บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


21 มีนาคม 2553

<<< เหตุการณ์ คณะราษฎร ปฏิวัติ >>>

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ลำดับเหตุการณ์คณะราษฎร แสดงถึงเหตุการณ์สำคัญนับตั้งแต่การก่อตั้งคณะราษฎรในปี พ.ศ. 2469 ไปจนถึง พ.ศ. 2503

เหตุการณ์ปฏิวัติเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เป็นเหตุการณ์ทางประวัติ ศาสตร์ของการเมืองไทยที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะถูกเรียกว่าอย่างไรก็ตาม (บ้างก็เรียก "การยึดอำนาจ" "การเปลี่ยนแปลงการปกครอง" "การปฏิวัติ" หรือ "การอภิวัฒน์") เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองของประเทศไทยอย่างมาก และทำให้สถาบันกษัตริย์ที่เคยเป็นผู้ปกครองสูงสุดของประเทศมาเป็นระยะเวลา ยาวนาน ต้องสูญเสียอำนาจส่วนใหญ่ไปในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงดังกล่าวใน พ.ศ. 2475 การต่อสู้ทางการเมืองก็ยังมิได้จบลงไปอย่างสิ้นเชิง ยังคงมีการต่อสู้กันระหว่างผู้นำในระบอบเก่า กับระบอบใหม่ หรือความขัดแย้งในผู้นำระบอบใหม่ด้วยกันเอง โดยการต่อสู้ทางการเมืองและทางความคิดอุดมการณ์นี้ได้ดำเนินต่อเนื่องยาวนาน เป็นเวลากว่า 25 ปีภายหลังจากการปฏิวัติ และนำไปสู่ยุคตกต่ำของคณะราษฎรในกาลต่อมา

ลำดับเหตุการณ์ก่อนการปฏิวัติ (พ.ศ. 2469-2475)

พ.ศ. 2469

  1. ร.ท. ประยูร ภมรมนตรี (นายทหารกองหนุน อดีตผู้บังคับหมวดทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์รัชกาลที่ 6)
  2. ร.ท. แปลก ขีตตะสังคะ (นักศึกษาในโรงเรียนนายทหารปืนใหญ่ฝรั่งเศส)
  3. ร.ต. ทัศนัย มิตรภักดี (นักศึกษาในโรงเรียนนายทหารม้าฝรั่งเศส)
  4. นายตั้ว ลพานุกรม (นักศึกษาวิทยาศาสตร์ในสวิตเซอร์แลนด์)
  5. หลวงสิริราชไมตรี (ผู้ช่วยสถานทูตสยามประจำกรุงปารีส)
  6. นายแนบ พหลโยธิน (เนติบัณฑิตอังกฤษ)
  7. นายปรีดี พนมยงค์ (ดุษฎีบัณฑิตกฎหมายฝ่ายนิติศาสตร์ ฝรั่งเศส)

การประชุมกินเวลานานถึง 5 วัน และลงมติให้นายปรีดีเป็นประธาน และหัวหน้าคณะราษฎร จนกว่าจะมีบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นในกาลต่อไป[1][2]

พ.ศ. 2475

ลำดับเหตุการณ์หลังการปฏิวัติ (พ.ศ. 2475-2503)

พ.ศ. 2475

  • 27 มิถุนายน - พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้า อยู่หัว ลงพระปรมาภิไธยในธรรมนูญการปกครองประเทศ โดยทรงเพิ่มคำว่า "ชั่ว คราว" ต่อท้ายธรรมนูญการปกครองประเทศ โดยมีนายปรีดี พนมยงค์เป็นผู้ร่าง[3]
  • 28 มิถุนายน - สภาผู้แทนราษฎรสมัยแรกตามธรรมนูญการปกครอง ประเทศชั่วคราว มีสมาชิก 70 คน โดยแต่งตั้งจากคณะราษฎร 31 คน และจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในระบอบเดิม 39 คน ทำการเลือกพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นประธานกรรมการราษฎร เทียบเท่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย[4] และมีนายปรีดี พนมยงค์เป็นเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎรคนแรก[5]
  • 25 สิงหาคม - คณะราษฎรโดย พระยานิติศาสตร์ไพศาล จดทะเบียนจัดตั้ง สมาคมคณะราษฎร ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นพรรคการเมืองแรกของไทย (เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีบัญญัติคำว่า "พรรคการเมือง")[6][7]
  • 10 ธันวาคม - รัฐธรรมนูญฉบับถาวรผ่านการเห็นชอบของสภาผู้แทน ราษฎร ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่ในนามใหม่ คือ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจำนวน 20 นาย (โดยไม่ได้ใช้ชื่อตำแหน่งว่า ประธานคณะกรรมการราษฎร และ กรรมการราษฎร อีกต่อไป) คณะบริหารชุดใหม่มีพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นนายกรัฐมนตรี และมีรัฐมนตรีประจำกระทรวง 7 กระทรวง และรัฐมนตรีลอยอีก 13 คน[2]
  • 15 มีนาคม - นายปรีดีเสนอ "เค้าโครงร่าง เศรษฐกิจ" หรือที่เรียกกันว่า "สมุดปกเหลือง" เพื่อให้พิจารณาใช้เป็นหลักสำหรับนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ[8][9]

พ.ศ. 2476

  • 1 เมษายน - มีพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และงดใช้รัฐธรรมนูญเกือบทุกมาตรา[10] (บางข้อมูลอธิบายว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการยึดอำนาจตัวเอง เพื่อจัดตั้งคณะรัฐบาลใหม่[2])
  • 2 เมษายน - พระราชบัญญัติว่าด้วยคอมมิวนิสต์ถูกประกาศใช้ตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี[11] เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง[2] (ในที่นี้ อาจหมายถึง คณะราษฎร เพราะนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นอยู่ตรงข้ามกับคณะราษฎร)
  • 12 เมษายน - นายปรีดีถูกบังคับให้เดินทางออกนอกประเทศไปยังฝรั่งเศส เนื่องจากความเห็นของนายปรีดีถูกโจมตีว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ภายหลังการเสนอเค้าโครงร่างทางเศรษฐกิจ ที่เจ้าและขุนนางต้องเสียผลประโยชน์[12]
  • 10 มิถุนายน - พระยาพหลพลพยุหเสนา พระยาทรงสุรเดช พระประศาสน์พิทยายุทธ และพระยาฤทธิอัคเนย์ ผู้นำสายทหารของคณะราษฎรยื่นจดหมายลาออก[10]
  • 20 มิถุนายน - พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาทำ การยึดอำนาจพระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรี หลังจากการรัฐประหารได้มีการล้างมลทินให้หลวงประดิษฐมนูธรรม
  • 29 กันยายน - นายปรีดี พนมยงค์เดินทางกลับสยาม และดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • 11 ตุลาคม - กบฏบวรเดช: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้าฝ่ายทหารนำกำลังทหารจากหัวเมืองภาคอีสานล้มล้างการปกครองของ รัฐบาล เนื่องจากไม่พอใจที่นายถวัลย์ ฤทธิเดชฟ้องร้องพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในกรณีที่ที่พระองค์มีพระบรมราชวินิจฉัยคัดค้านแผนพัฒนาเศรษฐกิจของนายปรีดี พนมยงค์ ("สมุดปกเหลือง") โดยออกเป็นสมุดปกขาว แต่กระทำการไม่สำเร็จ
  • 23 ตุลาคม - นายพันเอก พระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ) ถูกยิงเสียชีวิตโดยทหารจากกองพันทหารราบที่ 6 นำโดยพันตรีหลวงวีรวัฒน์โยธา
  • 25 ตุลาคม - พระองค์เจ้าบวรเดช หัวหน้าคณะกบฏและพระชายา ทรงขึ้นเครื่องบินเดินทางหนีไปยังประเทศอินโดจีนฝรั่งเศส
  • 7 พฤศจิกายน - ออกพระราชบัญญัติป้องกันรักษารัฐธรรมนูญ อันเป็นเครื่องมือที่จะตอบโต้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล[2] (ในที่นี้ อาจหมายถึง ฝ่ายตรงข้ามกับคณะราษฎร)
  • 16 ธันวาคม - พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นนายกรัฐมนตรี และตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่หลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาแบบ 2 ชั้น (1 ตุลาคม - 15 พฤษภาคม)[11]
  • 25 ธันวาคม - หม่อมเจ้าวรรณไว ทยากร วรวรรณทรงเป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องที่นายปรีดี เป็นคอมมิวนิสต์ ได้ลงมติว่าตัวนายปรีดี มิได้เป็นคอมมิวนิสต์[2]

พ.ศ. 2477

พ.ศ. 2480

  • 27 กรกฎาคม - พระยาพหลพลพยุหเสนาลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีอื้อฉาวที่มีกระทู้ถามเรื่องการนำที่ดินของพระคลังข้างที่มา ซื้อขายในราคาถูกเป็นพิเศษ เพื่อเป็นแสดงความบริสุทธิ์และแสดงให้เห็นถึงความไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อ ขายที่ดินดังกล่าว[2]
  • 7 พฤศจิกายน - การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ไทย

พ.ศ. 2481

  • 11 กันยายน - พระยาพหลพลพยุหเสนา ยุบสภา เนื่องจากรัฐบาลแพ้คะแนนเสียงเรื่องการชี้แจงรายรับ-รายจ่ายที่รัฐบาลจัดทำ เสนอ[2]
  • 16 ธันวาคม - จอมพล ป. พิบูลสงคราม เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

พ.ศ. 2484

พ.ศ. 2486

  • 8 มิถุนายน - นายปรีดีได้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามวิธีทางของรัฐธรรมนูญ หลังจากรัชกาลที่ 8 พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่รัฐสภาก็มีมติเป็นเอกฉันท์ให้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง

พ.ศ. 2487

  • 24 กรกฎาคม - จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถูกกดดันให้ลงออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนโยบาย ร่างพระราชบัญญัติระเบียบราชการบริหารนครบาลเพชรบูรณ์ ที่ จอมพล ป. นำเสนอ[2]
  • 1 สิงหาคม - พลโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่ง สภาผู้แทนราษฎรจึงได้ลงมติแต่งตั้งให้นายปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แต่เพียงผู้เดียว
  • 24 สิงหาคม - จอมพล ป. พิบูลสงครามถูกปลดจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด[2]

พ.ศ. 2488

  • 20 สิงหาคม - รัฐบาลของนายควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเป็นรัฐบาลที่มีขึ้นในสมัยสงคราม[2]
  • 1 กันยายน - นายทวี บุณยเกตุ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลรักษาการ โดยมีอายุเพียง 17 วัน โดยรัฐมนตรีในรัฐบาลส่วนใหญ่เป็นฝ่ายเสรีไทย[2]
  • 17 กันยายน - ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา เพื่อมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้ดำเนินการเจราเอาทหารอังกฤษและข้อตกลงสัญญาบางประการกับประเทศอังกฤษ ภายหลังสงครามยุติ เนื่องจากอังกฤษไม่ยอมรับสถานภาพของประเทศไทยซึ่งเป็นพันธมิตรของญี่ปุ่น
  • 27 กันยายน - รัฐบาลเสนอพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อใช้จัดการกับ จอมพล ป. พิบูลสงครามและคณะ[2]
  • 15 ตุลาคม - ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่

พ.ศ. 2489

  • 1 มกราคม - ม.ร.ว.เสนีย์ ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากเสร็จภารกิจเจรจากับประเทศอังกฤษ
  • 6 มกราคม - มีการเลือกตั้งทั่วไป
  • 31 มกราคม - พันตรีควง อภัยวงศ์ ได้รับเสียงสนับสนุนจากสภาผู้แทนราษฎร ให้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 และจัดตั้งรัฐบาลต่อจาก ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
  • 18 มีนาคม - นายควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะแพ้การลงมติในสภาผู้แทนราษฎร เรื่องร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองค่าใช้จ่ายฯ[2]
  • 24 มีนาคม - นายปรีดี พนมยงค์ ได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี[2]
  • 5 เมษายน - ม.ร.ว เสนีย์ ร่วมกับนายควง อภัยวงศ์ ดำเนินการจัดตั้งพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายควง เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก ม.ร.ว.เสนีย์ เป็นรองหัวหน้าพรรค ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชที่ยุบพรรคก้าวหน้ามารวมเป็นเลขาธิการพรรค และนายชวลิต อภัยวงศ์เป็น รองเลขาธิการพรรค
  • 9 พฤษภาคม - รัฐสภามีรัฐพิธีลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ 3 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลพระราชทานให้นายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรี ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ[11]
  • 9 มิถุนายน - เหตุการณ์เสด็จสวรรคตของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล: นายปรีดีและคณะรัฐมนตรีได้ขอความเห็นชอบต่อสภาว่า ผู้ที่จะขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์ควรได้แก่ สมเด็จพระ อนุชา เมื่อสภามีมติเห็นชอบแล้ว นายปรีดีก็ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงแต่งตั้งตนเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นได้ สวรรคตเสียแล้ว
  • 9 มิถุนายน - ศัตรูทางการเมืองของนายปรีดี ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มทหารที่สูญเสียอำนาจและพรรคการเมืองฝ่ายค้าน สบโอกาสในการทำลายนายปรีดีทางการเมือง โดยการกระจายข่าวว่า "ปรีดีฆ่าในหลวง" ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างที่ร้ายแรงมาก จนกลายเป็นกระแสข่าวลือ และนำไปสู่การลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดในเดือนพฤศจิกายน
  • 5 สิงหาคม - การเลือกตั้งเพิ่มเติม
  • 23 สิงหาคม - พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี[2]

พ.ศ. 2490

  • 19-26 พฤษภาคม - พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นานถึง 7 วัน 7 คืนติดต่อกัน จนถูกเรียกว่า มหกรรม 7 วัน การลงมติปรากฏว่า พล.ร.ต.ถวัลย์ ได้มติไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งต่ออย่างท่วมท้น แต่เนื่องจากกระแสกดดันอย่างมากทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องลาออกในวันรุ่งขึ้น แต่ก็กลับเข้ารับตำแหน่งอีกครั้งในวันถัดมา
  • 8 พฤศจิกายน - พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ และ น.อ.กาจ กาจสงคราม นำกำลังทหารยึดอำนาจจากปกครองจากรัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (รับช่วงต่อจากนายปรีดี) โดยอ้างว่าไม่สามารถสะสางกรณีสวรรคตได้ และได้ทำการฉีกรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2489 ทิ้ง[13] จากเหตุการณ์รัฐประหารนี้ ทำให้นายปรีดี และหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ต้องหลบหนีออกนอกประเทศไปยังสหรัฐอเมริกา ในขณะนั้นรัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้ความสนับสนุนฝ่ายรัฐประหาร นายปรีดีจึงเดินทางไปจีนแทน[12] อนึ่ง กรณีสวรรคตยังส่งผลให้กลุ่มการเมืองฝ่ายนายปรีดีต้องพลอยหมดบทบาทจากเวทีการ เมืองไทยภายหลังการรัฐประหารครั้งนี้ด้วย
  • 9 พฤศจิกายน - ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (หรือที่รู้จักกันว่า "รัฐธรรมนูญใต้ตุ่ม") ในการรัฐประหารวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ เป็นการเปิดศักราชใหม่ของการยึดอำนาจแล้วทำลายรัฐธรรมนูญเดิมเสีย[14]
  • 10 พฤศจิกายน - นายควง อภัยวงศ์ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกเป็นวาระที่ 3

พ.ศ. 2491

  • 6 มกราคม - การเลือกตั้งทั่วไป
  • 29 มกราคม - พรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล และนายควง อภัยวงศ์ จึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ หลังจากกำลังทหารทำการยึดอำนาจและได้มีกำหนดให้เลือกตั้ง
  • 6 เมษายน - คณะทหารในกลุ่ม 4 คน นำโดย น.อ.กาจ กาจสงคราม ได้บีบบังคับให้นายควงลาออกและ แต่งตั้ง จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีแทน ในการรัฐประหารครั้งนี้ได้พลิกโฉมหน้าการเมืองไทยไปโดยสิ้นเชิง เพราะอำนาจที่แท้จริงยังอยู่ที่คณะทหาร และที่สำคัญการรัฐประหารนี้เป็นการขจัดกลุ่มอำนาจเก่าของ นายปรีดี พนมยงค์ ให้สิ้นไปจากเวทีการเมือง ส่งผลให้นายปรีดี ต้องขอลี้ภัยการเมืองที่ต่างประเทศตราบจนเสียชีวิต

พ.ศ. 2492

พ.ศ. 2494

พ.ศ. 2495

พ.ศ. 2498

พ.ศ. 2500

  • 26 กุมภาพันธ์ - รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม จัดการเลือกตั้งทั่วไป แต่ว่าเป็นการเลือกตั้งที่ร่ำลือว่าสกปรกที่สุด เต็มไปด้วยการโกงจากฝ่ายรัฐบาล ต้องนับคะแนนยาวนานถึง 7 วัน 7 คืน
  • 16 กันยายน - คณะทหารที่นำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยข้อกล่าวหาสำคัญคือ ฝ่ายรัฐบาลจัดการเลือกตั้งสกปรกจึงหมดความชอบธรรม[11]
  • 21 กันยายน - คณะทหารที่ทำการยึดอำนาจ ได้แต่งตั้ง นายพจน์ สารสิน อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา และเลขาธิการซีโต้ มาเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราวราวสามเดือน เพื่อจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งใหม่ให้บริสุทธิ์ยุติธรรม[11]

พ.ศ. 2501

พ.ศ. 2502

  • 9 กุมภาพันธ์ - จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ

  • ในลำดับเหตุการณ์ข้างต้น ระหว่างปี พ.ศ. 2475 ถึง พ.ศ. 2503 ซึ่งปีพุทธศักราชมีการเปลี่ยนแปลงวันเริ่มศักราช จากเดิมเริ่มต้นปีในวันที่ 1 เมษายน แต่หลังจากปี พ.ศ. 2483 ประเทศไทยได้ปรับวันขึ้นปีเป็นวันที่ 1 มกราคม ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลในปีก่อน พ.ศ. 2483 เกิดความสับสนในการเรียงลำดับ

อ้างอิง

  1. ^ thunder.prohosting.com สยาม 2475 - 2490 คณะราษฎร
  2. ^ 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 2.10 2.11 2.12 2.13 2.14 2.15 2.16 ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, ประวัติการเมืองไทย 2475 - 2550
  3. ^ คือวิญญาณเสรี ปรีดี พนมยงค์ หน้า 111 หนังสือครบรอบ 100 ปี ชาตกาล รัฐบุรุษอาวุโส 11 พ.ค. 2543
  4. ^ www.sarakadee.com ยุทธการยึดเมือง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕
  5. ^ คือวิญญาณเสรี ปรีดี พนมยงค์ หน้า 112 หนังสือครบรอบ 100 ปี ชาตกาล รัฐบุรุษอาวุโส 11 พ.ค. 2543
  6. ^ รากฐานไทย, ความเป็นมาพรรคการเมืองไทย, เว็บไซต์รากฐานไทย
  7. ^ สารคดี, วันนี้ในอดีต: 25 สิงหาคม, นิตยสารสารคดี, 25 สิงหาคม พ.ศ. 2550
  8. ^ www.pridi-fo.th.com ปฏิทินชีวิต นายปรีดี พนมยงค์
  9. ^ อนุสรณ์ ธรรมใจ, ปาฐกถาปรีดี พนมยงค์ พุทธศักราช 2547, 24 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ณ ห้องประชุมใหญ่ สถาบันปรีดี พนมยงค์ กรุงเทพมหานคร
  10. ^ 10.0 10.1 บทความ เมรุคราวกบฎบวร: เมรุสามัญชนครั้งแรกกลางท้องสนามหลวง ชาตรี ประกิตนนทการ - นิตยสารฟ้าเดียวกัน ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 เม.ย. - มิ.ย. 2550
  11. ^ 11.0 11.1 11.2 11.3 11.4 11.5 11.6 การเมืองไทยกับพัฒนาการรัฐธรรมนูญ, เสน่ห์ จามริก
  12. ^ 12.0 12.1 12.2 geocities.com/siamintellect ชีวประวัติ ปรีดี พนมยงค์
  13. ^ 13.0 13.1 ทหารกับการเมืองในอุษาคเนย์: ศึกษาเปรียบเทียบในกรณีของ ไทย พม่า อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์, ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (บรรณาธิการ)
  14. ^ 14.0 14.1 บทบาทเส้นทางประวัติศาสตร์ของรัฐธรรมนูญในระบบประชาธิปไตยไทย, ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ
  15. ^ 50 ปีการประหารชีวิต 17 กุมภาพันธ์ 2498, สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล, นิตยสารฟ้าเดียวกัน ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 เม.ย.-มิ.ย. 2548

ดูเพิ่ม

บุคคลที่เกี่ยวข้อง

http://th.wikipedia.org/wiki/ลำดับเหตุการณ์คณะราษฎร

-----------------------------------------------------------

FfF