จากประสบการณ์ส่วนตัว
ในการเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย
ตั้งแต่ 10 ธ.ค. 49 มาถึงปัจจุบันนี้ก็หลายปี
ได้ประสบพบกับตนเอง
และที่เห็นจากมวลชนที่มาร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย
พบว่าช่วงแรกๆ คนส่วนมากก็มาเรียกร้องให้ทักษิณกลับมา
หรือมาเพราะรักทักษิณเห็นทักษิณโดนรังแกไม่ได้รับความเป็นธรรม
อะไรทำนองนี้มีเยอะมากๆ แม้ปัจุบันก็ยังมีอยู่
ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธเหมือนกันว่าเป็นแบบนั้นเหมือนกันในช่วงแรกๆ
แถมคำว่าประชาธิปไตยที่กินได้
ก็ได้ยินจากทักษิณและมวลชนเสื้อแดงประจำ
นอกจากมวลชนกลุ่มคนรักทักษิณแล้ว
ยังมีสารพัดกลุ่ม NGOs ด้านต่างๆ
เช่นด้านแรงงานก็มาเข้าร่วมเรียกร้องด้วย
รวมไปถึงกลุ่มที่มีแนวคิดด้านการเมืองแบบต่างๆ ก็มาร่วมเรียกร้อง
พอเรียกร้องไปเรียกร้องมา
บางคนก็เริ่มพัฒนามาเน้นเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นหลัก
แทนการเรียกร้องตัวบุคคล หรือนโยบายพรรค
หนึ่งในนั้นก็มีผมด้วยซึ่งก็เริ่มเปลี่ยนแนวเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง
มาถึงวันนี้ผมคิดว่ามีมวลชนที่เน้นเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงเพียวๆ
มีอยู่จำนวนหนึ่งแต่คิดว่ายังไม่มากพอ
มวลชนส่วนใหญ่ ยังเป็นมวลชนที่เรียกร้องตามฝ่ายการเมืองผ่านทางแกนนำ
หมายความว่ายังไง ก็ง่ายๆ เลย อดีตถ้าหลายคนไม่ทันสังเกตุไม่เป็นไร
ดูอนาคตอันใกล้นี้ก็ได้ว่า ถ้ามีการเลือกตั้ง
แม้ประเทศยังไม่ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง
เดี๋ยวแกนนำก็หาเหตุผลมาขอยุติการเคลื่อนไหวของม็อบลง
เช่นเดียวกับที่เคยทำมาแล้วก่อนลงประชามติ รธน.50
แม้จะโดนโกงมากมายก็ยอมเพื่อให้ได้มีโอกาสเลือกตั้งเป็นรัฐบาล
ม็อบนปช. หยุดยาวจนกระทั่งรัฐบาลที่เลือกมา
โดนรังแกถูกเขาถีบตกเก้าอี้อีกครั้ง
ถึงได้ออกมาเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้ง
การเรียกร้องประชาธิปไตยถ้ายังไม่ได้ก็ไม่ควรหยุด
แต่ที่เห็นคือการอ้างว่าเรียกร้องประชาธิปไตย
แต่พร้อมหยุด เมื่อมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล
แม้เข้าไปทำงานไม่ได้ แก้รัฐธรรมนูญอะไรไม่ได้
เพราะโดนคัดค้านจากมวลชนผู้มีอำนาจ ก็หงอไม่กล้าลุยต่อ
ดังนั้นผมถึงกล้าพูดว่า การเรียกร้องประชาธิปไตย ในช่วงแรกๆ
มวลชนที่มาร่วมเรียกร้อง อาจไม่ใช่คนที่ต้องการประชาธิปไตยเพียวๆ
เพราะบางคนยังไม่รู้ว่าประชาธิปไตยคืออะไรเลย
นึกว่าทำตามแกนนำเท่านั้น ห้ามแย้ง แย้งแดงเทียม
เสื้อแดงถูกเท่านั้นพวกอื่นผิดหมด อะไรแนวๆ นี้
ดูยังไงก็ไม่ใช่นักประชาธิปไตย
แถมแนวทางการดำเนินการก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นประชาธิปไตย
ไม่ต้องอะไรการแต่งตั้งแกนนำแต่ละชุด
มวลชนไม่มีสิทธิ์ที่จะแย้งเลยและมุบมิบตั้งกันมา
คิดหรือว่าวันหนึ่งชนะแล้ว จะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงถ้าไปแนวทางนี้
และคิดหรือว่าจะมีสิทธิ์ออกเสียงแนะนำเลือกคนที่ต้องการได้เอง
ไม่ใช่การยัดเยียดผ่านกระบวนการแปลกๆ ชื่อแปลกๆ
มันจึงเป็นเรื่องธรรมชาติมากๆ เลย
ที่ช่วงแรกๆ ของคนที่มาร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย
จะไม่ใช่คนที่รักประชาธิปไตยหรือต้องการประชาธิปไตยจริงๆ อย่างเดียว
แต่เมื่อร่วมเรียกร้องกันไปเรื่อยๆ
และมีแนวทางที่จะเผยแพร่แนวคิดหลักการประชาธิปไตย
เข้าไปในช่วงการต่อสู้เรียกร้องอันยาวนาน
นั่นแหล่ะถึงมีโอกาสขยายมวลชนที่รักประชาธิปไตยขึ้นมาจริงๆ ได้มากขึ้น
จึงไม่ควรคิดกีดกันกลุ่มใดคนใดที่เขาอยากเข้ามาร่วมด้วย
ในช่วงต้นๆ ก็ทำใจไว้ว่าอาจเป็นกลุ่มเสียผลประโยชน์
เช่น ทนไม่ไหวกับการบริหารประเทศของรัฐบาลนี้ เลยมาเข้าร่วม
และถ้าทำม็อบดีๆ มีแนวทางเผยแพร่แนวคิดประชาธิปไตยดีๆ
เขามาร่วมบ่อยๆ เดี๋ยวก็อาจซึมซับเข้าไปในใจของเขาสักวันหนึ่ง
ที่สำคัญการรักความเป็นธรรม รักประชาธิปไตยอะไร
จะต้องไม่มีคำว่าพวกใครพวกมัน สีใครสีมัน
เพราะนั่นก็แสดงว่า
ไม่ได้ทำเพราะรักความเป็นธรรม รักประชาธิปไตยจริงๆ
แต่รักพรรค รักพวก รักสีเสื้อ รักข้างที่เชียร์ เท่านั้นเอง
บัวที่พ้นน้ำแล้ว ก็คือบัวที่เคยอยู่ในโคลนตมมาก่อน
คนที่ดูเหมือนฉลาดในวันนี้ ก็คือคนที่เคยโง่มาก่อน
คนที่ตาสว่างในวันนี้ ก็คือคนที่เคยลุ่มหลงมาก่อน
คนที่รักประชาธิปไตยในวันนี้ ก็คือคนที่ไม่เคยเห็นคุณค่าประชาธิปไตยมาก่อน
จึงควรให้โอกาสและเวลา กับคนที่ยังไม่หลุดพ้นในเรื่องใดๆ
โดย มาหาอะไร
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.