บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


18 มีนาคม 2553

<<< อยากจะช่วยคนอื่นให้หลุดพ้น ตนเองต้องหลุดพ้นก่อน ถึงมีโอกาสสำเร็จ >>>

เหมือนพระพุทธเจ้าอยากช่วยมนุษย์โลกให้หลุดพ้น
ก็พยายามหาแนวทางต่างๆ
จนพบแนวทางที่คิดว่าจะช่วยให้ผู้คนหลุดพ้นได้
ถึงเริ่มทำการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนให้คนหลุดพ้นต่อไป

ดร.อัมเบดการ์ ก็เหมือนกัน
อยากช่วยให้ผู้คนในอินเดียต้องหลุดพ้นจากระบบวรรณะ
ก็เป็นผู้นำประกาศตนเป็นพุทธศาสนิกชน
ยกเลิกการบูชาอวตารต่างๆ ของศาสนาฮินดู

จะเห็นได้ว่า
ผู้นำที่จะคิดช่วยผู้คนในเรื่องนั้นๆ
มักต้องเป็นผู้นำทำเรื่องนั้นก่อนใครเพื่อน
แม้ก่อนหน้านั้นอาจยังไม่ได้หลุดพ้นในสิ่งนั้นๆ
แต่เมื่อคิดจะหาหนทางช่วยผู้คนให้หลุดพ้นสิ่งนั้นๆ
ก็ต้องทำตนให้หลุดพ้นสิ่งนั้นเสียก่อน
พร้อมเริ่มทำและหาแนวทางชี้แนะสิ่งที่คิดว่า
สามารถช่วยให้ผู้คนหลุดพ้นตามได้

เช่นสมมุติว่า
ต้องการจะเรียกร้องความเท่าเทียมกันในสังคม
ก็ต้องทำตนให้เท่าเทียมกับผู้อื่น
ไม่ยอมก้มหัวให้กับระบบที่ไม่เท่าเทียมก่อน
ไม่ใช่ยังหงอกับระบบเดิมๆ หรือนำระบบเดิมๆ
มาใช้ในการเรียกร้องความเท่าเทียม
คือนำระบบยศฐาบรรดาศักดิ์
มาแบ่งแยกในขบวนการเรียกร้องความเท่าเทียมกัน
ซึ่งมันจะขัดกับความรู้สึกมากๆ

หรือเรื่องประชาธิปไตย
ถ้าต้องการให้ผู้คนหลุดพ้นระบอบเผด็จการ
มาสนใจระบอบประชาธิปไตย
ก็ต้องใช้วิธีทางประชาธิปไตยมาใช้ในการเรียกร้อง
เช่นรับฟังความเห็นที่แตกต่าง
ถ้าไม่เห็นด้วยก็ชี้แจงกลับได้ว่า
ไม่เห็นด้วยเพราะอะไร
ประเภทไม่ฟังใครไม่ว่ายังด่าไล่ส่ง
มันไม่ได้แสดงว่า
เป็นนักประชาธิปไตยตรงไหน
หรือการระทำต่างๆ ที่เป็นลักษณะเผด็จการ
เช่นต้องเชื่อมั่นแกนนำเท่านั้น
แกนนำพูดอะไรต้องเชื่อหมด
ยังงี้ดูยังไงก็ไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย
ออกไปทางเผด็จการทหารมากกว่า
ประเภทซ้ายหันขวาหันห้ามแย้ง
ถ้าขนาดยังไม่ได้มาเป็นรัฐบาลยังเป็นลักษณะนี้
ถ้าได้มีโอกาสเป็นรัฐบาลแล้วไม่หนักกว่านี้หรือ
แบบมาเป็นรัฐบาลแล้ว
ห้ามแย้งทุกนโยบายรัฐบาลคิดดีแล้ว
มีคนเก่งๆ ช่วยคิดมากมายอะไรพวกนี้
หรือรัฐบาลเสียสละทุ่มเททำงานเหนื่อยยาก
ห้ามแย้งได้ไหม
ถ้าเก่งนักทำไมไม่ไปตั้งรัฐบาลอีกชุดหนึ่ง
มาไล่รัฐบาลทำไมอะไรประมาณนี้
ซึ่งในโลกประชาธิปไตย
ต่อให้เป็นนายกใหญ่กว่าการเป็นแกนนำอะไร
มีคนเชียร์มากมายไม่แพ้กัน
ยังต้องถูกตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา
อย่าว่าแต่ออกกฏหมายมาแล้วเลย
แค่รู้ว่าจะคิดออกกฏหมายอะไรที่ไม่เข้าท่า
ในสังคมประชาธิปไตยจริงต้องแย้งได้ตลอดเวลา
รวมไปถึงหลังบังคับใช้กฏหมายนั้นๆ ไปสักพัก
ถ้าเห็นว่าไม่ดีแน่ก็ต้องแย้งได้อีก
ไม่ใช่รัฐบาลกำลังทำการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างเต็มที่
อย่ามาขัดคอหรือบั่นทอนจิตใจได้ไหม
หรือว่าอย่าพึ่งมาขัดแข้งขัดขาได้ไหม
ซึ่งอ้างไม่ขึ้นทั้งนั้นแหล่ะ
อย่างกรณีที่รัฐบาลนี้คิดจะแจกเงิน
ผมก็ออกมาแย้งตั้งแต่ต้นเหมือนกันว่าไม่ได้ผล
เพราะมันมีตัวอย่างมาแล้ว
รวมถึงวิธีการก่อหนี้กู้เงินมาถลุงดัน GDP อะไร
ก็แย้งก่อนที่จะเริ่มทำเริ่มออกกฏหมายด้วยซ้ำ
และก็หลายๆ เรื่องที่สื่อหรือชาวบ้าน
ที่สามารถแสดงความเห็นผ่านเว็บไซด์หรือสื่อต่างๆ ได้
ก็จะมีการออกมาแย้งเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
ถ้าแย้งไม่ได้เลยห้ามแย้งห้ามซักห้ามถาม
ดูยังไงก็เผด็จการแน่นอน
ที่ว่านี้ไม่ได้เจาะจงตัวบุคคล
และอาจยังไม่เกิดขึ้นชัดเจน
ยกเว้นแฟนคลับบางคนที่เชื่อแนวทางที่ว่า
"เชื่อผู้นำพ้นภัย"
บันทึกไว้เผื่ออนาคตอาจเป็นข้อคิด
นำไปประยุกต์ใช้
ได้ต่อไป

โดย มาหาอะไร
FfF