ธุรกิจค้าอาวุธข้ามชาติ
ช่วงเวลานี้ ข่าวเรื่องการยึดอาวุธจากเครื่องบินเช่าเหมาลำที่แวะดอนเมือง เป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนที่อยู่ในความสนใจของคนไทย มีการพูดกันถึงเรื่องการค้าอาวุธอย่างถูกต้อง และการลักลอบค้าอาวุธโดยขบวนการค้าอาวุธข้ามชาติ วันนี้ จะพูดถึงการค้าอาวุธโลก ซึ่งบังเอิญกับที่สำนักวิจัยของสภาคองเกรสสหรัฐ เพิ่งออกรายงานฉบับล่าสุดเมื่อ 4 กันยายน 2552 เรื่อง การขนส่งอาวุธในแบบให้กับประเทศกำลังพัฒนา ช่วงปี 2544-2551 ซึ่งเรียกว่า “รายงานกริมเม็ต” ตามชื่อของผู้จัดทำรายงานวิจัยฉบับนี้ โดยพิจารณาจากข้อตกลงซื้อขายอาวูธที่ได้กระทำระหว่างกัน
การค้าขายทุกอย่างต้องมีผู้ขายกับผู้ซื้อ การซื้อขายอาวุธก็เช่นกัน ระหว่างปี 2544-2551 สหรัฐเป็นผู้ขาย อาวุธในแบบรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยขายอาวุธให้ทั้งประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้ว คิดเป็นมูลค่า 1.54 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือคิดเป็นร้อยละ 41 ของมูลค่าการขายอาวุธในโลก) รัสเซียมาเป็นอันดับสอง 63,823 ล้านดอลลาร์ (ร้อยละ 17) ฝรั่งเศสเป็น อันดับสาม 31,249 ล้านดอลลาร์ (ร้อยละ 8) อังกฤษเป็นอันดับสี่ 26,914 ล้านดอลลาร์ (ร้อยละ 7) เยอรมนีเป็นอันดับห้า 16,261 ล้านดอลลาร์ อิตาลีเป็นอันดับหก 11,053 ล้านดอลลาร์ (ร้อยละ 3) จีนมา เป็นอันดับเจ็ด10,125 ล้านดอลลาร์ (ร้อยละ 3) ส่วนสมาชิกอื่น ๆ ของสหภาพยุโรปรวมกัน 40,291 ล้านดอลลาร์ (ร้อยละ 11) และประเทศอื่น ๆ 22,849 ล้านดอลลาร์( ร้อยละ 6)
ส่วนประเทศที่ซื้ออาวุธในแบบมากที่สุดใน ช่วงเวลาดังกล่าว ปรากฎว่า อันดับหนึ่งคือ ซาอุดิอาราเบีย คิดเป็นร้อยละ 16 ของมูลค่าอาวุธที่ซื้อทั้งหมดในโลก) อินเดียเป็น อันดับสอง ร้อยละ 14 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อันดับ 3 ร้อยละ 7 อันดับสี่คือจีน ร้อยละ 6 อันดับห้าและหกคือ อียิปต์และปากีสถาน ร้อยละ 5 เท่ากัน สำหรับจีนนั้นมีทั้งการซื้ออาวุธจากตะวันตกและขายอาวุธของตนให้กับประเทศ กำลังพัฒนา
อาวุธในแบบที่ซื้อขายกัน มีทั้งรถถัง ปืนใหญ่ รถหุ้มเกราะ เรือบันทุกเครื่องบิน เรือพิฆาต เรือฟรีเกต เรือกวาดทุ่นระเบิด เรือตอร์ปิโด เรือลาดตะเวนติดอาวุธนำวิถี เรือเร็วติดอาวุธ เรือดำน้ำทุกแบบ เครื่องบินทิ้งระเบิด เครื่องบินรบ เครื่องบินฝึกบิน เครื่องบินลำเลียง เครื่องบินสอดแนม เฮลิคอปเตอร์ จรวดจากพื้นสู่อากาศ จรวดอากาศสู่อากาศ จรวดต่อต้านเรือรบ เป็นต้น
ในขณะที่โลกไม่มีพรมแดนเป็นโลกาภิวัฒน์ การค้าอาวุธก็ไร้พรมแดนด้วยเช่นกัน ที่น่าเป็นห่วงคือมาตรการควบคุมในการซื้อขายอาวุธ โดยเฉพาะอาวุธที่มีอำนาจทำลายร้ายแรง ทั้งการผลิต การจำหน่าย และปลายทางของอาวุธนั้น ๆ ปัจจุบัน มีประเทศที่ผลิตอาวุธขนาดเล็กมากขึ้น ประเทศมหาอำนาจทั้งห้าที่เป็นสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคง คือ สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน กลายเป็นประเทศที่ผูกขาดการซื้อขายอาวุธของโลก และทำรายได้เข้าประเทศอย่างเป็นกอบเป็นกำ ทั้งห้าชาติขายอาวุธรวมกันคิดเป็นร้อยละ 88 ของการค้าอาวุธทั่วโลก
สหรัฐทำตัวเป็นแชมเปี้ยนเพื่อให้โลกมีสันติสุข แต่สหรัฐก็เป็นประเทศที่ขายอาวุธที่นำไปใช้ในการสังหารคนมากที่สุดในโลก ดูมันขัดกับพิกล
ประเทศที่เป็นผู้ขายอาวุธในแบบมีลูกค้าหลักเป็น ประเทศกำลังพัฒนาที่ยากจนทั้งนั้น เช่น สหรัฐขายอาวุธส่วนใหญ่ให้กับประเทศในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือมากที่สุด ถึงร้อยละ 39 ของมูลค่าที่ขายทั้งหมด รองลงมาคือเอเชียร้อยละ 22 อังกฤษขายให้ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือถึงร้อยละ 72 ขายให้เอเชียร้อยละ 13 เท่านั้น ฝรั่งเศสขายให้ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือกับเอเชียร้อยละ 49 และ 39 ตามลำดับ รัสเซียขายให้เอเชียร้อยละ 62 รองลงมาคือ ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือเพียงร้อยละ 15 ส่วนจีนนั้นขายให้เอเชียและแอฟริการ้อยละ 45 และ 23 ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือร้อยละ 10
ถ้าแยกเป็นประเทศผู้ซื้อตามภูมิภาค ละติน อเมริกาซื้ออาวุธมากที่สุดจากสหรัฐ แอฟริกาซื้อมากที่สุดจาก รัสเซีย รองลงมาคือจีน เอเชียซื้อทั้งจากสหรัฐและรัสเซีย รองลงไปคืออังกฤษและฝรั่งเศส เอเชียซื้อจากจีนมีน้อย ส่วนตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือซื้อจากสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศสมากที่สุดตามลำดับ
สะท้อนให้เห็นว่า พื้นที่ที่มีการขัดแย้งและการสู้รบเป็นตลาดสำคัญของอาวุธในแบบ โดยเฉพาะในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ซึ่งเป็นตลาดที่ทุกประเทศทั้งสหรํฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ต่างแข่งขันการขายอาวุธให้ รองลงมาคือเอเชีย ซึ่งศูนย์กลางการขัดแย้งอยู่ที่เอเชียใต้ แม้เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดสหรัฐ แต่สหรัฐไม่เคยให้ของฟรีกับใคร ตรงกันข้าม สหรัฐขายอาวุธให้กับเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน นำเงินกลับประเทศจำนวนมหาศาล
รัสเซียและจีนมาบุกที่ตลาดเอเชียและแอฟริกาแทน การขัดแย้งที่ดำรงอยู่จึงเป็นประโยชน์แก่ประเทศยักษ์ใหญ่ที่ขายอาวุธ จึงเป็นที่น่าสงสัยว่า ประเทศเหล่านี้ซึ่งเป็นสมาชิกถาวรของสหประชาชาติต้องการให้ภูมิภาคเกิด สันติภาพถาวรจริงหรือไม่ หรือปากพูดว่าสันติภาพ แต่การกระทำคือรักษาให้การขัดแย้งนี้ดำรงอยู่ไปนาน ๆ เพราะที่ใดที่มีการขัดแย้ง อเมริกาก็หาเงินได้จากการขายอาวุธ
การที่สหรัฐทำสงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน ทำให้อุตสาหกรรมผลิตอาวุธของสหรัฐคึกคักซึ่งนักการเมืองใหญ่บางคนของสหรัฐมี ผลประโยชน์กับบริษัทดังกล่าวด้วย
ส่วนในแอฟริกานั้น หลายประเทศเกิดสงครามกลางเมืองและมีการกบฎศึก ที่คู่ขัดแย้งต่างต้องการอาวุธสงครามเพื่อใช้ห้ำหั่นกัน รัฐบาลสามารถหาซื้ออาวุธได้ตามกฎหมาย แต่กลุ่มกบฎศึกต้องหาวิธีการได้มาซึ่งอาวุธโดยใช้บริการของขบวนการลักลอบค้า อาวุธที่มีอยู่อย่างกว้างขวาง ที่พร้อมจะจัดอาวุธดีราคาถูกจากรัสเซีย จีน เกาหลีเหนือให้ เช่นเดียวกับกลุ่มก่อการร้ายในตะวันออกกลางและแอฟริกาที่ต้องการอาวุธสงคราม ในการก่อการร้าย นอกจากนั้น รัฐที่สนับสนุนการก่อการร้ายก็เป็นผู้ที่จัดหาและจัดส่งอาวุธสงครามร้ายแรง ให้กับกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าว
สรุปแล้ว การค้าอาวุธข้ามชาติ มีสองประเภท ๆ หนึ่ง คือการค้าอาวุธปกติระหว่างรัฐกับรัฐโดยทำสัญญาซื้อขายอย่างถูกต้อง อีกประเภทหนึ่งเป็นการลักลอบค้าอาวุธสงครามโดยขบวนการค้าอาวุธ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย กลุ่มกบฎศึก และอาจรับงานจากรัฐที่สนับสนุนการก่อการร้ายในการจัดหา ขนส่งอาวุธให้กับกลุ่มก่อการร้ายด้วย กลุ่มนี้นิยมซื้ออาวุธจากประเทศอดีตสหภาพโซเวียด ประเทศยุโรปตะวันออก และเกาหลีเหนือ เป็นต้น
เครื่องบินบรรทุกอาวุธจากเกาหลีเหนือที่ทางการ ไทยยึดไว้น่าจะเข้าในกรณีหลัง
http://www.the-thainews.com/analized/inter/int200153_1.htm
---------------------------------------------------------
ไม่ใช่นายวิคเตอร์ บูท ที่เป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้หรอก
แต่เป็นนายอเมริกา นายรัสเซีย นายฝรั่งเศส
นายอังกฤษ นายเยอรมัน นายอิตาลี นายจีน
และอีกสารพัดนายเยอะแยะ
แต่ไม่ยักกะมีสื่อที่ไหนยกย่อง
ว่านายนั่นนายนี่ที่กล่าวมา
เป็นพวกชอบค้าความตาย แปลกไหม
โดยเฉพาะนายอเมริกาตัวแสบ
ค้าความตายอันดับหนึ่งของโลกเสียด้วย
แถมเป็นเรื่องตลกมาก
ที่นายอเมริกาค้าความตายมากที่สุดในโลก
ไม่ผิดกฏหมาย ไม่ถูกประนาม
คุณว่าโลกนี้มันแปลกไหม
ผมว่าตอนนี้เชื้อสองมาตรฐานนี่
มันแพร่หลายไปทั่วโลกเลยน่ะเนี้ยะ
เทียบกับพี่เบิ้มสารพัดนายที่กล่าวมา
ผมว่ากรณี นายวิเตอร์ บูท อะไรนี่
ดูเด็กๆ ไปเลยน่ะ
แต่ดูบางคนบางพวกทำราวกับว่า
เขาเป็นพวกค้าความตายระดับโลก
แต่ผมว่าถ้าเขาค้าจริง
มูลค่าก็เทียบไม่ได้กับ
มูลค่าของนักค้าความตายระดับโลกเลย
แถมเผลอๆ ยังเป็นนายหน้าอีกต่อหนึ่งด้วย
ไม่ได้ทำการผลิตเอง
เหมือนพวกนักค้าความตายระดับโลกด้วยซ้ำ
ที่ตลกสุดๆ คือ นายอเมริกา นักค้าความตายอันดับหนึ่งของโลก
ประนามหรือต้องการตัวผู้ต้องหารค้าความตายระดับจิ๊บจ๊อย
เหมือนหนึ่งนิ้วชี้กลาวหาคนอื่น อีกสี่นิ้วชี้เข้าหาตัว ยังไม่รู้
โดย มาหาอะไร
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.