บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


15 มิถุนายน 2553

<<< หัวสว่าน กับ การเมือง >>>

สว่านเป็นอุปกรณ์เจาะไม้ คอนกรีต หรือ เหล็ก
ปกติมันจะมีหลายๆ หัว บางหัวแหลมเล็ก บางหัวก็ใหญ่
มีลักษณะเป็นเกลียวเพื่อจะได้ทะลุทะลวงได้ดี
หัวแหลมๆ ปกติเขาจะใช้เจาะ
เพื่อนำร่องให้เป็นรูเล็กน้อย
จากนั้นถึงเปลี่ยนเป็นหัวใหญ่ๆ
เพื่อให้มันขยายรูได้กว้างขึ้น
ถ้าต้องการจะให้มีรูกว้างๆ

ถ้าเปรียบเทียบกับเรื่องม็อบการเมือง
หัวสว่านแหลมเล็ก ก็คือม็อบหัวหมู่ทะลวงฟัน
ที่เสี่ยงตายก่อตัวขึ้นท่ามกลางสภาวะไม่ปกติ
เช่นอยู่ในช่วงต้นๆ ของการยึดอำนาจ
หรืออยู่ในช่วง พรก.ฉุกเฉิน
เมื่อเริ่มก่อตัวได้มีคนร่วมหลายพัน
คราวนี้ก็จะมีการเปลี่ยน
เป็นทีมที่สามารถขยายมวลชนได้เพิ่มมากขึ้น
หรือใช้หัวสว่านที่ใหญ่ขึ้น
แต่ไม่ใช่ว่าพอเปลี่ยนมาใช้หัวสว่านที่ใหญ่ขึ้นแล้ว
จะต้องโยนหัวสว่านเล็กแหลมเหล่านั้นทิ้งไป
เพราะมันมีโอกาสได้ใช้งานในอนาคตอีกเรื่อยๆ
ถ้าเห็นว่าหัวสว่านใหญ่ขยายรูได้ดีกว่า
แล้วก็โยนหัวสว่านแหลมเล็กทิ้งไปไม่ใยดี
วันหนึ่งจำเป็นต้องใช้เพื่อเจาะรูอีกครั้ง
จะเสียเวลาในการตามหาหัวสว่านแหลมเล็กเหล่านี้

ถ้าจะพูดกันให้เห็นภาพไปเลย
จะขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัว
ที่ได้มีโอกาสพบเจอหัวสว่านทั้งสองรูปแบบ

ครั้งแรกคือหลัง 19 กันยาหรือหลังการทำรัฐประหารปี 49
ได้เกิดกลุ่มคนเล็กๆ เสี่ยงตายในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน
รวมตัวกันจัดตั้งม็อบได้สำเร็จที่สนามหลวง
ในนามกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ
กลุ่ม 19 กันยาของคุณสมบัติ บุญงามอนงค์
และกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยอีกหลายกลุ่ม
หลังจากนั้นประมาณครึ่งปีให้หลัง
กลุ่ม PTV ก็มารับช่วงต่อ
และกลายเป็น นปก. นปช. กลุ่มคนเสื้อแดงในที่สุด
ซึ่งกลุ่มแรกๆ บางกลุ่มก็ถูกสลายตัวไปในที่สุด
บางคนยังโดนกีดกันไม่ให้ขึ้นเวทีใหญ่ก็มี
ขนาดไปขึ้นเวทีเล็กๆ ห่างเวทีใหญ่ยังโดนตามราวี
ซึ่งผมอยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้นหลายครั้ง

หลังเมษาเลือดปีที่แล้ว
มีโอกาสเข้าไปสนามหลวง
หลังแกนนำมอบตัวและยุติการชุมนุม
ก็มีกลุ่มคนเล็กๆ เริ่มก่อตัวขึ้นที่สนามหลวง
ประมาณหลายร้อยคน
ผมไปเห็นกลับมาเล่าที่เว็บพันทิพ
ก็มีคนรู้ข่าวไปสมทบมากขึ้นกว่าเดิม
และวันที่แกนนำไปขึ้นศาลอาญา ที่รัชดาปีนั้น
ผมได้ตามไปและได้พยายามชวนคนเสื้อแดง
ที่มาให้กำลังใจแกนนำไปหาอะไรกินที่ท้องสนามหลวง
โดยเล่าให้เขาฟังว่ามีคนหลายร้อยไปดูว่าว
และไปหาข้าวกินแถวนั้นทุกเย็น
ปรากฏว่าเย็นวันนั้นผู้คนหนาตา
ส่วนใหญ่ผมจำได้เจอที่ศาลอาญาตอนเช้าค่อนข้างเยอะ
จนเพิ่มระดับเป็นพันขึ้น
และวันต่อๆ มาคนก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
แต่โชคร้ายนิดหน่อย มีคนกลุ่มหนึ่งมาล้อมผม
และกล่าวหาว่าผมเป็นแดงเทียมบ้าง
อยากเป็นแกนนำบ้าง
ทั้งๆ ที่ผมเขียนในเว็บ
เน้นให้ทุกคนเป็นแกนนำตนเองมาเป็นปี
และช่วงที่ไปสนามหลวงก็พูดกับคนที่จับกลุ่มกันเป็นกลุ่มๆ ว่า
ทุกคนที่นี่สามารถเป็นแกนนำตนเอง
สามารถนำตนเองมาที่สนามหลวงได้
โดยไม่มีแกนนำสักคนแบบนี้
และผมยังกลับมาเขียนหลายเรื่อง
หนึ่งในนั้นคือเรื่องที่ผมสนับสนุนการชุมนุมแบบนี้
ไม่มีแกนนำ จะได้ไม่โดนจับ
และไม่มีเวที จะได้ไม่เปลือง
ไม่ต้องทำตามนายทุนสั่ง
ม็อบแบบนี้อยู่ได้เป็นสิบปี

ด้วยความรำคาญพวกที่มารุมกล่าวหาผม
ผมก็เลยไม่ได้เข้าไปอีก จนกระทั่งมีม็อบใหญ่
ซึ่งผมก็พอรู้ว่าเป็นคนของพวกใคร
แต่ไม่รู้ว่าของใครเท่านั้น เดาไม่ยาก
เพราะเห็นบ่อยๆ เวลาผมไปร่วมม็อบเสื้อแดง
นี่เป็นปัญหาหนึ่งที่เจอกับตนเอง
ถึงเข้าใจความรู้สึกของบางคนที่โดนกีดกัน
เพราะกลัวคนอื่นจะมาแย่งนำ
และลืมตัวไปว่าหัวหมู่ทะลวงฟันพวกนี้
ถึงแม้ว่าจะสร้างมวลชนขนาดใหญ่ไม่เยอะเท่า
แต่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

เมื่อวันหนึ่งสถานการณ์วนกลับมาเริ่มต้นกันใหม่อีก
ซึ่งจะเป็นแบบนี้อีกหลายรอบ
เพราะกลยุทธ์ต่างๆ ไม่ทันฝ่ายตรงข้าม
แถมไม่มีระบบคัดคนทำงานที่ดีพอ ไส้ศึกเต็มไปหมด
จึงไม่ต้องแปลกใจ ถ้างวดหน้าตั้งตัวได้
ก็จะวนกลับมาตั้งต้นใหม่แบบนี้เรื่อยๆ

ถ้าให้โอกาสพวกหัวหมู่ทะลวงฟันเหล่านี้บ้าง
เน้นใช้วิธีสร้างดาวเต็มฟ้า
ไม่ใช่เน้นดาวใหญ่ไม่กี่ดวง
เพื่อจะได้ทดแทนกันได้ตลอด
เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบปัจจุบัน
คือแกนนำโดนควบคุมตัว
เมื่อไม่มีดาวมาทดแทน
เพราะอยู่ๆ จะให้คนที่ชาวบ้านไม่รู้จักมานำ
ก็คงยากที่เขาจะมาตาม
ยิ่งเขาไม่ได้ถูกชี้แนวทาง
ให้เป็นแกนนำได้ด้วยตนเองแล้ว
เขาก็จะนั่งรอแต่แกนนำหลักที่เขารู้จักสั่ง
ถ้าแกนนำหลักโดนจับ ตาย
หรือไม่สามารถมาทำหน้าที่แกนนำได้
ทุกอย่างก็เหมือนชะงักงันไปหมด

เมื่อปีที่แล้วสามารถก่อม็อบได้เร็ว
ทำให้เขากลัวพวกอื่นมานำ
จึงมีการปล่อยตัวแกนนำกลับมานำต่อได้เร็ว
แต่งวดนี้ไม่สามารถก่อม็อบได้เร็ว
อันที่จริงได้ข่าวว่า
ช่วงนี้ที่สนามหลวงน่าจะมีคนแวะไปกินข้าวอยู่
แต่ไม่ได้ไปดูเลยไม่แน่ใจ

ถ้าไม่มีม็อบมากดดัน เขาก็คงขังยาว
เพราะขังแกนนำแล้วม็อบสงบ
ใครเขาจะปล่อยตัวออกมา
เขาจะปล่อยออกมาก็ต่อเมื่อ
ม็อบมันน่ากลัวไม่มีคนนำ จะพากันแรงขึ้น
เขาถึงจะปล่อยตัวออกมาให้ควบคุมม็อบต่อ
มุกพวกนี้เล่นกันซ้ำๆ ซากๆ
เห็นหลายครั้งจนจับทางได้หมดแล้ว

เพราะสามเกลอเขาสามารถล็อบบี้ได้
ใครล็อบบี้ใครไม่รู้หล่ะ
แต่เชื่อเหอะว่าล็อบบี้ได้
ให้ดูม็อบสงครามชนชั้น สงครามครั้งสุดท้ายดูก็ได้
ก่อนหน้าปลุกระดมด้วยสโลแกน
ล้มอำมาตยา ยุบสภาเลือกตั้งใหม่อะไรพวกเนี้ยะ
แต่พอถึงวันจริงเหลือแค่ยุบสภาอย่างเดียว
บางทีไปประชุมต่อรองหกเดือนบ้าง เดียวสามเดือน
มีคนตายทกรณีสลายที่แยกคอกวัว
ให้อภิสิทธิ์ลาออกทันทีบ้าง
เมษาเลือดปีที่แล้วประกาศจะล้อมทำเนียบ
จนกว่าเปรมจะลาออกบ้าง อภิสิทธิลาออกบ้าง
ไม่งั้นไม่เลิกชุมนุม
สุดท้ายก็เปลี่ยนเหลือยุบสภาอย่างเดียวในปีนี้
ถ้าบอกว่านี้ล็อบบี้ไม่ได้ผมไม่เชื่อครับ
นี่คือลำดับเหตุการณ์ปีที่แล้วครับ
<<< วิกฤตการณ์การเมืองไทย ปี 2552 >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2010/03/blog-post_9973.html

ถ้าคิดว่าพากันม็อบตัวแล้ว
เดี๋ยวเขาจะปล่อยตัวออกมาเหมือนปีที่แล้ว
อาจคิดผิดได้
เพราะว่ามันไม่เหมือนกัน 
ปีนี้เขากะเล่นแรงและกะกวาดล้าง
และหัวหมู่ทะลวงฟันแทบจะไม่เหลือเท่าไหร่แล้ว
ใครจะกล้ามานำในช่วงนี้นอกจากแนวทางนำกันเอง
พาตัวเองไปรวมกลุ่มกันเอง

แต่ช่วงนี้แกนนำอยู่ในเรือนจำสักพักจะปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก
ที่ไม่รู้ว่าจะโดนเก็บเมื่อไหร่เหมือนที่โดนๆ กันในต่างจังหวัด
รอให้จบฟุตบอลโลกก็น่าจะเริ่มมีการขยับตัวก่อม็อบกันอีกครั้ง
อันหลังนี่เดาล้วนๆ เลย เพราะไม่รู้ว่าใครจะมานำตอนนี้
สมยศประกาศชุมนุมตอนบ่าย ตกเย็นตำรวจบุกถึงบ้าน
ค้นบ้านยัดข้อหาปัญญาอ่อน แล้วพาไปขังตั้งหลายวัน

สรุปด้วยคำคมบ้างไม่คมบ้างว่า
"อย่าทิ้งหัวสว่านเมื่อเลิกใช้"

โดย มาหาอะไร
FfF