บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


11 พฤศจิกายน 2553

<<< ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ VS ยิ่งห้ามยิ่งทำตาม >>>

จากกรณีล่าสุดที่มีข่าวว่า
อภิสิทธิ์ สั่งห้ามทหารทุกคนเล่น facebook
โดยอ้างว่าใน facebook มีข้อมูลไม่เหมาะสมอะไร
เรียกว่าต้องการปิดหูปิดตาพวกทหาร
ไม่ให้รับรู้โลกภายนอกอยากให้เป็นกบอยู่ในกะลา
จะได้ล้างสมองปั่นหัวยุให้มาทำร้ายประชาชนได้ง่ายขึ้น
และเรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า
ไม่มีปัญญาบล็อคเว็บ facebook
เพราะภาพออกไปทั่วโลกจะไม่งาม
และไม่มีปัญญาบล็อคได้จริงๆ ด้วย
นอกจากบล็อคไม่ค่อยได้แล้ว
การตามตัวผู้กระทำผิดก็แสนจะยากด้วย
โดยเฉพาะพวกที่ไม่ใส่ข้อมูลส่วนตัวจริงๆ
เช่น ชื่อ-นามสกุล รูปถ่าย เบอร์โทรหรือ email
ก็จะยิ่งตามจับได้ยากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้เว็บนอกพวกนี้
ไม่จำเป็นต้องทำตามกฏหมายไทยที่ให้เก็บ Log ไฟล์ไว้อีกด้วย
แต่ในความเป็นจริงเขาอาจมี Log ไฟล์เก็บเอาไว้

นอกจากใช้วิธีหลอกล่อให้เปิดเผยความลับส่วนตัว
เช่นส่งสาวสวยหนุ่มหล่อมาคุย มาหลอกถาม
มาเจ๊าะแจ๊ะจีบจนใจอ่อนหลงเชื่อยอมเผยตัว
หรือไปออกเดทด้วยอะไรแบบนี้
ซึ่งจะใช้ได้กับเฉพาะบางคนเท่านั้น
อันที่จริงถ้าต้องการสู้ทางการเมือง
เรื่องพวกนี้ควรตัดทิ้งไปได้
ไม่งั้นต้องตกหลุมพลางเขาสักวันหนึ่ง
รูปสาวสวยที่เห็นตัวจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
และพวกเจ้าหน้าที่ทั้งสีกากี สีเขียว
ไม่ใช่มีแต่เฉพาะผู้ชายน่ะ
สาวๆ สวยๆ ระดับนางงามก็มีเพียบ
เผลอๆ มีไว้ให้ทำงานเป็นนางนกต่ออีกต่างหาก
คนพวกนี้จะพูดดีมีวาทะศิลปื ไม่เป็นพิษเป็นภัย
เป็นแค่พวกชี้เป้าหาข่าวเท่านั้น
แต่หลังได้ข้อมูลไปแล้วนั่นแหล่ะ
ถ้าพวกเจ้าหน้าที่เขาไปแอบทำอะไรกับคนเหล่านั้น
พวกนางนกต่อที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย
ก็ต้องถือว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการกับพวกที่เอาข้อมูลไปทำอะไร
ถ้ามีความร้ายแรงเขาหรือเธอเหล่านี้
ก็จะเป็นพวกรู้เห็นสนับสนุนการกระทำนั้นๆ
โดยมิอาจปฏิเสธได้

เมื่อรู้แล้วว่า เขาไม่มีปัญญาทำอะไร facebook
แล้วคิดใช้วิธีปิดหูปิดตาพวกเจ้าหน้าที่พวกเดียวกัน
ประชาชนที่คิดจะต่อต้านพวกผู้มีอำนาจเหล่านี้
ก็ต้องทำตัวแบบ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
แต่ถ้าทำตัวแบบ ยิ่งห้ามยิ่งทำตาม
คือพอเห็นเขาปล่อยข่าวว่า facebook อันตราย
หรือมีข่าวห้ามเล่น facebook
แทนที่จะยิ่งสนับสนุนให้ชาวบ้านมาเล่น
แต่ไม่ต้องใช้ข้อมูลจริง
กลับไปห้ามชาวบ้านมาเล่นด้วย
แบบนี้ไม่เรียกว่าต่อต้านพวกมีอำนาจเหล่านั้น
แต่เรียกว่ากำลังสนับสนุนแนวทาง
ปิดหูปิดตาของผู้มีอำนาจดีๆ นี่เอง

แถมอีก 3 กลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง

<<< ระหว่างรอ อย่าอยู่เฉย >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/04/blog-post_1591.html

<<< หน่วยกระพือข่าว >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_8181.html

<<< ถ้ารู้แล้วอยู่เฉย คนไม่เคยรู้ ก็ไม่รู้เหมือนเคย >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_8428.html

สามารถปรับใช้กับเว็บ facebook ได้อย่างดี
เพราะ facebook เหมือนจำลองรูปแบบที่ว่าไว้แล้ว
ทั้งการจับกลุ่มเล็กๆ ทำให้ยากแก่การสกัดหรือบล็อค
และการกระพือข่าวต่างๆ เมื่อมีคนหนึ่งส่งข่าวมา
ก็พยายามแบ่งปันข่าวไปให้เพื่อนในเครือข่ายตนเอง
ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะกระจายไปในวงกว้างยากแก่การจินตนาการ
ว่ากระพือไปได้ไกลเท่าไหน

ถ้าเทียบระหว่างคนหนึ่งคนรู้ข่าวแล้วส่งต่อให้เพื่อน 2 คน
และ 2 คนก็ส่งต่อให้เพื่อนๆ อีก 2 คน ไปเรื่อยๆ แบบนี้
รวมทั้งรับข่าวอื่นๆ ส่งกลับไปกลับมาแบบนี้
จะดีกว่าคนเป็นพันคนอ่านแล้ว ไม่คิดส่งต่อ
แบบแรกจะมีคนรู้ข่าวสารต่างๆ
ได้ดีกว่าและเยอะกว่าแบบหลังแน่นอน

และยามใด facebook โดนบล็อคได้สนิท
ก็สามารถจำลองรูปแบบ เครือข่ายแบบนี้ได้
เช่น ไปเปิด Webboard ฟรี หรือส่งข่าวสารด้านอื่นๆ
รวมไปถึงการจับกลุ่มคุยกันเหมือนสภากาแฟ
ภายในกลุ่มไม่ต้องเยอะ 2 คน 5 คน 10 คน
ถ้าเป็นลักษณะสื่อทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์
แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปจำกัดคนรับข่าว ยิ่งมากยิ่งดี
การจับกลุ่มกันเอง
อย่าให้มากเพราะจะมีสายเข้ามาปะปนได้ง่าย
คัดเฉพาะที่ไว้ใจได้จริงๆ ไม่กี่คน
รับส่งข่าวจากเว็บนั้นไปเว็บนี้
จนกลายเป็นรวงผึ้ง
แบบนี้จะมีเว็บเพิ่มเป็นพันเป็นหมื่น
ตามบล็อกไม่อยู่แน่ๆ

<<< เล่น facebook อันตรายกว่า เล่น Webboard หรือไม่ >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2010/11/blog-post_11.html

โดย มาหาอะไร
F
fF