คงร้องว่าไอ้เสือบุกไม่ไหว
บุกไปมีแต่ทำให้คะแนนที่ตุนมา
คงเอาไปแจกคืนจนติดลบไปเรื่อยๆ แน่
ยิ่งอากาศร้อนๆ แบบนี้ด้วย
อารมณ์คนยิ่งร้อนมากขึ้น
แถมข้อเรียกร้อง
ไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดอะไรขึ้นได้
ถ้าอยากจะแรงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร
แทนที่จะเดินไปหาเรื่องเขา
สู้ให้เขาเดินมาหาเรื่องเราจะดีกว่า
แต่ดูแล้วไม่รู้เอาอะไรแน่
จะแรงก็ไม่กล้าแรง
จะไม่อยากแรงแต่ก็เห็นเริ่มจะยั่วให้แรง
สุดท้ายหาความชัดเจนอะไรไม่ได้
คนเป็นหมื่นเป็นแสน
หาความชัดเจนไม่ได้
จะเข้าใจตรงกันได้ยังไง
ไม่ได้เล่นกันอยู่ไม่กี่คน
ถึงจะมานั่งลับลวงพลางกัน
คนเยอะๆ แนวทางต้องชัดเจน
จะร่วมก็ร่วมไม่ร่วมก็ไม่ต้องมาร่วม
จะได้รู้ว่ามีคนพร้อมเอาด้วยเท่าไหร่
ถ้าคลุมเครือแล้วเขาเกิดเปลี่ยนใจกันกลางทาง
เพราะไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ว่ามา
ก็จะมีปัญหาได้
เป็นบทเรียนที่ต้องนำไปแก้ไขงวดหน้า
ดูแล้วดื้อรั้นต่อไปก็ไม่มีประโยชน์
สู้กลับไปแล้วมาใหม่หลังสงกรานต์จะดีกว่า
ช่วงนี้ก็ให้เขาเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไปก่อน
ถือเป็นการรุกด้านข้อมูลแบบติดต่อ
ณ เวลานี้ พวกที่เสียงดังๆ มีคนรีบสนองทำตาม
คงมีแต่พวกเส้นใหญ่พวกเสื้อเหลือง
เสียงเสื้อแดงเยอะกว่ายังไงก็ไม่ได้รับความสนใจ
ฟลุ๊คเลือกตั้งกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีก
พวกนั้นก็จะก่อม็อบ โดยพวก ปชป. หนุนหลัง
ก็ไม่ต้องไปทำงานทำการกันแล้ว
เข้าสภายังไม่กล้าจะเข้ากันเลย
เลิกคิดไปได้เลยว่า
จะไปแก้รัฐธรรมนูญอะไรได้ง่ายๆ ในสภา ขณะนี้
หรือในไม่กี่ปีข้างหน้านี้
นอกจากแนวแก้กันข้างถนน
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มันคล้ายกับคุกบาสติลย์
ถึงแก้ได้ก็ได้ไม่ตรงตามที่ต้องการ
เพราะจะมีการล็อคอำนาจต่างๆ ไว้คงเดิมในรัฐธรรมนูญ
ยกเว้นเอา รนธน. 40 มาดัดแปลงนิดหน่อยจะดีกว่าดัดแปลง รธน.50
การปราศรัยจะกดดันในช่วงอากาศไม่อำนวยแบบนี้
ได้ดีกว่าการนำรถเคลื่อนที่ไปมา
เพื่อให้รถติดไปวันๆ ถ้าแค่วันสองวันก็พอทน
แต่ถ้าหลายๆ วันสงสัยอย่างที่ผมว่านั่นแหล่ะ
จะเอาคะแนนที่ได้มาไปคืน
ถ้าอยากแรง ข้อเรียกร้องควรแรง
เดี๋ยวมันก็มาหาเรื่องเอง
แต่เราชอบธรรมกว่า
การที่เราออกไปเพื่อหาเรื่อง
วันสองวันก็ยังพอเป็นการหาเสียงหาแนวร่วมได้
แต่นานๆ ไปไม่มีใครชอบแน่ๆ
อันที่จริงการอยู่เฉยๆ ด้วยข้อเรียกร้องรุนแรง
ยังดีกว่าข้อเรียกร้องอ่อนๆ แล้วอยู่เฉยๆ ไม่ได้
อันที่จริงก็ยังไม่รุนแรงขนาดเขาต้องมาปราบด้วยซ้ำ
งวดนี้ก็ให้เสนอแค่ให้เอารัฐธรรมนูญใหม่
เอา 40 มาแก้นิดหน่อยแล้วเลือกตั้ง
ยุบองค์กรไม่อิสระทิ้ง
หรือจะขอเรียกร้องให้องคมนตรี
ที่มีปัญหาเรื่องอื้อฉาวลาออกด้วยก็น่าจะได้
เห็นไปลุยด่าถึงเขาสอยดาว หรือที่เขายายเที่ยงได้
ก็น่าจะเรียกร้องให้ลาออกได้
เพราะที่เห็นไปสองที่ก็เรียกร้องให้ลาออกไม่ใช่หรือ
ข้อเรียกร้องแบบนี้ อยู่เฉยๆ คนเห็นด้วยมากๆ
เขานิ่งกันได้ไม่นานหรอก
แต่ถ้ามันปราบก็เข้าทาง
แต่ถ้าออกไปที่อื่น
ปิดนั่นนี่หรืออะไรลักษณะยั่วให้เขาปราบ
มันก็เข้าทางเขามากกว่า
เราไปเรียกร้องแบบสงบสันติ
แต่ข้อเรียกร้องแรงๆ มันแปลกอะไร
ดีกว่าไปเรียกร้องอะไรไม่รู้
ที่ไม่จำเป็นต้องออกไป
นอนอยู่บ้านเฉยๆ เดี๋ยวก็ได้แหล่ะ
เช่นการยุบสภา
ในขณะที่ข้อเรียกร้องที่ว่า
นอนอยู่บ้านไม่ได้มาแน่ๆ
ผมว่าเขาก็กลัวไม่กล้าปราบ
แล้วก็คงมีการล็อบบี้เกิดขึ้น
หรือไม่ก็เอาคดีมาขู่
ข้อเรียกร้องมันถึงได้อ่อนแบบนี้ไง
แต่ว่าอากาศดูแล้วจะร้อนมากไป
อาจทำให้ชาวบ้านเพลียและต้องเสียเงินรักษากันได้
สู้เก็บแรงมางวดหน้าอากาศดีๆ กว่านี้ยังจะดีกว่า
อีกอย่างเห็นหลายคนชอบพูดกันจังเรื่องที่ว่า
ต้องเชื่อแกนนำเท่านั้น
แกนนำปรึกษากันมาแล้ว
มีคนเก่งๆ ร่วมปรึกษากันแล้ว
แกนนำทั้งเสี่ยง ทั้งทำงานหนัก
เหนื่อยยากกว่าใครอะไรพวกนี้
ดังนั้นทุกวิธีที่แกนนำบอกมา
ต้องทำตามห้ามค้าน
วิธีเดียวกับสโลแกนบนเสื้อที่เราไปซื้อมาเลยว่า
"ห้ามซัก ห้ามถาม ซาบซึ้งได้อย่างเดียว"
ถ้ามีแนวคิดแบบนี้
ไม่สมควรแม้แต่นิดเดียว
ที่จะออกมาไล่รัฐบาลนี้หรือรัฐบาลไหนๆ
เพราะว่าทุกรัฐบาลก็อ้างได้ว่าทำงานหนัก
เสี่ยงโดยเฉพาะอภิสิทธิ์ขนาดต้องนั่งเครื่องบินทำงานกันแล้ว
ไปไหนก็เจอตีนตบเสี่ยงไหม
และมี ครม. อีกหลายสิบคน
มีที่ปรึกษามากมาย เก่งๆ มีความรู้ทั้งนั้น
ดังนั้นทุกนโยบายที่รัฐบาลว่ามา
ดีแล้ว ทำตามอย่างเดียว ห้ามแย้ง
"ห้ามซัก ห้ามถาม ซาบซึ้งได้อย่างเดียว"
อย่าเกลียดตัวแต่กินไข่
หรือว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
เพราะถ้าเป็นแนวนั้น
วันไหนชนะมาก็คงได้เผด็จการซ่อนรูปมาแทน
ไม่ต่างอะไรกัน
ถ้าการต่อสู้ผิดทาง
แนะกันไม่ได้ใช่ไหม
ต้องหลับหูหลับตาทำตามอย่างเดียวใช่ไหม
เมื่อวันสองวันยังเห็นเรียกร้องให้ ส.ส. พท. ลาออก
ถ้าหลงเชื่อทำตามก็เข้าทางรัฐบาลเลย
เพราะจะไม่มีใครช่วยอภิปรายหลังโดนปราบปราม
รวมทั้งเอกสิทธิ์คุ้มครองไม่มี
และต้องเสียเงินนับพันล้านเพื่อเลือกตั้งใหม่
เขาให้พรรคเป็นคนเสียก็จะเหมือนถูกยุบไปโดยปริยาย
และสมัยชวน ชวลิตพาลูกน้องลาออกหมดสภา
ก็ยังเห็นทำงานแบบไม่มีคนนับองค์ประชุม
หรือซักถามตรวจสอบอะไรในสภา
ไม่กินกันแหลกหรือ อะไรแบบนี้แหล่ะ
แบบนี้คัดค้านไม่ได้ใช่ไหม
อีกอย่างก็รู้ว่าร้อนก็เหนื่อย
และรู้ว่าเดินหน้าด้วยข้อเรียกร้องอ่อนๆ แบบนี้
คงต้องออกไปยั่วจนเกิดเรื่องเท่านั้นถึงจะมีอะไรขึ้นมา
จึงมาแนะให้หยุดร้อนและเหนื่อย
แล้วค่อยกลับมาอีก
ในสนามรบเขาประเมินกันทุกสถานการณ์ครับ
ไม่ต้องนั่งรอจนแพ้ราบคาบถึงค่อยมานั่งประเมินกัน
อีกอย่างกรณีเรียกร้องให้ ส.ส. พท. ลาออก
ผมว่าถ้าแบบนี้เรียกว่าทำงานเป็นทีม
ผมว่าเป็นทีมที่แย่ครับ
สิ่งที่แพ้ไม่ใช่การตัดกำลังใจ
เพราะกำลังใจถ้ามันมีจริง
ใครไปตัดไม่ได้ง่ายๆ หรอกครับ
แต่ถ้ามันเป็นกำลังใจหลอกๆ กันไปวันๆ
มันก็ไม่ใช่กำลังใจมันก็อาจไม่มีกำลังใจได้
ดังนั้นไม่ต้องให้ใครบอก
ก็รู้ได้อยู่แล้วว่ายังมีกำลังใจสู้ต่อไหม
ยิ่งถ้าข้อเรียกร้องแค่ให้มาร์คลาออกยุบสภา
คอยอีกปีสองปีก็ได้แล้ว
จะไปเอากำลังใจฮึกเหิมมาจากไหน
แล้วทำไมไม่ให้แกนนำ
หาข้อเรียกร้องที่มันน่าฮึกเหิมกว่านี้
น่าต้องดิ้นรนมากกว่านี้
แต่นี่ทำเหมือนแรง แต่ไม่กล้าแตะสิ่งที่กล้าด่า
ชาวบ้านก็งงอ่ะซิ
ในหลายๆ สงคราม
เขาก็มีการถอยกันครับ
ทั้งแบบกำลังเพลี่ยงพล้ำ
หรือหลอกล่อให้ไล่ติดตาม
เป็นเรื่องปกติ
ตัวอย่างทัพพม่ายกมาตีไทย
เรื่องสุริโยไท พี่ไทยไปตั้งด่านแถวกาญจน์
ประมาณนั้นถ้าจำไม่ผิด
ทัพพม่ายกพลมหาศาลกะมาตีกรุงศรีอยุธยา
สุดท้ายเจอฝ่ายไทยขุดบ่อน้ำล้อมรอบค่าย
ทัพพม่าลุยน้ำมา
พี่ไทยเทน้ำมันลงน้ำแล้วจุดไฟเผา
บุเรงนองเห็นลูกน้องไม่ยอมถอย
แต่วิ่งเข้าไปตายกัน
ก็เป็นคนยอมสั่งให้ถอย
ทั้งๆ ที่เตรียมทัพมาอย่างดี
ไพร่พลเป็นแสน สูญเสียหน้าครั้งใหญ่
และอีกไม่นานเขาก็กลับมายึดเมืองไทยได้สำเร็จ
อีกอย่างน่ะครับ
ผมมาเสนอให้ถอย
เพราะเห็นว่ากำลังอยากจะถอยหาทางลงกัน
ผมมาช่วยสนับสนุนให้แนวทางถอยน่ะครับ
เพื่อไม่ให้เสียหน้า เป็นการเปิดทางให้ ส.ส.
เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
แต่ถ้าใครยังคิดว่าจะบุกต่อไปได้ก็ไม่ว่าอะไร
แล้วอย่าลืมด้วยว่า
ถ้าถอยจริงอย่าลืมที่มาว่าผมด้วยน่ะครับ
(โดนด่ามาในเว็บประชาไท)
ผมไม่ได้ให้นั่งฟังเฉยๆ
ผมเรียกร้องให้มีข้อเรียกร้องที่แรงกว่านี้
แต่ที่พูดว่าเฉยๆ หมายความว่า
ถ้าข้อเรียกร้องแรงกว่านี้
แค่นั่งเฉยๆ พวกนั่นก็ดิ้นพล่านแล้ว
ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไปนั่นนี่ด้วยซ้ำ
อีกอย่างทำเลที่อยู่กันในตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเกราะได้ดี
ถ้ามีการปราบปรามอย่าออกไปถนนที่ไม่มีสถานที่สำคัญ
เพราะเขาจะไม่ยั้งมือแน่ๆ
เพราะไม่ต้องกลัวลูกหลงไปโดนสถานที่สำคัญๆ
ถ้าสงครามครั้งสุดท้ายที่พวกคุณคิด
ถึงขนาดไม่ยอมถอยพร้อมสู้ตาย
คือการให้รัฐบาลนี้ยุบสภาเท่านั้น
ผมว่าเก็บไว้สู้ตายตอนที่มีข้อเรียกร้อง
ที่มีคุณค่ามากกว่านี้ก็ยังไม่สายครับ
ข้อเรียกร้องแบบนี้
ไม่สมควรไปทุ่มกะตายกันให้ได้หรอกครับ
เพราะนอนอยู่บ้านเฉยๆ
ไม่ต้องเรียกร้องมันก็ได้เองแหล่ะครับ
อีกอย่างผมก็ออกไปร่วมด้วยบ่อยๆ น่ะ
งวดนี้ก็ไปหลายวัน
สู้มาก่อนสามเกลอจะออกมาอีกน่ะครับ
ตอนนั้นสู้กับพวก คมช.น่ากลัวกว่ารัฐบาลนี้ยังออกมาเลยน่ะครับ
ไม่ได้มานั่งจิ้มแป้น เป็นนักเลงคีย์บอร์ดแบบที่เข้าใจกัน
ผมเสนอเฉยๆ ไม่ทำตามก็ไม่ได้ว่าอะไร
ถ้ายื้อได้นานจริงก็ยิ่งดีครับ
แต่ผมได้ข่าวว่า
เขาจะหาทางลงกันแล้วน่ะครับ
เลยมาเสนอทางลงให้
แต่ถ้าสู้ต่อก็มากันเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ก็สนับสนุนให้อยู่ต่อไปครับ
ปล. แต่ด้วยข้อเรียกร้องแบบนี้
ผมว่าไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอกครับ
นอกจากเกิดแนว พฤษภาทมิฬ โมเดล
มีพระเอกออกมาช่วยข้อเรียกร้องนิดเดียวแบบนี้
ช่วยไม่ยากหรอกครับ
แต่ก็ไปเกิดปัญหาอยู่ดี
ประชาชนเสี่ยงออกมาสู้ทั้งที
ทำไมคุณไม่คิดจะทำให้มันเป็น
สงครามครั้งสุดท้ายจริงๆ หล่ะครับ
มีคนบอกว่าให้ส่งข้อมูลให้แกนนำ
ส่งให้ใครครับ
เบอร์โทรศัพท์ใครผมก็ไม่รู้จักสักคน
แถมให้ผมพูดยาวๆ แบบที่ผมเขียนนี่
เขาจะด่าผมไหม
แล้วเขาจะฟังผมไหม
ผมใช้แนวสันติวิธีของจริง
เปิดเผยศัตรูรู้ได้หมด
แนวสันติวิธีที่ถูกต้อง
ไม่จำเป็นต้องกลัวใครรู้
ควรกลัวที่ไม่รู้มากกว่า
ถ้าส่งไปแกนนำไม่สนใจก็เงียบไปกับสายลม
แทนที่จะมีหลายๆ คนช่วยกันตรวจสอบ
ว่าสิ่งที่เสนอมาดีหรือไม่ดี
ช่วยกันแก้ไขชี้แนะเพิ่มเติม
แบบนี้ไม่เรียกว่าทำงานเป็นทีมหรือครับ
หรือไม่ต้องรอให้จบก่อนแล้วค่อยมาวิเคราะห์
วิเคราะห์ตอนนี้เดี๋ยวอยากเป็นนั่นเป็นนี่
ผมว่าเว็บบอร์ดนี้
คงเหลือแต่กระทู้อวยกันเอง
และไร้สาระได้อย่างเดียวในช่วงนี้
เชื่อมั่นแกนนำได้อย่างเดียว
เมื่อเชื่อมั่นท่านผู้นำก็ไม่จำเป็นต้องไปคิดอะไร
เพราะเชื่อมั่นแล้วจะมานั่งตรวจสอบทำไม
ทำอะไรก็ต้องถูกต้องดีทุกอย่างอยู่แล้ว
กลุ้มใจ แทน
เผลอๆ โดนยัดเยียดว่าเป็นฮาร์ดคอร์อีก
งงๆ จริงๆ
สมกับสโลแกนนี้เลยพับผ่า
"ห้ามซัก ห้ามถาม ซาบซึ้งได้อย่างเดียว"
ถ้าห้ามคนอื่นเสนอในบอร์ด
แล้วให้ไปเสนอคนที่เขาก็ไม่รู้จักผม ให้ไปเสนอใคร
ใครเขาจะฟังหรือ เดี๋ยวก็จะพาล
นึกว่าจะไปแย่งเป็นแกนนำเสียอีก
อันนี้ไม่ต้องกลัว
ถ้าอยากเป็นผมไม่มานั่งทะเลาะกับมวลชนอยู่หรอก
การเสนอให้คนหมู่มากเห็น
และคิดว่าคงมีคนมีความรู้หลากหลายอาชีพ
บางคนอาจสามารถแย้งผมได้
ผมก็จะได้รู้ว่า
ผมยังคิดไม่รอบคอบจริง
ผมก็จะยอมรับ
ไม่ใช่ดิสเครดิตกับห้ามพูด
แล้วให้ไปพูดกับแกนนำ
ที่อยู่ดีๆ ผมไม่ค่อยโทรไปหาใคร โดยไม่ค่อยรู้จักด้วย
หรือคนรู้จักยังไม่ค่อยจะโทรไป ถ้าไม่ใช่เรื่องานจริงๆ
และอาจพูดไม่เก่งเท่ากับการเขียนด้วย
และเขียนบางทียังต้องมาลบมาแก้ให้มันดูดี
ยิ่งเขียนผิดๆ ถูกๆ อยู่ด้วย
ผมเลือกทำในสิ่งที่ผมถนัดครับ
คือการช่วยตรวจสอบแนวทางการต่อสู้ครั้งนี้
ถ้าดีผมก็ไม่ไปแย้งหรอกครับ
แย้งไปก็โดนอัดกลับกระเจิงเท่านั้นแหล่ะ
ไม่ใช่นึกอยากจะเขียนมั่วยังไงก็ได้
มันต้องแน่ใจว่าพอสู้กับความคิดคนอื่นได้
ทำงานหนักไม่แพ้ไปนั่งตากแดดหรอกครับ
เพราะต้องใช้ความคิดวิเคราะห์เหมือนกัน
ที่สำคัญ ถ้าวันไหนผมไปม็อบ
ผมมักจะไปถ่ายรูปมากกว่า
ไม่เคยไปกระทืบใครเลยสักครั้งเดียว
อย่างดีก็ออกแรงผลักแผงกั้นพอเป็นพิธีกับพวกเจ้าหน้าที่
เผลอๆ ยังไปช่วยห้ามทัพเวลาเจ้าหน้าที่ล้มหรือเสียหลัก
เพื่อไม่ให้คลื่นคนไหลไปเหยียบหรือพวกใจร้อนตามน้ำอะไรด้วย
ดังนั้นการที่ผมนั่งเขียนเสนอไอเดียทางเน็ต
ผมก็เลือกยืนอยู่จุดที่ผมมีประโยชน์สูงสุดในม็อบแล้วหล่ะครับ
เพราะถ้าไป โดยเฉพาะม็อบอยากแรงด้วยแล้ว
โอกาสถ่ายไปโดนพวกทำผิดมีสูง
เลยไม่อยากไปเพื่อเป็นพยานในอนาคต
ที่สำคัญองค์กรทุกองค์กร
ไม่ได้มีคนไปทำงานตากแดดกันหมดหรอกครับ
บางคนอาจมีประโยชน์ถ้าไปทำนั่นนี่
ดีกว่าไปอยู่จุดที่มีประโยชน์น้อยกว่าครับ
และการทำงานเป็นทีมมันต้องมีคนตรวจสอบ
หลายบริษัทก็มีหน่วยตรวจสอบ
ไม่งั้นโกงกินกันเละได้
เพราะทำงานกันเป็นทีม
ก็อาจมีกินกันเป็นทีมได้เหมือนกัน
หรือเรื่องประสิทธิภาพเช่น
ฝ่ายโครงข่ายวางระบบดีหรือไม่ เป็นต้น
ก็จะช่วยในเรื่องตรวจสอบคุณภาพการให้บริการลูกค้าอะไรพวกนี้
และยิ่งถ้ารู้สึกว่ามีบุญคุณเป็นเจ้านายลูกน้องกัน
ยิ่งไม่กล้าพูดไม่กล้าวิจารณ์
จะเห็นได้ว่า
ไม่ใช่แค่สามเกลอ ทักษิณผมก็กล้าวิจารณ์
ถ้าผมไปรับเงินหรือผลประโยชน์จากคนเหล่านี้
ผมต้องปกป้องเออออด้วยอย่างเดียว
ไม่กล้าวิจารณ์ตรงๆ หรอกครับ
(รวบรวมคำตอบมาจากการโต้ตอบกระทู้
เกี่ยวกับข้อเสนอเรื่องให้ม็อบเสื้อแดงถอยในเว็บประชาไท
แล้วมีคนไม่เข้าใจมาด่า เพราะผมเห็นกระทู้ก่อนหน้า
ก็เสนอเรื่องให้ถอยโดย อาจารย์ สมศักดิ์
ก็เลยคิดว่าคงได้เวลาถอยจริงๆ
เลยมาตั้งกระทู้เสนอบ้างเท่านั้นเอง)
โดย มาหาอะไร
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.