ถ้าการมีเขื่อนแล้ว
ฝนแล้งน้ำไม่มีส่งให้ใช้ในการเกษตร
ไม่มีพอใช้เพื่อทำน้ำประปา
ผมว่ามีก็เหมือนไม่มี
หรือฝนตกหนักๆ น้ำก็ท่วมฉับพลัน
เพราะเขื่อนเร่งระบายน้ำออก กลัวเขื่อนจะพัง
ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วมแบบฉับพลัน
แย่กว่าฝนตกหนักๆ แล้วน้ำค่อยท่วมขึ้นมา
แบบหลังยังพอมีเวลาคิดหาทางอพยพกันได้
ถ้าเป็นแบบที่ว่านี้
นอกจากมีเหมือนไม่มีแล้ว
ไม่มียังจะดีกว่าอีกไม่ต้องโดนน้ำท่วมฉับพลัน
ซึ่งถ้าอพยพไม่ทัน อาจเสียชีวิต
และทรัพย์สินเสียหายมากมายได้
การมีเขื่อนนั้น
ผู้ดูแลเขื่อนควรมีความรู้เรื่องพยากรณ์อากาศบ้าง
หรือทำงานประสานข้อมูลกับทางกรมอุตุนิยมวิทยาตลอด
เพื่อทำนายล่วงหน้าเทียบกับสถิติเก่าๆ
หรือปรากฏการณ์พิเศษ
เพื่อจะได้มาจัดการควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อน
ให้พอเหมาะเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ทั้งฝนแล้งและน้ำท่วมได้ดี
กรณีถ้ารู้ว่าปีนี้แล้งหนักแน่ๆ
ก็อาจต้องกักเก็บน้ำให้พอใช้ผ่านหน้าแล้งไปให้ได้
หรือถ้ารู้ว่าปีนี้จะมีปริมาณน้ำฝนมาก
ก็ควรเร่งระบายแบบค่อยเป็นค่อยไป มาเป็นเดือนๆ
เพื่อจะได้มีที่ว่างในเขื่อน เพื่อรองรับน้ำได้เยอะๆ
จะได้ไม่ต้องใช้วิธีเร่งระบายน้ำในเขื่อน
แข่งกับน้ำฝนที่ตกลงมา
จนเกิดน้ำท่วมมากกว่าเดิม
ซึ่งการจะทำนายได้ดี ณ เวลานี้
อาจยังไม่มีเครื่องมือที่ดีพอให้ทำนายได้เป๊ะๆ นัก
แต่มันควรต้องฝึก ไม่เช่นนั้นจะมีกรมอุตุนิยมวิทยาไว้ทำไม
ถ้าพายุเกิดถึงบอก ฝนจะตกถึงจะรู้
หรือแม้แต่ฝนแล้งแล้วถึงจะทราบ
แบบนั้นไม่มีชาวบ้านเขาก็รู้
เช่น ถ้าเขาเห็นมดวิ่งหาอาหารให้ว่อนเลย
ยิ่งเห็นมากเท่าไหร่ยิ่งเดาได้เลยว่า
ฝนกำลังจะตกหนักมากเพราะไอดินมันจะร้อนมาก
มดมันก็รู้โดยสัญชาตญาณของมัน
มันก็วิ่งหาอาหารตุนเอาไว้เพื่อรับมือกับน้ำท่วม
ออกไปหาอาหารไม่ได้
นี่ธรรมชาติสร้างระบบเตือนภัยให้กับสัตว์พวกนี้
จับมันมาวิจัยดูบ้างก็ได้น่ะ
เพื่อค้นพบระบบเตือนภัยเลียนแบบพวกมด
หรือดูเมฆตั้งเค้าหรือดูดินแตกระแหง
เขาก็รู้ว่าแล้งเหมือนกัน
ไม่จำเป็นต้องมีใครมาบอกอีก
ถ้ามาบอกในช่วงเวลาไม่นาน
อีกทั้งข้อมูลการพยากรณ์อากาศ
ควรมีการพัฒนาให้ชาวบ้านทุกพื้นที่
สามารถรู้หรือเข้าถึงข้อมูลการพยากรณ์อากาศได้ด้วย
ว่าจุดที่เขาอยู่ จะเกิดอะไรขึ้น
ไม่ใช่บอกแต่เมืองใหญ่ๆ กับพูดเป็นภาคแบบรวมๆ
ซึ่งไม่แน่ใจมีโปรแกรมพวกนี้ในโทรศัพท์มือถือหรือยัง
ที่สามารถรู้ได้ว่าตำแหน่งที่อยู่
สภาพอากาศจากการพยากรณ์อากาศ จะเป็นยังไง
เหมือนที่ออกมาให้ข้อมูลเมืองสำคัญๆ ตามสื่อแบบทุกวันนี้
และควรมีหน่วยงานพยากรณ์ของกรมชลดูแลแต่ละเขื่อนด้วย
แล้วตัดสินใจกักน้ำหรือปล่อยน้ำล่วงหน้าเป็นเดือน
ดีกว่านั่งเฝ้าเขื่อนกับปล่อยน้ำตามปกติเรื่อยเปื่อย
ไม่มีความพยายามที่จะปล่อยน้ำหรือกักน้ำ
จากการวิเคราะห์ข้อมูลทุกวัน
ซึ่งถ้าทำได้แบบที่ว่าก็น่าจะเรียกว่า เขื่อน ได้เต็มปากเต็มคำ
ไม่ใช่ที่ขวางทางน้ำไหลอะไรแบบนั้น
บางคนไม่เข้าใจเห้นคำว่าเขื่อน
ก็คิดว่าผมคัดค้านการสร้างเขื่อนหรือมีเขื่อน
ถ้าอ่านข้างต้นแล้วเข้าใจ
จะรู้ว่าถ้ามันเป็นเขื่อน
มันต้องมีระบบการจัดการ
ไม่เช่นนั้นมันก็แค่ที่กั้นขวางทางน้ำไหลดีๆ นี่เอง
ไม่มีประโยชน์อะไรนักแบบนั้น
การจัดการที่ดี ต้องมีการพยากรณ์ล่วงหน้า
ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง
เขื่อนจะได้รองรับน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมในหน้าฝน
และใช้ได้ทั่วถึงในหน้าแล้ง
มันอยู่ที่การจัดการที่ดีด้วย
ไม่ใช่แค่สร้างเขื่อนให้ ก็โอเคแล้ว
อย่ามาเรียกร้องเรื่องจัดการอะไรอีก
หน้าแล้งก็หยุดปล่อยน้ำ
หน้าฝนก็ปล่อยน้ำมาผสมกับน้ำฝนที่ตกหนักจนน้ำท่วมฉับพลัน
แบบนี้มันไม่มีประโยชน์
ถ้าจัดการดีถึงจะมีประโยชน์
ถึงจะเรียกว่าเขื่อนได้เต็มปากเต็มคำ
ไม่ใช่เห็นคำว่าเขื่อน
ไอ้นี่คัดค้านห้ามสร้างเขื่อนแน่ๆ
ผมดูเป็นเรื่องๆ ดูเป็นเขื่อนๆ
ไม่ใช่คัดค้านสร้างทุกเขื่อน
โดยไม่ฟังเหตุผลอะไร
ที่เสนอให้ปรับปรุงโดยเน้นการวิเคราะห์พยากรณ์มากขึ้น
ก็เพื่อให้ชาวบ้านรู้สึกดีกับการมีเขื่อน
ไม่ใช่มีแล้วเหมือนไม่มี หรือมีแล้วน่ากลัวเหมือนเช่นทุกวันนี้
โดย มาหาอะไร
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.