บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


20 สิงหาคม 2553

<<< ในยุคเผด็จการที่ไหนๆ ใครๆ มักจะเห็นเหตุการณ์ลักษณะนี้เสมอ >>>

เด็กจุฬาฯ โดนยึดป้ายประท้วงนายกฯ อาจารย์กร้าว "นี่เป็นที่ของผม ฟ้องผมได้เลย"
by ThanyaTania Freedom on 18 สิงหาคม 2010 เวลา 18:42 น.
ที่มา ประชาไท

(18 ส.ค.53) กลุ่มนิสิตกลุ่มหนึ่งจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แจ้งว่า วันนี้ นิสิตจุฬาฯ ประมาณ 7-8 คน ซึ่งทำกิจกรรมถือป้ายข้อความเกี่ยวกับเสรีภาพและประชาธิปไตย ถูกยึดป้ายและถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใช้กำลังขัดขวาง ก่อนจะยื่นจดหมายให้นายกฯ เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ และดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่สังหารประชาชน

กลุ่มนิสิต ระบุว่า ในงานวันครบรอบสถาปนาคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ไปกล่าวปาฐกถาเรื่องการกระจายอำนาจ ที่จุฬาฯ โดยนิสิตจุฬาฯ กลุ่มนี้ ต้องการยื่นจดหมายร้องเรียนถึงปัญหาการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ และความหวาดกลัวของประชาชนภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยกลุ่มนิสิตได้เตรียมแผ่นป้ายกระดาษแข็ง 7 ใบ มีข้อความ ดังนี้

"จะหนึ่งคน หรือแสนคน รัฐบาลก็ต้องฟัง" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

"ผมอยากเห็น รัฐบาลมีบทบาทในการคุ้มครองประชาชนมากกว่านี้" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

"ยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน ดีกว่ารัฐบาลอยู่อย่างนี้แล้วพังไปเรื่อยๆ" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

"หยุดปิดกั้นความคิด หยุดใช้ พ.ร.ก."

"Political action is the highest responsibility of a citizen." John F. Kennedy

"Justice delayed is democracy denied." John F. Kennedy

"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." John F. Kennedy และ

"Forgive your enemies, but never forget their names." John F. Kennedy

รายงานข่าวแจ้งว่า นักศึกษายังไม่ทันจะได้แสดงข้อความ แผ่นป้ายส่วนหนึ่งก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยึดไป หลังจากนั้น แผ่นป้ายอีกส่วนหนึ่งก็ถูกนายวีระศักดิ์ เครือเทพ อาจารย์ประจำภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยึดไป โดยมีการยื้อแย่งกับนิสิตพักใหญ่ โดยนายวีระศักดิ์ไม่ยอมให้นิสิตแสดงความคิดเห็นโดยการชูป้าย และได้กล่าวว่า "นี่ไม่ใช่ที่จุฬาฯ นี่เป็นที่ของผม ฟ้องผมได้เลย"

นายวีระศักดิ์ ขณะโต้เถียงกับนิสิต

ในเวลาเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ได้เดินลงจากอาคารหลังจบการปาฐกถา นิสิตหญิงคนหนึ่งในกลุ่มได้พยายามนำจดหมายไปยื่นให้นายกฯ แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกักตัว ด้วยการเหนี่ยวแขนไว้อย่างรุนแรง และดันตัวไปจนชิดบันได จนนิสิตต้องตะโกนออกมาว่า "ท่านนายกฯ คะ!" เจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัว ทำให้ยื่นจดหมายได้สำเร็จ แต่ไม่สามารถชูแผ่นป้ายอย่างสงบในมหาวิทยาลัยที่ตนเองศึกษาอยู่ได้

ร้องเลือกตั้งใหม่ เป็นการฟังเสียงประชาชนที่ง่ายที่สุดสำหรับเนื้อหาของจดหมายเปิดผนึก นิสิตกลุ่มนี้ได้เสนอให้รัฐบาลต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ทันที เนื่องจากมองว่าการเลือกตั้งจะเป็นการกระจายอำนาจ และการรับฟังความเห็นประชาชนที่ดีที่สุด พร้อมทั้งเรียกร้องให้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่สังหารประชาชนด้วย

นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า ความปรองดองสามัคคีไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาโฆษณาหรือบอกให้เกิดขึ้นได้ แต่ต้องเกิดจากการยอมรับความต่าง พร้อมกับการยอมรับผิดต่อการกระทำกับประชาชน การปราบปรามความเห็นต่าง และการโฆษณาชวนเชื่อผ่านกลไกรัฐ ไม่ว่าจะเป็น คุก ศาล ทหาร ตำรวจ โรงเรียน มหาวิทยาลัย เป็นสิ่งที่มีแต่สร้างความขัดแย้งและเพิ่มพูนความโกรธแค้นแก่ประชาชน

จดหมายระบุว่า การปฏิรูปการเมืองบนกองเลือดเป็นสิ่งที่ไร้ค่า และย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องคิดถึงกระบวนการรับฟังความเห็นที่ซับซ้อนและสิ้นเปลือง งบประมาณ ทางออกง่ายๆ ตรงไปตรงมา สามารถดำเนินการได้ผ่านการเลือกตั้ง อันถือเป็นการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ง่ายที่สุด

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และจรัส สุวรรณมาลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ

--------------------------------------------------

(จดหมาย เปิดผนึก)

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันที่ 18 สิงหาคม 2553
เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

วันที่ 18 สิงหาคม 2553 ขณะที่ท่านผู้ทรงคุณวุฒิกำลังแสดงปาฐกถาเรื่องการกระจายอำนาจ พร้อมทั้งโวหารที่สวยงามเกี่ยวกับการคืนอำนาจให้กับประชาชน ณ ประเทศนี้เมื่อไม่นานมานี้มีประชาชนจำนวนมหาศาลรวมตัวกันเรียกร้องเพื่อให้รัฐบาลคืนอำนาจให้แก่พวกเขา การชุมนุมเรียกร้องที่ยาวนาน จบลงด้วนการนองเลือด การปราบปรามของรัฐบาลยังผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่าหนึ่งร้อยชีวิต เวลาล่วงมาเป็นเวลากว่าสามเดือนแล้ว...ดูเหมือนรัฐบาลจะลืมไปแล้วว่า ได้ทิ้งบาดแผลอะไรไว้กับประชาชนผู้สูญเสีย ที่ซึ่งไม่มีถ้อยคำแสดงความเสียใจใดๆ จากผู้นำรัฐบาล

หลังการสูญเสีย รัฐบาลพยามรณรงค์เรื่องความสมานฉันท์ และสามัคคีแบบที่ผู้นำไทยในอดีตเคยทำหลังจากมีการสังหารหมู่ประชาชนใจกลางมหานครแห่งนี้ แต่ความสามัคคี ปรองดอง สมานฉันท์ เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อรัฐบาลยังคงปราบปรามผู้ที่เห็นต่าง ด้วยเครื่องมืออย่าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นักวิชาการ นักกิจกรรมทางสังคมถูกควบคุมตัว รวมถึงประชาชนธรรมดาที่มีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง ยังคงถูกคุกคามและจับกุมอย่างต่อเนื่อง ด้วยข้อหาการเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติและรัฐบาล

การดำเนินการของรัฐบาลมีแต่สร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชนให้ทวีคูณขึ้น นายกรัฐมนตรีลืมสัญญาเรื่องการคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านการเลือกตั้ง แนวทางการสร้างความสามัคคีผ่านการปราบปราม และไม่ให้พื้นที่ความเห็นที่แตกต่างกันในสังคม จะนำสู่การล่มสลายของสังคมในที่สุด ล่าสุดเพื่อนเยาวชนนักกิจกรรมของเราที่เชียงราย ถูกควบคุมตัว จากการถือป้าย "ผมเห็นคนตายที่ราชประสงค์" การควบคุมความเห็นที่แตกต่างกันในฐานะเป็นอาชญากรรมที่รุนแรงและมีความ บกพร่องทางจิตนั้น ไม่สามารถเป็นทางออกให้แก่สังคมได้อย่างแน่นอน

รัฐบาลจะปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ได้อย่างไร ในประเทศที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และไร้หลักประกันใดๆ ในชีวิตประชาชนใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกไร้ซึ่งอดีต ปัจจุบันและอนาคต พวกท่านตอบสนองข้อเรียกร้องเรื่องการยุบสภาอันถือเป็นข้อเรียกร้องอันน้อย นิดของพวกเขาด้วยกระสุนปืน และการปราบปราม หลังจากพวกท่านสังหารญาติพี่น้องและมิตรสหายของพวกเขาแล้ว พวกท่านยังคงปราบปรามพวกเขาและโฆษณาชวนเชื่อให้พวกเขาหลงลืมเหตุการณ์ที่ ผ่านมา....ความสามัคคีย่อมไม่สามารถเกิดขึ้นในสังคมแห่งการปราบปราม

เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของพวกท่าน ที่กำลังพูดด้วยโวหารที่สวยงามเกี่ยวกับการกระจายอำนาจ และการรับฟังความเห็นของประชาชน พวกเราในฐานะตัวแทนของกลุ่มกิจกรรมเยาวชน มีข้อเสนอดังต่อไปนี้

1.การกระจายอำนาจ และการรับฟังความเห็นประชาชนที่ดีที่สุดคือการเลือกตั้ง สิ่งเหล่านี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสังคมที่ดี แม้ท่านจะนำเสนอคุณธรรมที่สูงส่งแต่สังคมปราศจากเสรีภาพในการรับฟังความเห็น คุณธรรมของท่านก็ไม่ต่างจากข้ออ้างของเผด็จการ....ดังนั้นรัฐบาลต้องจัดให้ มีการเลือกตั้งใหม่ทันทีพร้อมดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่สังหารประชาชน

2.ความปรองดองสามัคคี ไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาโฆษณาหรือบอกให้เกิดขึ้นได้ แต่ต้องเกิดจากการยอมรับความต่าง พร้อมกับการยอมรับผิดต่อการกระทำกับประชาชน การปราบปรามความเห็นต่าง และการโฆษณาชวนเชื่อผ่านกลไกรัฐ ไม่ว่าจะเป็น คุก ศาล ทหาร ตำรวจ โรงเรียน มหาวิทยาลัย เป็นสิ่งที่มีแต่สร้างความขัดแย้งและเพิ่มพูนความโกรธแค้นแก่ประชาชน

3.การปฏิรูปการเมือง บนกองเลือดเป็นสิ่งที่ไร้ค่า การตั้งคณะกรรมาธิการที่มิได้มีความเห็นชอบจากประชาชนด้วยหมู่คณะอภิสิทธิ์ ชนที่เห็นดีเห็นงามกับการสังหารหมู่ประชาชน....ท่านไม่จำเป็นต้องคิดถึง กระบวนการรับฟังความเห็นที่ซับซ้อนและสิ้นเปลืองงบประมาณ ทางออกง่ายๆ ตรงไปตรงมา สามารถดำเนินการได้ผ่านการเลือกตั้ง อันถือเป็นการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ง่ายที่สุด

จงคืนอำนาจ ให้แก่ประชาชนโดยเร็วไวขณะนี้ประชาชนจำนวนมหาศาลยังคงเชื่อมั่นวิธีการ เปลี่ยนแปลงผ่านช่องทางทางประชาธิปไตย เพราะพวกเขายังคงเชื่อว่าเป็นหนทางที่ยังคงรับประกันซึ่งอำนาจของพวกเขา หากรัฐบาลยังคงรีรอและปฏิรูปการเมืองเพื่อสนองประโยชน์ต่อชนชั้นอภิสิทธิ์ชน เพียงลำพัง ท้ายที่สุดแล้วความขัดแย้งที่เกิดขึ้นย่อมไม่สามารถแก้ไขได้ผ่านช่องทาง รัฐสภาในที่สุด

http://www.facebook.com/pages/Anusorn-ke-liydpchplaea-sxch/120847137961226#!/note.php?note_id=143436939024593&id=524448494&ref=mf

--------------------------------------------------------------------------

ป้ายที่เด็กชู ไม่ใช่ป้ายด่าหยาบๆ คายๆ ใส่นายอภิสิทธิ์เสียหน่อย
แค่เด็กเขียนคำพูดอันสวยหรูที่นายอภิสิทธิ์เคยพูดไว้แต่ก่อน
ส่วนข้อความอื่นๆ ก็ไม่หยาบคายอะไร
แถมค่อนข้างจะเป็นความจริงตามนั้นเสียด้วย
แค่นี้ก็ทำมารับกันไม่ได้ โดยเฉพาะคนระดับอาจารย์
ในยุคเผด็จการครองเมืองประเทศ ไหนๆ ลองไปดูประวัติได้เลย
ส่วนใหญ่จะออกอาการแบบนี้ทั้งเจ้านายและลูกน้องและจอมเชลียร์
ประมาณว่าจะรับความจริงกันไม่ได้

ที่น่าเกลียดที่สุด คือพวกที่ชอบพูดเรื่องปรองดอง สามัคคี อะไรพวกนี้
แต่พฤติกรรมมันชวนให้ปรองดอง สามัคคีกัน
อย่างที่ชอบพร่ำพูดเรื่อยเปื่อยหลอกชาวบ้านไปวันๆ หรือไม่

กะอีแค่ป้ายคำพูดตนเอง ยังรับไม่ได้
แสดงว่าสิ่งที่พูดคือความตอแหล
คือสิ่งที่โกหกหลอกลวง อ่ะซิ ถ้ายังงั้น
เพราะถ้ามันเป็นคำพูดที่ดี เป็นสัจจะธรรม
ก็ควรจะต้องสนับสนุนให้เผยแพร่เยอะๆ เสียด้วยซ้ำ

ส่วนพวกนักเชลียร์ก็มีอยู่ทุกวงการ
ส่วนใหญ่จะเป็นใหญ่เป็นโตได้ ต้องเลียเก่ง
ประเทศนี้มันเป็นแบบนี้เสียด้วย มันถึงไม่ไปไหน
เต็มไปด้วยพวกโกงกิน พูดเก่งทำงาน ไม่เป็นเต็มบ้านเต็มเมือง

อีกอย่างเห็นพฤติกรรมพวกรับจ้างสอนบางคนแล้ว
ทุเรศสิ้นดี พูดมาได้ยังไงที่นี่ไม่ใช่ที่จุฬา ที่นี่ที่ของผม
ตรรกะปัญญาอ่อนแบบนี้ ถ้าสมมุติว่าเป็นมหาลัยที่ผมเป็นเจ้าของ
ผมคงไม่จ้างให้มาสอนเด็กหรอก กลัวเด็กจะโง่กันหมด

ถ้าผมไปชี้ที่บ้านผมแล้วบอกว่า ที่นี่ ที่บ้านผมไม่ใช่ประเทศไทย
ผมจะซุกสิ่งผิดกฏหมายหรือทำอะไรไม่ถูกกฏหมายในที่ผมก็ได้ งั้นซิ
เช่นเชิญเพื่อนมาตั้งวงเล่นไพ่ กฏหมายไทยห้ามยุ่งใช่ป่ะ

กรณีเดียวกัน ที่บริเวณนั้น
อาจเรียกว่าคณะรัฐศาสตร์หรือคณะอะไรก็แล้วแต่
ย่อมต้องถือว่าเป็นที่จุฬาทั้งหมด
ย่อมต้องถือว่าเป็นพื้นแผ่นดินไทยทั้งหมดด้วย
และย่อมต้องอยู่ภายใต้กฏหมายที่ชอบธรรมของไทยด้วย
ที่ต้องระบุว่าชอบธรรม เพราะมันมีพวกเผด็จการออกกฏหมาย
หรือบังคับใช้กฏหมายเพื่อหวังกำจัดฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว
พวกตนเองทำมันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่บังคับใช้กฏหมาย
กฏหมายเฮงซวยลักษณะนี้ ผมไม่ถือว่าเป็นกฏหมาย
น่าจะเรียกว่ากฏหมา(หมู่) มากกว่า
สมควรยกเลิกให้หมดสำหรับกฏหมาย ที่บังคับใช้ได้ไม่เท่าเทียมกัน

ส่วนคำพูดของนายอภิสิทธิ์ ก็คงเป็นคำแสลง
ที่นายอภิสิทธิ์ อาจรู้สึกขยะแขยง
เมื่อวันหนึ่งได้เป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมา
เมื่อคนพูดยังรู้สึกขยะแขยง
ชาวบ้านอย่างผมนอกจากขยะแขยงแล้ว
ยังอยากจะอ้วกอีกต่างหาก
เพราะสิ่งที่พูดเอาไว้ กับการกระทำที่เห็น
มันเหมือนหน้ามือกับหลังตีนยังไง ไม่รู้

ผมว่าการถือป้ายลักษณะนี้ ยังไงก็ไม่ผิดกฏหมายไทย
ยังไงก็ไม่ผิดกฏระเบียบจุฬา หรือไม่ผิดกฏระเบียบคณะรัฐศาสตร์
เพราะถ้าผิดก็ควรเลิกกิจกรรมล้อการเมือง
ในประเพณีฟุตบอลจุฬา-ธรรมศาสตร์ไปได้เลย
รวมไปถึงกรณีเหล่าอาจารย์นิสิตที่สนับสนุนม็อบพันธมิตร
ออกมาต่อต้านรัฐบาลก่อนๆ ด้วย
ป้ายข้อความดูหยาบคายและไม่สร้างสรร
กว่าป้ายที่เด็กๆ กลุ่มนี้ทำขึ้นมาเสียอีก

โดย มาหาอะไร

---------------------------------------------------------------------

[ภาพ: 5cf01.jpg]

ชาวจุฬาฯ แต่งชุดดำไว้อาลัยให้เหตุการณ์ 7 ต.ค. เผยต้องการเรียกร้องให้ “สมชาย” รับผิดชอบด้วยความจริงใจ พร้อมประณามรัฐบาล “ชายโฉด” ใช้ความรุนแรงกับประชาชนขาดภาวะผู้นำ ไม่สมควรได้ชื่อว่า “ผู้นำประเทศ” เป็นได้แค่ “ผู้นำ ส.ส. ทรราช”

[ภาพ: 1_display.jpg]

[ภาพ: 1_display.jpg]

[ภาพ: 1_display.jpg]

[ภาพ: 1_display.jpg]

[ภาพ: 1_display.jpg]

FfF