ายต่างๆ แบบนี้















นี่ด้วย















นี่ด้วย เอ่ยถึงใครบ้างก็ไม่รู้
อ่านกันเอง ตีความกันเอง แล้วกัน















สติกเกอร์ข้อความแปลกๆ







































































เห็นดาวล้อมเดือนด้วย อิอิ















ลุงคนนี้ขาประจำเราเห็นบ่อยๆ ในม็อบเสื้อแดง
ชอบเขียนระบายความในใจแล้วยืนท่านี้ให้ผู้คนอ่าน
เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร



















มาดูข้อความตามเสื้อกันดูบ้าง
อันนี้ชัดเจนไม่ต้องแปล















ส่วนอันนี้ต้องแปลไทยเป็นไทย ไม่งั้นไม่เข้าใจ















ข้อความข้างล่างนี้ อยู่หลังเสื้อยืดตัวละ 100 บาท
เห็นแล้วถูกใจ เลยซื้อมาสวมใส่เลย















ใส่ลักษณะแบบนี้















งวดนี้ถ่ายพวกป้ายมาเยอะ
ก็อ่านๆ กันเอง แปลกันเองเหมือนเคย





























เขียนบนร่มยังมีเลย
ไอเดียเก๋ไก๋ดีจริงๆ















ส่วนอันนี้ มาประกาศตัวตามที่เขียนเลย















อันนี้พัดพับได้อันละ 30 บาท
ซื้อเป็นที่ระลึก 1 อัน
พอดีเห็นพี่ๆ แถวคอนโดมาด้วย
แล้วยืนตากแดดอันร้อนระอุอยู่
เลยให้พี่คนหนึ่งไปใช้ แล้วไปซื้อมาอีก 2 อันไปแจกต่อ



















เห็นลุงแดง แจ้ง5 นำบทกลอนที่แต่งเองมาแจก



























































































พอดีเห็นสื่อต่างชาติมาหาข่าว
พยายามจะหาคนพูดภาษาอังกฤษได้เพื่อสัมภาษณ์
เราก็เลยเดินไปถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม
พอรู้ว่าเขาอยากสัมภาษณ์เราก็เลยให้สัมภาษณ์ไป
พูดสองครั้งยังฟังไม่เข้าใจก็เขียนลงบนกระดาษ
เขาถามชื่อจริงนามสกุลจริง เงินเดือน อาชีพ
แล้วถามว่ามาที่นี่เพื่ออะไร
เราก็ตอบไปประมาณว่ามาเพื่อประชาธิปไตย
และจะโม้ต่อไปว่า ชนชั้นอำมาตย์กำลังต่อสู้กับชนชั้นรากหญ้า
ปรากฏว่าแค่คำว่าอำมาตย์ก็นึกไม่ออกแล้วว่าใช้คำว่าอะไร
เลยเลียนแบบสมัครที่ใช้คำว่า มือที่มองไม่เห็น
และอธิบายว่าควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศ
Invisible hand, control everything in Thailand.
ง่ายๆ สำหรับภาษาอังกฤษ อ้อๆ แอ้ๆ ของเรา
ว่าแล้วบอกให้เขาไปสัมภาษณ์หมอแหวงดีกว่า
หลังจากสัมภาษณ์ไปแล้วเราเดินไปเดินมา
แล้วเห็นแกยืนงงๆ ไม่รู้จะไปสัมภาษณ์ใครต่อดี
พอดีเราเห็นหมอแหวงยืนอยู่แถวๆ นั้น
เลยชี้ให้เขาไปสัมภาษณ์หมอแหวงต่อไป















มาดูบรรยากาศม๊อบกัน
เริ่มจากบริเวณหลังเวที















มุมทางด้านซ้ายของเวที
ที่ตอนแรกยังเป็นเหมือนที่กำลังก่อสร้าง
ตอนนี้ปกคลุมไปด้วยผู้คน















มุมทางด้านซ้ายมือของเวที















บริเวณในเต้นท์แน่นเอียด
เห็นแล้วก็งงๆ

ทักษิณจะเอาอะไรไปจ้างให้มาตามที่ชอบกล่าวหากัน
นอกจากผลงานและความอยุติธรรมที่เขาได้รับ
เป็นแรงผลักให้คนเหล่านี้ออกมาซะมากกว่า
แถมช่วงนี้เสี่ยงสูงมาก
ทั้งข่มทั้งขู่แถมมีประวัติช่วงสงกรานต์ว่ายิงจริง
ถ้าจ้างคนที่กล้าออกมาท้าทายเสี่ยงโดนปราบแบบนี้
มีที่ไหนรับจ้างวานบอกด้วย
เผื่อจะไประดมทุนมาให้
เพื่อไปว่าจ้างให้มาร่วมม็อบด้วยเยอะๆ คุ้มมากๆ















มุมหลังเต้นท์ จะเป็นคานปูน ด้านล่างเป็นอุโมงค์ให้รถวิ่ง















แถวๆ หน้าเวทีก็คนแน่น
ยืนกางร่มฟังปราศรัยท่ามกลางแดดร้อนระอุ















แถวๆ หน้าเวที มุมหนึ่ง















นี่จะอยู่ทางขวามือของเวที อยู่ใกล้ๆ ป้อมตำรวจ














นี่บริเวณป้อมตำรวจ















นี่บริเวณห้องน้ำในป้อมตำรวจ คิวยาวต่อเนื่อง















ด้านหลังป้อมตำรวจ ก็ยังมีกลุ่มเล็กๆ มานั่งบริเวณนี้















งานนี้มีพิธีกรรมสองอย่าง
อย่างแรกพิธีทางศาสนา
อย่างที่สองพิธีเผาพริกเผาเกลือประชุมเพลิงอำมาตย์ชั่ว















พอได้ฤกษ์ ก็เริ่มออกเดินเพื่อไปชุมนุมหน้าราบ 11















ตอนแรกเดินตามฟุตบาทสองข้างถนนแบบนี้















ตอนหลังเดินข้ามถนนไปเดินฝั่งเดียว















ฝั่งที่เดินข้ามไปเป็นฝั่งวัดที่มีคนนำรถมาจอดกันเยอะแยะ
มีคนไปออกรถเพื่อขับตามท้ายขบวนด้วย















เราวิ่งไปบนสะพานลอยอันแรกเพื่อเก็บภาพ
นี่เป็นฝั่งด้านที่มาจากวงเวียนหลักสี่



















ส่วนนี่เป็นฝั่งที่กำลังไปราบ 11 ซึ่งเป็นค่ายทหาร
ระยะทางไม่กี่ป้ายรถเมล์จากวงเวียนหลักสี่



















สักพักใหญ่ๆ เห็นขบวนรถนำโดยหมอแหวง ผ่านมา















บริเวณด้านหลังรถที่หมอแหวงอยู่















สักพักรถสารพัดก็เริ่มตามมา















ภายในค่ายทหารที่ก่อนถึงค่ายราบ11
ดูเงียบๆ ในขณะที่ด้านนอกผู้คนคึกคัก
และมักมีคนแวะตะโกนด่าฝากไปถึงเจ้านายพวกนี้ด้วย















ส่วนใหญ่คนที่เดินมาจะแน่นอยู่บริเวณฟุตบาท
ถ่ายจากสะพานลอยที่สองนับจากวงเวียนหลักสี่















ที่บริเวณจุดชุมนุมนี้จะมีหน่วยแพทย์ไนติงเกลมาดูแล















บริเวณหน้าราบ 11
ยังเปิดช่องให้รถวิ่งได้ 1 เลน
ส่วนอีกฝั่งวิ่งได้ตามปกติ
มีติดบ้างตอนคนข้ามไปมา















ส่วนทางที่เดินมา ผู้คนก็หาที่นั่งพักกันตามฟุตบาท



















มุมบนสะพานลอยมองไปทางฝั่งราบ 11















บนฟุตบาทฝั่งตรงข้ามกับราบ 11 มีคนไปออกันเยอะเหมือนกัน















ลองไปเดินไปมุมนั้นแล้วถ่ายมาแถวๆ สะพานลอย















มีทหารขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านหน้าเวทีปราศรัย
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สักพักมีรถทหารบรรทุกทหารมาสองคันได้
ปรากฏว่าคนโห่ไล่กันลั่นเลย















เก็บตกผู้คนทั่วๆ ไปในม็อบเสื้อแดงครั้งนี้
แปลกสุดก็คนนี้เลย ผมทรงพังค์ หาดูยาก



















คุณป้านักสู้วัย 70 กว่าแล้วน่ะเนี้ยะ



















นี่เป็นชาวมุสลิมในกรุงเทพ
จะพบเห็นชาวมุสลิมมาร่วมชุมนุมกับม็อบเสื้อแดงบ่อยๆ
ดังนั้นพวกที่ไปสร้างสถานการณ์ในชุมชนคนมุสลิม
แล้วเที่ยวโยนมาว่าเสื้อแดงทำ
เพื่อให้คนมุสลิมทั่วไปเข้าใจผิดว่า
คนเสื้อแดงไม่ถูกกับชาวมุสลิมเลยไปหาเรื่องอะไรพวกนี้
ควรหยุดทำได้แล้ว
งวดนี้ไม่รู้ว่าจะมามุกเดิมอีกหรือเปล่า
คิดดูขนาดทักษิณตอนนี้ยังอาศัยอยู่ที่ดูไบดินแดนมุสลิมเลย



















นี่สาวน้อยยุวชนเสื้อแดงมากับคุณแม่
เห็นทางการชอบประเคนข้อกล่าวหา
และใส่ร้ายกลุ่มคนเสื้อแดงบ่อยๆ
เห็นภาพแบบนี้แล้วคิดว่า
ชาวบ้านเขาจะพาลูกพาหลานมาร่วมลุยแรงๆ ด้วยจริงหรือ
แถมนี่ขนาดขู่กันสารพัดแล้วน่ะเนี้ยะ
ยังกล้ามากันแบบนี้



















นี่นายแบบพ่อหนุ่มน้อยเสื้อแดงคนหนึ่ง
กับลีลาในการโพสท่าให้ถ่ายรูป



















ส่วนนายแบบหนุ่มน้อยคนนี้
พร้อมรูปขวัญใจ
ไม่รู้ว่าเป็นขวัญใจของคุณแม่หรือของพ่อหนุ่มน้อย อิอิ



















ภาพสุดท้าย
คงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก
เล่นประกาศชัดเจนแบบนี้




















บางครั้งนักต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่
ก็อาจเริ่มจากการต่อสู้เพื่อคนที่เขารักเพียงคนเดียว
และต่อไปก็อาจพัฒนาจนกลายเป็นการสู้ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
เพื่อคนร่วมชาติ เพื่อมวลมนุษยชาติ
เพื่ออุดมการณ์ เพื่อประชาธิปไตย เพื่ออะไรต่อมิอะไร
แต่ถ้ามีคนบอกว่า
รักประชาธิปไตย จะสู้เพื่อประชาธิปไตย
แต่จนบัดนี้ยังไม่คิดจะสู้
ทั้งๆ ที่มีการทำรัฐประหารแบบเห็นๆ กับแบบซ่อนรูป
เพียงเพราะว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเขาสู้เพื่อคนที่เขารัก
เพียงเพราะว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเขาสู้เพื่อคนที่เขาศรัทธา
เลยไม่อยากมาร่วมสู้ด้วย
แล้วจะบอกตนเองและใครต่อใครได้ยังไงว่า
เป็นนักประชาธิปไตยจริงๆ
ไม่ใช่นักจะเป็นประชาธิปไตย
เพราะจะไม่มีโอกาสได้ออกมาสู้เลย
ถ้าจะออกมาเมื่อทุกคนเลิกสู้เพื่อคนนั้นคนนี้เท่านั้น
ก็คงได้แต่ จะ จะ แล้วก็จะ ตลอดไปจนชั่วชีวิตนี้

โดย มาหาอะไร
FfF