มีความพยายามดิสเครดิตพรรคเพื่อไทย
ซึ่งผูกติดกับทักษิณและคนเสื้อแดง
ว่าเป็นพรรคเพื่อเขมรบ้าง เพื่อไพร่บ้าง
ช่วงที่ทักษิณไปเป็นที่ปรึกษาเขมร
คำว่าพรรคเพื่อเขมร
เริ่มมีคนนำมาดิสเครดิต
ความหมายคงไม่ต้องแปลซ้ำ
อ่านแล้วคงเข้าใจว่าดิสเครดิตยังไง
และพอแกนนำเสื้อแดงสร้างกระแสคำว่า "ไพร่" ขึ้นมา
พรรคเพื่อไพร่ก็ถูกนำมาเล่นทันที
ดังตัวอย่างข้างล่างนี้
------------------------------------------------------
วันจันทร์ ที่ 22 มีนาคม 2553
พรรคเพื่อไพร่ .... ปลดหนี้ได้ใน 24 ชั่งโมง
Posted by ชื่อเย็นเป็นยามโปรดเรียกพ้มว่ายามเย็น , ผู้อ่าน : 270 , 11:59:54 น.
หลังจากพยายามยกตัวเองให้เข้าทำเนียบ นัก เรียกร้อง
ประชาธิปไตย เช่น ท่านคานธี , ท่านแมนเดล่า หรือ คุณซูจี
แต่สุดท้ายคนของท่าน ก็สรุปให้ท่านเป็นได้แค่ "ไพร่"
และยังสรุปให้ทุกคนที่ร่วมอุดมการณ์เป็น "ไพร่" ทั้งผอง
หัวหน้าไพร่ กลับบ้านก็ยากเต็มทน
สักพักประชาชนผู้ร่วมอุดมการณ์ก็ จะสลัดความไพร่ทิ้งในที่สุด
แล้วกลับมาเป็นราษฏร์ผู้มีศักดิ์มีศรีกว่าไพร่เป็นไหนๆ.....
ส่วนหัวหน้าไพร่ และแกนนำคงอยากที่จะหลุดพ้นความเป็นไพร่
ญาติพี่น้องคุณคงภูมิใจที่คุณรวบ เอาเขาเหล่านั้นไปเป็นไพร่ด้วย
อีกไม่นาน "ไพร่" คงเดินขวักไขว่ในต่างแดน.......
ไหนๆ ก็ไหนๆ ...... ตั้ง "พรรคเพื่อไพร่" เลย ....เท่ห์ดีครับ
หัวหน้าพรรค และกรรมการพรรค อยู่ต่างประเทศหมด
ผู้สมัคร สส. ก็ใช้ไพร่นำหน้า เช่น
โปรดเลือกผม ไพร่ยามเย็นฯ ..... เบอร์ 1 พรรคเพื่อไพร่....
ใช้นโยบาย
1. ทุกหมู่บ้านให้พิมพ์ธนบัตรได้เอง จะได้ปลดหนี้ภายใน 24 ชม.
2. ให้ประชาชนออกรัฐธรรมนูญได้คนละ 1 มาตรา
แค่นี้ก็ตอบโจยท์ทุกข้อ คือ
1. แก้ปัญหาความยากจน และปลดหนี้ได้จริง
2. มีรัฐธรรมนูญ ที่เป็นของประชาชนโครตๆ
3. ไม่ต้องทำไร่ทำนา หรือประกอบอาชีพให้เหนี่อย มีเงินมากมาย สั่งซื้อได้ทุกอย่าง
4. รวยมากถึงขนาด ส่งเสริมให้ทุกคน ครอบครองดินแดนในส่วนต่างๆ ของโลก เช่น ท่านผู้นำไพร่
................... ดีมั้ย .........................
http://www.oknation.net/blog/YAM-YAN/2010/03/22/entry-1
------------------------------------------------------
ส่วนพรรคเพื่อไพร่ใน facebook
ผมไม่รู้ตั้งเมื่อไหร่แต่ผมเข้าใจว่าหลังจากบทความข้างบนแน่ๆ
เพราะนั่นเขียนในวันจันทร์ ที่ 22 มีนาคม 2553
และผมไม่แน่ใจว่าทำเพื่อความสนุก สะใจ ขำขำ
หรือน้อยเนื้อต่ำใจ อย่างเดียวหรือไม่
หรือมีอย่างอื่นแอบแฝง แต่ขอคิดในแง่ดีว่า
เป็นแบบแรก และอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ว่าการเลียนแบบลักษณะแบบนี้ในทางการเมือง
อาจมองได้ว่าเป็นเกมสกปรก
อย่าว่าแต่โลโก้เก่าที่เลียนแบบพรรค พท. แทบทุกอย่าง
สโลแกนก็ไม่ต้องการให้คนเลือก
ถ้าช่วงเลือกตั้งมีชื่อพรรคนี้ไปติดตามที่ต่างๆ
มันมีผลต่อความสับสนได้เหมือนกันน่ะ
คุณลองตั้งพรรคปากชอบปด
แล้วใช้ตัวย่อ ปชป. ไปหาเสียง
หรือไปติดทั่วบ้านทั่วเมืองดู
พวก ปชป. เขาจะมองเป็นอื่นไม่ได้เลย
นอกจากเกมดิสเครดิตเขา
ซึ่งก็เช่นเดียวกับกรณีพรรคเพื่อไพร่
ดังนั้นการทำอะไรสนุก ขำขำ ก็คลายเครียดดี
แต่ว่าบางทีมันทำให้เกิดผลเสีย
หรือเกิดความสับสนเพิ่มขึ้นได้เหมือนกัน
จึงต้องระวังกันสักนิดหนึ่ง
กรณีคำว่าไพร่ ผมได้อธิบายไว้เยอะแล้ว
ตามเรื่องข้างล่าง นี้
<<< สันดานไพร่ VS สันดานคนธรรมดา >>>
ว่าทำไมผมไม่ชอบคำคำนี้
แม้จะเป็นคำที่ฮิตมีคนใหญ่คนโตเห็นด้วยก็ตาม
ถ้าใครจะมาลดชั้นให้ผมเป็นไพร่ หรือมาเหมาให้เป็นไพร่
ผมด่าเปิงแน่
เขามีแต่สู้เพื่อยกชั้นให้เท่าเทียมกัน
ไม่ใช่ยิ่งสู้ยิ่งลดชั้นตัวเองไปเรื่อยๆ
ถ้าต้องการสู้เพื่อไม่ให้มีชนชั้น
ก็ต้องไม่สร้างชนชั้นขึ้นมา
เพราะถ้าเราสร้างชนชั้นขึ้นมา
มันก็มีชนชั้นขึ้นมา
แต่ถ้าต้องการสู้เพื่อเพื่อความเท่าเทียมกัน
ก็ต้องต่อต้านการมีชนชั้นอย่างเต็มที่
ถ้าใครมาดูถูกหรือทำตัวว่าเราต่ำชั้นกว่า
ก็ต้องลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ไม่ใช่ยอมรับชนชั้นนั้นๆ อย่างจำนน
จะเห็นว่าหลายๆ เรื่อง
ผมก็ไม่เห็นด้วยกับที่แกนนำทำ
แถมเขียนวิพากย์วิจารณ์ อีกด้วย
ก็เพราะผมถือว่า
ผมสู้เพื่อความเท่าเทียมกัน
ไม่มีชนชั้นแกนนำ ทุกคนเท่าเทียมกัน
มีสิทธิเสนอแนะวิพากย์วิจารณ์กันได้
ถ้าแตะต้องไม่ได้
และทำตัวเหมือนเป็นคนชนชั้นสูงกว่า
ผมก็จะไม่สนใจแตะต้อง
และไม่สนใจว่าเป็นชนชั้นสูงกว่าผม
ยังไงก็เห็นเป็นคนเหมือนกัน
และอยากให้ทุกคนคิดแบบเดียวกัน
ควรมั่นใจว่าตนเองเป็นคนเหมือนกัน
กล้าคิด กล้าทำ กล้านำตนเอง
อย่าได้ดูถูกตนเองว่า
เกิดมาชาตินี้
ต้องมีคนนำ ต้องมีหัวหน้า ต้องมีคนออกคำสั่ง
ไม่เช่นนั้นชีวิตไปไม่เป็น แบบนั้นไม่น่าจะดี
และจะเห็นได้ว่าหลายๆ เรื่องเลยทีเดียว
ที่คุณคิดว่าแกนนำคิดดีแล้ว ทำตามไปเหอะ
ประเภท ห้ามซัก ห้ามถาม ซาบซึ้งได้อย่างเดียว
แต่จริงๆ แล้ว จะพบว่าหลายๆ เรื่อง
ไม่รอบคอบ ประมาทเลินเล่อ
และไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่อยากจะเห็นกันได้
บางเรื่องผมก็ด่าเปิงมาแล้วกรณี ให้ ส.ส. ลาออกทั้งสภา
ผมยังด่าไว้ว่าถ้านี่คิอความคิดที่เรียกว่าทำงานเป็นทีม
เหมือนที่คนแก้ต่างว่าเขามีทีมที่ปรึกษามากมาย
ไม่ได้คิดคนเดียว ผมว่าเป็นทีมที่แย่
เพราะส.ส. ลาออก พรรคต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อเลือกตั้งใหม่
ต่อคนยี่สิบล้านได้ แล้วเกือบสองร้อยกว่าคนกี่พันล้านบาท
แล้วสมัยบิ๊กจิ๋วก็เคยลาออกมาแล้ว
แต่ชวนก็ทำงานครบเทอมไม่เห็นมีอะไรกดดัน
และการลาออกหมดจะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง
แถมจะไม่มีคนอภิปรายในสภา
ถ้าเกิดการสลายม็อบมีคนตายเหมือนสงกรานต์เลือดปีที่แล้ว
แล้วเห็นไหมว่าประโยชน์ของการไม่ลาออก
ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด
ถึงคว่ำรัฐบาลไม่ได้ แต่ได้ชี้แจงให้คนทั่วไปได้ทราบ
ความจริงที่ถูกปกปิดอีกด้านหนึ่ง
ซึ่งก็ต้องขอชมหลายคน หนึ่งในนั้นคือจตุพร
ผมอดนอนนั่งฟังจนจบไม่ผิดหวังจริงๆ
เหล่านี้แหล่ะ คือการแสดงให้เห็นว่า
ถ้าทุกคนไม่ช่วยกันคิด ช่วยกันแย้งในสิ่งที่เห็นว่า หลงทาง
ก็จะพากันหลงทางไปจริงๆ
ถ้าทุกคนกล้าเสนอแนะเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยยังไง
ความรอบคอบจะเพิ่มขึ้น การสูญเสียพลาดพลั้งก็จะน้อยลง
<<< การถอยดีกว่า คอยจนอ่อนล้า หรือว่าลุยจนเสียหาย >>>
โดย มาหาอะไร
FfF