บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


24 มีนาคม 2553

<<< วิกฤตการณ์การเมืองไทย ปี 2552 >>>

ลำดับเหตุการณ์ การเมืองไทย ประจำปี 2552

29 มกราคม 2552
ชาวโรฮิงญา 74 คน แรงงานผิดกฎหมายที่ลักลอบเข้าเมือง หลังพบถูกปล่อยทิ้งในเรือกลางทะเล และถูกทหารพม่าใช้แส้ทุบตีแถมถูกเฆี่ยนหลังเหวอะแผลเน่า จนกลายเป็นปัญหาทางการเมือง เมื่อพม่าไม่ยอมรับ ปัดไม่ใช่คนในประเทศ

31 มกราคม 2552
16.00 น. งานครอบครัวความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 5 ภายใต้หัวข้อ "แดงทั้งแผ่นดิน" จัดขึ้นที่ท้องสนามหลวง มีจุดหมายหลักเพื่อปราศรัยโจมตีความไม่ชอบธรรมของการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และเคลื่อนพลออกจากท้องสนามหลวงไปยังทำเนียบรัฐบาล

24 กุมภาพันธ์ 2552
งานครอบครัวความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 6 ภายใต้หัวข้อ "แดงทั้งแผ่นดิน" จัดขึ้นที่ท้องสนามหลวง เพื่อทวงคำตอบ 4 ข้อ จากรัฐบาล ที่เคยเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ยึดสนามบิน และทำเนียบรัฐบาล การปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง การให้ใช้รัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และการยุบสภาคืนอำนาจให้กับ ประชาชน โดยขอให้รัฐบาลเตรียมคำตอบให้ดี

ทั้งนี้ แกนนำ นปช. กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้มีการนัดหมายกันในเวลา 9.00 น. ที่ท้องสนามหลวง ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายมาที่ทำเนียบรัฐบาลในเวลา 10.00 น. โดยให้จัดเตรียมเสื้อผ้ามาด้วย เพราะการชุมนุมครั้งนี้อาจจะยืดเยื้อ

26 กุมภาพันธ์ 2552
21.00 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ประกาศแถลงการณ์ฉบับที่ 2 โดยระบุว่าเพื่อยกระดับการต่อสู่ในการขับไล่รัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้มาโดยความไม่ชอบธรรม ที่เกิดจากการแทรกแซงสถาบัน องค์กรอิสระ ทั้งตุลาการ ทหาร และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ดังนั้นการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ขาดความชอบธรรม

ทั้งนี้ แกนนำ นปช. กล่าวต่อว่า โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้บริหารประเทศอย่างไร้ประสิทธิภาพ ทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และการปฏิเสธข้อเรียกร้องของกลุ่มเสื้อแดง 4 ข้อ ดังนั้นกลุ่มนปช. ที่ได้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 เพื่อทวงถามข้อเรียกร้อง จึงมีความชอบธรรมที่จะต่อสู้ขับไล่รัฐบาลเผด็จการอย่างถึงที่สุด และวันนี้จะเป็นการเริ่มต้นการใช้ยุทธศาสตร์ที่เข้มข้นขึ้น โดยจะมีการดำเนินการขับไล่รัฐบาลทั้งในสภา และนอกสภา ในเมือง และในชนบท ในประเทศ และต่างประเทศ จนกว่าจะได้รับชัยชนะ และขอเรียกร้องให้ประชาชนไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร ให้ออกมาร่วมกันขับไล่รัฐบาลเผด็จการ และต่อจากนี้ไปไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลต่อไป

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวถึงมาตรการต่อจากนี้ว่า กลุ่ม นปช.จะสลายการชุมนุมเช้าวันที่ 27 กุมภาพันธ์ และได้กล่าวถึงมาตรการในการดำเนินการต่อว่าคนเสื้อแดงขอสงวนสิทธิในการ แสดงออกอย่างเปิดเผย เพื่อขับไล่รัฐบาลในทุกกรณี โดยปราศจากอาวุธ และจะจัดตั้งเครือข่ายแนวร่วม ให้แดงทั้งแผ่นดิน โดยจะใช้เวลาหนึ่งเดือนนับจากนี้ ขณะที่แกนนำก็จะลงพื้นที่ในทุกภาค เพื่อรวบรวมมวลชน และหลังจากนี้หนึ่งเดือนจะกลับมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล แบบยืดเยื้อ ไม่กลับบ้าน ไม่ชนะไม่เลิก

27 กุมภาพันธ์ 2552 -1 มีนาคม 2552
ไทยจัดประชุมสุดยอด ผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

8 มีนาคม 2552
15.00 น. เริ่มเปิดเวทีปราศรัยอย่างเป็นทางการ งานแดงทั้งแผ่นดินสัญจร ครั้งที่ 1 จัดขึ้นที่บริเวณริมถนนหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น

16.30 น. เกิดเหตุวุ่นวายบริเวณด้านหลังเวทีปราศรัย เมื่อมีชายฉกรรจ์คนหนึ่งทราบชื่อภายหลังว่าชื่อนายลพ พูลวิเชียร อ้างตัวว่าเป็นสมาชิกชมรมคนรักอุดร พกอาวุธมีดเข้ามาก่อกวนบริเวณด้านหลังเวทีปราศรัย ท่ามกลางความตกตะลึงของประชาชน และการ์ด นปช.ที่พยายามจะเข้าไปควบคุมสถานการณ์ ก่อนที่จะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ควบคุมตัวไปดำเนินคดี

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวบนเวทีว่า ที่มาจัดชุมนุมที่ขอนแก่นเป็นจังหวัดแรก เพราะ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจะมาตายที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นกลุ่ม นปช.จะไปเปิดเวทีที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 14 มีนาคม จังหวัดจันทบุรี วันที่ 15 มีนาคม จังหวัดเชียงราย วันที่ 21 มีนาคม และวันที่ 22 มีนาคม จะจัดเวทีที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่จะไปชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาล โดยจะนำประชาชนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลให้ล้นไปถึงถนนราชดำเนิน และจะปักหลักเป็นแรมเดือน ไม่ชนะไม่เลิกรา ขึ้นอยู่กับหัวใจของคนเสื้อแดงทั่วประเทศว่าจะพร้อมขับไล่รัฐบาลนาย อภิสิทธิ์หรือไม่

20.00 น. ก็ถึงช่วงสำคัญของการจัดงาน เมื่อ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณโฟนอินขณะอยู่บนเครื่องบินเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของนายวีระ มุสิกพงศ์ โดยพ.ต.ท.ดร.ทักษิณกล่าวว่า ตนเคยหาเงินได้ 2.5 แสนล้านไม่ต้องกู้ต่างประเทศ สร้างอนาคตให้เยาวชน แต่กลับถูกรัฐประหารยึดอำนาจ พันธมิตรฯไปยึดสนามบิน แต่ตำรวจทำอะไรไม่ได้ จนปลดรัฐบาลให้นายอภิสิทธิ์ตั้งรัฐบาลใหม่ จะเรียกว่าประชาธิปไตยได้อย่างไร สุดท้ายเอาทหารมากดดันเรียกว่า “รัฐบาลปฏิวัติเงียบ” ตราบใดที่ความยุติธรรมไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย พวกเราต้องรวมตัวกัน ตอนนี้จังหวัดไหนไม่ถูกกันบ้างก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อถึงเวลาเรารวมกันด้วยอุดมการณ์ เมื่อนั้นที่เราจะปกป้องพวกเรา สีแดงหมายถึงเลือดเนื้อเชื้อไขที่หล่อหลอมกันเป็นประเทศไทย เพราะฉะนั้นเราต้องรวมพลังกันต่อสู้กับสิ่งไม่ถูกต้อง เพื่อนำมาซึ่งความสันติ ความยิ่งใหญ่ของประเทศไทย และความผาสุกของประชาชน

9 มีนาคม 2552
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ยอมรับว่า มีการประสานงานกับทางการฮ่องกง เพื่อนำตัวอดีตนายกรัฐมนตรีกลับมาดำเนินคดีในไทย โดย รมว.ต่างประเทศ ระบุว่า ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งใคร แต่เป็นการทำตามหน้าที่

14 มีนาคม 2552
งานแดงทั้งแผ่นดินสัญจร ครั้งที่ 2 จัดขึ้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

15 มีนาคม 2552
งานแดงทั้งแผ่นดินสัญจร ครั้งที่ 3 จัดขึ้นที่จังหวัดจันทบุรี

21 มีนาคม 2552
งานแดงทั้งแผ่นดินสัญจร ครั้งที่ 4 จัดขึ้นที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เป็นการจัดโต๊ะจีนจำนวน 200 โต๊ะ ระดมทุนให้กับเสื้อแดงจังหวัดเชียงราย รวมทั้งเปิดตัวสถานีวิทยุชุมชนคน รากหญ้ารักประชาธิปไตย 104 เมกกะเฮิร์ซ โดยมี นางสาวจีรนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตยเชียงราย เป็นผู้ประสานจัดงานครั้งนี้ จนถึง

สำหรับการจัดงานมีแกนนำขึ้นเวที ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายขวัญชัย ไพรพนา นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง พร้อมกับ นางไพจิตร อักษรณรงค์ ศิลปินชื่อดัง และอีกหลายคนไปร่วมขับกล่อม จากนั้นนางสาวจีรนันท์ได้ขึ้นเวทีกล่าวต้อนรับพร้อม โดยนายวีระได้เป็นประธานเปิดตัวสถานีวิทยุชุมชน พร้อมกล่าวปราศรัยถึงการจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชน เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนได้รับรู้ และมีส่วนร่วมในบทบาททางการเมือง ซึ่งทางแกนนำได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยโจมตีรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์

20.00 น. พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินเข้ามาโดย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณกล่าวว่าขอบคุณพี่น้องชาวไทยและชาวเชียงรายที่รักและสนันสนุนตน ทุกคนต้องต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมา หากตนยังทำงานอยู่จะไม่มีการกู้เงิน แต่จะเนรมิตเงินนำมาสร้างงานสร้างชาติ ขณะนี้เป็นห่วงเศรษฐกิจตกต่ำจะพูดที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 22 มีนาคม และวันที่ 27 มีนาคม จะพูดที่กรุงเทพมหานคร เรื่องทางออกของประเทศไทย พี่น้องต้องรักกันสามัคคีกัน หากตนกลับมาจะแก้ไขปัญหาทั้งหมด

พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ได้ข่าวว่าจังหวัดเชียงรายยาบ้าระบาดหนัก สาเหตุมาจากไม่มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน หากกลับไปจะปราบยาบ้าให้หมดสิ้นไป

22 มีนาคม พ.ศ. 2552
งานแดงทั้งแผ่นดินสัญจร ครั้งที่ 5
20.00 น. พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านวิดีโอลิงก์ถึงกลุ่ม คนเสื้อแดงจำนวนมากที่ชุมนุมรออยู่ในสนามกีฬา 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ โดยในการโฟนอินที่เห็นทั้งภาพและเสียงครั้งนี้ตนขออนุญาตพูดลึกในรายละเอียด ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลยังหาทางออกให้ประเทศไม่ได้จะพูดที่มาของปัญหา ทั้งหมด ทั้งเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ และชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพมหานครจะพูดเรื่องทางออก ถ้ากลับไปและให้ตนทำหน้าที่ มั่นใจว่าวิกฤติคราวนี้แก้ได้ เพราะวันที่เข้ามาในปี พ.ศ. 2544 ต่อจากพรรคประชาธิปัตย์นั้น หนี้สินรกรุงรัง เงินสำรองมีน้อยก็ยังแก้ได้จนสามารถเปลี่ยนประเทศเป็นประเทศผู้ให้กู้ครั้ง แรกในประวัติศาสตร์ แต่วันนี้พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเริ่มต้นด้วยการกู้

โดยระหว่างนั้นนายวีระ มุสิกพงศ์ กล่าวขัดขึ้นว่า มีคนหาว่าไม่ได้เป็นการถ่ายทอดสด พ.ต.ท.ดร.ทักษิณย้อนถามว่าจะให้แสดงท่าทางอะไรให้ดูหรือไม่ นายวีระตอบว่าจะชวนร้องเพลง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณบอกว่าเอาเพลงมนต์เมืองเหนือหรือสักขีแม่ปิง ท่ามกลางการโห่ร้องชอบใจของชาวเสื้อแดง

ช่วงท้ายของการโฟนอิน พ.ต.ท.ดร.ทักษิณได้กล่าวทิ้งท้ายว่าตนขอขอบคุณประชาชนที่มาร่วมชุมนุม และขอให้คนเสื้อแดงรวมพลังให้เป็นปึกแผ่น จนกว่าประชาธิปไตยจะกลับคืนสู่แผ่นดินไทย จนกว่าความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นในประเทศไทย

26 มีนาคม 2552
งานแดงทั้งแผ่นดินสัญจร ครั้งที่ 6 จัดขึ้นที่ท้องสนามหลวง โดยประกาศเจตนาปักหลักชุมนุมรอบทำเนียบรัฐบาลอย่างยืดเยื้อ จนกว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ และระบอบอมาตยาธิปไตย ที่นำโดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี จะหมดอำนาจลง

27 มีนาคม 2552
พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถ่ายทอดภาพมายังกลุ่มผู้สนับสนุน และกล่าวอ้างว่า ประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม เป็นผู้อยู่เบื้องหลังรัฐประหาร พ.ศ. 2549 และองคมนตรีบางท่าน คือ พล.อ.สุรยุทธ์ และ ชาญชัย ลิขิตจิตถะ ได้ใช้อำนาจทหารค้ำตำแหน่งของนายอภิสิทธิ์ ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้บุคคลดังกล่าวลาออกทั้งหมด

29 มีนาคม 2552
ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ตอบคำถามสมาชิกพรรค ที่ตั้งคำถามว่า เมื่อไหร่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาจัดการเสียที ว่า "ขณะนี้ได้แจ้งไปสถานทูตทั่วโลกแล้ว และได้พูดเป็นการภายในกับทูตต่างๆ ว่าเราจะมีความไม่สบายใจมาก หากประเทศเหล่านั้นปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประเทศเขาเป็นเวทีโจมตีประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้ประสานกับอัยการสูงสุด เพื่อแจ้งกับรัฐบาลต่างประเทศ ว่าถ้ารู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ไหน ก็จะมีการดำเนินการขอส่วนตัวกลับมาดำเนินคดี ถ้าได้มีข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งล่าสุด อัยการสูงสุด ได้มีคณะไปฮ่องกงเพื่อเริ่มเจรจาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ยังตกค้างกันอยู่ แล้ว และในสัปดาห์หน้า เราจะมีคณะไปที่ดูไบ เพื่อแจ้งความในใจให้เขาทราบ เพราะมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณมักใช้ที่ดังกล่าวเป็นที่ปฏิบัติการ"

31 มีนาคม 2552
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ โต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าอย่าทำตัวเป็นหน้าตัวเมีย เป็นคนไทยรกแผ่นดินท้าออกทีวีทั่วโลก กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ แฉว่ารับเงินจากเขา สมัยที่นายกษิต ยังเป็นทูตอยู่

6 เมษายน 2552
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เตรียมเชิญทูตจากประเทศทั่วโลกล็อบบี้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

8 เมษายน 2552
แกนนำคนเสื้อแดงนำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อและนายจักรภพ เพ็ญแข ได้ขึ้นบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่ออ่านแถลงการณ์ของคนเสื้อแดง โดยตั้งข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้

1. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ต้องพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี
2. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
3. การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินไป ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การปรับปรุงใด ๆ ให้ดีขึ้นตามหลักสากล ต้องมีการปรึกษาหารือกันระหว่างนักประชาธิปไตยผู้มีประวัติและพฤติกรรมเชิด ชูระบอบประชาธิปไตยเป็นที่ประจักษ์

ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดงได้เรียกร้องให้ เวลา 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นจะมีการยกระดับการชุมนุม

9 เมษายน 2552
ม็อบเสื้อแดงบางกลุ่ม ดาวกระจายไปตามถนนสายต่างๆ และปิดถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พร้อม เปิดเวทีย่อยปราศรัยตลอดทั้งคืน

10
เมษายน 2552
ม็อบเสื้อแดงบางส่วน ยกเลิกการปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มุ่งหน้าไปจังหวัดชลบุรี นำโดยนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง

11 เมษายน 2552
นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง พาม็อบเสื้อแดงส่วนหนึ่งไปชุมนุมแถวโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา ซึ่งเป็นสถาน ที่จัดการประชุมผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา เพื่อกดดันรัฐบาลและแสดงให้ต่างชาติเห็นถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลนี้ โดยจุดประสงค์หลักคือการเข้ายื่นหนังสือต่อตัวแทนอาเซียนเพื่อให้ทราบว่า มีประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับรัฐบาลนี้ เนื่องจากไม่ได้มากด้วยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน แต่กลุ่มคนเสื้อ น้ำเงินมาขวาง จึงเกิดการปะทะกัน แต่เมื่อมีการเจรจา การปะทะจึงยุติลง ทั้งสองฝ่ายร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน กลุ่มคนเสื้อแดงจึงเดินเท้าเข้าไปชุมนุมหน้าโรงแรมได้ มีสื่อบางสำนักสามารถจับภาพนายเนวิน ใส่เสื้อน้ำเงินนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์ ซึ่งคอยบัญชาการกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน ซึ่งมีข่าวว่านายสุเทพก็ร่วมบัญชาการด้วย

เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงได้ยื่นหนังสือเรียบร้อยแล้วแต่ระหว่าง เดินทางกลับจากโรงแรม โดนกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินดักทำร้าย กลุ่มคนเสื้อแดงจึง
บุกเข้า ไปในศูนย์นักข่าวใน โรงแรม เพื่อแถลงเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ดำเนินการหาตัวผู้กระทำ ผิด นายอริสมันต์ บอก ผบ.ทบ. ทางโทรศัพท์ ให้เวลา 2 ชั่วโมง นายกต้องลาออก เพื่อรับผิดชอบเรื่องที่คนเสื้อแดงโดนคนเสื้อน้ำเงินที่มีคนของรัฐคอยบงการ ดักทำร้ายคนเสื้อแดงจนบาดเจ็บหลายคนและอยู่ห้อง ICU 1 คน อภิสิทธิ์ไม่ลาออก แต่ประกาศเลื่อนการประชุมนานาชาติออกไป พร้อมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่เมืองพัทยา และจังหวัดชลบุรี

ส่วนม็อบเสื้อแดงหลังจากบุกเข้าไปในโรงแรมได้แล้ว ก็ยกขบวนกลับ
กรุงเทพ ด้วยคาราวานรถยนต์ในเย็นวันเดียวกันนั้นเอง และมีการยกเลิก ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเวลาต่อมา

12 เมษายน 2552
ช่วงเช้าหลังมีข่าวตำรวจจับตัวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ที่ไปบุกโรงแรมเมื่อวาน หลังทราบข่าวกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนไปที่หน้าศาลอาญารัชดา และได้ไปชุมนุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กดดันให้ตำรวจปล่อยตัวอริสมันต์ ภายใน 3 ชั่วโมง ส่วนอริสมันต์ถูกตำรวจพาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ไปสอบสวนต่อที่ค่ายนเรศวร เพชรบุรี ซึ่งนายจตุพร พรหมพันธ์ ขอร่วมติดตาม ท่ามกลางข่าวลือถูกจับไปอีกคน แต่เจ้าตัวปฏิเสธเพราะสมัครใจไปเป็นเพื่อน ช่วงบ่ายที่กระทรวงมหาดไทย หลังอภิสิทธิ์ แถลงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล คนเสื้อแดงล้อมกระทรวงทำให้ขบวนรถของนายกรัฐมนตรี ต้องวนหาทางเลี่ยงฝ่าวงล้อม ในขณะที่มีเสียงปืนดังขึ้น หลายครั้ง ซึ่งยิงโดยหน่วยรักษาความปลอดภัยนายกยิงด้วยปืนกลอูซี่ และอีกคนยิงด้วยปืนสั้นยิงคนละเวลากัน คนที่อยู่ในเหตุการณ์ลือกันว่ามีคนถูกยิงด้วย
ซึ่งผู้ ชุมนุมได้พยายามดักรถที่คาดว่านายอภิสิทธิ์ นั่งอยู่และมีรถ ประจำตำแหน่งคันหนึ่งพยายามวิ่งหลบฝูงชน แต่สุดท้ายโดนคนเสื้อแดงล้อมและทุบกระจกรถ ภายในรถมีนายนิพนธ์ พร้อมพันธ์ แกนนำระดับสูงของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้รับบาดเจ็บนั่งอยู่ในนั้น รถสายพานลำเลียง 2 คันของกองทัพที่ไปประจำหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกคนเสื้อแดงยึดได้

13 เมษายน 2552
24.00 น. นายกฯ แถลงความคืบหน้าหลังออก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน วอนประชาชนอย่าตื่นตระหนก เร่งคืนความสงบสุขให้สังคม

24.38 น. กลุ่มเสื้อแดง ไม่พอใจทหาร ร่วม 30 นาย ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัย บริเวณแยกสุทธิสาร หวั่นถูกเข้าสลาย ก่อนนำรถแท็กซี่ มาปิดถนนแยกสุทธิสารไปดินแดง รถไม่สามารถผ่านได้

01.52 น. แกนนำเสื้อแดง ปราศรัยให้แนวร่วมเคลื่อนพล ไปสมทบกันที่แยกดินแดง หลังได้รับรายงาน มีการเผชิญหน้ากัน พร้อมเตือนระวัง รัฐบาลอาจมีการสลายการชุมนุม ในช่วงเช้ามืด

03.39 น. ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รุดตรวจสอบ เหตุ คนร้ายยิง M 79 เข้าไปในศาลรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ทหาร ที่เข้าไปรักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 1 นาย เล็ง เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย สถานที่ราชการ

04.00 น. กองกำลังทหารถืออาวุธสงครามใส่กระสุนจริง เริ่มเข้าทำการสลายม็อบ โดยเคลื่อนเข้ามาทางถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้า มีการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ใต้ทางด่วนกว่า 1,000 คน จนถอยร่นมาถึงสามเหลี่ยมดินแดง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมแตกฮือพากันวิ่งหลบหนี แต่ก็ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนนำยางรถยนต์มาเผา และพยายามขับรถประจำทางพุ่งเข้าชนเจ้าหน้าที่ทหาร ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้อาวุธปืนยิงใส่ ผู้ชุมนุมฮือกันเข้ามาปะทะอีก เจ้าหน้าที่ทหารจึงยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมกว่า 20 นัด ทำให้ผู้ชุมนุมแตกฮือวิ่งกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง ระหว่างนั้นผู้ชุมนุมบางส่วนทยอยไปรวมตัวที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ท่ามกลางรถพยาบาลหลายคันที่วิ่งเข้าไปรับผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลรามาธิบดี

05.24 น. แกนนำคนเสื้อแดง ขึ้นเวทีปลุกระดมคนเสื้อแดง หลังทหาร เข้าสลายการชุมนุมที่แยกดินแดง จัดเกณท์แนวร่วมไปสมทบ พร้อมแจ้งเตือนให้ระวัง อาจเข้ามาสลายที่ทำเนียบ ฯ

05.30 น. สถานการณ์บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เริ่มคลี่คลายลง โดยเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเอาไว้ตั้งแต่สามเหลี่ยมดินแดง ถึงโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ส่วนผู้ชุมนุมกระจายไปทางถนนราชปรารภ และบริเวณแยกศรีอยุธยา ที่มีการนำรถมากั้นถนน และบางส่วนไปรวมกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เสื้อแดงถอยจากแยกดินแดง หลังทหาร ใช้แก๊สน้ำตา สลายการชุมนุม แกนนำฯ ประกาศให้แนวร่วมไปสมทบที่ทำเนียบฯ ขณะรถพยายามจากหลายแห่ง วิ่งเข้ารับผู้บาดเจ็บ

05.39 น. โฆษกกองทัพบก ยันมีความจำเป็นต้องสลายม็อบเสื้อแดงที่แยกดินแดง เพื่อเปิดทาง

05.53 น. BBC รายงานข่าวการสลายผู้ชุมนุม บริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต เผยทหารใช้ปืนยิงขู่ประชาชนขึ้นฟ้า แต่ใช้กระสุนจริงไม่ใช่กระสุน Blank แต่มีคลิปที่ผู้ชุมนุมบางคนจับภาพได้ วิถีกระสุนบางนัด มีลักษณะพุ่งเฉียงทำมุมต่ำเลยหัวไปไม่เท่าไหร่

06.30 น. ทหารยึดพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดง คืนจากกลุ่มม็อบเสื้อแดง ได้ทั้งหมดแล้ว และได้ดับยางรถยนต์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมจุดทิ้งไว้ แล้วด้วย

06.40 น. มีรถแก๊ส 10 ล้อ สีขาวคันหนึ่ง จอดกลางถนนดินแดงขาเข้า ตรงข้ามโรงเรียนพิบูลย์ประชาสรรค์ ทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นตึงเครียดตลอดเวลา โดยประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงต่างพากันหวาดกลัว ส่วนการจราจรทั้งขาเข้า-ขาออกปิดทั้งสองเส้นทาง

06.54 น. ม็อบเสื้อแดง จากสามเหลี่ยมดินแดง ถอยร่นมาบริเวณแยกศรีอยุธยา พร้อมเข้ายึดป้อมจราจร และนำรถเมล์ มาปิดกั้นการจราจร พร้อมทั้งจุดไฟเผายางรถยนต์ เป็นระยะ ๆ

07.14 น. นายกฯ ออกคำสั่งตั้ง กองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ดูแลพื้นที่ ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

07.37 น. อดีต ส.ส.เพื่อไทย "พายัพ ปั้นเกตุ" ปลุกระดมม็อบเสื้อแดงทำเนียบ ล้อมคิงเพาเวอร์ ขณะที่พบชายเคราะห์ร้าย ถูกการ์ดทำร้ายจนน่วม ก่อนนำขึ้นประจานบนเวที อ้างกำลังเตรียมปฏิบัติการณ์ จุดไฟเผา ธ.กรุงเทพ

07.45 น. ผบช.น. เรียกประชุม ประเมินสถานการณ์ม็อบเสื้อแดง หลังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

07.57 น. ม็อบเสื้อแดงทำเนียบ ปลุกระดมมวลชนต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า นำรถสุขาขวางถนน

08.13 น. ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ เผยยอดผู้บาดเจ็บ จากการสลายการชุมนุมที่แยกดินแดง 68 ราย ยันไม่พบผู้เสียชีวิต

08.25 น. สื่อมวลชนทยอยออกจากบริเวณการชุมนุมหลังแกนนำประกาศ ไม่รับรองความปลอดภัย อ้างรายงานข่าวไม่เป็นกลาง

08.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารพยายามเจรจากับกลุ่มคนที่คุมรถแก๊ส ให้ปิดวาล์วรถแก๊ส เพราะเกรงจะเกิดการระเบิดขึ้น แต่การเจรจาไม่เป็นผล และมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ ในช่วงนี้ก็มีการโหมกระพือข่าวทางสื่อและการปลุกระดมคนในแฟลตดินแดงแถวนั้น

09.01 น. มือมืดป่วน ลอบปาขวดน้ำมันใส่กระทรวงคมนาคมไหม้ โชคดี เจ้าหน้าที่ดับทัน เสียหายเล็กน้อย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

09.23 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปิดการจราจร ถนนเศรษฐศิริ พร้อมกับ อพยพคนออกจากพรรคประชาธิปัตย์ หลังได้รับรายงานว่าจะมีการนำรถแก๊สมาจอด

10.03 น. ตำรวจ สภ.พัทยา สั่งอายัดตัว แกนนำเสื้อแดง "อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง" ต่อ หลังได้รับการปล่อยตัวจาก ค่ายนเรศวร จ.เพชรบุรี

10.20 น. มือที่สามป่วน ขว้างระเบิดเพลิง ใส่ร้านกาแฟสนามเสือป่า ขณะเสื้อแดงยังต่อว่าสื่อเสนอข่าวไม่เป็นกลาง

11.00 น. น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต สนช. ออกโรงจี้ กองทัพ ควรออกมาได้แล้ว ถ้าปล่อยตำรวจอยู่ สถานการณ์จะบานปลาย

11.08 น. ม็อบเสื้อแดง ไล่ผู้สื่อข่าวพ้นทำเนียบ พร้อมสั่งกักรถถ่ายทอดสด ช่อง 7 ไว้ภายใน

11.52 น. นายกฯ แถลงยันจะคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว พร้อมเตือนประชาชนให้เดินทางกลับ หากไม่ต้องการเผชิญความรุนแรง

12.17 น. 2 ชายฉกรรจ์ ขับรถฝ่าแนวกั้นตำรวจ บริเวณสถานีรถไฟสามเสน บุกขับวนรอบด้านหน้าพรรคประชาธิปัตย์

12.23 น. ม็อบเสื้อแดง นำยางรถยนต์ราดน้ำมัน และรถเมล์สาย 8 ปิดถนนแยกศรีอยุธยา ใกล้ ร.พ.รามาธิบดี

12.37 น. ทหารใช้แก๊สน้ำตา เข้าสลายการชุมนุมม็อบเสื้อแดง ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง อีกครั้ง พบทหารบาดเจ็บ 1 นาย ขณะที่ม็อบเสื้อแดง ป่วนหนัก ยิงหนังสติ๊กเข้าใส่ ร.พ.ทหารผ่านศึก

12.30 น. หน้าแฟลตดินแดง แฟลต 3 ชาวบ้านได้พยายามเจรจากับกลุ่มคนที่คุมรถแก๊ส ให้ย้ายรถแก๊สออกไป เพราะเกรงไม่ปลอดภัย แต่กลุ่มคนที่คุมรถแก๊สยืนยันปฏิเสธ จนชาวบ้านแฟลตดินแดงได้รวมตัวกันด้วยความโกรธแค้น และต่อว่าคนกลุ่มนั้น มีเสียงปืนดังขึ้นด้วย ชาวบ้านได้นำน้ำฉีดบริเวณรถแก๊ส ส่วนกลุ่มคนที่คุมรถแก๊สก็เริ่มถอยห่างออกมา

12.40 น. " ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ " ปลุกระดมมวลชนขอยึดทำเนียบรัฐบาล เป็นฐานที่มั่นสุดท้าย

12.43 น. สมาคมนักข่าว และ 7 องค์กรพันธมิตร ขอรัฐบาลใช้กำลังเจ้าหน้าที่ที่จำเป็นในการแก้ไขปัญหาม็อบเสื้อแดง พร้อมร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยุติการยั่วยุและปลุกระดมประชาชน และต้องรับผิดชอบหากเกิดความรุนแรง

12.50 น. ปลัดกระทรวงพลังงาน สั่งผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันพื้นที่เสี่ยงเหตุจลาจล ปิดได้ทันทีหากจำเป็น แต่ไม่ได้สั่งปิดทุกปั๊มในพื้นที่

13.13 น. ทหารบุกยึดพื้นที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้ในขณะที่ม็อบเสื้อแดง ยังป่วนหนัก ลอบเผารถเมล์ ที่จอดขวางถนนตลอดเวลา

13.34 น. "สาทิตย์ วงศ์หนองเตย" แจง สถานีไทยคม ตัดสัญญาณ "ดีสเตชั่น"แล้ว

14.24 น. เสื้อแดงถอยร่นกลับไปตั้งหลั้งที่แยกตึกชัย หลังทหารเข้าเคลียร์พื้นที่ สามเหลี่ยมดินแดง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

14.36 น. มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเข้าสลายการชุมนุมม็อบเสื้อแดง เข้ารับการรักษาร.พ.รามาธิบดี 4 ราย ขณะที่ม็อบยังป่วนหนัก เผายางรถยนต์สร้างสถานการณ์

14.36น. ผู้อำนวยการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เรียกผู้เกี่ยวข้อง ร่วมทำความเข้าใจแผนการปฏิบัติการณ์ตามพรก.ฉุกเฉิน

15.04 น. โฆษกกองทัพบก พอใจ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับน่าพอใจ หลายจุดแล้ว พร้อมชี้แจงทหารเล็งกระสุนซ้อมรบ หรือ "ลูกแบงค์" ซึ่งใช้กระดาษหรือลูกยางแทนหัวกระสุน ใส่ผู้ชุมนุม ( แต่จากภาพหลักฐานเป็นกระสุนจริง ส่วนกระสุนซ้อมรบหรือลูกแบงค์ ไม่ใช่กระสุนกระดาษหรือลูกยาง แต่เป็นกระสุนที่ไม่มีหัวกระสุน แต่ทำด้วยเหล็กเหมือนกัน )
<<< ชนิดกระสุน >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/04/blog-post_23.html

15.24 น. ผอ.แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ยืนยัน เจ้าหน้าที่จะไม่ใช้อาวุธทำร้ายประชาชน แต่ขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตัว และคงไว้ซึ่งการรักษากฎหมาย

15.37 น. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว หลัง ทหาร เข้าสลายม็อบเสื้อแดง ขณะที่ หลายแยกสำคัญทหาร ยังตรึงกำลังเข้ม

15.43 น. ตำรวจ-ทหาร ผลักดันผู้ชุมนุม แยกศรีอยุธยา ซึ่งขว้างระเบิดเพลิงและเผารถเมล์ขวางทาง กลุ่มเสื้อแดงถอย มุ่งหน้าถนนพระราม 6

14.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารสามารถเข้าควบคุมบริเวณหน้าแฟลตดินแดง และเข้าควบคุมรถบรรทุกถังแก๊สได้ โดยมีชาวแฟลตดินแดงออกมาแสดงความยินดี ยังมีเสียงปืนเป็นระยะ ส่วนรถบรรทุกแก๊สที่จอดอยู่หน้าห้างคิงเพาเวอร์ ในซอยรางน้ำ ทางเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดได้เข้ามาตรวจสอบและดูแลจนปลอดภัย

15.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณแยกราชปรารภ ได้ขับรถเมล์ 5 คัน และนำกำลังของกลุ่มผู้ชุมนุม ขับรถฝ่าแนวเจ้าหน้าที่ทหาร จนต้องใช้อาวุธปืนยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นระยะเพื่อสลายม็อบ แต่ผู้ชุมนุมยังไม่ยอมสลายตัว และรถเมล์ 2 คันพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าบริเวณถนนราชปรารภ และมีการจุดไฟเผารถเมล์ อย่างไรก็ตาม ทหารยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยผลักดันผู้ชุมนุมถอยร่นจากบริเวณสี่แยกราชปรารภไปได้

15.30 น. กลุ่มเสื้อแดงกระจายปิดแยกศรีอยุธยาและสี่แยกพญาไท โดยใช้รถโดยสารจอดขวาง และมีการจุดไฟเผายางรถยนต์มีควันไฟหนาแน่น

16.00 น. มีการสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้ชาวมุสลิม แถวถ. เพชรบุรี ซอย 5 และซอย 7 ซึ่งเป็นฐานเสียงของ ส.ส. ปชป. เข้าใจผิด โดยมีการยิงปืนลูกซองใส่กลุ่มชาวไทยมุสลิม บริเวณปากซอยเพชรบุรี 7 ถนนเพชรบุรี ก่อนทุบทำลายรถยนต์ของประชาชนที่จอดภายในซอยจำนวนหลายคัน ก่อนที่จะเผารถจักรยานยนต์บริเวณหน้าปากซอยดังกล่าวเสียหาย 1 คัน เป็นเหตุให้ชาวมุสลิมได้ลุกฮือขึ้นมาพร้อมเข้าปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่มี กว่า 100 คน โดยกลุ่มชาวไทยมุสลิม เป็นสมาชิกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุ ได้มีคนเสื้อแดงบางคนขับรถผ่านบริเวณซอยดังกล่าวแล้วโดนทำร้าย รวมถึงคนมุสลิมเสื้อแดงมาจากต่างถิ่นแล้วแวะไปละหมาดที่มัสยิดแถวนั้นแล้ว โดนคนมุสลิมสนับสนุนเสื้อเหลืองทำร้ายก่อนหน้านี้ไม่กี่วันด้วย

15.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน เดินขบวนออกมาจากทำเนียบรัฐบาล โดยส่วนใหญ่ถือดอกไม้ ธงชาติ มายืนประจันหน้าเจ้าหน้าที่ทหารที่แยกลานพระบรมรูป ระหว่างที่เคลื่อนขบวนได้ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเมื่อผ่านกองทัพภาค 1 ต่างพร้อมใจกันคุกเข่าและก้มกราบ จากนั้นได้เคลื่อนขบวนถึงแยกลานพระรูป โดยยืนห่างกับแถวเจ้าหน้าที่ทหารประมาณสิบเมตร พร้อมมอบดอกไม้ให้ทหารและขออย่าทำร้ายประชาชน

16.14 น. โฆษกรัฐบาล แถลงยืนยัน เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการก่อจลาจล ของม็อบเสื้อแดงในพื้นที่ส่วนใหญ่ ของ กทม.เอาไว้ได้แล้ว

16.50 น. กลุ่มเสื้อแดงปักหลักชุมนุมแยกอุรุพงษ์ ทหารต้องสกัดด้วยแก๊สน้ำตาและล่าถอยมาอยู่หลังแผงกั้นทางรถไฟ

16.58 น. ผอ.สถาบันแพทย์ฉุกเฉิน ยันไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายการชุมนุม พบผู้บาดเจ็บทั้งหมด จำนวน 77 ราย

17.00 น. ทหารเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณลานพระบรมรูปได้เรียบร้อย โดยมีกลุ่มเสื้อแดงบางส่วนที่เป็นชายฉกรรจ์ ถอยร่นไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยมีเสียงปืนดังเป็นระยะ และระหว่างการล่าถอยได้จุดไฟเผาวัสดุต่างๆ เป็นการป้องกันการรุกคืบของทหาร และรถจีเอ็มซีและรถบัสของทหาร ประมาณ 10 คัน ได้นำกำลัง 500-600 นาย มาตรึงที่ลานพระบรมรูปทรงม้า

17.23 น. มีการวางเพลิงรถเมล์หน้ากองบัญชาการกองทัพบก พร้อมปาระเบิดเพลิงเข้าไปภายใน ก่อนหลบหนี

17.24 น. หลายประเทศ ออกคำเตือนพลเมือง เลี่ยงการเดินทางเข้าประเทศไทย

17.30 น. ผู้ชุมนุมบริเวณแยกวัดเบญจมบพิตร ต่อเนื่องลานพระบรมรูปได้จุดไฟเผายางรถยนต์และรถประจำทางสีครีมแดงข้างวัด เบญจมบพิตร ตรงข้ามสหกรณ์กองทัพบก ไฟลุกท่วมคัน ทหารเดินหน้าตั้งกำแพงกดดันผู้ชุมนุมและยิงปืนขึ้นฟ้า รวมทั้งกดดันผู้ชุมนุมที่อยู่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ โดยมีกำลังตำรวจตระเวนชายแดนและตำรวจปราบจลาจล ตรึงกำลังรักษาความสงบ ทางผู้ชุมนุมขว้างปาเหล็ก ขวดแก้ว ระเบิดเพลิง ใส่ทหารจึงยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมโดยทหารสามารถยึดพื้นที่คืนได้สำเร็จ ทหารได้เข้ายึดพื้นที่บริเวณแยกพระราม 9 จากกลุ่มคนเสื้อแดงได้เรียบร้อยแล้ว หลังจากรุกไล่กดดันมาตั้งแต่สามเหลี่ยมดินแดง

17.40 น. มีคนขว้างระเบิดเพลิงเข้าไปในกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้เพลิงลุกไหม้บริเวณชั้น 3 ของอาคารอาชีวศึกษา ทำให้มีกลุ่มควันเป็นจำนวนมาก กระแสไฟฟ้าภายในอาคารดับทั้งหลัง

18.00 น. ทหารสามารถเคลียร์พื้นที่ตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิถึงแยกพระราม 9 ได้ทั้งหมด คงเหลือกลุ่มคนเสื้อแดงบ้างประปราย

18.10 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ผ่าน CNN ชี้ ทหารฆ่าประชาชน แต่ปกปิดข้อเท็จจริง ยันพร้อมกลับประเทศไทย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

19.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่าน CNN โต้ทักษิณ ยันไม่มีผู้เสียชีวิต จากเหตุปราบปรามการก่อจลาจลของม็อบเสื้อแดง

19.40 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง แถลงสรุปสถานการณ์ 2 วัน ย้ำไม่มีคนตาย แนะคืนนี้ประชาชนระวังตัวอาจมีเหตุป่วนวินาศกรรม

21.13 น. ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งการด่วนไปยังทุกพื้นที่ ให้ออกตรวจตราเข้มปั๊มน้ำมัน, ปั๊มแก๊ส, ตู้ ATM หวั่นมีการเผาทำลายทุบขโมยเงินสด

14 เมษายน 2552
10.00 น. แกนนำประกาศยุติการชุมนุมบนถนนรอบทำเนียบ รัฐบาล เพื่อป้องกันการสูญเสียที่จะเพิ่มขึ้นจากการปราบปรามของรัฐบาล จากนั้นแกนนำ 5 คน คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายแพทย์เหวง โตจิราการ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายสุพร อัตถาวงศ์ได้เข้ามอบตัวต่อ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รัฐบาล ระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 120 คน ระหว่างการชุมนุม ในเวลาต่อมา ได้พบศพ นปช. 2 คน ลอยตามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทางตำรวจสรุปว่าเป็นการฆาตกรรมด้วยชนวนเหตุทางการเมือง กลุ่มนปช. กล่าวอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 คน แต่ศพได้ถูกฝ่ายทหารเอาไปซ่อน แต่ทางกองทัพปฏิเสธ

17 เมษายน พ.ศ. 2552
แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ถูกลอบยิงตอนเช้ามืด โดยมือปืนได้ใช้อาวุธสงครามกราดยิงรถของนายสนธิกว่า 100 นัด นายสนธิและคนขับรถได้รับบาดเจ็บ กลุ่มมือปืนดังกล่าวได้หลบหนีเมื่อผู้ติดตามของนายสนธิในรถอีกคันหนึ่งใช้ ปืนเปิดฉากยิงใส่ นายสนธิถูกกระสุนเข้าที่ศีรษะ ก่อนจะได้รับการผ่าตัดในเข้ารักษาที่โรงพยาบาล นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล บุตรชายของนายสนธิ กล่าวประณามว่าว่ามีทหารหรือคนในรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าวและอ้างต่อไปว่าเขา นายอภิสิทธิ์ นายกรณ์ จาติกวาณิช รัฐมนตรีว่าการกระทวงการคลัง และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตกเป็นเป้าหมายของแผนการลอบสังหารด้วยเช่นกัน

สำหรับสาเหตุของการลอบยิงนั้น นายสนธิกล่าวว่า เพราะ "ผมไปเปิดโปงสุภาพสตรีคนหนึ่ง ซึ่งในภาพแสดงออกว่าเป็นคนใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท" แต่มิได้ระบุว่าเป็นผู้ใด



22 เมษายน 2552
นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวปาฐกถาที่"ดิ เอเชีย โซไซตี้" ที่นครนิวยอร์คของสหรัฐเมื่อวันอังคาร เชื่อมโยงอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณชินวัตร กับเหตุโจมตีเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ที่ตำรวจไทยระบุว่า มือปืนอย่างน้อยสองคนใช้รถประกบยิงรถของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้นำคนสำคัญของแนวร่วมพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเคยมีส่วนร่วมโค่นล้มรัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณเมื่อปี 2549 และการประท้วงที่ทำให้กรุงเทพฯเป็นอัมพาตเมื่อปีที่แล้ว ทำให้นายสนธิกับลูกน้องอีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บ "คิดว่าอดีตนายกฯ ทักษิณล้มเหลวในการใช้ความเคลื่อนไหวของขบวนการประชานิยม จึงได้หันไปใช้ความพยายามลอบสังหารในบางรูปแบบ"

23 เมษายน 2552
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) อภิปรายในที่ประชุมร่วมรัฐสภาโดยตั้งข้อสังเกตต่อเหตุการณ์การชุมนุมของ กลุ่ม นปช.ว่า ถูกบิดเบือนข้อเท็จจริงและทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงตกเป็นจำเลยสังคมว่า สร้างความวุ่นวายให้แก่บ้านเมือง ทั้งที่จริงแล้วเหตุการณ์ต่างๆ ถูกรัฐบาลจัดฉากขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น กรณีรถแก๊ส, การเผารถเมล์, การยิงมัสยิดในซอยเพชรบุรี 5 และ 7 รวมทั้งชาวนางเลิ้งที่ถูกยิงเสียชีวิต "พวกผมแสวงหามิตรในการชุมนุม ไม่ได้หาศัตรูในการชุมนุม...

กรณีรถแก๊ส รถเมล์ นางเลิ้ง เพชรบุรี และการฆ่าคนที่สามเหลี่ยมดินแดงคงไม่จบแน่ การเอาฝ่ามือปิดแผ่นฟ้าคงจะไม่มิด" นายจตุพร กล่าว ทั้งนี้ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติในกรณีรถแก๊สที่ถูกนำไปจอดย่านดินแดง และที่หน้าโรงแรมพูลแมน ซ.รางน้ำ โดยมีข้อมูลว่าแม้จะเป็นรถแก๊สจากคนละบริษัท แต่กลับพบว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทขนส่งแก๊สทั้ง 2 แห่งเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าเป็นการจัดฉากโดยหวังจะใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน

ส่วนกรณีเหตุเผารถเมล์นั้น ถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงไปปล้นรถเมล์มาเผาจริง ตามที่ถูกกล่าวหา เหตุใดผู้โดยสารหรือคนขับรถถึงไม่ไปแจ้งความ นอกจากนั้นในช่วงการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีทหารคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่หลายจุดทั่วกรุงเทพฯ นั้น เหตุใดถึงมีการขับรถเมล์เข้าไปกลางเมืองเพื่อจุดไฟเผาได้โดยง่าย ทั้งทีความจริงแล้วประชาชนหรือรถสักคนที่จะผ่านเข้าไปได้นั้นค่อนข้างยาก ลำบาก

ขณะที่เหตุยิงมัสยิดในซอยเพชรบุรี 5 และ 7 นั้น ยืนยันว่าคนเสื้อแดงหลายคนก็นับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะไปมีปัญหากับชาวมุสลิม ด้วยการเข้าไปบุกยิงหรือสร้างความเสียหายตามที่ตกเป็นข่าว "ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนเสื้อแดงจะไปมีปัญหากับคน เพชรบุรีซอย 5 ซอย 7...พวกเราไม่เลวพอที่จะมีปัญหากับศาสนิกชน ใครที่ยิงมัสยิดถือว่าเป็นคนเลว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสีไหนก็ต้องจับตัวมาดำเนินคดี" นายจตุพร กล่าว

ส่วนกรณีที่ชาวบ้านย่านนางเลิ้งถูกยิงเสียชีวิตนั้น ถือว่ายังมีความโชคดีที่พี่ชายของผู้เสียชีวิตยังให้ความเป็นธรรมกับกลุ่ม นปช. เพราะได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า กระสุนปืนที่ยิงเข้ามานั้นไม่ได้มาจากฝั่งของผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่อยู่ห่าง ไปถึง 200 เมตร แต่เชื่อว่ากระสุนมาจากด้านข้างซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มใด โดยจากทั้ง 4 เหตุการณ์นี้ ทางกลุ่ม นปช.ได้ตั้งรางวัลนำจับไว้กรณีละ 5 แสนบาท รวมทั้งหมด 2 ล้านบาท เพื่อหาตัวคนที่สร้างสถานการณ์ในการนำรถแก๊สไปจอด, คนปล้นรถเมล์, คนยิงมัสยิดในซอยเพชรบุรี และคนยิงชาวนางเลิ้ง

24 เมษายน 2552
รัฐบาลยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ปชป. เร่ง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ถอนพาสปอร์ต นายจักรภพ เพ็ญแข บีบไม่ให้มีที่ยืน ด้านทักษิณ อดีตนายกฯบินไปประเทศไลบีเรีย อ้างอยากสร้างสัมพันธ์ไทยกับประเทศแถบแอฟริกา ตร. ไม่แน่ใจว่า ไลบีเรีย เป็นสมาชิกองค์กรตำรวจสากล หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เร่งลงนามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดี ส่วนนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขยันเกินหน้าที่ บุกไปถึงบ้านพักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เมืองดูไบ เพื่อตามล่า อดีตนายกรัฐมนตรี


27 เมษายน 2552
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ยอมรับว่า ทางการของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ยังไม่มีคำสั่งห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าประเทศ เพียง ยูเออี ไม่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประเทศของเขาในการเคลื่อนไหวทางการเมือง จึงทำหนังสือแจ้งต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องนี้แล้ว

29 เมษายน 2552
โรคภัยที่ถือว่าระบาดมากที่สุดในรอบปี 2552 คงหนีไม่พ้น ไข้หวัดเม็กซิโก หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 คร่าชีวิตคนทั้วโลกไม่น้อยกว่า 12,954 ราย

2 พฤษภาคม 2552
นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงกำหนดการเดินทางไปโรดโชว์ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 5-8 พ.ค.นี้ ว่า เนื่องจากมีปัญหาขัดข้องในเรื่องสถานการณ์ระหว่างสองประเทศ นายกรัฐมนตรี จึงแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้ยังไม่พร้อมจะเดินทาง

6 พฤษภาคม 2552
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ย้ำขอความร่วมมือนานาประเทศไม่ให้ “พ.ต.ท.ทักษิณ” เคลื่อนไหวทางการเมือง

9 พฤษภาคม 2552
หนังสือพิมพ์ "เดลี่ เอ็กซ์เพรส" ของสาธารณรัฐมอนเตเนโกร รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมประมูลซื้อเกาะ "สเวตติ นิโคลา" (Sveti NiKola) นอกชายฝั่งเมืองบุดวา เมืองท่องเที่ยวหลักของมอนเตเนโกร ริมทะเลเอเดรียติก ฉายาเกาะ "ฮาวาย" ของมอนเตอเนโกร ภายหลังที่ธนาคารเพอร์วา บังก้า เซอร์เน โกเร่ (เฟิร์สต์ แบงก์ ออฟ มอนเตเนโกร) ได้ประกาศประมูลขายเกาะดังกล่าว เป็นมูลค่า 28 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,288 ล้านบาท หลังจากได้รับพาสปอร์ตของดินแดนแห่งนี้ โดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า ได้รับพาสปอร์ตมาอย่างไร

10 พฤษภาคม 2552
งานแดงทั้งแผ่นดินสัญจร ครั้งที่ 7 ภายใต้หัวข้อ "ความจริงวันนี้ ใครทำร้ายประเทศไทย" จัดขึ้นที่วัดไผ่เขียว เขตดอนเมือง แต่จะไม่มีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

โดยงานดังกล่าวจะมีรูปแบบคล้ายกับการจัดงานครั้งที่ผ่านมา มีกิจกรรมบนเวทีและการปราศรัยของแกนนำ รวมทั้งจะมีการเปิดเผยวีซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ที่รัฐบาลเข้าสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา

12 พฤษภาคม 2552
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีมีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี มีชื่อเป็นผู้ร่วมประมูลเกาะในประเทศมอนเตเนโกรซึ่งจะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้วีซ่าเสรีในการเดินทางเข้าสหภาพยุโรปทันที ว่า ตนเห็นรายงานแล้วแต่ยังไม่มีอะไรยืนยัน กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการติดตามเรื่องนี้อยู่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการให้สถานทูตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ซึ่งเป็นสถานเอกอัครราชทูตที่ใกล้ประเทศมอนเตเนโกรมากที่สุด ได้ตรวจสอบเรื่องหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว อีกทั้งยังได้สั่งการไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ประสานกับสถานเอกอัครราชทูตมอนเตเนโกร ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นสถานเอกอัครราชทูตที่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด และยังให้คณะทูตถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ต่อกับคณะทูตถาวรมอนเตเนโกร ประจำสหประชาชาติ ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกัน

15 พฤษภาคม 2552
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะบินเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เดินสายแจงนักธุรกิจฮ่องกงและสื่อต่างประเทศ ย้ำไทยยังน่าลงทุน หวังสร้างความเชื่อมั่น คงระดับการท่องเที่ยวร่วมกัน และยืนยันกับสื่อต่างชาติว่าจะดำเนินคดีทุกคดีภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสีใดก็ตาม แถมจี้ทักษิณกลับประเทศ

27-28 มิถุนายน 2552
งานแดงทั้งแผ่นดินสัญจร ครั้งที่ 8 จัดขึ้นที่ท้องสนามหลวง

27 กรกฎาคม 2552
คนเสื้อแดงหลายสิบจังหวัดและหลายประเทศ ร่วมกันจัดงานเพลทั้งแผ่นดิน แซยิดทักษิณ 60 ปี เนื่องจากรัฐบาลสั่งห้ามจัดที่สนามหลวง ส่วนบิ๊กเซอร์ไพร์สของทักษิณ คือ เปิดทีวี100ช่องคลุมทั่วโลก เพื่อขายสินค้าโอท็อป เรียลลิตี้ชีวิตคนจน และ ติวเตอร์นักเรียน

17 สิงหาคม 2552
12.00 น. กลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนขบวนจากท้องสนามหลวงไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยริ้วขบวนนำโดยนักเรียนนักศึกษา ถือพาน พุ่มเงินพุ่มทองและพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้น เป็นตัวแทนของกลุ่มเสื้อแดง 10 คน ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ยื่นถวายฎีกา ตามด้วยขบวนธงชาติ 75 ผืน , พระสงฆ์ 1,000 รูป ปิดท้ายขบวนด้วยใบฎีกาห่อผ้าแดง กล่องละ 1 หมื่นรายชื่อโดยใช้ประชาชน 2 คน หามรายชื่อ 2 คน ต่อ 1 กล่องจำนวนมาก

หัวขบวนได้ออกมาจากท้องสนามหลวง เพื่อเคลื่อนไปตามถนน ผ่านโรงแรมรัตนโกสินทร์ ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่ออ้อมไปยังพระบรมมหาราชวัง ขณะที่ประชาชนบางส่วนที่ไม่ได้ร่วมขบวนไปยังปักหลักชุมนุอยู่ที่ท้องสนามหลวง โดยตะโกนให้กำลังใจผู้ที่อยู่ในขบวนอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของการ์ดเสื้อแดงอย่างหนาแน่น

12.25 น. ขบวนฎีกาของ กลุ่มเสื้อแดงได้ เคลื่อนมาถึงด้านประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง มี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) ซึ่งทำหน้าที่รับชอบควบคุมสถานการณ์อยู่บริเวณดังกล่าว มีแผงเหล็กมากั้น ได้ขอร้องกลุ่มเสื้อแดงไม่ให้ข้ามถนนหน้าพระลาน เพื่อมายังฝั่งพระบรมมหาราชวัง เพื่อขอเปิดถนนดังกล่าว เพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรตามปกติ ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงปฏิบัติตามแต่โดยดี

โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ ได้ขึ้นรถตำรวจพร้อมกล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงให้กับมวลชน ทราบว่า เมื่อถึงเวลาที่ตัวแทนยืนใบถวายฎีกาขอให้มวลชนอย่าเดินตามไป ให้สงบนิ่งอยู่กับที่

13.00 น. ถนนหน้าพระลาน นายวีระ มุสิกะพงศ์ เป็นตัวแทนกลุ่มเสื้อแดงอ่านคำถวายฎีกา ต่อหน้านายอินจันทร์ บุราพันธ์ พร้อมมอบใบฎีกาให้เป็นที่เรียบร้อย จากนั้นพระภิกษุ 5 รูปได้ยื่นถวายใบฎีกานำโดย พระมหาโชทัศนีโย ได้ยื่นต่อและพระสงฆ์ได้นำสวดมนต์ สร้างความดีใจของกลุ่มเสื้อแดงที่มายืนรอเต็มถนน หน้าพระลาน

ผู้สื่อข่าวรายงาน บริเวณได้มีเสียงฟ้าร้องเป็นระยะๆ ทำให้ชาวเสื้อแดงพูดคุยว่าการยื่นฎีกาครั้ง นี้มีฟ้าเป็นพยาน

14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบหลายนาย ช่วยกันขนกล่องบรรจุใบฎีกาของกลุ่มเสื้อแดงขึ้น รถหกล้อจำนวน 7 คัน โดยแต่ละกล่องจะมีเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวังประทับตราและเช็นต์ชื่อบน กล่องทุกใบ เพื่อนำไปยังสำนักงานราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง และเมื่อหกล้อคันสุดท้ายได้ผ่านเข้าไปยังประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง เพื่อรับกล่องรายชื่อถวายฎีกา กลุ่มเสื้อแดงต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวถึงรายชื่อทั้งหมดที่มายื่นถวายฎีกาครั้งนี้มีจำนวนประมาณ 3.5 ล้านใบ โดยคัดออกไปกว่า 2 ล้านใบที่พบว่าอาจจะมีปัญหา ทั้งนี้ เพื่อความมั่นใจว่าใบฎีกาทุกจะมีความถูกต้อง เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามนำมาโจมตีได้ โดยเฉพาะยิ่งเมื่อเห็นของกระทรวงมหาดไทยล่ารายชื่อแบบสุกเอาเผนกินทำให้เรา ยิ่งต้องรอบคอบ จะไม่ยอมให้เกิดข้อพลาดแม้น้อย ซึ่งจะทำให้ฎีกาทั้งหมดเกิดความเสียหายไปด้วย

นายจตุพร กล่าวอีกว่าในระหว่างที่มีการยื่นฎีกานั้น นายวีระ ได้กล่าวแสดงกับรองราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง ที่ออกมารับหนังสือว่า มีความกังวลว่ารัฐบาลจะมายุ่งมาใบรายชื่อ และสกัดกั้นการถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งทางสำนักราชเลขาธิการได้ยืนยันว่าจะดำเนินการตามระเบียบปฎิบัติที่ได้ เคยดำเนินการมา

"ที่ผ่านมามีการยื่นฎีกากันทุกวัน แต่ก็ไม่เคยส่งไปให้รัฐบาลตรวจสอบ ดังนั้น แม้ฎีกาหนึ่งชื่อหรือสามรายชื่อก็มีค่าเท่ากัน เคยปฎิบัติมาอย่างไรก็ต้องปฎิบัติไปอย่างนั้น ให้เหมือนกับฎีกาอื่นๆ หลังจากนี้กลุ่มเสื้อแดงจะหยุดเรื่องการฎีกา ยกเว้นอาจจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าาวหาเรา และภายในสองวันแกนนำจะหารือวางแผนเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลต่อไป แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการด้วยสันติวิธี" นายจตุพร กล่าว

15.00 น. สำนักราชเลขาธิการ ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่เสื้อแดงยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อความว่า ตามที่นายวีระ มุสิกพงศ์ กับแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ทูลเกล้าฯถวายฎีกาให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 17 สิงหาคม 2552 เวลา 13.00 น. ณ บริเวณประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวังนั้น

สำนักราชเลขาธิการ ขอชี้แจงให้ทราบว่า ตามขั้นตอนที่เคยปฏิบัติมา เมื่อสำนักราชเลขาธิการได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายเกี่ยวกับการขอพระราชทานอภัยโทษ การขอพระราชทานความเป็นธรรม และการขอพระราชทานความช่วย สำนักราชเลขาธิการต้องส่งฎีกาทุกเรื่องให้รัฐบาลพิจารณาถวายความเห็นประกอบ พระราชดำริต่อไป ลงชื่อสำนักราชเลขาธิการ พร้อมตราครุฑ ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2552

20 สิงหาคม 2552
การประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) สรรหาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่กลายเป็นการชิงดำระหว่าง พล.ต.อ. ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ที่เสนอชื่อโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐ มนตรี แต่ ก.ต.ช. บางคนสนับสนุน พล.ต.อ. จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. ที่สุดไม่มีข้อสรุป นายอภิสิทธิ์จึงสั่งเลื่อนการประชุมแบบไม่มีกำหนด ส่งผลกระทบต่อภาวะความเป็นผู้นำ ของนายอภิสิทธิ์ นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึง “สัญญาณพิเศษ” จนสุดท้ายนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ต้องยื่นใบลาออกสะท้อนภาพรอยร้าวลึกภายในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เป็นครั้งแรก

7 กันยายน 2552
คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ซึ่งมี นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาคดีสั่งการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งที่ประชุมมีมติชี้มูลความผิดนักการเมืองและนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง ตามข้อกล่าวหา ประกอบด้วย

1.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี มีความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งเรียกประชุม ครม.นัดพิเศษในคืนวันที่ 6 ตุลาคม 2551 โดยมอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้สั่งการ และเปิดทางให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าสู่รัฐสภา ซึ่งที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด 8 ต่อ 1

2.พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มีความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ และสั่งการให้ตำรวจผลักดันผู้ชุมนุมโดยใช้แก๊สน้ำตา ซึ่งที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด 6 ต่อ 3

3.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ เมื่อเกิดเหตุรุนแรงจนถึงขั้นผู้ชุมนุมบาดเจ็บสาหัส ถึงขนาดขาขาดแขนขาด ก็ต้องยับยั้งมิให้เหตุการณ์ลุกลามต่อไป และมีการให้การจากพยานว่า เป็นผู้สั่งการสลายการชุมนุม จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและมีความผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด 8 ต่อ 1

4.พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ และเป็นเจ้าของพื้นที่ มีความผิดวินัยร้ายแรงและอาญา เช่นกัน โดยที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด 8 ต่อ 1

สำหรับ พลตำรวจตรี ลิขิต กลิ่นอวล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรี เอกรัตน์ มีปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรี วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรี จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกปฏิบัติหน้าที่ในการสลายการชุมนุมครั้งนี้ ทั้งหมด เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ในความควบคุมรับผิดชอบและสั่งการของผู้บัญชาการตำรวจ นครบาล ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พฤติการณ์และพยานหลักฐานยังไม่พอฟังว่ามีมูลเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ราชการ จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป

ส่วน พลตำรวจเอก วิโรจน์ พหลเวชช์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่ามีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นดังกล่าว ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยพลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และพลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว และไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และพลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง

21 กันยายน 2552
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษายกฟ้อง 44 จำเลย ในคดีทุจริตจัดซื้อต้นกล้ายาง พารา จำนวน 90 ล้านต้น
มูลค่า 1,440 ล้านบาท หลังศาลตัดสิน จำเลยทั้ง 44 คน ไม่มีความผิดไม่ว่าจะเป็น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรอง นายกรัฐมนตรี นายเนวิน ชิดชอบ อดีต รมช.เกษตรฯ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต รมว.เกษตรฯ และนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช. คลัง คดีนี้หลายฝ่ายจับตามองโดยเฉพาะที่ตัวนายเนวิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเชื่อกันว่าถ้านายเนวินถูกตัดสินอาจกระเทือนถึงเสถียรภาพของรัฐบาล

2 ตุลาคม 2552
จากมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ชี้มูลว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็น 1 ในผู้กระทำผิดอาญาจากคดีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ได้สร้างความไม่พอใจต่อ พล.อ.ชวลิต จนถึงขั้นตัดสินใจหวนคืนเวทีการเมืองด้วยการสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และรับตำแหน่งเป็นประธานพรรคแต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ฝากข้อคิดสะกิดใจไปบอกถึง พล.อ.ชวลิต ว่า “ขอให้คิดให้รอบคอบ ไม่อย่างนั้น จะกลายเป็นการกระทำที่เป็นการทรยศต่อชาติ”


23-25 ตุลาคม 2552
ไทยจัดประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15 และการประชุมกับประเทศคู่เจรจาใหม่ ที่ อ.ชะอำ และ อ.หัวหิน ก่อนจะส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้ประเทศเวียดนาม ในปี พ.ศ. 2553

4 พฤศจิกายน 2552
รัฐบาลกัมพูชาประกาศแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ต้องโทษจำคุก 2 ปี ให้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา ขณะเดียวกันปฏิเสธการส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณให้แก่ไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไทยจึงประท้วงโดยเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศกัมพูชากลับทันที ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาได้ เรียกเอกอัครราชทูตกลับเช่นกัน

10 พฤศจิกายน 2552
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รับข้อเสนอเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา

15 พฤศจิกายน 2552
20.55 น. ที่เวทีชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณท้องสนามหลวง ช่วงเวลาที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ กำลังปราศรัยอยู่บนเวทีในหัวข้อทำไมต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่นั้นได้มีคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์โยนระเบิดเข้ามาบริเวณใต้ต้นมะขาม ด้านหลังเวที ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดพระแก้ว เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 11 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 1 ราย ได้รับบาดแผลที่ขาซ้าย ทั้งนี้ภายหลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับหนีออกไปจากสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ส่วนผู้บาดเจ็บกำลังนำส่งโรงพยาบาลกลาง 10 วชิระ 1 แล้ว จากการตรวจจุดเกิดเหตุพบหลุมที่เกิดจากแรงระเบิดขนาด 2-3 ซม. ทั่วบิรเวณพบสะเก็ดคล้ายประทัดยักษ์

17 พฤศจิกายน 2552
กัมพูชาจับกุมนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย ประจำหน่วยงานจราจรอากาศของบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส (แคตส์) ข้อหาจารกรรม ข้อมูล การบินทักษิณส่งให้เลขาทูตไทยในกัมพูชา

24 พฤศจิกายน 2552
นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ถึงแก่อนิจกรรมด้วยวัย 74 ปี ด้วยโรคมะเร็งตับ ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ถือเป็นการปิดฉากนักการเมืองรุ่นลายครามที่มีลีลาทางการเมืองที่เป็น เอกลักษณ์ ของตนเอง นายสมัครเริ่มต้นทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นได้รับแต่งตั้งเป็น รมว.มหาดไทย ในรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร ต่อมาได้ก่อตั้งพรรคประชากรไทย และเคยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อปี 2543 ด้วยคะแนนเกิน 1 ล้านเสียง ก่อนมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชนจนชนะเลือกตั้งก้าวขึ้นเป็นนายก รัฐมนตรีคนที่ 25 แต่ต้องหลุดจากตำแหน่งเพราะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ เอื้อประโยชน์ให้ตนเองจากกรณีเป็นพิธีกรรายการ “ชิมไป บ่นไป”


11 ธันวาคม 2552
กษัตริย์นโรดม สีหมุนี แห่งกัมพูชา พระราชทานอภัยโทษแก่นายศิวรักษ์
ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย ประจำหน่วยงานจราจรอากาศของบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส (แคตส์) จากโทษข้อหาจารกรรม

28 ธันวาคม 2552
นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข แถลงผล สอบสวนสรุปว่าส่อไปในทางทำให้เกิดการทุจริตจริงและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้

29 ธันวาคม 2552
นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ประกาศลาออก ทั้งนี้โครงการไทยเข้มแข็งถือเป็น “จุดขาย” ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์หวังจะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความนิยมทางการเมืองแต่ต้องมาสะดุดเพราะเกิดปัญหาเรื่อง ความไม่ชอบมาพากล



อ้างอิง : ไทยรัฐ , เดลินิวส์, สำนักข่าวไทย, กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, มติชนออนไลน์, คม-ชัด-ลึก, INN, คลิปเหตุการณ์ช่วงสงกรานต์เลือดจากหลายๆ CD , สำนัก ข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
บทความ สงคราม อำมหิตยาธิปไตย vs ประชาธิปไตยเสื้อแดง บทวิเคราะห์ประมวลพลวัตรเหตุการณ์ 8 – 14 เมษายน 2552 กรุงเทพฯ – พัทยา – กรุงเทพฯ โดย “รศ. ดร. วรพล พรหมิกบุตร”
,
http://th.wikipedia.org /wiki/วิกฤตการณ์การ เมืองในประเทศไทย_พ.ศ._2548-2553
http://th.wikipedia.org/wiki/การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
http://www.charuaypontorranin.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538971791&Ntype=6
http://www.suthichaiyoon.com/WS01_A001_news.php?newsid=9914
http://www.naewna.com/news.asp?ID=157025

http://thaienews.blogspot.com/2009/07/blog-post_3446.html
http://maha-arai.blogspot.com

------------------------------------------------------

FfF